ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [AU] fanfic-LSK ::: Alice Syndrome

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่3 scan me

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 55


     

     

     

    ตึง

     

     

     

    ตึง

     

     

     

    ตึง

     

     

    “โอ้ย ไม่ไหวแล้ว!”ซีโอครางก่อนจะไหลลู่ไปกองกับพื้นพร้อมๆกับเพื่อนสนิท เกรเซียสเองก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาพยายามออกแรงช่วย ทว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอามือไปข่วนเหล็ก เจ้าตัวจ้องประตูเหล็กหนา ที่มีคราบเลือดกบปากเล็กๆของลูก้าติดอยู่อย่างอาฆาตแค้น

     

    “เวรเอ้ย!” ชายผู้ได้รับบาดเจ็บจากสิ่งกีดขวางที่ทำให้เขามีรอยแดงเหมือนกวางเรนเดียร์บนจมูก สบถอย่างหัวเสีย  เขาถีบประตูนั้นอย่างแรง ก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

     

    พวกเขาติดอยู่ที่นี่มาชม.กว่าได้แล้ว  หลังจากที่รวมหัว 12 หัวว่าจะทำยังไงกัน และลองทุกวิถีทางทั้งไม้อ่อน และ ไม้แข็ง กระทั้งเฉียดตายอนาถเพราะกระสุนปืนของชายผู้ดำสามประการซึ่งต้องการจะทำลายประตูตรงหน้า ทว่าเหล็กกล้ากลับมีอานุภาพสูงกว่าที่คิดมาได้ ตอนแรก 6 ใน 12 อาสาปีนขึ้นไปดูลาดเลาตามทางน้ำ แต่ หลังจากผ่านไปสักพัก ก็มีแต่สีหน้าสิ้นหวัประดับกลับมา สุดท้ายก็มืดแปดด้านอย่างที่เห็น

     

    “หงุดหงิดเว้ย!!!”ชาร์คร้องขึ้นมาท่ามกลางบรรยกาศเหล่านั้น อิชลานอาจจะยกมือขึ้นลูบปลอบหัวอีกฝ่าย แต่เชื่อสิ ใครเห็นก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์ไม่แตกต่างกันนักหรอก

     

    ติ๊ดๆ

     

    เกรเซียสสะดุ้งจนลุกขึ้นยืนตัวตรง ก่อนจะพบว่าแรงสั่นมาจากกระเป๋าเสื้อของตน เมื่อล้วงลงไป กลับพบมือถือสองเครื่องชนิดฝาพับที่เหมือนกันราวกับคู่แฝด เขาใช้สองมือเปิดหน้าจอขึ้นมาพร้อมๆกัน ทันใดนั้น ไอค่อนรูปซองจดหมายก็ปรากฏให้เห็นในสายตา ทว่าความสงสัยกลับไม่ใช่เรื่องนั้น

     

    เกรเซียสบาดเจ็บบริเวณลำตัวมากที่สุด เขาชาด้านจากแรงกระแทกไม่น้อยทีเดียวทำให้ไม่แปลกใจนักที่วัตถุนี้จะติดตัวอยู่โดยที่เขาไม่ทันสังเกตุ แต่พลาสติคหุ้มเครื่องมือสื่อสารบอบบางนี้กลับมสภาพดีกว่าเขาอย่างน่าประหลาด ก่อนหน้านี้นาฬิกาข้อมือของเขาพังละเอียดจนต้องโยนทิ้งมาแล้ว มันจึงค่อนข้างน่าสงสัยที่ของชิ้นนี้ยังใช้งานได้อยู่

     

    ไม่สิ อยู่ในสภาพเหมือนเพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูมเลยด้วยซ้ำ!

     

    ซ่าาาาาาา

     

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!ความเย็นซ่านไปถึงขั้วหัวใจรดลงตั้งแต่โคนผมสีทองจนถึงพื้นรองเท้าสีขาว เกรเซียส ร้องเสียงหลงอย่างตกใจ ทำให้สำลักน้ำในวินาทีต่อมา ก่อนที่จะเห็นว่า รอยแตกที่ของทางน้ำ ไม่รู้ว่าอยู่ๆเกิดอะไรขึ้นถึงได้มีของเหลวใสปริมาณมากทะลักเข้ามาแบบนี้ ทุกคนต่างก็ตกใจมองไปตามๆกัน

     

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!

     

    “โว้ย! เดมอส! ปิดเสียงมือถือแกไปเลยนะ แค่เกรเซียสคนเดียว หูข้าก็จะแตกแล้ว!!”  ......จะด่าก็ด่าไปสิ ลูก้า อย่าเอาข้าไปเกี่ยวไม่ได้เลยรึไง  เจ้าคนถูกพาดพิงค้อนขวับเข้าให้ แล้วก็ได้สังเหตุเห็นตอนนี้เองว่าพวกพ้องร่วมชะตากรรมทั้ง 12 เออ.... 10 ไม่รวมเขากับลอเลน ต่างก็ถือมือถือรูปแบบต่างๆเอาไว้ไม่แตกต่างกันเลย น่าแปลกใจไม่น้อย ใครมันริอุตะริจะส่งข้อความได้พร้อมกันแถมถูกเวลาขนาดนี้นะ

     

    จ๋อม

     

    เสียงที่ทำให้แต่ละคนสะดุ้งแล้วเริ่มมองบนพื้น ลอเลนจับเกรเซียสไว้เพราะเกรงว่าร่างเล็กกว่าอาจจะลื่นล้มได้ ระดับน้ำเริ่มเจิ่งนองขึ้น ในคราแรกไม่มีใครใส่ใจเพราะประตูทั้งสาม ควรจะทำหน้าที่ระบายของเหลวได้ดี ทว่าเพียงครูเดียวก็เกือบจะหน้าซีดอย่างพร้อมเพรียง ไม่รู้ว่าเหตุใดการคาดการณ์นั้นจึงผิดพลาดไปเสียอย่างนั้น 

     

    ให้ตายเหอะ   พวกเขาไปทำเวรกรรมอะไรกับใครไว่รึเปล่าเนี่ย อุส่าหนีจากโดนหินบี้ โดนไฟเผา แล้วยังมาเจอน้ำท่วมอีก ให้ตายสิ!

     

    ติ๊ดๆๆ

     

    เสียงร้องเรียกดังขึ้นมาเป็นคราที่สองจากโทรศัพท์มือถือ เหมือนพยายามร้องเรียกความสนใจ นิ้วเรียวของเกรเซียสเปิดข้อความนั้นดูทันที แต่โปรแกรมบนโทรศัพท์มือถือกลับดึงเข้าสู่หน้าจอ ลายตารางหมากรุกสีฟ้าสลับดำ ไอค่อนประมวลผลปรากฏขึ้นอยู่ครู่เดียวก็มีตัวอักษรเลือกภาษาปรากฏขึ้น เขาจิ้มเลือกด้วยความไวที่พร้อมๆกัน ทำให้หน้าต่างที่เหมือนกับหน้ากล้องเตรียมถ่ายภาพปรากฏขึ้น

     

    ลอเลนยื่นหน้าเข้ามาดูก่อนจะคว้ามือถือของตนจากมืออีกฝ่าย เขาใช้ดวงตาสีฟ้าเข้มเหลือบมองเดมอสที่ถือมือถือสีดำประดับประดาอย่างค่อนข้างประหลาดซึ่งปรากฏหน้าจอแบบเดียวกันแล้วก็ต้องมุ่นหัวคิ้วลงอย่างสงสัย

     

    “นี่มันอะไรกันนะ…..”เสียงของซีโอเอ่ยอย่างสงสัย  ก่อนจะเกิดเสียงร้องแบบโปรแกรมสังเคราะห์ตะโกนออมาจากลำโพงทั้ง 12 พร้อมๆกัน

     

    ‘scan me’

     

    ดวงตาของบางคนเบิกกว้าง บางคนปะปนไปด้วยความงุนงง และมีที่สาดส่องไปรอบด้าน แล้วใครคนหนึ่งก็ร้องขึ้นพรางเล็งหน้าต่างนั้นไปทางประตูเหล็กกล้าที่ไม่มีใครเปิดออก

     

    “ที่ประตู!” ไอร์เมอร์กับจอร์โกที่อยู่ไกลสุดพยายามขยับเข้าไปให้ใกล้กว่าเดิมแต่ระดับน้ำที่ขึ้นมาถึงข้อเท้าทำให้เผลอเหยียบอะไรบางอย่างจนลื่นไถลไปหัวโขกกับเดมอส  แต่นั้นก็ทำให้เขาเริ่มเห็น QR โค๊ดที่ปรากฏขึ้นเฉพาะบนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารนั้น

     

    ‘scan me’

     

    เสียงสังเคราะห์เว้นช่วงก่อนจะประกาศก้อง

     

    if you don’t wanna dieเสียงนั้นอาจไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ทว่าระดับน้ำที่ทะลักทลายเข้ามาแบบไม่ลืมหูลืมตา แถมยังมีความเชี่ยวกรากรุนแรงกว่าเดิมขึ้นเรื่อยๆทำให้ไม่ต้องเสียเวลาคิดมากมายนัก

     

    “ต่อให้ไม่ขู่เราก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนิ”ลูก้าสบถก่อนจะรีบกดปุ่มเล็กๆตามคนก่อนหน้าเขา มีตัวเลขปรากฏขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใครสักคนเริ่มต้นแสกน มันนับถอยหลังทุกครั้งที่อีกคนแสกนโค๊ดลับบนประตูนั้น จนกระทั้งถึงคนสุดท้าย เสียงกริ๊กดังสะท้อนกังวารราวกับเสียงสวรรค์ รอยยิ้มอย่างดีอกดีใจแต่งแต้มบนริมฝีปากของคนรอบข้าง

     

    !

     

    “โอ้ย”

     

    “ระ ร้อน !”

     

    ความร้อนชาวาบเป็นจุดเล็กๆบนเส้นเลือกใหญ่ที่ข้อมือทั้งสอง จนต้องส่งเสียงร้องอย่างตกใจ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงหนึบๆที่เหมือนชำแรกผ่านผนังเซลล์เข้าไป ขยุกขยิกก่อนจะเกิดความเจ็บปวดที่ไม่มากนักขึ้นแล้วสลายหายไป เหมือนมันจะไม่ได้เกิดขึ้นกับคนแค่คนเดียว แต่เป็นเวลาเดียวกันและพร้อมกันกับทั้ง 12 ชีวิต เมื่อพลิกดูที่จุดซึ่งยังหนึบชาอยู่จางๆ กลับไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ เป็นเนื้อเนียนที่เหมือนเดิม

     

    “อะไรนะ....” ไวเออร์อดที่จะถามออกไปไม่ได้ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าคนอื่นเองก็คงสงสัยไม่ต่างกัน เขาเหม่อมองระดับน้ำที่ขึ้นสูงถึงเอว ก่อนเสียงแหลมจะกรีดออกมาจากลำโพงมือถือของเขาเอง มันแตกต่างจากโปรแกรมสังเคราะห์ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง และยังทำให้เขาสันหลังวาบโดยไร้สาเหตุอีกด้วย

     

    ‘game start’

     

    ต่างคนต่างหันหน้ามองกันด้วยไม่เข้าใจสถานะการณ์ เสียงโอนเอนของลังไม้ สลับกับ คลื่นที่ค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆกระทบเข้ากับผนัง ในใจของคน 12 คนตอนนี้กลับมีคำถามแบบเดียวกันปรากฏขึ้นพร้อมๆกัน

     

    “ระวัง!”แลนท์กระโจนตัวคว้าอิชลานที่ยืนนิ่งอยู่ทางด้านขวาหลบลังไม้ขนาดใหญ่ที่โค่นลงมาได้อย่างฉิวเฉียด หากแต่ชาร์คกลับใจตกไปถึงตาตุ่ม เมื่อเห็นคราบสีแดงเจิงนองกระจายออกมาจากจุดที่ทั้งสองล้มลง

     

    “อิชลาน!

     

    “เปิดประตู ลูก้า! รีบหนี!!” ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งของแลนท์โดยฉับไว แม้ไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่เชื่องช้าจนเกินทน พวกเขาถึงสี่คนต้องช่วยกันดันประตูเหล็กให้กลับไปปิดดังเดิม ก่อนที่น้ำจะทะลักเข้ามามากกว่านี้ กว่าจะจบเรื่องได้ก็พากันนั่งหอบหมดแรงอยู่บนพื้น

     

    ห้องนี้เป็นทางเดินที่มืดแต่แห้งยกเว้นบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ มันทอดตัวยาวออกไปโดยคล้ายไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากที่ไอร์เมอร์ตรวจดูบาดแผลทางยาวบนแขนของแลนท์ พวกเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปตามทางยาวเส้นนั้นด้วยความเร็วเท่าที่พอจะทำได้ มีเสียงโอดโอยของเกรเซียสที่วิ่งรั้งท้าย กับเสียงกระแนะกระแหนของลูก้า ดังตลอดทาง แต่ทุกอย่างก็กลืนลงคอไปหมด ทันทีที่เเสงสว่างที่จุดปลายปรากฏขึ้น

     

    !

     

    “เฮ้ย!”ไอเวสคว้าคอเสื้อของไอร์เมอร์กับลูก้าแทบไม่ทัน เพราะทั้งสองหยุดฝีเท้าของตนเองไม่ทันจึงชนเข้ากับราวระเบียงเหล็กที่กั้นระหว่างพื้นที่ว่างกับชั้นลอยซึ่งยื่นออกมาเพียงแค่พอให้เบียดๆกันยืนได้ เจ้าของเรือนผมสีเขียวสดใสกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอแทบไม่ทันเมื่อคำนวนความสูงกับแรงกระแทกหากตนเองตกลงไปในหัว เขาเอ่ยขอบคุณผู้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง

     

    “ฉันเพิ่งรู้ว่าห้างนี้......ละ  ละ  ลึก..ขะ ขนาดนี้.....”จอร์โกกลับมาเอยตะกุกตะกักตอนท้าย ก่อนแสร้งมองสลับไปมากับความกว้างขวางบนระดับชั้นอื่นๆ พวกเขาเดินเรียงหนึ่งผ่านบันไดเหล็กเล็กๆที่ส่งเสียงเอี๊ยดๆอย่างไม่น่าไว้ใจ แต่ใช่ว่าจะมีตัวเลือกอื่น

     

    “น่าจะเป็นฐานส่งยา ฉันว่านะ”ลูก้าเสนอ

     

    “จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ ขอให้มีทางออกก็พอ ”

     

    “ซีบิลล์จะเป็นอะไรมั้ยนะ.....”

     

    “……..”ทั้งหมดหยุดหันกลับมามองใบหน้าเชิดหยิ่งที่ประดับดวงตาร้อนรนไม่เข้ากันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม

     

    “โว้ว! ตรงนี้ลมแรงชะมัด” ซีโอยกแขนขึ้นบังคลองสายตาของตน จุดที่เขายืนอยู่นี้ เป็นชั้นลอยที่มีขนาดพอให้รถบัสสัก 3-4 คันมาจอดได้อย่างสบายๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า สายลมหอบใหญ่ที่ฉวัดเฉวียนผ่านไรผมของเขาไปนั้นมาจากไหน

     

    แต่มันไม่สำคัญอีกแล้วในยามนี้  หางตาของเขาเหลือบเห็นทางเดินทางหนึ่งเข้า บางส่วนในหัวใจเหมือนกับกระซิบบอกซีโอ ว่ามีเส้นทางที่สามารถพาเขาไปสู่ที่ปลอดภัยได้อยู่ นั้นทำให้เขาก้าวนำไปยังประตูไม่เล็กไม่ใหญ่ที่หัวมุมนั้นอย่างรวดเร็ว

     

    ไม่รู้ว่าอะไร  ทว่าเขาแน่ใจ  มีบางอย่างรุนแรงมากในอกกำลังบอกเขา…

     

    กำลังบอกเขา…..

     

    “ไม่คิดว่า จะเป็นเจ้า ที่มาหาข้าเป็นคนแรกนะ”แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงหวานราวกับเด็กสาวตัวน้อยแสนซุกซนกระซิบมากับลมตามมาด้วยเสียงหัวเราะเเหลมเล็กอย่างร่าเริง มันเหมือนดังอยู่รอบตัวพวกเขาทุกคน ทว่าไร้ที่มา

     

    หัวใจที่ลิงโลดและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของใครคนหนึ่งเย็นเฉียบ เขาเผลอเกาะแขนคนข้างกายแน่นจนอีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ เสียงแผ่วเบาผิดวิสัยเอื้อนอย่างเชื่องช้า

     

    “พิงกี้?”

     

    เหมือนจะเห็นรอยยิ้มปะปนมากับหมอกเมฆสีชมพู มีเสียงคิกคักสองสามที ก่อนจะเป็นเงาสายหนึ่งที่พุ่งมาด้วยความรวดเร็ว ปักลงยังตำแหน่งของอวัยวะสำคัญบนร่างกาย

     

    ฉัวะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×