ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [AU] fanfic-LSK ::: Alice Syndrome

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4 พิงกี้

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 55


    บทที่ 4

     

     

    แดง

     

     

    สีแดงสดสาดเปรอะทั่วพื้น

     

    ในตอนแรกที่มันอุ่นกลับค่อยๆเย็นเฉียบราวกับจะสามารถบาดลึกลงยังหัวใจที่เป็นรูไปแล้วของเขาได้

     

    “......เซียส......  เกรเซียส”เสียงเรียกอันคุ้นเคยทำให้เขาพยายามเงยหน้ามอง แต่แรงกดบนไหล่ย้ำให้เขานอนลงไปบนอ้อมแขนของลอเลนตามเดิม

     

    “อย่าขยับนะ แผลลึกมาเลย  ...นายเรียกเขาต่อไป”คุณหมอจำเป็นสั่งการก่อนพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะยื้อชีวิตคนไข้เอาไว้ ทว่าความสิ้นหวังกลับประจักษ์แก่ใจ ด้วยว่าการโจมตีนั้นแสนจะเฉียบคมและแม่นยำ แค่การที่เกรเซียสยังประคองสติเรือนรางไว้ได้นี่ก็ปฏิหารณ์แล้ว  ทว่าด้วยนิสัยส่วนตัวของไอร์เมอร์ แม้จะน้อยนิดแค่ไหน แต่เขาไม่สามารถทอดทิ้งใครก็ตามที่อาจจะยังพอทัน ไปได้เลย

     

    เหล่าร่างสูงที่ยืนโด่เด่อย่างช่วยอะไรไม่ได้ใช้เวลาชั่วครู่หลังจากที่เจ้าของเรือนผมสีทองจะล้มลงไปอีก กว่าจะตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น  ลอเลนโผเข้ารับร่างของเกรเซียสแล้วจับให้นอนลง โดยมีไอร์เมอร์ ปราทเข้าไปดูอาการ แต่ที่น่าตกใจคือไม่มีคมมีดหรือลูกเหล็กติดอยู่ทว่ากลับเกิดรอยแผลราวกับถูกเฉือนทะลุห้องหัวใจ

     

    “พิงกี้!”ลอเลนคำรามเสียงต่ำอย่างโกรธเคือง เขาจับจ้องไปยังความว่างเปล่าก่อนจะเกิดการม้วนตัวของอากาศธาตุ เกิดเป็นร่างของเด้กผู้หญิงผมแกะสีทองประดับประดาไปด้วยโบเล็กๆสีดำและอันใหญ่ที่ประดับกิ๊บหัวใจสีชมพูตรงกลางคนหนึ่งในชุดฟูฟ่องสีชมพูตัดขอบด้วยลุกไม้สีดำ ในมือถืออมยิ้มขนาดใหญ่พอๆกับใบหน้า เธอคลี่ยิ้มก่อนใช้ดวงตาที่มีแววตาแปลกประหลาดสีฟ้าไล่มองผลงานที่ก่อขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

     

    “ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า”เด็กสาวก้มลงไปเลียอมยิ้มทีหนึ่งแล้วจึงเงยขึ้นมาตอบ

     

    “ก็แค่อยากเช็คดูว่า เริ่มรึยัง”

     

    “เริ่ม?”ลอเลนทวนคำอย่างสงสัย ทว่าไม่คลายท่าทางหวาดระแวงอีกฝ่ายลง

     

    “อะไรเริ่ม.....”แลนท์เอ่ยเสียงราบเรียบ กับความไม่ชอบมาพากลและการปรากฏตัวของ พิงกี้’ เขาล้วงลงไปแตะกระบอกปืนที่เหลืออยู่เพียงสองนัดเท่านั้นอย่างเคยชิน    เด็กสาวไม่เพียงไม่ตอบ แต่ยังส่งสายตาและรอยยิ้มดูแคลนกลับมาอีกด้วย เธอยกนิ้วขึ้นโบกไปมาเล็กน้อย ก่อนที่จะทำหน้าดีใจราวกับได้รับของเล่นใหม่

     

    “มาแล้ว”

     

    “อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”สิ้นคำนั้นเอง ร่างของเกรเซียสกระตุกอย่างแรง ก่อนเจ้าตัวจะเบิกตากว้าง กรีดเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหลือคณาออกมา แสงสีขาวค่อยๆเรือนรองขึ้นรอบตัวของร่างเล็ก อาบไล้ไปตามไรผมและใบหน้า จนกระทั้งห่อหุ้มให้ร่างบางราวกับเปร่งประกายแสงสว่างออกมา

     

    ตึง

     

    อยู่ๆทุกอย่างก็แน่นิ่งไปในอ้อมแขนของลอเลน ก่อนที่ใครจะตั้งตัวได้ทัน เกรเซียสก็กระอักเลือดกองใหญ่ พร้อมทั้งหอบหายใจตัวโยนอย่างรุนแรง

     

    มือแกร่งลูบแผ่นหลังเพื่อปลอบฉับพลัน ขณะที่ไอร์เมอร์รีบสาละวัลกับการเยียวยาบาดแผลบนอกซ้ายอีกฝ่าย แต่มือนั้นก็ชะงัก แล้วเหลือบมองเกรเซียสอย่างตกตะลึง

     

    “นี่มัน.......ยังกับว่าไม่เคยบาดเจ็บมาก่อนเลย” ได้ยินดังนั้นก็อดเหลือบมองแผ่นอกเรียบเนียนที่คละคลุ้งได้ด้วยคราบของเหลวสีแดงไม่ได้

     

    “ครีอุสนาย....”เผลอแตะยังจุดที่ได้พรากชีวิตของอีกฝ่ายไปครั้งหนึ่งไม่ได้ ก่อนจะตวัดดวงตาที่ประทุด้วยโทสะมองยังต้นเรื่องที่ยิ้มกว้างกว่าเดิมหลายเท่า

     

    “การทำสัญญาสัมฤทธิ์ผล”พิงกี้ เว้น

     

    “เกรเซียส ครีอุส ได้รับอสูร แมวเชอร์เชีย

     

    ลอเลน ฮาเดส ได้รับอสูร ไพ่ทหาร

     

    ไอร์เมอร์ เคเรส ได้รับอสูร ฮัมป์ตี้

     

    จอร์โก ไทรอน ได้รับอสูร ดัมป์ตี้

     

    ไวเออร์ อาเทมิสต์ ได้รับอสูร ดัชเชส

     

    ไอเวส อาร์เมล ได้รับอสูร  กิ้งก่าดำ

     

    ลูก้า เอกอน ได้รับอสูร กระต่ายมีนา

     

    แลนท์ เทอร์มิส ได้รับอสูร ราชินีแดง

     

    ชาร์ค เฮฟเฟตัส ได้รับอสูร นกโดโด้

     

    อิชลาน ไอซอท ได้รับอสูร บ้าคลั่งหมวก

     

    เดมอส เนเฟล ได้รับอสูร หนูนิทรา

     

    ซีโอ เทมเพส ได้รับอสูร กระต่ายนาฬิกา

     

    ได้รับการแจ้งเตือนเรียบร้อย”

     

    เด็กสาวไล่เรียงชื่อของชายหนุ่มทั้ง 12 ทีละคนจากซ้ายไปขวาอย่างถูกต้อง ไม่มีมีความลังเลในน้ำเสียง หรือ การหยุดชะงักเพื่อคิด แต่กลับเอ่ยอย่างลื่นไหลจากคนแรกยันคนสุดท้าย นั้นทำให้สัญชาตญาณของแต่ละคนเริ่มทำงาน แววอันตรายที่แผ่ออกมาจากเด็กตัวจิ๋วนี้ เรียกสีหน้าแปลกประหลาดของแต่ละคนออกมาได้ชั่วครู่ก่อนจะมลายหายไปก่อนที่ใครอื่นจะจับได้ทัน

     

    “ข้าชื่อ พิงกี้ เป็นผู้ควบคุมเกม หรือ GM นั้นแหละ หน้าที่ก็คือ [ ฆ่าฟัน ] พวกเจ้า”ดวงตาฟ้าส่องประกายน่าขนหัวลุกเล็กน้อยก่อนจะว่าต่อ

     

    “แต่วันนี้เป็นกรณีพิเศษ เพราะเพิ่งจะเริ่มเกม เลยมาอธิบายให้พวกเจ้าเข้าใจซะก่อน”เธอหัวเราะคิกคักพรางชูมือข้างหนึ่ง หมอกควันสีชมพูที่ลอยคละคลุ้งในอากาศอยู่เดิมรวมตัวกันเป็นผืนสี่เหลี่ยมแผ่นบางสี่ผืน เหนือหัวพิงกี้ มันปรากฏภาพซากปรักหักพัง และทางน้ำเชี่ยวกรากราวกับทีวีที่กำลังเล่นหนังอยู่

     

    “แผ่นดินไหวถล่มทลายในห้างนี้ นั้นเป็นฝีมือของพวกข้าเอง เพื่อคัดเลือกคนที่สามารถเข้าร่วมเกมได้”เงาไหวๆของสิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นที่หน้าจอริมซ้ายสุด คน 12 คนที่แสนคุ้นตาในห้องที่มีแต่ลังไม้และเจิ่งนองด้วยหยาดน้ำ

     

    “จะใช้วิธียังไงก็ได้ แต่ขอแค่สามารถรวมกันได้ 12 คนก็พอ ประตูก็จะปรากฏขึ้นแบบที่พวกเจ้าเจอไง”ภาพฉายซ้ำของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ลูก้าวิ่งชนประตูปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีเสียงหัวเราะเล็กๆของความขบขัน มีเพียงแต่สายตาไม่เป็นมิตรจดจ้องสลับไปมาระหว่างเด็กสาวกับจอภาพ พิงกี้ไม่ได้ระคายเคืองกับของเหล่านั้นเลย อันที่จริงเธอดูชอบใจซะอีก ยิ้มที่แย้มออกจึงน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

     

    “เมื่อตอบรับกับประตูนั้นแล้ว ก็จะถือว่าได้ทำสัญญากับอสูร 12 ตัว  ข้าบอกไว้ก่อนว่าพวกเจ้าจะได้รับพลังของอสูรพวกนั้นจำนวนมหาศาล”เธอจิ๊ปากมองเกรเซียส ไม่สิ มองแผลที่เคยเกือบคร่าชีวิตเขาไปครั้งหนึ่งมากกว่า

     

    “อย่างเช่น  แมวเก้าชีวิต........” ไม่สิ ตอนนี้มันคงเหลือแค่  8 แต่พิงกี้ไม่คิดจะแก้มัน

     

    “แต่มันก็มีข้อแลกเปลี่ยนอยู่ละนะ แต่ละคนก็ต่างกันไป ไม่ได้เลวร้ายมากหรอก น่าสนุกด้วยซ้ำ ฮะๆๆ”เด็กสาวหัวเราะด้วยเสียงสดใสเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่ให้ความรู้สึกแย่กว่าการเผชิญวิกฤตก่อนหน้านี้มาแล้วลิบลับ  ใช่ว่าแต่ละคนจะไม่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แล่นอยู่ภายในตนเอง บ้างก็เกิดอาการปวดหนึบๆข้างกระหม่อม บ้างร้องตะโกนแบบไร้เสียงภายในใจ

     

    ราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือดซึ่งสิงสู่อยู่ในกรงเหล็ก

     

    รอคอยวันคืนที่จะได้กระโจนตัวออกมาร่ายรำอย่างอิสระ

     

     

    “นี่เธอ”เสียงของลอเลนเว้นช่วง

     

    “ทำอะไรของพวกฉัน........พิงกี้”ปรากฏเป็นร่างเงาของศาตราเหล็กกล้าจ่อล้อมรอบคอของผู้ถูกเรียก มันกรีดเลือดสีแดงสดออกมาเป็นเชิงคู่ แต่ปฏิกิริยาของร่างเล็กกลับต่างจากที่คาดไว้โดยสิ้นเชิง พิงกี้กลับตบมือหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ นัยน์ตาแววระยิบระยับอย่างสนุกสนานปราสจากความหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น

     

    “ไม่ต้องสอนก็ใช้เป็นเลยเหรอเนี่ย ฮาเดส เจ้านี่อัจฉริยะจริงๆนะ”ลอเลนชะงักเมื่อถูกเรียกว่า ฮาเดส วินาทีนั้นเองพิงกี้เบิกตากรีดรอยยิ้มสยดสยอง เธอสลายตัวเป็นหมอกควันผ่านคมดาบแล้วรวมตัวกันใหม่พร้อมๆกับพุ่งผ่านร่างของลูก้าไป สีฟ้าที่ไร้แววจดจ้องยังบุรุษผู้ดำสามประการ ก่อนยกอมยิ้มในมือขึ้น

     

    “แต่ทหารไพ่ทุกรุ่นก็เป็นแบบนี้นี่แหละ แต่จุดอ่อนนะ!”ตุ๊กตาหมีขนาดสองฟุ๊ตสามตัวโอบล้อมรอบตัวของแลนท์ มันซัดแขนปุกปุยเข้าใส่ท้องน้อยของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว  มีดพกขนาดเล็กไม่สามารถกันการโจมตีนี้ได้ แต่ชายหนุ่มก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

     

    เพราะร่างที่สูงพอๆกันของเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนขวางกั้นอยู่ ในมือของลอเลนถือดาบยาวสีแดงสด ตีประดับประดาด้วยลวดลายของดอกกุหลาบและหัวใจ ทั้งยังมีตารางหมากรุกสลับดำแดงบนด้ามจับ ขวางกั้นการโจมตีทั้งหมดไว้

     

    “นาย!”แลนท์ตกตะลึงเมื่อ ลอเลนเพียงสะบัดดาบนั้นไปข้างหน้า ตุ๊กตาสังหารเหล่านั้นกลับแตกสลายราวกับกระจกที่ถูกทุบด้วยมือที่มองไม่เห็น ก่อนจะปลิดปลิวกลับไปเป็นหมอกควันดังเดิม

     

    “จะกี่ครั้งๆ ราชินี เป็นจุดอ่อนของทหารไพ่เสมอๆเลยละนะ”พิงกี้หัวเราะคิกคัก

     

    “มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่เจ้าจะปกป้องเขาก่อนที่จะปกป้องตัวเองด้วยซ้ำ ลอเลน เพราะมันเป็นสัญชาตญาณของอสูรที่สถิตอยู่ในตัวเจ้า”เธอยิ้มกว้างกว่าเก่าเพราะรู้อยู่แล้วว่าปกติลอเลนเป็นคนเช่นไร ประโยคต่อไปของเธอจึงได้เรียกสีหน้าตื่นตกใจให้กับเขาดังคาดคิด

     

    “ใช่แล้ว ก่อนที่เจ้าจะ ปกป้อง [ คนสำคัญ ] ของเจ้าด้วยซ้ำ”ไม่เฉพาะลอเลนที่เบิกตากว้างเท่านั้น เกรเซียสเองก็เหมือนกัน เขาปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่ายในใจ ด้วยรู้ดี

     

    ถึงคำสัญญาที่ลอเลนรักษาเป็นอย่างดีตลอดมา

     

    “เกมนะน๊ะ ในทุก 25 ชม.ก็แค่ต้องทำตามเงื่อนไขๆหนึ่งเท่านั้นเอง”พิงกี้เริ่มพูดเร็วขึ้น เธอยกมือขึ้นนับแล้วสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่

     

    “พวกข้าจะส่งข้อความและแผนที่กำหนดสถานที่ไปให้ รวมตัวให้ทันภายในเวลาที่กำหนด แล้วปฏิบัติภาระกิจซะ มีเวลาอย่างละชม. ตามปกติ นอกจากภาระกิจที่ยากเป็นพิเศษ ก็มีเวลามากหน่อยอีกเรื่องหนึ่ง”ลูก้ากับไอร์เมอร์กระพริบตาปริบๆเพื่อประมวลผลก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

     

    “ภาระกิจที่ว่า......เช่นอะไรละ”ไวเออร์กอดอกเชิดหน้ามองเด็กสาว เขารู้สึกไม่ถูกชะตาอีกฝ่ายหรือว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ทราบ แต่ปลายหางตาที่กดจ้องมองอีกฝ่ายแลดูน่ากลัวจนต้องเผลอกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ

     

    “ไม่ยากเกินกว่าที่พวกเจ้าจะทำไม่ได้หรอกน่า”พิงกี้หัวเราะทั้งรอยยิ้ม

     

    “แล้วถ้าหากว่าพวกข้าทำไม่ได้ หรือ ปฏิเสธ ที่จะทำละ”เสียงเรียบๆของเเลนท์ทำให้อุณหภูมิในห้องตกต่ำลง ชั่วขณะหนึ่งมีภาพแทรกซ้อนเกิดขึ้นในสมองของผู้คนรอบข้าง เหมือนกระแสไฟฟ้าที่สะบั้นออกจากดวงตาสีนิลคู่งามปะทะกับกระแสไฟแบบเดียวกันจากดวงตากลมโตสีฟ้าไร้แวว

     

    “ไม่มีทางปฏิเสธหรอก พวกเจ้าดูนี่สิ”แต่เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันแล้วชูขวดแก้วสีใสซึ่งมีของเหลวสีชมพูบรรจุอยู่ ตอนแรกเกรเซียสคิดว่ามันกระเพรื่อมเพราะพิงกี้เขย่ามันอย่างแรงตอนยกขึ้นมา แต่ทว่า กลับไม่ใช่ สิ่งนั้นเคลื่อนไหวไปมา แม้ไม่เป็นรูปร่าง แต่ก็ราวกับมีชีวิต ราวกับว่าเป็นหนอนแมลงตัวใสที่พยายามหาทางออกให้เจอ

     

    “เจ้านี่นะ คือสิ่งที่อยู่ในตัวพวกเจ้าตอนนี้ยังไงละ”แลนท์ฉุกคิดถึงความร้อนวาบที่ข้อมือไม่ได้ แล้วก็อดรู้สึกขยะแขยงจนมวลท้อง

     

    “มันเป็นสารพิษชนิดหนึ่งซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ละ”พิงกี้ดูจะชื่นชอบสีหน้าพะอืดพะอมของแต่ละคน อันที่จริงยิ่งพูดเธอก็ดูมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ

     

    “เข้าใจสินะ ถ้าเกิดว่า ทำตามเงื่อนไขเกมไม่ทันละก็ ด้วยพลังของพวกข้า สารพิษนี้จะทำงานทันทีเลยละ”เมื่อบังเอิญสบดวงตาสีฟ้าสดใสที่จ้องมาอย่างเอาเรื่อง นางจึงเค้นเสียงหัวเราะแหลมเล็กแล้วเบิกตากว้างมองกลับไป

     

    “อยากลองเหรอ เจ้าแมว 9 ชีวิต คิกๆ”ลอเลนใช้แขนข้างหนึ่งดันเกรเซียสให้หลบด้านหลังเขา ถึงจะรู้ว่าหากอีกฝ่ายเอาจริงมันคงไม่สามารถกันอะไรได้ แต่เขาอยากทำแบบนั้น เพราะมันช่วยให้รู้สึกอันตรายน้อยลงอย่างน้อยก็นิดนึง

     

    “มีอีกเรื่อง”พิงกี้เหมือนจะคิดขึ้นมาได้ เธอจึงกลับไปยืนในท่าทางสำรวมอีกครั้ง เด็กสาวเลียลูกอมขณะเรียบเรียงคำในสมองแล้วจึงเอ่ย

     

    “ในหมู่พวกเจ้า จะมีหนึ่งคน ที่ได้รับอสูรตนที่สอง”เธอเว้น

     

    “แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก ไม่มีใครรู้ว่าอสูรตนนั้น จะมาสถิตเมื่อไหร่ หรือ สถิตที่ใคร แต่บอกได้คำเดียวว่า แม้แต่คนที่ตายไปแล้วมันก็ไม่เว้น เพราะงั้นเป็นไปได้ ก็พยายามอย่าให้เพื่อนในกลุ่มตายก็แล้วกัน”ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เหมือนกับพิงกี้ไม่ได้ใส่ใจตามความหมายของมันเลย  

     

    “แล้วจะรู้ได้ยังไงละ ว่าอสูรมาสถิตรึยัง?”ไอร์เมอร์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม พิงกี้คลี่ยิ้ม แต่ยังไม่ทันตอบเสียงในหัวเสียหนึ่งก็ดังขึ้น

     

     “ชื่อของอสูรนั้น คือ  อลิส”มันเป็นเสียงของชายหนุ่มที่อ่อนโยนและใสราวระฆังแก้วที่กังวารในความว่างเปล่า ไพเราะจับใจจนเผลอตกเข้าไปในห้วงความคิดของตนเอง

     

    ปกป้องอลิส’เสียงหนึ่งดังขึ้น

     

    ‘จงปกป้องอลิสอีกเสียงขานรับ

     

    จงสละทุกอย่างเพื่ออลิส

     

    จะเสียใครก็ได้แต่จงปกป้องอลิส’ และตามมาด้วยอีกหลายๆเสียง ที่กู่ร้องขึ้นมาภายในใจ พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่เอ่อล้นมาจากกระแสเหล่านั้น ทว่าไม่ใช่ทั้งหมด มีบางสิ่งบางอย่างที่แทรกซึมเข้ามาอย่างน่าแปลกด้วยเช่นกัน

     

    “อลิส เป็นตัวตัดสินที่สำคัญที่สุดในเกมนี้ เพราะถ้าอลิสตายเมื่อไหร่

    พวกข้าจะฆ่าพวกเจ้าทิ้งซะ”เด็กสาวเอ่ยเสียงราบเรียบทิ้งท้าย เธอปล่อยให้พวกเกรเซียสค่อยๆหลุดจากพวังกันทีละคน ก่อนที่จะเรียกรวมประกายสดใสนานาสีสันขึ้นมาบนมือ แล้วปล่อยให้มันลอยไปฝังตัวบนมือถือของชายหนุ่มทุกคน ประกายนั้นผ่านหน้าจอกระจกแล้วแตกกระจายบนผืนสี่เหลี่ยมนั้น ทันใดก็เกิดการหมุนวนของสีฟ้าและดำ ก่อนตัวเลขนับถอยหลังที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างดงามจะเด่นสง่าตรงหน้า ในคราเเรกคือ 60.00 จากนั้นจึงค่อยๆลดลง เป็น ห้าสิบเก้าจุดห้าเก้า และ จุดห้าแปดตามลำดับ

     

    “เอาละ! หน้าที่ของข้าจบแล้ว เอาละ มาเล่นเกมกันสักที ข้าจะนับถึง 20 อยากจะหนี หรือ สู้ก็แล้วแต่ละนะ แต่ข้านะ พูดจนปากเปียกปากเเฉะแล้ว อยากออกแรงบ้าง ดีเลยๆ เอาละนะ”ไม่ว่าเปล่า นาฬิกาอนาล็อคสีชมพูขลิบดำแต่งด้วยโบและลูกไม้ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นข้างกายพิงกี้ มันใหญ่ขนาดที่จับเขวี้ยงใส่ ชายหนุ่มคงหักออกเป็นสองท่อนได้ง่ายๆ 

     

    แลนท์ตั้งท่าเตรียมโจมตี ทว่าแขนของเขาถูกเกรเซียสดึงอย่างแรงทำให้เกือบสะดุด พอส่งสายตาดุๆมาให้อีกฝ่ายก็ตะโกนใส่หน้าเขาเสียงดัง

     

    “หนี!

     

    “เชื่อเถอะ สภาพนี้ พวกเราสู้เธอไม่ได้หรอกน่า เร็วเข้า!”ราวกับว่ามันไม่หนักแน่นพอ ลอเลนจึงสะกิดคนอื่นๆแล้วช่วยสมทบอีกแรง  ใครต่อใครต่างดูออกว่าร่างสูงเจ้าของเรือนผมน้ำตาลดูมีแววของพวกยอมสู้จนตัวตายฉายชัดอยู่ในดวงตา ทว่าเขากลับยอมทำตามเจ้าคนตัวเล็กกว่าโดยดี ราวกับว่ารู้ถึงสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีกว่าใครๆ

     

    “งั้นทางนี้”ซีโอว่าขึ้นก่อนวิ่งนำ เขาไม่เข้าใจนักว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกอยากกระโจนไปยังประตูบานนั้น ถึงขนาดต้องทำให้ได้ แต่รับรู้เพียงว่ามีฝีเท้าหนักๆไล่ตามมาอย่างหนักหน่วง ทิ้งลานโล่งเล็กๆให้เหลือแต่เสียงแจ้วๆของพิงกี้ที่นับถอยหลังอย่างมีความสุข ตุ๊กตาหมีขนาดใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นและแบกเธอให้นั่งบนบ่ากว้าง

     

    หลังประตูบานสวยนั้นมีบันไดเหล็กค่อนข้างชันซ่อนอยู่ มันพอให้วิ่งคู่ไปได้แค่ทีละสองคน โลหะส่งสียงเอี๊ยดอ๊าทดังระนาวคู่ไปกับฝีเท้าที่ฉับไวมากขึ้นเรื่อยๆ

     

    “หมดเวลา”

     

    ตูม!

     

    เสียงใสหวานอันชั่วร้ายของพิงกี้ดังขึ้นจากในหัวของพวกเขา ตามด้วยความร้อนของแรงระเบิดจากด้านบน ทุกคนหยุดชะงักคว้าราวกั้นเอาไว้ให้แน่นที่สุด ตัวบันไดสั่นโคลงเคลงขณะที่มีเศษเหล็กและประกายไฟเล็กร่วงกระจัดกระจายบนพืนที่โล่งข้างๆ

     

    “ชาร์ค!!”อิชลานใจหายวาบ เขาร้องเสียงหลงสลัดใบหน้านิ่งเฉยนั้นทิ้งไปทันที ภาพของเพื่อนตั้งแต่เด็กที่เสียหลักหงายหลังไปนั้น แทบกระชากความรู้สึกที่มีในตัวทิ้งไปนหมด แม้แต่เลือดเย็นเฉียบก็ไม่อยู่ในโสตประสาทอีกต่อไป

     

    “แกว็ก!”

     

    “ว้ากกกกกกกกกกกกก! 

     

    เสียงร้องของสัตว์ปีกดังขึ้น ก่อนร่างของชาร์คที่ชะโงกมองจากมุมสูงกว่าจะค่อยๆลู่ลมร่อนไปอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มสีไอส์บลูไม่มัวแต่นิ่งอึ้ง เขากระโจนตัวไล่ตามอีกฝ่ายที่ยังไปได้ไม่ไกล แล้วก็พบว่าสาเหตุทั้งมวล มาจากนกตัวใหญ่ขาเดียวที่อีกฝ่ายจับอยู่ มันพองตัวเป็นรูปร่ม  ตีปีกเล็กๆส่งเสียงพับๆแต่ทำหน้าเหมือนจะขาดใจเพราะหมดแรงในไม่ช้า

     

    แน่ละ ชาร์ค ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็กๆซะหน่อย ปีกยังกับแผงคอกิ้งก่าแบบนั้น จะไปทำอะไรได้

     

    “ชาร์ค”อิชลานร้องเรียก แต่เพราะแรงหมุนของลมทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ยิน อีกฝ่ายจึงเรียกซ้ำอีกครั้ง

     

    “ชาร์ค!”ชายหนุ่มสีไอส์บลูสุดจะร้อนรน ห่าฝนลูกกวาดขนาดใหญ่เทอย่างบ้าคลั่งสาดกระเซ็นไปทั่ว เขาโดนอมยิ้มรูปหน้าคนสีเหลืองฟาดหัวอยู่สองที จึงหมดความอดกลั้น เขายกขาข้างหนึ่งเหยียบราวกั้น แล้วตะโกนลั่น

     

    “เฮฟเฟตัส! มาทางนี้!!”อีกฝ่ายสะดุ้งตัวโยนด้วยไม่คิดว่าจะถูกเรียกด้วยชื่อนั้น เขาถีบอากาศว่างเปล่าเพื่อให้เข้าใกล้ ไอซอท เป็นจังหวะเดียวกับที่จอร์โกวิ่งลงมาเป็นคนแรก แล้วช่วยดึงอีกฝ่ายขึ้นมายืนบนยกพื้นไม่เล็กไม่ใหญ่นั้น

     

    ชาร์คหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วกล่าวขอบคุณผู้ที่ช่วยเหลือเขาไว้ เจ้านกสีแดงสดจิกหัวเขาสองสามทีก่อนจะกระโดดหายไปในความว่างเปล่า แม้จะไม่แน่ใจมากนักว่า เขาเรียกออกมาได้เช่นไร แต่นั้นชายหนุ่มยืนยันกับตัวเองว่านั้นละ อสูรของเขา

     

    “เกือบไปแล้วนะ”เกรเซียสคลี่ยิ้มอ่อนบางให้อิชลานและชาร์ค ในปากเคี้ยวลูกอมตุ้ยๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้มาจากไหน ดูง่ายๆจากสีหน้าอ่อนใจปนระอาของลอเลน

     

    นี่ไม่กลัวมีพิษเลยสินะ

     

    ตูม!

    “อะไรอีก!!

    เกรเซียสกอดรอบเอวลอเลนไว้แน่นจนอีกฝ่ายหัวโขกกับซีโอ แรงสั่นสะเทือนเขย่าอย่างรุนแรงเกิดขึ้นพร้อมกับ ทางเดินเหล็กต่อกันที่ทอดตัวยาวไปเบื้องล่าง บัดนี้เหลือเพียงที่โล่งๆไร้การรองรับ  

    เสียงหัวเราะแบบเด็กๆที่หลายคนเริ่มเกลียดจับใจค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆบีบคั้นให้เหงื่อเม็ดใสผุดพรายบนใบหน้าแต่ละคน

     

    ไม่มีทางเลยที่จะหนีทันด้วยฝีเท้าธรรมดาๆนี้

     

    “เวร!!” ลูก้าสบถแล้วเอาหัวโขกเสา แลนท์สบสายตากับเกรเซียส ใจความที่ส่งทอดนั้นคือให้สู้ ซึ่งลอเลนเองก็เหมือนจะเห็นด้วยกลายๆ เกรเซียสใจเต้นระรัว เขามั่นใจว่าสถานการณ์แบบนี้พวกตัวเองเสียเปรียบเต็มประตู ไม่ต้องพูดถึงโอกาสชนะเลย แค่เสมอก็ดีถมถืดไปแล้ว

     

    แม้เขากับลอเลนอาจจะไม่ตายก็ตาม แต่ในตอนนี้ชีวิตใช่จะเป็นของพวกเขาคนเดียวที่ไหน ชายหนุ่มชะโงกหน้ามองยังสิ้นสุด คำนวณคร่าวๆคงประมาณแค่เมตรครึ่งถึงสองเมตร แล้วความคิดหนึ่งที่เขาไม่คิดว่าจะคิดขึ้นมาได้ก็เกิดขึ้น เจ้าตัวหัวทองสะบัดหน้าปฏิเสธการตัดสินใจของร่างสูงสองคนทันที เขากระซิบบางอย่างกับลอเลน ทันใดนั้นเล็บเเหลมคมขนาดใหญ่ที่ยาวเกือบเมตรก็เข้าแทนที่เล็บสวยๆที่ได้รับการดูแลอย่างดีของเกรเซียส เขาเอาขาสองข้างยันล็อคตัวไว้กับราวเหล็ก

     

    “จับราวไว้!”

     

    ฉัวะ

     

    “เฮ้ย!”

     

    “ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!

     

    สิ้นคำทั้งลอเลนและเกรเซียสต่างก็ใช้ของมีคมของตนตวัดเหล็กสี่สายที่ยึดแท่นยืนไว้กับตัวบันไดด้านบนให้ขาดออกจากกัน เพื่อนร่วมชะตากรรมแต่ละคน ไม่ทันแม้แต่หายใจ ต่างก็คว้าสิ่งที่คว้าไว้ได้ให้รวดเร็วที่สุด ไอร์เมอร์ดูเหมือนจะเป็นคนที่แย่ที่สุด เขาตัวลอยจากพื้นและกำเส้นผมของซีโอจนอีกฝ่ายน้ำตาเล็ด  ลูก้าเอามีดสองเล่มปักพื้นขณะโดนอาเทมิสต์กอดขาข้างหนึ่งไว้ จอร์โกดีกว่าใครเพื่อนเขาจับราวเดียวกันกับเทอร์มิสได้ทัน และช่วยจับร่างที่ขาหลุดจากพื้นของเดมอสไว้ด้วย

     

    “ลอเลน! ตอนนี้ละ!!

     

    “รับทราบ!

     

    เสียงเหล็กกล้าครูทกับผนังเป็นทางยาวกับแรงลมที่ค่อยๆผ่อนลง ทำให้คนอื่นสูดหายใจเข้าลึก เท้าของแต่ละคนสั่นราวกับกำลังยืนอยู่บนเกลียวคลื่นวันที่มีพายุคลั่ง หัวกระดกจนแทบหลุดจากบ่า ขณะที่สองหนุ่มตาสีฟ้าใช้เล็บและดาบคู่ปักษ์ชะลอแรงกระแทกสุดกำลัง

     

    “ข้าช่วย!”แลนท์โอบรอบตัวเกรเซียสที่เหมือนจะไม่ไหว ทาบมือของตนบนมือของอีกฝ่ายแล้วออกแรงยันตัวให้มั่นคงยิ่งขึ้น เขาถูกเส้นผมสีทองบดบังทัศนีย์ภาพรอบด้าน ทำให้การกระทำนี้ยิ่งยากลำบากมากขึ้น

    แต่ในที่สุดก็เกิดเป็นแรงกระแทกที่ไม่ทำอันตรายต่อใครใน 12 คน

     

    ค่อยๆผ่อนร่างกายที่เกร็งด้วยความตกใจลงแต่เสียงหวีดหวิวกรีดแหวกอากาศทำเอาแต่ละคนหน้าซีดเตรียมขยับหลบ

     

    “ก้มหัว”จอร์โกตะโกน ความรู้สึกบางอย่างชักนำร่างกายให้ยืนตรง ชูมือสองข้างขึ้นเหนือหัว ราวกับใครสักคนได้รวบรวมไอพลังไว้ที่มือของเขาแล้วตะโกนผ่านปากของเขา

     

    “โล่ปราการ!”ลวดลายวิจิตรแต่โปร่งแสงคลอบคลุม ทุกคนได้ทันก่อนจะเกิดเสียงจากการปะทะอันรุนแรงสั่นสะเทือน มือที่ยกอยู่สั่นระริกด้วยน้ำหนักที่กดทับลงมา แต่เขากัดฟัน รีดเค้นพลังกายมากที่สุดในชีวิตออกมา

     

    “พยายามเข้า!” ซีโอช่วยดันแผ่นหลังที่เหมือนจะร่นถอยไปข้างหลัง เมื่อมีที่พึ่งพาบ้าง เขาก็เหมือนจะสามารถควบคุมแล้วดัน โล่ปราการ ให้อีกฝ่ายร้นถอยกลับไปได้บ้าง

     

    เคร้ง

     

    ปัก

     

    เหล็กด้ามยาวปักเข้ากลางลำตัวของตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่นั้น ไม่ใช่เพียงหนึ่ง แต่มากถึงสามอัน ก่อให้เกิดภาพบิดเบี้ยวกลางลำตัวก่อนทั้งหมดจะถูกดูดหายไปในความว่างเปล่า เหลือเพียงอาวุธสังหารของเล่นที่ใหญ่ผิดปกติ ร่วงลงบนพื้นเท่านั้น

     

    “คุณหมอสุดยอด......”พอโล่งอกเเล้วถึงได้เห็นนี่เองว่า ไอร์เมอร์ ที่แสนจะบอบบางเป็นคนขว้างเหล้กเส้นนั้นสุดแรง แต่จะเรียกว่าขว้างได้รึเปล่าก็ไม่รู้เพราะเท่าที่พวกเขาเห็น มันเหมือนกับเจ้าตัวเพิ่งจะปล่อยคันธนูที่มองไม่เห็นลงมากกว่า

     

    “ถ้านี่เป็นพลังของนาย ถ้าโกรธใครละก็ มัดมือไว้เลยนะ”ไวเออร์กล่าวด้วยเสียงหวาดๆ

     

    “ฉันไม่ทำคนอื่นหรอกน่า”เจ้าของเรือนผมสีขาวก้มหน้ามองพื้น เหมือนจะเขินอายนิดๆจากการถูกจับจ้องจากคนจำนวนมาก ตอนนั้นเองที่เสียงโอดครวญของลูก้าดังขึ้นมา

     

    “สะ สะ ไส้ฉัน.....ยังอยู่ดีสินะ.....”ชายหนุ่มกุมท้องตัวเองพรางทำหน้าพะอืดพะอม  เพราะเขาแนบอยู่กับพื้นตลอดเลยได้รับแรงกระเทือนโดยตรงที่ท้องลามไปถึงอวัยวะภายในทั้งหมด เหมือนกับว่าโดยจับเขย่าเครื่องในแรงๆพร้อมกันนั้นแหละเขาเลยนอนแผ่อยู่แบบนั้นอยู่นาน

     

    “อิชลาน ขะ แขนนาย”ชาร์คที่กอดเอวอีกฝ่ายไม่ปล่อยตั้งแต่เมื่อกี้สังเกตุเห็นรอยฉีกขาดของแขนเสื้อเป็นทางยาว ทว่าโชคดีที่ไม่มีสีข้นของเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ จะมีก็แค่รอยแดงเท่านั้น

     

    “ไม่เป็นไร แค่นี้ไม่เป็นไร....”เสียงนั้นอ่อนแรง แต่มือที่ลูบหัวเขาเบาๆก็ยืนยันตามความหมายของมัน

     

    “เดมอส”จอร์โกที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งค้างอยู่นานสะกิดเรียกอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่ตอบสนอง

     

    “เฮ! เดมอส”เห็นดังนั้นซีโอเลยเข้ามาช่วยเขย่า ทั้งสองเริ่มส่งเสียงโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเพื่อนของตนยังนิ่งอยู่เหมือนเดิม

     

    หรือว่าตกลงมากระเทือนคอหักตายทั้งยืนไปแล้ว......?

     

    “หือ”เจ้าของดวงตาสีม่วงอ่อนหรอกตาอย่างเชื่องช้า มีประกายรู้สึกตัววูบหนึ่งแล่นเข้ามา แต่มันก็เบาบางเหลือเกิน ซีโอรู้สึกตะหงิดๆ เขาโบกมือโบกไม้  ทำหน้าตลกใส่เดมอส ทว่าอีกฝ่ายก็นิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยายิ่งกว่าที่ผ่านมา

     

    “นาย.......หลับนัยเหรอ........” เดมิสพยักหน้าเบาๆ ไม่รู้ว่าเขาได้ยินสิ่งที่ซีโอพูดมั้ย แต่คนพูดนะช็อคไปแล้ว พอไม่มีเสียงรบกวนการนอนเดมอสก็เอนตัวไปเกาะไหล่กว้างของไทรอน.......

     

    แล้วหลับทั้งลืมตาในสภาพนั้นเลย

     

    “เฮ้ย!! เดมอส!!!”

     

    “……ฉันดีใจที่ฉันไม่ได้หนูนิทราเป็นอสูร…….”ใครคนหนึ่งพูดขณะมองภาพนั้นด้วยสีหน้าเหยเก

     

    “เกรเซียส… มือ….”เจ้าของชื่อกระพริบตา ก่อนมองเล็บของตนที่กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ทว่ามีรอยช้ำและค่อนข้างเปิงไม่สวยเหมือนเก่า  เขาสะดุ้งเมื่อ แลนท์ เทอร์มิส คว้าข้อมือของเขาเข้ามาดูใกล้ๆ ก่อนจะล้วงเอาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอย่างง่ายๆออกมา ทว่าเกรเซียสชักมือตัวเองกลับ แล้วสะบัดสองสามทีกับอากาศ เล็บของเขาก็กลับมาเป็นเล็บสวยๆเหมือนเดิม

     

    “ดูเหมือนว่าพลังของแมวเชอร์เชีย จะมีพลังรักษาตัวเองด้วยนะ ไม่เป็นไรหรอก”เจ้าของเรือนผมสีทองว่าพรางฉีกยิ้มสว่างสดใสให้ เขาอาจจะคิดไปเองแต่เหมือนในแววตาสีราตรีนั้น มีแววห่วงใยคนรอบข้างอยู่จางไ

     

    ลูก้ามองคนสองคนด้วยหางตามาพักใหญ่ คนแรกคือเกรเซียส คนที่สองคือลอเลน เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลด้วยสาเหตุหลายๆประการ อันที่จริงจะว่าไป จะสงสัยแค่คนคู่นี้ก็กระไรอยู่ เพราะสัญชาตญาณด้านโจรๆของเขาบ่งบอกว่า ทั้งหมดที่อยู่ด้วยกันนี่ มีอะไรไม่ธรรมดาด้วยกันทั้งนั้น

     

    สังเกตุได้ง่ายๆว่า ไม่มีใครถามคำถามอย่างคนปกติที่จะร้องครวญครางเลยแม้แต่นิด แต่ภูมิหลังของคนรอบข้างไม่ใช่สิ่งที่ลูก้าสนใจแต่เดิมอยู่แล้ว หากว่าไม่อันตรายถึงชีวิต หรือ ชวนให้หวาดระแวงละก็ เขาไม่คิดจะถามซักไซร้หรอก เพียงแต่

     

    ลอเลน กับ เกรเซียส นั้นต่างออกไป  เพียงเพราะการแสดงออกที่เหมือนสนิทสนมกันดีกับตัวอันตรายอย่างพิงกี้……..พวกเขาเป็นใคร?  ทำไมถึงได้รู้จักเด็กแบบนั้น??

     

    “หมดเวลาไปสิบกว่านาทีแล้วแฮะ”อิชลานว่าขณะเปิดดูหน้าจอมือถือของตน

     

    “เหมือนฉันจะสามารถหาทางออกได้นะ”ซีโอเอ่ยขึ้นขณะกุมหัวของตัวเอง 

     

    “แน่ใจนะ” เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินพยักหน้า เขารู้สึกตื๊อๆเหมือนคิดอะไรไม่ออก แต่ก็เหมือนที่จอร์โก และ ไอร์เมอร์ สามารถใช้พลังของตัวเองได้ทั้งที่ทั้งคู่อาจจะยังไม่ค่อยรู้ตัวดี

     

    “งั้นก็เยี่ยม อีกไกลมั้ย”

     

    “ไม่ ผ่านห้องนั้นไปมีประตูอยู่ ดูเหมือนมันจะยังไม่พัง”เขาเว้น ขณะเพ่งสมาธิมองภาพแผ่นที่สามมิติในหัว

     

    “เราออกไปทางนั้นแล้วปีนลงทางหนีไฟ มีรอยแตกนิดหน่อยแต่ไปต่อได้ จะออกตรงประตูทิศใต้ของห้างพอดี” สิ้นคำก็เรียกรอยยิ้มยินดีของคนรอบข้างได้ พวกเขารีบร้อนเป็นพิเศษ อาจเพราะกลัวว่า พิงกี้จะตามไม่เลิก

     

    เส้นทางไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่ซีโอบอกเลยแม้แต่น้อย จากที่อยู่ในช่องแคบๆหรือทางเดินคดเคี้ยวกันมานาน ในที่สุดเกรเซียสก็เริ่มมองเห็นห้องร้านที่อาจจะมีสภาพไม่สมบูรณ์ไปบ้าง ทว่าก็ไม่เลวร้ายกว่าที่คิด หลังจากไอร์เมอร์กระโดดข้ามรอยแตกขนาดใหญ่บนพื้นมาได้เป็นคนสุดท้าย ประตูทางออกก็อยู่ตรงหน้า

     

    “ชิ”เสียงนั้นแฝงมาด้วยความหงุดหงิด ร่างสูงระหงยืนพิงผนังอาบย้อมด้วยแสงสว่างจากเบื้องหลัง ดวงตาสีฟ้าที่หรี่มองกับรอยยิ้มใต้เรือนผมสีทองจดจ้องเหล่าเด็กผู้โชคร้าย ตอนแรกไม่มีใครสังเกตุเขาหรอก แต่ยิ่งเข้าใกล้กลับเด่นสง่าเรียกเอาความสนใจทั้งหมดให้ไปรวม ณ จุดเดียว

     

    “ระวัง!”เกรเซียสกระแทกตัวผลักลูก้าหลบแรงกรีดอากาศที่ฟันออกจากคมดาบของราชสีย์ผู้เกรี้ยวกราทได้ทัน ทว่าข้อเท้าของเขากลับได้รับบาดเจ็บจนต้องนิ่วหน้า

     

    มาแพลงอะไรตอนนี้!

     

    “สวัสดี”เสียงของร่างสูงนั้นเว้น ขณะก้าวเท้าเข้ามาใกล้

     

    “ข้าชื่อ นีโอ ด้วยพระเมตตาแห่งแสงสว่าง ข้าจะเป็นคนมอบเส้นทางอันเป็นนิรันดร์แก่พวกเจ้าผู้น่าสงสารเอง”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×