ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [AU] fanfic-LSK ::: Alice Syndrome

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 ประตู

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 55



     

     

     

    ใดเลย จะร้อนไปกว่าไฟ

     

    ใดเลย จะพินาศกว่าสงคราม

     

    ใดเลย จะวิบัติมากกว่าคน

     

     

     

    ผิวเนื้อของเขาเป็นสีดำมิใช่เพราะผิดปกติแต่นี่คือธรรมชาติของ เอลฟ์แห่งความมืด ไอเควส เหม่อมองรอบด้านอยู่นานแล้ว เนื้อระอุไหม้เกรียมส่งกลิ่นชักดิ้นชักงออยู่สองสามทีก่อนจะแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา

     

     

    เขาเกลียดภาพแบบนี้

     

     

    แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเบือนหน้าหนี เพราะตระกองซากศพรอบทิศทางนี้ หาได้มีเหตุมาจากผู้อื่นไม่

     

    “จงตายเสียเถอะ...ตายแล้วจะสงบ....ไม่ต้องรับรู้....ไม่ต้องสูญเสีย......”

     

    “พึมพำอะไรของเจ้าเป็นวรรคเป็นเวร อีกคนแล้วนะ ไอเควส!

    เสียงกร้าวตะโกนมาจากที่ไกลๆ แต่มากพอตะให้รู้ว่า นีโอกำลังอารมณ์ไม่ดี

     

    “ข้าจะพูดอะไร ไม่เห็นเสียหายตรงไหนเลยนิ นีโอ”

     

    “เป็นสิ” อีกฝ่ายกระโจนทีเดียวเข้ามาถึงตัวเขาแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อใส่

     

    “ทั้งเจ้า ทั้งซาเชล เหมือนกันทั้งคู่!  ชอบพึมพำอะไรหดหู่เป็นวรรคเป็นเวรคนเดียว ตลอดเวลา ไม่มีคนพูดด้วยแล้วเหรอไง เลยต้องคุยกับธาตุอากาศนะ” ไอเควสรู้ดีว่าเวลาแบบนี้ ดีที่สุดคือเงียบเข้าไว้

     

    เขาป็นแบบนี้เสมอ ทุกๆครั้งที่ต้องรับหน้าที่จับตามองกระดานเกม ความเอาแต่ใจของนีโอจะเพิ่มขึ้นชนิดรับมือยากและคาดเดาไม่ค่อยได้ เฮ้อ เขาไม่ใช่ ซาเชล นะ ที่จะรับมือกับอารมณ์ไม่คงที่นี้ได้ตลอดเวลา

     

     

    “ไฟนรกของเจ้านะ”ร่างสูงระหงปรายตามองเปลวไฟที่ลุกลามอยู่รอบๆเป็นวงกว้างด้วยสายตาไม่พอใจนัก เรียกให้หัวคิ้วของนักเวทมุ่นเจ้าหากันด้วยความสงสัย

     

    “ทำไมเหรอ?”

     

    “เป็นไปได้อย่าใช้บ่อยนะ ข้าร้อน”   ......แล้วใครใช้ให้เจ้ามาอยู่ใกล้ๆข้าเวลาข้าใช้เล่า.......

     

    ...คิกๆ.....คิกๆ.....

     

    เสียงหัวเราะเเหลมๆแว่วเข้ามาในโสตประสาทของคนทั้งคู่ คนหนึ่งสะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ ส่วนอีกคนเพียงเงี่ยหู ตั้งใจฟัง

     

    มานี่สิ.....มานี่สิ..................... [ เขา ] มาแล้ว....

     

    ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างก่อนพุ่งกระโจนออกไปไม่แม้แต่จะรอเจ้าของเสียงตะโกนเรียกชื่อของเขาเลย 

     

     

     

     

     

     

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

     

    “หูจะแตกแล้วโว้ย”

     

    “ชาร์ค.....เกรเซียส.....”อิชลานส่ายหน้าเป็นรอบที่สิบกับภาพตรงหน้า คนสองคนที่ขนาบข้างเขาอยู่  เจ้าคนหัวทองกรี๊ดเสียงแหลมทุกครั้งที่เผลอเหยียบอะไรหนืดๆยืดๆทีดำส่งกลิ่นหืนประหลาด ส่วนชาร์คก็ทนเสียงของอีกฝ่ายไม่ไหวจนหาเรื่องทะเลาะทั้งๆที่เขายืนขั้นกลางสองคนอยู่

     

    ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน ขณะที่เกรเซียสกำลังกุมหัวที่ปูดแดงเพราะชนผนังหินเข้าอย่างจัง อยู่ๆก็เกิดเสียงระเบิดตูมใหญ่เข้าให้ กลิ่นไหม้คละคลุ้มผสมมาตามอากาศทำให้อิชลานสำลักจนตัวโก่ง แล้วอยู่ๆ  เจ้าคนผอมบางก็ถีบประตูซึ่งมีป้ายอันตรายหักๆติดอยู่อย่างแรง แถมยังเรียกใช้ชาร์คเข้าไปช่วยอีกต่างหาก ก่อนจะหิ้วปีกเขาตามเข้าไป ตอนแรกก็ยังมึนงงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั้งมีเศษซากเหล็กเส้น และ ฝุ่นปูนสีขาวทะลักคละคลุ้งปิดตายทางเข้านี่แหละ  เขาถึงได้รู้สึกขอบคุณชายหนุ่มที่ไม่ค่อยจะเหมือนชายหนุ่มสักเท่าไหร่นี้ พร้อมทั้งอดชื่นชมการตัดสินใจเอาตัวรอดอย่างฉับไวนี้ไม่ได้ ทว่า.....เขาก็เริ่มคิดใหม่ เมื่ออีกฝ่ายกระโดดเกาะเขาเป็นตังเมเพราะหลงเข้ามาในท่อน้ำของเสียกลิ่นหื่นใหญ่ขนาดชายฉกรรจ์ยืนได้โดยที่หัวไม่โหม่งฝ้าแบบไม่รู้ทิศรู้ทาง

     

    “เลิกทะเลาะกันได้แล้วน่า เฮ้อ......”

     

    “ว่าแต่นี่นายคิดจะไปทางไหนนะ”เจ้าของเรือนผมสีเเดงสอดสายตามองออกไปไกลด้วยแววตาสงสัย ดูแล้วไม่น่าจะเป็นทางที่น่าปลอดภัยตรงไหน

     

    “ชั้นใต้ดินนะสิ”เกรเซียสตอบอย่างมั้นใจ

     

    “ทำไม....”เป็นอิชลานที่เอ่ยด้วยความไม่มั่นใจ เจ้าของดวงตาสีฟ้าสดใสจึงต้องหยุดการจ้ำอ้าวๆซึ่งทำให้เจ้าตัวหอบแฮ่กๆ เพื่อหันมาอธิบาย

     

    “ห้างนี้มีสถานีรถไฟเชื่อมต่ออยู่นะสิ นายก็เห็นนิ เพดานที่พังลงมานะ แล้วก็ระเบิดนั้นด้วย ไม่มีทางออกไปจากด้านบนได้หรอก”

     

    “แล้วไม่คิดว่า ทางด้านล่างอาจจะปิดตายไปแล้วบ้างเหรอ.....”ความคิดของอิชลานรอบคอบใช้ได้ทีเดียว เกรเซียสชมในใจ แต่แน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่ใช้วิธีสุ่มเดาเอาหรอก

     

    “เงี่ยหูฟังดูสิ”เกรเซียสเอามือป้องหูและหลับตาลงก่อนที่อีกสองคนจะทำตาม เสียงหวี่วื๊อริ้วผ่านไปตามไรผม ไม่ดังมากแต่พอสัมผัสได้รางๆ

     

    “ด้านบนมีความร้อนสูงมาก แต่มีเสียงลมที่ดังพอสมควรมุ่งไปด้านล่าง อย่างน้อยมันน่าจะมีทางออกหรืออย่างน้อยก็รอยแยกพอให้หนีได้บ้างน่า” เจ้าของเรือนผมสีทองว่าอย่างมีหลักการ เขาชี้ไปตามแรงลมโดยที่ยังไม่ลืมตาขึ้น

     

    “ท่าทางใช้ไม่ได้ แต่ฉลาดเหมือนกันนินาย”สิ้นคำของชาร์ค เกรเซียสก็ค้อนเข้าไปขวับหนึ่ง ก่อนจะก้าวจ้ำอ้าวเดินนำ แต่ถูกมือของอิชลานดึงเอาไว้ก่อน

     

    “ได้ยินเสียงอะไรมั้ย?....”

     

    “หืม ลมเปลี่ยนทิศเหรอ”เกรเซียสเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

     

    “ไม่ใช่”ชายหนุ่มสีไอส์บลูนิ่งเงียบไปสักพักก็พึมพำออกมา

     

    “เหมือน....เหมือนเสียงน้ำ....”

     

    “ฮะ”เท่านั้นแหละ  เจ้าตัวทองก็หน้าซีด ใช้มือสองข้างลากถูเพื่อนทั้งสองไปข้างหน้าราวกับติดจรวด และก่อนที่ใครจะได้มีโอกาสเอ่ยถาม พลังน้ำเชี่ยวกรากก็ทะลักทะล้นเข้ามาจากเส้นทางที่พวกเขาเคยผ่านมา ทำเอาทั้งสามเสียหลัก เกือบจะถูกกลืนไปกับความรุนแรงนั้น ทว่าอิชลานคว้าง้ามเหล็กซึ่งเกิดจากการบิดเบี้ยวของรอยแตกแล้วคว้าเอวชาร์คไว้ทัน

     

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

     

    “เจ้าบ้า! หุบปาก!”มือเล็กๆตะปบเส้นผมสีทองยาวของเกรเซียสไว้ทำให้เจ้าคนถูกช่วยหน้าฟาดกับผนังด้านข้าง เจ็บตามไรผมแทบจะทั้งหัว แถมยังมึนกับการโต้คลื่นกลิ่นแย่อีกด้วย แต่คงดีกว่าไหลรวดเดียวไปที่ไหนก็ไม่รู้

     

    พรืดดดดดดดดด

     

    ชีวิตนี้คงเป็นครั้งแรกที่อิชลานเบิกตาได้กว้างแบบนี้ แถมยังมีสีหน้าแตกตื่นอีกด้วย ไม่รู้ว่าเพราะชาร์คหรือเกรเซียสที่ดิ้นแรงจนเขาลื่น เผลอปล่อยมือจากที่ยึดเหนี่ยวแถมยังล้มทับร่างของสิ่งมีชีวิตคล้ายสตรีเพศที่มีผมสีทองก่อนจะโดนแรงน้ำลากตัวในสภาพหัวทิ่ม

     

    “ว้ากกกกกกกกกกกกกก” ชาร์คร้องขณะที่ร่างทั้งสามเอียงตัวเมื่อถึงมุมโค้งของท่อน้ำ ดวงตาใสแจ๋วมีน้ำตาอันเกิดจากความตื่นตกใจคลอ

     

    “แกร้องดังกว่าฉันอีก ชาร์ค!” เกรเซียสพยายามเกาะผนังอยู่หลายครั้ง แต่จากสายตาของคนรอบข้างมันเหมือนเขาเพียงเอามือไปข่วนหล็กเท่านั้น

     

    “เสียงฉันไม่ได้ทำให้ใครปวดหัวแบบนายนิ เกรเซียส”

     

    “ร้องก็คือร้อง!

     

    “หยุด!”อิชลานตะโกนเป็นครั้งเเรก ทำเอาทั้งสองเงียบกริบไม่กล้าต่อว่ากันต่อ แต่อาจจะเพราะทำไม่ได้ก็ได้  ปริมาณน้ำที่อยู่ๆก็สูงจนมิดหัวทำให้รู้ได้ว่ามาถึงทางตันแล้ว แย่แน่ เพราะแบบนี้พวกเขาอาจจมน้ำตายได้ เกรเซียสพยายามดึงชาร์คที่ตั้งหลักไม่ได้ขึ้นสู่ผิวน้ำ อิชลานดันตัวเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กจากด้านล่างทว่าปลายหางตาก็เหลือบไปเห็นสลักเล็กๆด้านข้างเข้า

     

    เขาไม่หยุดแม้แต่จะคิดถีบตัวพุ่งลงไปดึงสลักนั้นออกทันที

     

    ตึง!

     

    “เฮ้ย!!!”

    ซ่าาาาาาาาา

     

    โครม

     

    วินาทีแรกรู้สึกเหมือนหัวจะหลุดกลิ้งกรุกๆๆออกไปจากบ่า เกรเซียสรู้แค่ว่าเขาตกลงมาจากช่องทางน้ำบนเพดานแล้วหน้าฟาดเข้าให้กับอะไรสักอย่างที่มีกลุ่มไหมนุ่มลื่น แต่ทว่า ไอ้แผ่นหลังของร่างใหญ่กว่าที่มีสีไอส์บลูปิดกั้นการมองเห็น ถึงตรงนี้เขาเริ่มรู้สึกขาดอากาศ ปวดท้องน้อยเพราะแรงกดทับ มือสองข้างตะเกียกตะกายพยายามดันอิชลานออก แต่ก็ได้แต่ตีปุๆแล้วครวญครางด้วยเสียงแผ่ว

     

    “อะ...อิช....ลาน...หายใจ...ไม่....”แรงขยับจากด้านบนทำให้เริ่มหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง  หากมองจากด้านบน ขะเห็นชาร์คกลิ้งออกมาได้เป็นคนแรก ก่อนจะดึงให้อิชลานลุกขึ้น ตามด้วยชายหนุ่มผมสั้นสีทองบลอนชุ่มน้ำที่ทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ

     

    “แขน....แขนข้า.....”พูดว่าแขนแต่ลูก้ากลับคลำหัวตัวเองที่ส่งเสียงกรอบแกรบออกมา เขาเหลือบตามองดวงตาสีดำสนิทไร้แวว กับท่าส่อนิดๆแล้วผิวปากแซว

     

    “เอาไงดีผู้พัน ดูเหมือนเราจับเงือกได้ 3 ตัวซะแล้วละ  แถม หนึ่งในสามที่มีหัวทองๆ ดูเหมือนจะติดใจ ผู้พันเข้าซะแล้ว” เสียงกลั้นขำในลำคอทำเอา หนึ่งในสามเงือกหัวทอง ตะหงิดๆ เขาใช้แขนสองข้างยันตัวขึ้น ก่อนจะตกใจจนแทบร้องกรี๊ด ที่ใบหน้าได้รูปซึ่งประดับด้วยดวงตาสีนิลกาฬเย็นเยียบจะจับจ้องมายังเขา หัวคิ้วมุ่นลงเหมือนจะไม่พอใจ แต่ใต้เรือนผมสีดำประบ่านั้น ทำให้คู่กรณีคาดเดาอารมณ์ได้ยากเสียเหลือเกิน

     

    “.....ช่วยลุกหน่อย.....ได้มั้ย?”สิ้นคำ เกรเซียสก็เข้าใจความหมายทันที เขากระเด้งตัวออกราวกับต้องของร้อน ให้ตายเหอะ! เมื่อกี้เขาคล่อมผู้ชายด้วยกันอยู่ อ้ากกกกกกกกกกกกก! ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่นับวันจะร่อยหรอลง มันยังจะร่อยหรอกว่านี้อีกเรอะ!!

     

    โปะ

    อะไรนุ่มๆฟาดเข้ากับใบหน้าของเกรเซียสก่อนที่มันจะขยับไปร่องและผิวเนียนไล่ไปจนถึงเส้นผมเนื้อละเอียดของตน ชายหนุ่มหันไปมองก็พบว่า เป็นเจ้าของดวงตามืดมิดนั้น

     

    “นี่ นาย!

     

    “.....เป็นสาวเป็นนาง.....ระวังตัวกว่านี้หน่อยก็ดีนะ....”

     

    ปึด

     

    คำขอบคุณหายวับไปกับตา แต่คราวนี้ไม่มีโอกาสให้เขาได้อาละวาดแบบคราวของอิชลาน ชาร์คตะปบปากอีกฝ่ายไว้ ทำให้ส่งเสียงอู้อี้ออกมา อิชลานเพียงส่ายหน้าแล้วบอกอีกฝ่ายว่า เกรเซียสเป็นผู้ชาย ความนิ่งเฉยยังคงส่งมาจากชายผุ้ดำสามประการ เเต่เป็นแววตาไม่เชื่อของชายหนุ่มผมสีบลอนทองแทน

     

    “นี่นายพกของแบบนี้ไว้กี่ชุดกันแน่เนี่ย”ลูก้าปรายตามองกระเป๋าเป้สีมืดสีเดียวกับเจ้าของ ซึ่งมีผ้าขนหนูสะอาดห้าผืนถูกดึงออกมาทั้งๆที่มันยังดูตุงอยู่เลย แน่นอนว่าคนมนุษยสัมพันธ์แย่คนนี้ไม่ยอมตอบอีกตามเคย เขาละมือออกจากสิ่งมีชีวิตสีทองแล้วบรรจงเช็ดเรือนผมของตัวเองอย่างดี

     

    “อะไรของมันวะ” ถึงลูก้าจะเป็นคนพูดคำนั้น แต่คนที่อยากได้คำตอบจริงๆเป็นเกรเซียสต่างหาก เขาหายอาการปลาทองขาดน้ำแล้ว และเมื่อทบทวนเรื่องราวทั้งหมด กลับรู้สึกไม่ชอบการกระทำของคนตรงหน้าแปลกๆ

     

    “นาย...”

     

     

     

     

     

     

     

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงร้องโหยหวนราวกับวิญญาณร้ายซึ่งถูกฆ่าอย่างทรมาณกรีดเสียงครวญครางในวาระสุดท้ายราวกับเป็นการสาปแช่งบุคคลผู้อาฆาต เกรเซียสกระโดดเกาะอะไรก็ตามที่เป็นมนุษย์และสัมผัสได้ทันที เขาขนลุกซู่ไม่ใช่เพราะกลัวหรือตกใจ กลับกัน เขาถลึงตามองยังต้นเสียง

     

    ให้ตายเถอะ เขาคนเดียวไม่สามารถจัดการปัดเป่าวิญญาณได้หรอกนะ วันนี้มันวันอะไรกันนะ!

     

    ปฏิกิริยาของคนอื่นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เริ่มจากสะดุ้งนิดบ้างมากบ้าง แล้วสอดส่องสายตาหาที่มาของเสียง  ก่อนจะพบร่างขาวซีดใต้เรือนผมหยุกยุ่งสีม่วงอ่อนหยุดยืนอยู่อย่างเรียบเฉย แม้เรียบปากจะนิ่งสนิททว่า ทั้ง 5 ปักใจได้ทันทีว่านั้นแหละต้นกำเนิดเสียง

     

    “ขอโทษที.....ริงโทน มือถือ ฉันเอง....”เดมอสว่าพรางโชว์หน้าจอกดรีเพลย์เสียงสยองขวัญที่เบาระดับความดังลงแล้ว ทำเอาหลายคนทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่เขา  แต่แล้วเงาสายหนึ่งก็พุ่งมาจับไหล่เกรเซียสแล้วเขย่าอย่างแรง

     

    “เกรเซียส  เกรเซียสจริงๆใช่มั้ย! หน้านายมีแผลเจ็บรึเปล่า! เป็นอะไรมากมั้ย?!”มือแกร่งลูบรอยช้ำบนแก้มนวลอย่างเบามือ แววตาสีฟ้าอ่อนเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทรณ์ คำถามมากมายที่พรั่งพรูออกมาทีเดียวไม่ได้เข้าสมองเกรเซียสเลย หรือบางทีมันอาจจะเข้ามาพร้อมๆกันจนตอบไม่ทัน

     

    “วี๊ดวิ้ว~”ดวงตาสีฟ้าสดใสของเกรเซียสหันไปมองร่างสูงสองร่างที่อมยิ้ม ขณะมองพวกเขา ชายผมสีน้ำเงินเอาศอกกระทุ้งข้างเอวของลอเลนเบาๆ พรางชำเลืองมองมาทางร่างเล็กกว่า

     

    “เห็นหน้าซื่อๆแบบนี้ ร้ายไม่เบาเลยนะ ไม่คิดว่านายจะมีคนรู้ใจเป็นสาวน้อยน่ารักแบบนี้”

     

    “มิน่าละ เห็นทำหน้าเครียด ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งนำ”ชายร่างใหญ่เอ่ยสมทบพรางยกยิ้มให้กับสาวน้อยน่ารัก หารู้ไม่ว่านั้นยิ่งเป็นเหมือนการราดน้ำมันลงบนกองเพลิงแท้ๆ

     

    “ต้องบอกกี่ครั้งถึงจะพอวะ! ฉันเป็นผู้ชาย! ผู้ชาย!! ผู้ชาย!!!”เสียงใสสะท้อนไปๆมาๆในห้องสี่เหลี่ยมนั้น ก่อนถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะขบขันที่ไม่เกรงใจกันเลย แม้แต่อิชลานก็ยังยกยิ้มมุมปากก่อนจะเบือนหน้าไม่ยอมสบตาอีกฝ่ายตรงๆ พอถูกทำให้ขัดใจติดต่อกันเจ้าตัวก็ทำแก้มป่องก่อนเกาะอยู่ข้างหลังของลอเลนไม่ยอมปล่อย ปากพึมพำสาปแช่งในลำคอ

     

    ใช่ซี่! เจ้าพวกนี้นิ  อย่าให้ถึงวันของ เขา บ้างนะ!

     

    ตึง

     

    ควับ

     

    “ใครอยู่ตรงนั้น!” เสียงตวาทของแลนท์สะท้อนไปมาเช่นเดียวกับเสียงก่อนหน้านี้ ทว่ามันทุ้มต่ำและดูน่าหวาดกลัวกว่ามาก ทั้งยังทำให้คนที่หัวเราะตัวโก่งเมื่อครู่ยืนยืดหลังตรงโดยไม่รู้ตัวไปตามๆกัน เสียงสูดหายใจดังกับแรงสั่นของสิ่งมีชีวิตอยู่ถัดไปไม่ไกลจากที่ที่พวกเขายืนอยู่

     

    แกร็ก กิ๊ก

     

    ใครบางคนถลึงตามองอาวุธสังหารที่ถูกชักออกมา ปลายกระบอกเล็งไปทิศทางของต้นกำเนิดเสียง ไอสังหารอันน่ากลัวแผ่ออกจากร่างสูง เขาคงไม่ต้องอธิบายความให้ใครเข้าใจก็น่าจะรู้เหตุการณ์ต่อไปได้ดี

     

    “พะ พะ พวกเราได้ยินเสียง….เออ….เสียงดัง….ดังมากนะ….”เสียงตะกุกตะกักของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนร่างสองร่างที่หิ้วปีกคนบาดเจ็บแบบไม่สมดุลนัก จะขยับออกจากหลังประจู ดวงตาสีทองดูซื่อๆเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เขาเจ้ามองเครื่องมือสำหรับฆ่าฟันพรางเอ่ยด้วยเสียงที่เยียบเบาลงไปกว่าเดิม

     

    “ละ เลย เลย ตามมา….อ่า ยะ อย่ายิงนะ…..”

     

    “เสียงมือถือของเดมอสดังจริงๆนั้นแหละ” ซีโอแตะไหล่ของเเลนท์เบาๆก่อนจะทำท่าเหมือนขอให้ลดปากกระบอกลง

     

    “นี่ ขนาดพวกเราที่อยู่ในห้องนี้ นายดูสิ มีของเกะกะเยอะไปหมด ยังได้ยินซะชัดเลย  เอาน่า พวกเขาบาดเจ็บด้วยไม่น่าสงสัยหรอก”เกรเซียสสมทบอีกแรง ขณะชี้ไปรอบๆลังไม้เก็บสินค้าที่เรียงรายอยู่รอบห้อง สีแดงสดที่แต่งแต้มอยู่บนร่างชายหน้าซื่อทำให้เขาใจอ่อนระคนสงสารขึ้นมานิดๆ อีกอย่าง การมีคนถือของอันตรายแบบนั้นอยู่ใกล้ๆ ก็คงไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนักหรอกจริงมั้ย?

     

    “แต่ว่าทำไมถึงได้วิ่งมาทางนี้กันละ”แลนท์ยอมทำตามแต่โดยดีแต่ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ เพราะถ้าหากคิดเหตุการณ์ตามเวลาจริงๆมันก็ออกจะเร็วไปหน่อย

     

    “ก่อนหน้าเสียงกรี๊ด มีเสียงโครมครามและเสียงร้องของคนดังออกมานะ ฉันว่าน่าจะแบบเดียวกัน”สายตาของหลายคนหันไปมองท่อน้ำที่มีรูโหว่ขนาดคนผ่านได้แล้วพยักหน้าเห็นด้วย

     

    “ขอโทษนะ คือว่า พวกนายเห็นผู้หญิงสูงประมาณ 180 กว่าๆ มีผมสีน้ำตาล ระหว่างทางบ้างมั้ย?”ไวเออร์อดที่จะถามไม่ได้ แม้เขาจะรู้ดีว่าอาจไร้ประโยชน์ เพราะต่างคนต่างก็เอาแต่หนีตายกันจ้าละหวั่น ทว่าความหวังเพียงน้อยนิด ก็ใช่ว่าจะไม่มีทาง

     

    “ไม่มี”ลูก้าพยักหน้ายืนยันคำพูดของชายดำสามประการ

     

    “ทางฉันนะ ถึงมีก็ดูไม่ออกแล้วละ” ใช่ .....หากจะมี ก็เป็นเพียงเรือนร่างไร้วิญญาณที่แน่นิ่งไปแล้วทั้งนั้น ซีโอไม่แม้แต่จะพยายามจดจำใบหน้าเหล่านั้นด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะไร้น้ำใจ แต่เขาคงทำใจไม่ได้หากว่ามีคนรู้จักของเขาอยู่ในนั้นด้วย......เขาใช่มีคนรู้จักน้อยซะที่ไหนละ

     

    “อย่าว่าแต่ผู้หญิงผมสีน้ำตาลเลย นี่ก้เจอมาแต่ผู้ชายทั้งนั้น”ดวงตาสีน้ำตาลทองของชายร่างเล็กผมสีเขียวเลิกตามอง สิ่งมีชีวิตสีทองที่ตวัดดวงตาสีฟ้าน่ากลัวใส่แล้วก็ก้มมองพื้นอย่างช่วยไม่ได้

     

    คลืนนนนนนน

     

    “เหวอ”

     

    พื้นสั่นอย่างรุนแรงจนหลายคนหน้าคะมำไปชนกัน ยังดีที่ไม่มีใครหัวร้างข้างแตกหรือถูกอะไรตกลงมาทำให้ได้รับบาดเจ็บ หนักที่สุดก็เพียงแค่เกรเซียสที่โดนไอร์เมอร์ล้มใส่ทำให้หงายหลังตกลงไปในลังไม้เตี้ยๆเท่านั้น  ฝุ่นสีขาวฟุ้งกระจายทำเอาหลายคนปิดปากไอจามแทบไม่ทัน

     

    “เกรเซียส” ลอเลนเอามือปัดควันรอบๆออก ก่อนจะช่วยพยุงไอร์เมอร์ที่ก้มขอโทษขอโพยให้ลุกยืน ตามด้วย ร่างบอบบางเจ้าของเรือนผมสีทอง

     

    “ไม่เป็นไรน่า นายนี่ขี้ห่วงเกินไปแล้วนะ” เจ้าตัวบ่นอุบอิบ ก่อนจะทำถุงใสซึ่งบรรจุผงประหลาดสีขาวเต็มถุงฉีกขาด เล่นเอาวัตถุเนื้อละเอียดภายในตกลงพื้นเป็นหย่อมเล็กๆ

     

    “นี่มันอะไรกันเนี่ย”นิสัยอยากรู้อยากเห็นของซีโอทำให้เขาอดสนใจกับมันไม่ได้ แต่มือของเขาก็ถูกชายเจ้าของเรือนผมสั้นสีน้ำตาลทองฉุดแขนไว้ไม่ให้เข้าใกล้ผงประหลาดนั้น

     

    “อย่าแตะมัน”เขาเว้นพรางมุ่นหัวคิ้วมองอย่างอดสู

     

    “นั้นมันเฮโรอีนบริสุทธิ์ อย่างนาย สูดเข้าไปทีเดียว น็อคสลบแน่” ทุกสายตาอดจดจ้องรอยยิ้มประหลาดที่คลี่ออกบนใบหน้าของลูก้าไม่ได้ เขาเหยียดยิ้มแบบนั้นเเล้วแค่นหัวเราะในลำคอ จึงถีบถุงของสารเสพติดอันตรายให้ร่นกลับเข้าไปในที่ลับของมัน

     

    “นายรู้ได้ไง? บางทีมันอาจเป็นแค่แป้งทำขนมก็ได้นะ”ใครสักคนถามอย่างสงสัย อีกฝ่ายเพียงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดตัดบท

     

    “ฉันแค่เตือน ไม่เชื่อก็เรื่องของนาย” ความเงียบชั่วขณะเข้าจู่โจมระหว่างพวกเขา ต่างฝ่ายต่างสอดสายตาประเมิณผู้ร่วมชะตาชีวิตอย่างสงสัยปนระแวงนิดๆ ก่อนที่เสียงปรบมือเรียกความสนใจของ แลนท์ จะทำลายมันลง

     

    “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”เสียงเรียบๆเว้น

     

    “ห้องนี้คงอยู่ได้ไม่นาน พวกเรารีบหาทางหนีกันเถอะ”ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยโดยไม่มีข้อแย้ง รอบห้องสี่เหลี่ยมนี้นอกจากลังไม้ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้ว มีประตูสามบาน บานหนึ่งเป็นทางที่พวกแลนท์เข้ามา บางหนึ่งเป็นทางที่ลอเลนเข้ามา อีกทางสุดท้ายเป็นทางที่ไวเออร์เข้ามา

     

    เเลนท์ส่ายหน้าพรางหันไปมองเส้นทางของตน ซีโอเองก็ยกมือขึ้นไคว้เป็นกากบาทเช่นกัน

     

    “ทางที่พวกฉันมาถูกปิดตายหมดแล้วเหมือนกัน”สิ้นคำของไวเออร์ บรรยกาศตึงเครียดก็ก่อตัวขึ้นแน่น บีบอัดกดดันความรู้สึกของแต่ละคนไม่แตกต่างกัน ชาร์คพึมพำบางอย่างกับอิชลานอยู่ข้างๆเดมอสซึ่งนิ่งเงียบ แต่คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังใช้ความคิด ลูก้านั่งยองๆข้างลังไม้ทำหน้าเหมือนอยากเอาหัวตัวเองโขกกับผนังให้ตายๆจากไปสักที แต่ก็ไม่ได้ทำ ไอเวส กับ ซีโอเหมือนจะปรึกษากันเรื่องทางลับกับเปลวไฟที่พวกตนประสบมา แต่เหมือนใบหน้าของทั้งคู่จะซีดลงเรื่อยๆ

     

    “นี่เรามาติดในทางตันเหรอเนี่ย….”ไอร์เมอร์ทำท่าจะหันไปขอโทษขอโพย คนอีกสองคนที่ตามมารับชะตากับการนำทางแบบสุ่มเดาเอาตามความรู้สึกของตน แต่จู่ๆใครคนหนึ่งก็ตะโกนเสียงดัง

     

    “ไม่หรอก ยังมีทางออกไปได้ ลมยังไม่หายไป”

     

    “ลมเหรอ?” เกรเซียสพยักหน้า มีความคิดแว่บหนึ่งเตือนเขาให้นึกถึงทางระบายน้ำขนาดใหญ่ ทำให้เขาตั้งใจจะหันไปบอกคนอื่น ก่อนที่จะเหลือบเห็นเส้นผมสีน้ำเงินของซีโอบางปอยลู่ลมอย่างแผ่วเบา แต่นั้นมากพอจะให้เขาฉุดคิดบางอย่าง!

     

    “เป็นไปได้สูงว่าจะมีประตูลับอยู่ การค้าขายของแบบนี้ ไม่เอาเข้ามาทางปกติอยู่แล้ว”ลูก้าสนับสนุนแล้วยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์นิดๆ

     

    “แต่จะให้ลากลังออกมาทั้งหมด แรงพวกเราคงหมดก่อนแน่ๆ”

     

    “ไม่ก็ห้องถล่มก่อน”

     

    “แต่ถ้าไม่ลองละก็ยังไงก็ไม่ได้ออกไปนะ”

     

    “ด้านหลังนี่ มีลม….”ก่อนที่จะทะเลาะกันไปมากกว่านี้ เสียงแผ่วเบาราวกับจะหายไปกับอากาศเอ่ยขึ้น เดมอสวางมือลงบนกล่องลังกล่องหนึ่ง เขาหันหน้ามาทางเกรเซียสและลอเลน ดวงตาสองสีสบกันอย่างเงียบงัน ราวกับต้องการจะสื่อบางอย่าง ก่อนจะหลุบลง เกรเซียสแตะความชื้นที่หลงเหลืออยู่บนร่างกาย ก่อนยกนิ้วขึ้นแล้วพยักหน้าให้อีกฝ่าย

     

    “มีจริงๆด้วย แต่เบาบางมากเลย”ยิ้มแย้มเปร่งประกายราวกับดวงตะวันเฉิดฉาย เรียกความมั่นใจให้เพื่อนร่วมชะตากรรมรอบๆ

     

    “ไอเวส ช่วยฉันผลักหน่อย”ซีโอขยับเป็นคนแรก เขาคว้ามุมขวาของวัตถุทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ก่อนเจ้าของชื่อไอเวสจะเข้าจับที่มุมด้านซ้าย แลนท์ ลอเลน และลูก้าช่วยจับตรงกลางพร้อมกับออกแรงดึง

     

    เพียงชั่วอึดใจก็ปรากฏเป็นบานประตูขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่พอให้มุดผ่านเข้าออกได้ที่ด้านหลังอย่างพอดิบพอดี เดาได้เลยว่าของที่ใส่อยู่ข้างในลังเหล่านี้คงมีเพียงวัตถุใหญ่แต่เบา ทั้งรอยขูดเป็นทางบนพื้นยังช่วยยืนยันว่า มันมีไว้เพื่ออำพรางทางลับอย่างที่ลูก้าสันนิฐานจริงๆ

     

    “เยี่ยม มีประตูจริงๆด้วย”เกรเซียสยิ้มแก้มแทบปริพรางหันไปพูดกับเดมอสอย่างยินดี

     

    “ความดีความงามรอบนี้ ขอมอบให้เดมอส”อีกฝ่ายเพียงยิ้มเเผ่วบางกลับมาเท่านั้น

     

    กึกๆ

     

     “ล็อคแฮะ”ลูกบิดเงินถูกรั้งอย่างแรงจนแทบจะหลุดคามือของลอเลน เขาอาจไม่รู้ตัวก็ได้ว่าด้วยแรงของเขา ถ้าจะหักมันออกก็เป็นเรื่องง่ายๆจึงไม่ได้ออมแรงเลยสักนิด

     

    “พังโลดเลย”ไอเวสหันด้านข้างของตัวเองเตรียมเข้าลงมือตามคำเพื่อนแต่โดนเสียงของลูก้ารั้งไว้ก่อน

     

    “เดี๋ยว”เขาจิ๊จ๊ะในปากก่อนจะหยิบมีดออกมาจากข้างเอวแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงยียวน

     

    “มีวิธีนุ่มนวลกว่านั้นเยอะน่า” ปลายเหล็กแหลมสอดเข้าไปในรูมืดมิด ข้อมือของชายหนุ่มขยับไปมาสองสามทีก็เกิดเสียง แกร็ก กิ๊ก แล้วลูกบิดก็คลายตัวออก ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ

     

    “นายไปเรียนสะเดาะกลอนมาจากไหนเนี่ย ดูเชี่ยวจังนะ”ไอร์เมอร์มองด้วยดวงตาสนอกสนใจ แต่อีกฝ่ายยักไหล่ให้แล้วตอบปัดๆ

     

    “วิชาชีพ ลับเฉพาะน่า” ลูก้ากระชากประตูออกแล้วพุ่งตัวเข้าไปคนแรก

     

    โครม

     

    !

     

     

     

    “หมดกัน....”

     

     

     

     

     

     

     

    อาเมนแด่กระดูกไหประร้าของลูก้า

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×