คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ
บทนำ
ข้ามอง
ข้าเฝ้า
ข้าเห็น
ข้าคอย
แสนนาน
ข้ารอ
ข้าจำ
ข้านับ
ข้าคิด
อยากจะพบเจ้าอีกครั้ง
ดั่งดอกไม้อันงดงามที่พบพานได้เพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี
แสงสว่าง ผู้ทรงศักดิ์
ตัวตนผู้เป็นสีขาวสะอาด
หากเจ้ายังคงไม่กลับมา
งานราตรีวิปลาสนี้ก็จะไม่มีวันจบลง
ไม่มีวัน
ข้าจะไม่ยอม!!!
“ตายอีกแล้วเหรอเนี่ย.....”
เสียงสวบสาบของผืนผ้าที่ถักทออย่างวิจริตงดงามดังแว่วท่ามกลางความเงียบงันของห้วงเวลา
ใครคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของเสียงคล้ายกับกำลังละเมอ ก้มลงคุกเข่าเอียงหน้าสัมผัสมืออรชรบนหน้าตักของอีกฝ่าย ก่อนใช้ดวงตาที่ดำมืดยิ่งกว่ารัตติกาลที่มืดที่สุดจ้องมองอีกฝ่าย
บัลลังค์ว่างเปล่าสีขาวสะอาดพลันเรืองประกายด้วยมนตราเปร่งปรั่งโฉบฉายแสงสว่างที่เป็นเพียงภาพมายาให้ปรากฏยังรูปร่างโปร่งสูงงดงามจับใจเพียงได้เห็นแรกพบ ดวงตาสีขาวสะอาดซึ่งปรือลงด้วยขนตายาวเรียวสีเดียวกับเส้นผมยาวจรดท้องพระโรงกว้างใหญ่ มิอาจเดาได้เลยว่าเป็นเวลานานขนาดไหนที่บุคคลผู้นี้ได้พำนักอย่างเงียบงันโดยปราศจากสุระเสียงอยู่ที่แห่งนี้ แม้เครื่องประดับเงินแวววาวจะเริ่มหม่นลงตามอายุขัย ทว่าผิวเนียนนวลกลับไม่เคยละความงามไปเลย มีก็เพียงแต่ลมหายใจแผ่วเบาของผู้ซึ่งหลับลึก และ หลงทาง อยู่ในห้วงกาลเวลาอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้นที่แผ่วลงเรื่อยๆ
“อลิส..........”
“เขาไม่ใช่อลิส”
ประกาศกร้าวชัดเจนจากบุรุษเพศในเครื่องแบบเต็มยศของอัศวินอันสูงส่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก กล้ามเนื้อที่มีผลมาจากความแข็งแกร่งและร่องรอยบาดแผลอันมากมาย คงทำให้ใครต่อใครเกรงกลัวได้ไม่ยาก ยิ่งบรรยกาศมืดครึ้มในยามนี้อาจเรียกได้ว่า บุคคลใดได้เห็น ก็ต้องเผลอทำความเคารพให้ ชายผู้นั้นมุ่นหัวคิ้วของตัวเองอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นคู่สนทนาเมินเฉยต่อคำพูดของเขา แต่หลายร้อยปีที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้มาตลอด....
“ช่างขัดต่อยามสนทยาอันแสนพิรมณ์ของข้านัก เทพเจ้าแห่งสงครามผู้สูงส่งเอ๋ย....”น้ำเสียงใสกังวารนั้นไร้อารมณ์เจือปน มันก็เหมือนกับเสียงของภาชนะแก้วที่ถูกลูบให้เกิดเสียงเท่านั้นเอง
“เขามิใช่อลิส.........เทพเจ้าแห่งความมืดมนที่รัก......ใยจึงพร่ำเรียกด้วยชื่อนั้นอยู่เรื่อยมา” ตอกย้ำให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะตอบรับ กลับเพียงพยายามจ้องมองผู้นิทราราวกับนั้นจะเป็นทางออกสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมดได้เช่นนั้นเอง
“เทพเจ้าแห่งความมืดมิด ข้าคิดว่า พวกเรา มีเรื่องที่สมควรจะทำมากกว่าการเล่นกับ สิ่งนั้น ”
“อย่าเรียกเขาดั่ง สิ่งของ ...........ลูคัส” ชื่อที่ถูกเอ่ย ด้วยน้ำเสียงกร้าวที่หาได้ยากยิ่ง เรียกให้ความขุ่นมัวเพิ่มพูนรุนแรง
“อามิเรีย เจ้าจะมากไปแล้วนะ” เจ้าของนามอันสูงส่งเพียงสะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ พรางลุกขึ้นยืน จัดท่าทางของผู้เป็นดั่งดวงใจให้งดงามดั่งเดิม
ก่อนจะก้าวลงมาสมทบเพื่อนสนิทที่ไม่เหมือนเพื่อนเพียงคนเดียวในสถานที่แห่งนี้เบื้องล่าง
“เจ้าคงเตรียมการเสร็จแล้วสินะถึงได้มากวนข้าได้นี่”เอ่ยจิกกัดขณะชะเง้อมองแผนผังของตัวอักษรโบราณที่ม้วนวนเชื่อมโยงเป็นต้นไม้ต้นใหญ่แผ่ขยายกิ่งก้านออกไปมากมาย
“ขาดก็แต่พลังของเจ้า”ชายหนุ่มเว้น “เจ้าคนยึดติดกับอดีต”
“ถ้าพลังของเจ้าไม่จำเป็นต่อ เขา ข้าจะฆ่าฝังลืมเจ้าเดี๋ยวนี้เลย”
“เสียใจด้วยที่เจ้ายังต้องใช้ข้าไปอีก เป็นร้อยๆปี อามิเรีย”เด็กสาวค้อนวงใหญ่ให้อีกฝ่าย ก่อนจะยกมงกุฎิสีดำประดับพลอยสีแดงสดขึ้น มันลอยเข้าไปอยู่เหนือแผนผังวิจิตงดงามนั้นราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นจับวาง ข้อมือเล็กๆบิดลงเป็นนาทีเดียวกับที่ของเหลวสีแดงสดชะโลมไปทั่วภาษาโบราณเหล่านั้น
ไม่ช้านานต่อมาแสงประกายไร้สีก็ค่อยๆเติมเต็มพฤกษาพิศวงนั้นก่อนจะแตกกระจายลับหายไปกับความว่างเปล่า หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของไอพลังเบาบาง
บุรุษร่างกำยำตวัดดาบเพียงครั้งเดียว ก็ส่งผ่านพลังจำนวนมากไปยังไอพลังเหล่านั้น ก่อเกิดเป็นรูปร่างผังลงบนพื้นหินอ่อนสีขาว
มันเป็นวงกลมขนาดใหญ่ที่มีตัวเลข 1 12 วิจิตงดงามยิ่งกว่าการเต้นรำของพวกเอลฟ์ ใจกลางมีหน้าปัดของเข็มนาฬิกาที่ยังจรดอยู่บนเลข 12 ตอนนี้เพียงแค่รอเท่านั้น
รอให้เหยื่อกลุ่มใหม่เข้ามาสังเวยให้แก่นาฬิกาคำสาปเรือนนี้
“เจ้าว่าครั้งนี้จะสำเร็จมั้ย” เด็กสาวถามอย่างเลื่อนลอย เธอหลับตาลงราวกับเหนื่อยอ่อนและไม่ต้องการคำตอบ
“ถ้าหากว่า มิคาเอล คือ ผู้สร้างแห่งปาฏิหารณ์จริงแท้”
เขาเมียงมองอักขระที่อีกไม่นานจะเต้นรำราวกับมีชีวิตแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เราจะได้เห็นกัน อามิเรีย”
ตูม!
ความคิดเห็น