ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [AU] fanfic-LSK ::: Alice Syndrome

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 55


     

    บทนำ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ข้ามอง

     

     

     

     

    ข้าเฝ้า

     

     

     

     

    ข้าเห็น

     

     

     

     

    ข้าคอย

     

     

     

     

     

     

     

    แสนนาน

     

     

     

     

     

     

     

    ข้ารอ

     

     

     

     

    ข้าจำ

     

     

     

     

    ข้านับ

     

     

     

     

    ข้าคิด

     

     

     

     

     

     

     

    อยากจะพบเจ้าอีกครั้ง

     

     

     

     

     

    ดั่งดอกไม้อันงดงามที่พบพานได้เพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี

     

     

     

     

    แสงสว่าง ผู้ทรงศักดิ์

     

     

     

     

    ตัวตนผู้เป็นสีขาวสะอาด

     

     

     

     

     

     

     

    หากเจ้ายังคงไม่กลับมา

     

     

     

    งานราตรีวิปลาสนี้ก็จะไม่มีวันจบลง

     

     

     

    ไม่มีวัน

     

     

     

    ข้าจะไม่ยอม!!!

     

     

     

     

     

     

    “ตายอีกแล้วเหรอเนี่ย.....”

     

     

     

     

    เสียงสวบสาบของผืนผ้าที่ถักทออย่างวิจริตงดงามดังแว่วท่ามกลางความเงียบงันของห้วงเวลา

     

     

    ใครคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของเสียงคล้ายกับกำลังละเมอ ก้มลงคุกเข่าเอียงหน้าสัมผัสมืออรชรบนหน้าตักของอีกฝ่าย ก่อนใช้ดวงตาที่ดำมืดยิ่งกว่ารัตติกาลที่มืดที่สุดจ้องมองอีกฝ่าย

     

     

     

    บัลลังค์ว่างเปล่าสีขาวสะอาดพลันเรืองประกายด้วยมนตราเปร่งปรั่งโฉบฉายแสงสว่างที่เป็นเพียงภาพมายาให้ปรากฏยังรูปร่างโปร่งสูงงดงามจับใจเพียงได้เห็นแรกพบ ดวงตาสีขาวสะอาดซึ่งปรือลงด้วยขนตายาวเรียวสีเดียวกับเส้นผมยาวจรดท้องพระโรงกว้างใหญ่ มิอาจเดาได้เลยว่าเป็นเวลานานขนาดไหนที่บุคคลผู้นี้ได้พำนักอย่างเงียบงันโดยปราศจากสุระเสียงอยู่ที่แห่งนี้ แม้เครื่องประดับเงินแวววาวจะเริ่มหม่นลงตามอายุขัย ทว่าผิวเนียนนวลกลับไม่เคยละความงามไปเลย มีก็เพียงแต่ลมหายใจแผ่วเบาของผู้ซึ่งหลับลึก และ หลงทาง อยู่ในห้วงกาลเวลาอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้นที่แผ่วลงเรื่อยๆ

     

     

     

     

    “อลิส..........”

     

    “เขาไม่ใช่อลิส”

     

     

    ประกาศกร้าวชัดเจนจากบุรุษเพศในเครื่องแบบเต็มยศของอัศวินอันสูงส่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก กล้ามเนื้อที่มีผลมาจากความแข็งแกร่งและร่องรอยบาดแผลอันมากมาย คงทำให้ใครต่อใครเกรงกลัวได้ไม่ยาก ยิ่งบรรยกาศมืดครึ้มในยามนี้อาจเรียกได้ว่า บุคคลใดได้เห็น ก็ต้องเผลอทำความเคารพให้ ชายผู้นั้นมุ่นหัวคิ้วของตัวเองอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นคู่สนทนาเมินเฉยต่อคำพูดของเขา แต่หลายร้อยปีที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้มาตลอด....

     

     

    “ช่างขัดต่อยามสนทยาอันแสนพิรมณ์ของข้านัก  เทพเจ้าแห่งสงครามผู้สูงส่งเอ๋ย....”น้ำเสียงใสกังวารนั้นไร้อารมณ์เจือปน มันก็เหมือนกับเสียงของภาชนะแก้วที่ถูกลูบให้เกิดเสียงเท่านั้นเอง

     

     

    “เขามิใช่อลิส.........เทพเจ้าแห่งความมืดมนที่รัก......ใยจึงพร่ำเรียกด้วยชื่อนั้นอยู่เรื่อยมา” ตอกย้ำให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะตอบรับ กลับเพียงพยายามจ้องมองผู้นิทราราวกับนั้นจะเป็นทางออกสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมดได้เช่นนั้นเอง

     

     

    “เทพเจ้าแห่งความมืดมิด ข้าคิดว่า พวกเรา มีเรื่องที่สมควรจะทำมากกว่าการเล่นกับ สิ่งนั้น ”

     

     

    “อย่าเรียกเขาดั่ง สิ่งของ ...........ลูคัส” ชื่อที่ถูกเอ่ย ด้วยน้ำเสียงกร้าวที่หาได้ยากยิ่ง เรียกให้ความขุ่นมัวเพิ่มพูนรุนแรง

     

     

    “อามิเรีย เจ้าจะมากไปแล้วนะ” เจ้าของนามอันสูงส่งเพียงสะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ พรางลุกขึ้นยืน จัดท่าทางของผู้เป็นดั่งดวงใจให้งดงามดั่งเดิม

     

    ก่อนจะก้าวลงมาสมทบเพื่อนสนิทที่ไม่เหมือนเพื่อนเพียงคนเดียวในสถานที่แห่งนี้เบื้องล่าง

     

     

    “เจ้าคงเตรียมการเสร็จแล้วสินะถึงได้มากวนข้าได้นี่”เอ่ยจิกกัดขณะชะเง้อมองแผนผังของตัวอักษรโบราณที่ม้วนวนเชื่อมโยงเป็นต้นไม้ต้นใหญ่แผ่ขยายกิ่งก้านออกไปมากมาย

     

     

    “ขาดก็แต่พลังของเจ้า”ชายหนุ่มเว้น “เจ้าคนยึดติดกับอดีต”

     

     

    “ถ้าพลังของเจ้าไม่จำเป็นต่อ เขา ข้าจะฆ่าฝังลืมเจ้าเดี๋ยวนี้เลย”

     

     

    “เสียใจด้วยที่เจ้ายังต้องใช้ข้าไปอีก เป็นร้อยๆปี อามิเรีย”เด็กสาวค้อนวงใหญ่ให้อีกฝ่าย ก่อนจะยกมงกุฎิสีดำประดับพลอยสีแดงสดขึ้น มันลอยเข้าไปอยู่เหนือแผนผังวิจิตงดงามนั้นราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นจับวาง ข้อมือเล็กๆบิดลงเป็นนาทีเดียวกับที่ของเหลวสีแดงสดชะโลมไปทั่วภาษาโบราณเหล่านั้น

     

     

    ไม่ช้านานต่อมาแสงประกายไร้สีก็ค่อยๆเติมเต็มพฤกษาพิศวงนั้นก่อนจะแตกกระจายลับหายไปกับความว่างเปล่า หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของไอพลังเบาบาง

     

     

    บุรุษร่างกำยำตวัดดาบเพียงครั้งเดียว ก็ส่งผ่านพลังจำนวนมากไปยังไอพลังเหล่านั้น ก่อเกิดเป็นรูปร่างผังลงบนพื้นหินอ่อนสีขาว

     

     

    มันเป็นวงกลมขนาดใหญ่ที่มีตัวเลข 1 – 12 วิจิตงดงามยิ่งกว่าการเต้นรำของพวกเอลฟ์ ใจกลางมีหน้าปัดของเข็มนาฬิกาที่ยังจรดอยู่บนเลข 12 ตอนนี้เพียงแค่รอเท่านั้น

     

     

    รอให้เหยื่อกลุ่มใหม่เข้ามาสังเวยให้แก่นาฬิกาคำสาปเรือนนี้

     

     

     

    “เจ้าว่าครั้งนี้จะสำเร็จมั้ย” เด็กสาวถามอย่างเลื่อนลอย เธอหลับตาลงราวกับเหนื่อยอ่อนและไม่ต้องการคำตอบ

     

     

    “ถ้าหากว่า มิคาเอล  คือ ผู้สร้างแห่งปาฏิหารณ์จริงแท้” 

     

     

     

    เขาเมียงมองอักขระที่อีกไม่นานจะเต้นรำราวกับมีชีวิตแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

     

     

     

     

    “เราจะได้เห็นกัน อามิเรีย”

     

     

     

     

     

     

     

    ตูม!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×