คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1: ยินดีต้อนรับสู่ คุกนิลฟ์เฮมแห่งเมืองลอยฟ้า
แสงสว่างที่สอดส่องลงมากระทบกระจกนั้นเรียกว่าแสงสว่าง
เงาสีดำที่ทอดตัวยาวออกมาจากกระจกนั้นเรียกว่าความมืด
ทั้งที่ถูกใช้แทนสัญลักษณ์ของความดีและความชั่ว
แต่ทั้งสองก็มีรูปร่างเหมือนกัน
ผืนทะเลสีเขียวที่ทอดตัวยาวและผืนทะเลสีฟ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา สิ่งเหล่านี้ที่ขนานกันคือบรรยกาศที่มองเห็นได้ทั้งชีวิตของผู้คนบนเกาะลอยฟ้ามาแต่ครั้งโบราณ แม้จะมีเรื่องเล่าให้ผู้ริลองหาการผจญภัยหวังจะได้เห็นทะเลที่โพ้นป่า แต่ด้วยอันตรายของ ป่าดำ ที่เป็นแหล่งรวมภูติพรายนับล้านชนิด จึงมีเพียงไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นที่จะรอดชีวิตกลับมาจากภัยคุกคามเหล่านั้น วัฏจักรชีวิตของคนบนเกาะลอยฟ้าจึงอาศัยอยู่ที่เมืองแห่งนี้ตลอดชีวิต
เมืองแห่งนี้ไม่ค่อยมีนาฬิกาให้เห็นเท่าไหร่ เพราะแสงอาทิตย์จะกระทบผ่านปราสาทแก้วสะท้อนลงบนเมืองเป็นสีสันสดสวยเปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งวัน ในขณะที่แสงจันทร์จะกระทบผ่านคุกนิลฟ์เฮมที่ตั้งตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามสาดสีนวลทุกจันทร์เต็มดวงสลับไปสลับมาเช่นนี้นับร้อยปี ต่างเวลาที่วนย้อนกลับในแต่ละวัน บอกวันคืนโดยดูสีสันต่างๆโดยง่าย
ทว่าแม้จะสร้างความงดงามจนเป็นที่ล่ำลือให้เป็นเรื่องเล่าขานถึงโลกเบื้องล่าง แต่ความรู้สึกที่มีต่อสถานที่ทั้งสองสำหรับคนในเกาะลอยฟ้ากลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ปราสาทแก้ว หรือ ชื่อจริงที่ยาวเหยียดจนไม่มีใครจะจำนั้นเป็นที่ประทับของราชนิกุลรุ่นแล้วรุ่นเล่า โดยในปัจจุบัน มีสามพี่น้อง ซึ่งประกอบด้วย น้องคนเล็ก เจ้าชายลุควิท พี่คนรอง ท่านฟรีเชียร์ และจักรพรรดิณีชูร่า เป็นประมุขที่คอยดูแลให้ความร่มเย็นประชาชนตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีนับแต่เสด็จพ่อของท่านได้สวรรคตไป ท่านชูร่านั้นมีนิสัยขี้เล่นเป็นกันเองออกจะเหมือนพวกภูติในแม่น้ำชีแฟร์ ไม่ค่อยถือตัว ทว่ามีความเป็นผู้นำสูง สามารถทำให้คนทั้งกองพันติดตามได้โดยไม่คิดแข็งข้อทั้งที่เป็นจักรพรรดิณีไม่กี่องค์ ต่างกับท่านฟรีเชียร์ ซึ่งมีเชื้อสายของแม่มดทวิภพ เก่งในด้านค้นคว้าตำราและเรือบิน แถมยังมีองค์รักษ์ส่วนตัวที่ไม่ขึ้นตรงต่ออัศวินทั้งสามหน่วยคอยเคียงข้างเกือบตลอดเวลา ส่วนน้องชายคนสุดท้องหรือท่านลุควิทมีบุคลิคที่เก็บตัวไม่สุงสิงกับใครเป็นพิเศษจึงไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงของใครต่อใครนัก
อย่างไรก็ตามทั้งสามพระองค์ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรือความเห็นที่แตกต่างจนทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก คนที่เกิดในสมัยของพระองค์นั้นจึงเทใจให้ทายาททั้งสามบูชาประหนึ่งเทพเจ้าแห่งเกาะลอยฟ้าอย่างง่ายดาย
กลับกันแล้ว ในคุกนิลฟ์เฮมนั้น เป็นเสมือนที่รวมความเกลียดชังทั้งมวลของคนทุกยุคสมัย ผู้มีอำนาจสูงสุดในที่แห่งนั้นเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่เกิดขึ้นโดยมีดาวแม่เป็นดาวอัปมงคล 12 ดวงในแต่ละยุคสมัยเท่านั้น เด็กที่เกิดใต้ฤกษ์เหล่านั้นจะถูกนำตัวมาเลี้ยงในคุกนิลฟ์เฮมแล้วโตขึ้นรับตำแหน่งอัศวินไซเซียร์ก้าทั้งสิบสอง
การกระทำนั้นเชื่อว่าเป็นการพรากโชคร้ายออกจากครอบครัวที่มีเด็กอัปมงคลเกิดมา แม้จะมีบางกรณีที่เกิดการขัดขืนไม่ยอมมอบทารกให้ยมทูตสีแดงที่มารับออกจากครอบครัวเหล่านั้น แต่โดยมากแล้วหากไม่ทำพิธีพรากโชคร้าย ครอบครัวเหล่านั้นก็จะล่มจมและพบจุดจบน่าสยดสยองกันไปทุกราย ซ้ำร้ายมักจะมีการกล่าวถึงวิญญาณหญิงสาวที่มากรีดร้องข่วนประตูบ้านนั้นๆดังนะงมอยู่ทุกค่ำคืนเพื่อที่จะจับทารกแห่งไซเซียร์ก้าอีกด้วย
จึงมีการฝังรากความคิดที่นึกรังเกียจไซเซียร์ก้าทั้ง 12 คนสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย และต้องออกกฏจำกัดบริเวณ ให้โชคร้ายนั้นอยู่เพียงด้านตะวันตกของเกาะเท่านั้น ทั้งยังถูกขังแยกในหอคอยสูงสุดตั้งแต่เด็ก จึงเล่าต่อกันเป็นนิทาน ถึงเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ดังออกมาจากการโดนทรมาณของนักโทษ การปลิดชีพก่อนที่จะถูกไซเซียร์ก้าจับตัวได้ หรือ ความโหดร้ายทารุณไร้ความปราณีของหัวหน้าสูงสุดแห่งไซเซียร์ก้า มันคือนิทานสิบสองเรื่องของดาวต้องสาปที่ร้องกันเป็นเพลงยามคืนผีสางของเกาะลอยฟ้า แน่นอนว่าบางส่วนอาจจะเป็นเพียงการเล่าต่อจนสนุกปากของคนโบราณที่สะสมมา แต่ที่นี่นั้น กำลังมีเสียงกรีดร้องอย่างทรมาณทรกรรมอยู่จริง นั้นก็คือ....
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”เรเว่นร้องตะโกนเสียงดังก้องห้องปูกระเบื๊องเคลือบสีขาวสะท้อนไปสะท้อนมาพรางใช้ขาถีบน้ำสะบัดกระจัดกระจานพาคนอีกคนในห้องนั้นเปียกโชกไปด้วยกันทั้งคู่ หากเป็นครั้งแรกนั้น สไปร์ก้าคงจะหัวเสียน่าดูที่ต้องโชกตัวไปพร้อมกับเด็กสาวตัวแสบ ทว่าในปัจจุบัน หลังจากผ่านมาได้ครึ่งปีกว่า เธอเคยชินไปแล้ว เสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสองจึงแยกกันแช่อยู่ในถังน้ำเตรียมนำไปซักในขณะที่ทั้งคู่อยู่ในอ่างโดยไร้เครื่องนุ่งห่ม
“ไม่ต้องร้องเลยนะ เรเว่น ดูสิ อื๊อหือ ไปคลุกอะไรมาเนี่ย นี่ก็จับอาบน้ำทุกวันเช้าเย็นๆ ทำไมถึงได้ซกมกขนาดนี้ เราเป็นผู้หญิงนะ!” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด แต่เสียงของเธอไม่ได้ดุร้ายหรือดูโมโหแม้แต่น้อย สไปร์ก้า ไลบรา เป็นคนใจดีที่สุดในหมู่ผู้คุมระดับ ไซเซียร์ก้า และเป็น1ใน2 เท่านั้นที่เป็นผู้หญิง เธอมีอายุ 20 ต้นๆ แต่ร่างกายกลับเด็กกว่าอายุจริง 2-3 ปี ดวงตากลมโตสีเขียวอ่อน และเส้นผมตัดสั้นที่มีเปียถักข้างหูสีฟ้าคราม ด้วยความที่มีนิสัยอ่อนโยน แบบผู้หญิงทั่วไปทำให้หัวหน้าใหญ่ส่งเธอมาดูแลงานฝั่งบุคคลมากกว่างานฝ่ายลานลงทัณฑ์ตั้งแต่เล็กๆ เธอจึงคุ้นชินกับงานเกี่ยวข้องกับผู้คนมากกว่าใครทั้งหมด รวมทั้งเป็นคนเดียวที่จัดการกับกิจวัตรของพายุประจำคุกนิลฟ์เฮมได้เรียบร้อยที่สุด
แม้สไปร์ก้าค่อนข้างกระดากอายที่ต้องเปลือยต่อหน้าคนอื่นนอกจากคอร์ดิเอ เพื่อนสาวที่เหมือนกับพี่น้องร่วมไส้ด้วยอยู่กันมาตั้งแต่เด็ก ทว่าครั้งหนึ่งเธอเผลอเพียงเสี้ยวนาที เรเว่นก็วิ่งหนีออกจากห้องน้ำไปทั้งที่ไม่มีอะไรสวมใส่ ส่วนเธอก็เอาตัวเปียกโชกไล่ตามจนร้อนถึงพี่ชายฝาแฝดของเธอและคนอื่นๆที่ต้องมาไล่กวดเรเว่นกันใหญ่ จากนั้นมาต่อให้รู้สึกขวยเขินจนอยากแทรกดินวิ่งหนีไป แต่เธอก็ทำใจสู้เสือ นั่งแช่ในอ่างโดยเอาขาล็อคเด็กน้อยแล้วเริ่มจับล้างตัวต่อไป
“แงงงงงงงงงงงงงงงง เราไม่ชอบอะ! สไปร์ก้าแกล้งเรา....บุ๋มๆๆ”ขันน้ำอีกขันตักราดร่างเล็กตั้งแต่หัวรดเอาคราบสีดำของโคลนดินและน้ำมันอาหารที่เริ่มบูดไหลลงท่อน้ำไป เธอทำแบบนี้ซ้ำอยู่อีกพักใหญ่จนผิวที่เป็นสีเทากลับมาเป็นสีเนื้ออย่างที่ควรดังเดิมจึงรองน้ำในอ่างให้เกือบเต็มแล้วเทสบู่ตีฟองให้เจ้าของใบหน้าที่เบ้อย่างไม่พอใจไล่งับฟองสบู่เล่นฆ่าเวลา
“ของมันต้องทำ ขืนปล่อยเราซกมกสองสามวัน ขี้กากขึ้นตัวพอดี เรเว่น”แม้จะเป็นจริงดั่งที่คนอายุมากกว่าว่า แต่เด็กน้อยก็ยังเป็นเด็กน้อยวันยังค่ำ เธอทำจมูกฟุดฟิดแล้วบ่นกระปอดกระแปด
“สมัยก่อนเราแค่เอาหัวจุ่มแม่น้ำสะบัดไปสะบัดมา อาจารย์ก็ไม่ว่าแล้ว”
“แต่ที่นี่มันไม่ใช่ ถึงหัวหน้าใหญ่จะสั่งทำความสะอาดทุกสองวัน แต่พื้นที่มันมากเกินไป แถมตัวปราสาทเป็นทางลมผ่านหอบฝุ่นเข้าเอาๆอยู่แต่เดิมแล้วด้วย หรืออยากให้พี่เวียน จับตีก้นก่อนรักษาอีก หรือ ส่งให้หัวหน้าใหญ่จัดการดัดนิสัยดี หืม”สิ้นคำของสไปร์ก้าเด็กสาวก็หน้าซีดลงก่อนจะโวยวายด้วยเสียงที่เบาลงและติดสั่นปลาย
“ไม่เอาอะ! เจมิไนใจร้ายจะตาย เรารักสไปร์ก้าที่สุดเลยนะ เป็นเด็กดีแล้วๆ.....”
“งั้นอยู่นิ่งๆนะ”เรเว่นเป็นเด็กดีตามที่อีกฝ่ายต้องการตลอดครึ่งชม.ที่เหลือ แม้จะโดนจับหมักผมหรือขัดตัวด้วยบวบหยาบเพื่อเอาขี้ไคลออก เจ้าตัวก็ไม่บ่นสักแอะ แม้จะเบ้หน้าตลอดเวลาก็ตาม มันได้ผลเสมอเมื่อเอ่ยชื่อของ เจมิไน หรือ หัวหน้าใหญ่ เพราะต่างก็เคยจับเจ้าตัวแสบตีก้นมาแล้วทั้งคู่
“เห็นมั้ย แปบเดียวก็เสร็จแล้ว”
“บู่!” น้ำหยดสุดท้ายหายลงท่อไปในขณะที่ผ้าขนหนูสะอาดซับความเปียกชื้นออกจากร่างของเรเว่น จากก้อนขนสกปรกในตอนแรกจึงกลายเป็นเด็กน้อยตาโตจนโปนสีเทา ที่ใบหน้ามีจมูกเล็กๆกับเขี้ยวสีขาวใต้ริมฝีปากถึงสองคู่ซ่อนอยู่ ใต้เรือนผมหยิกหย่อยสีดำยาวถึงเอว เธอเอาเท้าเกี่ยวริบบิ้นที่อีกฝ่ายพยายามผูกให้ออกอย่างไม่ชอบใจจนสไปร์ก้าต้องยอมแพ้ในเรื่องนี้อีกครั้ง
เรเว่นไม่สามารถใส่เครื่องแบบนักโทษได้ แรกเริ่มนั้นเหล่าผู้คุมให้เธอสวมเสื้อกระโปรงสีดำและกางเกงฟักทองสีขาวที่หาได้ง่ายๆทั่วไปชั่งคราวระหว่างรอเครื่องแบบที่ตัดอยู่ ทว่าเพียงอาทิตย์แรกก็เสียเสื้อสำหรับเด็กน้อยไปมากกว่า 4 ชุด แม้จะพยายามแล้วพยายามอีก สุดท้าย เด็กน้อยก็ยังทำลายชุดของตน ชุดแล้วชุดเล่าจนเรือนจำมีผ้าขี้ริ้วพอให้พันรอบห้องอาหารได้ 1 รอบในเวลาไม่นาน ดังนั้นพวกเขาจึงให้เธอใส่เสื้อแบบนี้เป็นกรณีพิเศษมาโดยตลอด
.
.
.
.
“เออเว้ย เอาก้อนขนไปซักตั้งนาน กลับมายังไงมันก็ดูเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่ดี นี่ขนาดสไปร์ก้าซักให้นะเนี่ย เฮ้อ”
เสียงของแคนเซอร์เหน็บขึ้นก่อนที่เรเว่นจะก้าวพ้นประตูเข้ามาด้วยซ้ำ ดวงตาของเขาที่เด็กน้อยไม่มีวันมองเห็นเต็มไปด้วยความมาดร้าย ในขณะที่คนอื่นๆในห้องบางคนกลับมีแววตาขบขันเจือนปนอยู่ สร้างบรรยกาศแตกต่างจากภายนอกที่เป็นห้องขังราวกับที่นี่ไม่ใช่ห้องทำงานรวมของอัศวินชั้นไซเซียร์ก้า
ห้องนั้นตกแต่งเรียบๆด้วยสีสว่าง ใกล้ประตูนั้นมีชุดโซฟาเล็กๆ กับโต๊ะเตี้ยและหนังสืออ่านเล่นกองหนึ่ง พร้อมด้วยถ้วยใส่ขนมหวานสีสดดูแสบไส้ ถัดมานิดหน่อยกองทัพถ้วยชาก็กำลังถูกลำเลียงลงล้างในซิ้งสีขาวด้วยมือของชายร่างกำยำที่หันมายิ้มใจดีให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง ขวดใส่น้ำตาลสามสี่แบบวางเรียงบนชั้นวางคู่กับกาแฟและชาหลากหลายชนิดปะ
หากตัดส่วนที่ว่านี้และที่ว่างเล็กน้อยออกไป ก็สามารถแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนโดย ส่วนแรก มีตู้ใส่แฟ้มเอกสารเรียงเป็นตับสูงเทียมเพดานโดยชายคนหนึ่งกำลังเลื่อนบันไดปีนหาสิ่งที่ตนต้องการลงมาอยู่ เพือเอาไปส่งให้กับโต๊ะทำงานโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งใน 9 ตัวที่ล้วนแต่เต็มไปด้วยเอกสาร รูปภาพ และตารางซึ่งจัดให้รกอย่างเป็นระเบียบแยกหมวดหมู่และกินพื้นที่อีก 2 ส่วนที่เหลืออยู่ ไปจนหมด
“อย่างหนูน้อยเนี่ย คิดไม่ออกเลยนะว่าโตแล้วจะเป็นเจ้าสาวได้ยังไง”ทาทูรัสหัวเราะเบาๆพรางขยี้หัวเรเว่นขณะส่งถ้วยกาแฟให้สไปร์ก้า เธอกล่าวขอบคุณก่อนนั่งลงจิบมันที่โต๊ะของตัวเอง ส่วนเรเว่นก็เข้าไปนั่งขัดตมาทบนเก้าอี้ใกล้ๆสไปร์ก้าอย่างเคยตัว
“ไม่เอา อย่าแต่งงานนะ ผมไม่อยากให้เธอออกจากคุกเลย มีเธอแล้วสนุกดีออก”เสียงนุ่มนวลว่าขึ้นพร้อมรอยยิ้มจากมุมว่างหนึ่งของห้องที่มีชายหนุ่มผมทองหยิกตัดสั้นแต่ย้อยปิดตาหนึ่งข้างของเขาไว้กำลังดัดตัวด้วยท่าแปลกๆแก้ความเมื่อยล้าอยู่ เขาคือซิลวิโอ แอเรียส ไซเซียร์ก้าดาวแกะ
“บัญชีเป็นตัวแดงแบบนี้ข้าไม่สนุกด้วยคนหรอกนะ”เรเว่นสะดุ้งพรางครางหงิงหงืดเบาๆก่อนเขยิบตัวหนีไปด้านหลังซึ่งเป็นโต๊ะของสกอปิโอซึ่งห่างจากโต๊ะของ เวียนนา เจมิไน นักบัญชีที่กำลังเริ่มโมโหกับการเขียนงานยิกของเขา
“เอาน่าพี่ค่ะ เธอยังเด็กนะ”สไปร์ก้ายิ้มให้พี่ฝาแฝดของตนอย่างใจดี ก่อนจะหยิบงานส่วนหนึ่งมาเริ่มลงมือด้วยท่าเขียนและสีหน้าตั้งอกตั้งใจที่ถอดแบบกันมายังกับแกะเพียงแต่คนหนึ่งคิ้วขมวด อีกคนยิ้มอ่อนโยนอยู่เท่านั้น
“เด็กผีละสิ งานข้า....งานที่ข้าทุ่มเททำทั้งคืน.....อย่าให้เผลอนะ พ่อจะเอาไปทำหุ่นไล่กาไว้ซ้อมปามีดซะเลย”แคนเซอร์แขวะเข้าอีกรอบพรางทำท่าประกอบโดนใช้มีดสั้นเปิดซองจดหมายแทงอากาศเป็นเสียงฉวับฉวับ เรเว่นไม่ได้กลัวเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย ทว่าเธอก็รักษาน้ำใจแคนเซอร์โดยการหัวเราะเบาๆแล้วเข้าไปซุกหลบกับสกอปิโอ
“อย่าพูดสิ....ข้าอุส่าลืมว่าอยากจะเตะก้นยัยนี่แรงๆให้กระเด็นไปถึงกรงขังแล้วเอาแส้มัดเป็นบ๊ะจ่างไปแล้วนะ.......”ปากพูดแบบนั้น แต่โรซาลิน สกอปิโอก็ยังอุส่าเขยิบที่ให้เจ้าตัวแสบมานั่งใกล้ๆ ข้อดีอย่างหนึ่งคือเรเว่นมีความสูงน้อยกว่าอกของสกอปิโอ และเมื่อนั่ง ก็พอรองเท้าพอดี โดยเฉพาะในมุมที่คุณแม่จำเป็นอย่างสไปร์ก้าไม่เห็น แถมเจ้าตัวไม่ถือสา เลยยกขาพาดเด็กน้อยแก้เมื่อยอย่างสบายอกสบายใจ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจนี่นา ข้าขอโทษนะ อย่างอนข้าเลย”ว่าเสร็จก็เอาหัวทุยๆเข้าไปถูๆไถๆกางเกงของสกอปิโอทำให้โดนด้ามแส้ฟาดเอาเบาๆทีหนึ่ง แต่เจ้าตัวก็ทำเป็นลูบหัวป้อยๆหันไปอ้อนสไปร์ก้าซึ่งมัวแต่ง่วนกับงานจนไม่ได้หันมาดู
“บอกว่าให้แทนตัวว่า ข้าน้อย ไม่จำ”แมงป่องบ่นพึมพำแต่ก็ไม่ยอมยกขาออกจากเด็กน้อย
“งั้นเกิดบ้าอะไรคราวนี้ถึงไล่อาละวาทซะพังไปหมดอีกละอีกละฟะ” แคนเซอร์ทำหน้าเหมือนว่าถ้าได้คำตอบไม่พอใจเขาจะเข้ามาช่วยรุมขย้ำเธอให้ได้ แต่ดวงตาสดใสสีเทากระพริบสองสามทีก่อนตอบอย่างไร้เดียงสาด้วยเสียงร่าเริง
“ก็ข้าสงสารหนูตัวนั้นนี่นา แมวของหัวหน้าใหญ่ก็กวดข้าอีก ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนซะหน่อย.....”
“พวกท่าน ไม่ใช่พวกเจ้า ยัยเด็กไร้มารยาท”สกอปิโอมองก้อนขนที่กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยสายตาคมกริบ ทว่าอาจเพราะคนตัวเล็กมองไม่เห็นอยู่แล้วทำให้เธอไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่นิด
“ทำไมอะ แบบนั้นมันห่างเหิน ข้าไม่ชอบนี่นา”
“เฮ้อ.........”คู่หูคู่ซวยได้แต่ถอนหายใจพร้อมกัน พรางมองเท้าเล็กๆที่เตะรองเท้ากระเด็นไปไหนไม่รู้อีกครั้งหนึ่ง ความจริงแล้ว จะว่าว่าเป็นเรื่องแปลกพวกเขาก็เริ่มเคยชินกับการที่ เรเว่นต้องเข้ามากักตัวแบบใกล้ชิดทั้งๆที่นักโทษคนอื่นไม่เคยต้องทำมาก่อน แถม ยังไม่มีใครคิดจะล่ามขาด้วยลูกเหล็กตามกฏที่ระบุเอาไว้ด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่เข้าขั้นแปลกที่คนทั้งคุกรู้นั้นคือ
เรเว่นไม่เคยคิดจะหนีออกจากคุก แตกต่างจากนักโทษปกติ แม้แคนเซิลกับคนอื่นจะเคยทดลองอยู่หลายครั้ง สิ่งที่เธอทำก็มีเพียงแค่ วิ่งหาอัศวินไซเซียร์ก้ากับก่อเรื่องวุ่นวายเท่านั้น
แคนเซอร์เหลือบมองที่รองขาขนปุกปุยของเพื่อนสนิทเขา เรเว่นไม่ใช่เด็กที่เห็นแล้วจะบอกได้ว่า น่ารัก หรือ สวย ซ้ำยังตาบอดและพิการมากจนผู้คุมส่วนใหญ่ให้ความสงสารและเอ็นดูเป็นพิเศษ ฝั่งที่ไม่ชอบขี้หน้าเธอก็จะถอยห่างไม่เข้ามายุ่ง ไม่มาเหน็บแนมอย่างที่ทำกับนักโทษคนอื่น ทว่าเธอไม่ได้เซื่องซึมอย่างที่ควรจะเป็น อันที่จริง เธอร่าเริงมากจนเกินไป! แถมยังมีสติปัญญาเป็นเด็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันอีกด้วย หากจะบอกว่าเพราะเป็นคนจรจัดที่ไม่ได้เรียนหนังสือมาก่อน เจ้าตัวก็มักจะพูดถึง ‘ท่านอาจารย์’ ทีเลี้ยงดูมาอยู่เรื่อยๆจนไม่สามารถระบุการศึกษาที่แท้จริงได้
ยังไงก็ตาม ความชื่นชอบอัศวินไซเซียร์ก้าของเธอ เป็นเรื่องไม่ปกติอย่างมาก
โดยปกติแล้วนักโทษส่วนใหญ่จะปากดีกับผู้คุม แต่สำหรับผู้คุมชั้นไซเซียร์ก้า ใครต่อใครต่างก็หวาดกลัว หรือ รังเกียจด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นเรื่องประหลาดที่ทุกคนไม่เคยเจอ ทั้งคุยเล่นอย่างสนุกสนาน หรือแม้แต่คอยปลอบใจโดยที่พวกเธอไม่รู้ตัวในยามที่เคร่งเครียดต่อการปฏิบัติงาน ทำตัวเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา เพราะเช่นนั้นแม้บรรยกาศรอบตัวจะทำให้พวกเขาไม่อึดอัดกับการมีเด็กเพิ่มเข้ามาในห้องทำงาน แต่ก็อดระแวงไม่ได้
เพราะยังไงเสีย เธอก็คือ แม่มด
แม่มดอีกา ที่หัวหน้าใหญ่ได้ตัดสินว่ามีความผิดจริง
“ถ้าไม่เลิกเล่นแล้วทำงานให้เสร็จ ข้าจะตัดงบใช้จ่ายสิ้นเดือนของแกนะ แคนเซอร์”เจมิไนขู่ด้วยเสียงโทนปกติเหมือนพูดเล่นแต่แคนเซอร์ก็รีบนั่งลงทำงานก่อนจบประโยคนั้นเสียอีก เพราะประสบการณ์ไส้แห้ง ได้แต่เกาะคู่หูแมงป่องกินเกือบเดือนที่ผ่านไปหมาดๆ ตอนนั้นเอง ชายรูปร่างอ้อนแอ้นผมสีฟ้าอ่อน ตาใสเหมือนแก้ว ก็เดินเข้ามาใกล้แล้ววางกองหนังสือกับแฟ้มเอกสารบนโต๊ะของแคนเซอร์เพิ่มขึ้น จนแทบจะพูนหัว
“อีนี่ก็กลัวดอกพิกุลจะร่วง เออ....โทษที แกช่วยฉันนี่หว่า เอาเป็นว่า ขอบใจนะ อควาริอัส” อควาริอัส แอสเตอร์พยักหน้าโดยไม่พูดไม่จา เขาเดินผ่านโต๊ะของตัวเองแล้วนั่งบนบันไดปีนตู้เอาเอกสารสองสามแผ่นมาทำ พอทำเสร็จก็กลับไปเอาใหม่ที่โต๊ะตัวเองซ้ำไปซ้ำมาตลอดเวลาที่เรเว่นนั่งเป็นเบาะรองอยู่ตรงนั้น
แอ็ดดดดดดดดดดดดดด
คอของเรเว่นส่งเสียกรอบแกรบเบาๆตามกระดูกที่ลั่นตอนที่หมุนคอแก้เมื่อย ในขณะที่ประตูไม้เปิดออก ทุกคนยืดตัวขึ้นในท่าที่ดูเป็นงานเป็นการเมื่อพบคนเฉื่อยชา ที่มีศักดิ์รองหัวหน้าติดตัวมาด้วยปรากฏตัวขึ้น
“รองหัวหน้าเลโอสวัสดีค่ะ
“สวัสดีเลโอ”
“โย่”
และอีกหลายๆเสียงลอยมาพร้อมๆกัน เลโอพยักหน้าอย่างเชื่องช้าก่อนจะหยิบเอกสารที่เสร็จเรียบร้อยส่งให้สไปร์ก้านำไปจัดเรียงต่อพรางสาวเท้าเข้ามาใกล้แมงป่องกับปูสองตัว
“หัวหน้าใหญ่ฝากมาบอกว่า ให้เอาข้าวให้กินให้เรียบร้อยแล้วเอาไปทำโทษพร้อม เลวี่ และ เนโร ที่ห้องน้ำรวมด้วย” เรเว่นหน้าบูดลงทันตาพรางทำท่าทางเหมือนยังไม่อยากออกไปไหน ในมือของทาทูรัสหยิบเอาชามข้าวโค้งงอที่คว่ำยากและช้อนที่งอกว่าช้อนปกติส่งให้เด็กสาว เธอใช้หน้าตักข้าวหนึ่งประคองชามข้าวก่อน จับช้อนด้วยเท้าขวาตักอาหารคำแล้วคำเล่าเข้าปากโดยมีสไปร์ก้าเหลือบตาเชิงสั่งให้สกอปิโอเช็ดหน้าให้แม่มดน้อยเป็นพักๆ
“ฮะๆๆ”แคนเซอร์หัวเราะอย่างชื่นบานก่อนจะว่าขึ้นว่า ” สมน้ำหน้า มือหักตายแน่ๆ แก” เขาส่งสายตาขบขันไปมองคนรอบๆทว่าก็สะดุดกับเสียงเฉื่อยชาที่เหมือนบาดกลางใจเขามากเป็นพิเศษในวันนี้
“แคนเซอร์”
“ข้าทำงานเอกสาร ข้าไปคุมไม่ได้....”ไม่ต้องอธิบายออกมาเป็นคำพูดเขาก็รู้ว่าความหมายนั้นคืออะไร ทำโทษนักโทษก็ต้องมีคนคอยคุมเดี๋ยวจะพากันแหกคุกหนี ไม่ก็ปลุกระดมก่อกบฏ กับก้อนขนหรือเนโรนะไม่เท่าไหร่ แต่กับยัยเลวี่ตัวแสบนั้น.....ความเป็นไปได้มีมากทีเดียวเลย....
“ผมไปแทนคุณแคนเซอร์แทนก็ได้นะครับ”แอเรียสแกะตัวที่ติดพันด้วยท่ายืดประหลาดของเขาออกก่อนจะทำท่าเดินไปจูงเรเว่นแต่ก็ฝันสลายไปอีกคน
“ไม่ได้หรอก แอเรียส” เลโอดึงปึกเอกสารในอ้อมแขนอีกปึกส่งให้พร้อมซองจดหมายพรมน้ำหอมฟุ้ง ”พี่สาวเจ้าฝากงานมาให้นะ”
“เอ๋ เอกสารเรื่องอะไรละครับเนี่ย”คิ้วของแอเรียสเลิกขึ้นแต่ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่ เช่นเดิม
“ทั่วไป คอร์ดิเอ ออกไปจัดการ งานบางอย่าง อยู่นะ” แอเรียสไม่ถามอะไรไปมากกว่านั้น พรางยกมือขอโทษแคนเซอร์แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป เมื่อปูพึ่งแกะไม่ได้ก็คิดจะลากเอาแมงป่องติดร่างแหไปด้วย ทว่าไฉนเลยจะสู้ความรู้เท่าถึงการของพญาแพะทะเลที่บรรชาผ่านราชสีย์มาได้
“สกอปิโอ หัวหน้าให้อยู่ทำงานจนกว่าจะเสร็จ ไม่งั้นจะให้เจมิไนตัดเบี้ยเลี้ยงแต่ตามสมควร” มือของสกอปิโอแทบลุกด้วยไฟเพราะความเร็วของน้ำหมึกที่เรียงตัวบนกระดาษ เจมิไนลอบมองเพื่อนร่วมอาชีพพรางทำหน้าเสียดายเขาพึมพำถึงตัวเลขที่ทำเอาแมงป่องถึงกับพิษสลายแล้วเร่งความเร็วตัวเองทำงานอย่างคนบ้าคลั่งต่อไป
“จัดไปคนเดียวเลยไปแคนเซอร์”เจมิไนออกความเห็นพรางชูสมุดบัญชีขู่เชิงว่า ถ้าไม่อยากโดนตัดเบี้ยเลี้ยงก็รีบๆไปทำให้เสร็จซะ
“แล้วเดดไลน์ข้าละ.....”ดวงตาสีทองเริ่มออกอาการเลิกลั่ก
“.....หัวหน้าบอกว่า เดี๋ยวยืดเวลาส่งให้ คนอื่นเขายุ่ง”เลโอตอบ
“แล้วข้าไม่ยุ่งรึไงวะ เดี๋ยวต้องแห่ไปล่าคนอีก ดูเอกสารดิ เป็นปึกเลยนะเว้ย”
“ก็มันงานแกนิ”
“ข้าไม่ไปโว้ย! ไม่ยุติธรรมกับข้าเลย เนอะ อควาเรียส”เจ้าปูทำท่าหาพวกดึงคนไม่ค่อยพูดกะโมเมเอาเป็นฐานเสริมทว่าวินาทีต่อมาก็อยากจะกัดลิ้นตายเสียแทน
“ถ้าไม่เอาส่วนของวันนี้.....ก็นั่งอยู่นี่......”อควาริอัสแกว่งขวดแก้วใสไปมาตรงหน้า มีเสียงขบขันจากแอเรียส และ เจมิไนที่ดูมีความสุขขึ้นเล็กน้อยหลุดลอดออกมาพร้อมกันนั้น แคนเซอร์ก็ทุบโต๊ะแล้วแบกเด็กสาวขึ้นบ่าเดินงอนคนอื่นออกจากห้องท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างท้อแท้ของแคนเซอร์ก็มีเสียงหัวเราะคิกคักอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเรเว่นดังระงมคู่กันไปทั่ว
“ไม่ยุติธรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
ความคิดเห็น