คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
พวกเขาที่มองเห็นบอกว่า พวกเราที่มองไม่เห็น
คือคนพิการ
แต่ทำไมเราถึงวิ่งได้อย่างอิสระ
ในขนาดที่เขาไม่สามารถออกจากกรงได้กัน
พริบตานั้นจานชามจำนวนมาก พร้อมด้วยช้อนส้อมที่ยังมีอาหารเสียบอยู่หรือกินไปได้แค่ครึ่งเดียวก็กำลังลอยเคว้งกลางอากาศ ม่านตาของใครต่อใครต่างเบิกกว้าง มือไม้ผลัดไผล ไม่มีเวลาแม้แต่จะมองคนข้างเคียง บ้างที่ได้สติก่อนวิ่งหลบออกไปนอกโต๊ะ บ้างคิดไม่ทันก็ก้มลงมุดเอาหัวไปโขกกับคนอื่นใต้โต๊ะจ้าละหวั่น
“อ๋อยไอ๊!!!!!”เสียงอู้อี้หนึ่งดังขึ้นพร้อมเงาโฉบหนึ่งที่เหมือนพายุแห่งการทำลายล้างวิ่งผ่าน ความเร็วที่เหมือนลมพัดส่งแก้วใสใส่น้ำไปจนถึงถาดเหล็กกระจัดกระจายไล่ไปตามความยาวในโรงอาหารอย่างรวดเร็ว เท้าเล็กๆที่เปลอะเปื้อนไปด้วยคราบดินโคลนและเครื่องแกงสีแดงบ้างเขียวบ้าง เหยียบย่ำบดขยี้มื้อเช้าของใครต่อใครซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งยังเผลอเตะสิ่งของเหล่านั้นกระเด็นถูกใครต่อใครอย่างไม่รู้ตัว หรือแม้แต่ฝากคราบสกปรกกลิ่นหึ่งเอาใบหน้าของคนตัวสูงที่ผงะแข็งอยู่ด้วยที่ด้วยความตกใจขณะกระโจนตัวข้ามระหว่างโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ อลหม่านไปหมด
“เรเว่น! ระวังเสา!! อีกสองก้าวกระโดดไปโต๊ะข้างซ้าย!”
เสียงหวานหนึ่งตะโกนมาพร้อมร่างของเด็กสาวผมยาวสีฟ้าอ่อนที่ไล่ติดตามมาห่างๆ เธอกระโดดข้ามโต๊ะที่พลิกคว่ำลงตัวหนึ่งอย่างเสียหลักเล็กน้อยทว่าชายหนุ่มอีกคนที่รั้งท้ายก็กันประคองไม่ให้เพื่อนของตนหน้าฟาดลงไปเละในซากพายุถล่มที่ระเนระนาดอยู่รอบๆนั้น
“อึกอื๊อ!” ก้อนขนขยุกขยุยกระตุกเซเล็กน้อย ผ้าพันคอสีดำมอมแมมของเธอซึ่งมีบุคคลไม่พึงประสงค์ถ่วงการเคลื่อนที่ไปด้านขวาทำให้เกือบล้มลงไปจริงๆ เธอพลาดเหยียบจานข้าวอีกจานถลาไปข้างหน้าแต่ลำตัวไร้แขนของเด็กน้อยเอนข้างจนปรับสมดุลก่อนจะกลับมาตั้งตรงแล้ววิ่งหักเลี้ยวไปทางซ้ายได้อย่างฉิวเฉียด
“บันได!!! ยัยบอด บันไดข้างหน้า!!!!!!”
ผู้กำกับทิศทางของเด็กสาวตะโกนขึ้นเสียงดังท่ามกลางดวงตาสีเทาโปนโตที่เบิกกว้างอย่างตกใจ ทว่าแม้ส้นเท้าของคนตาบอดจะฟาดลงอย่างแรงเพื่อสร้างแรงฝืดหยุดชะลอความเร็วแต่เพราะน้ำมันจากเศษอาหารที่เคลือบส้นเท้าอยู่ทำให้เด็กสาวไถลไปรวดเร็วจนชนเอาราวกั้นบันไดอย่างแรงทำให้ร่างนั้นพลิกค่ำไปข้างหน้า ตกลงร่องสูงสามชั้นโดยที่เจ้าตัวไม่สามารถใช้เท้าเหนี่ยวจับรั้งตัวได้ทัน
“เรเว่น! จับผ้าพันคอไว้!!”วินาทีนั้นเอง ชายหนุ่มอายุมากกว่าเด็กน้อยวิ่งควบมาด้วยความเร็ว เขากางแขนออกใช้มือหนึ่งคว้าราวบันได อีกมือโน้มตัวคว้าผ้าพันคอใต้กลุ่มผมหยิกหยอยสีดำได้พร้อมกับที่เท้าสกปรกของเรเว่น จับปลายอีกข้างของไหมถักสีดำไว้ได้ในสภาพหัวทิ่มห้อยต่องแต่งแกว่งไปแกว่งมานี้ดูแล้วคล้ายโคมไฟระย้าแกว่งไกวกลางห้องโถง เสียแค่มันดันมีชีวิตและเสี่ยงตกลงไปหัวแตกตายจนน่ากลัวมากกว่าสวยงาม แถมยังมีอะไรยุกยิกๆเป็นก้อนๆติดอยู่ใกล้ๆเท้าของเธออีกต่างหาก
“เมี๊ยวววววววววววววววววววว!” ก้อนนั้นโหยหวนขึ้นด้วยเสียงดัง มันคือแมวนรกสีกรมท่าตัวหนึ่งที่ส่งเสียงร้องขู่ก่อนกระโจนดเข้ากางกงเล็บเตรียมตะปบใบหน้าของเรเว่นสุดแรง โชคยังดีที่เด็กสาวโหนตัวหลบทันมันจึงเกาะเส้นผมของเธอแล้วไต่ตัวขึ้นมาพยายามแย่งของที่เด็กสาวคาบเอาไว้ มุมปากของร่างสูงเริ่มกระตุกเมื่อเท้าเล็กเริ่มเคลื่อนลงต่ำหลุดจากที่ยึดเหนี่ยวทีละน้อย เขาจึงรีบสาวผ้าพันคออย่างรวดเร็วทว่าร่างนั้นกลับใช้น้ำหนักเหวี่ยงตัวโหนขึ้นสูงแล้วสะบัดตัวเขวี้ยงก้อนขนขนาดเท่าฝ่ามือมาให้ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“ไลก้า! ช่วยมัน!”ริมฝีปากที่ไร้สิ่งใดมาอุดให้ลำบากในการพูดตะโกนขึ้นก่อนจะพยายามคาบผ้าพันคอกลางอากาศ ไลก้าก้มมองสิ่งที่สั่นระริกบนมือของตัวเอง ลูกหนูสีเทาเปื้อนน้ำลายเยิ้มเป็นมัน ดวงตาเล็กๆเหมือนลูกปัดดูแตกตื่น ขาเล็กทั้งสี่ข้างกรีดกรายดิ้นรน แต่ก็ไม่กล้าขยับไปไหน มันทำชักดิ้นชักงอก่อนแกล้งตาย ชายหนุ่มรีบเก็บมันเข้ากระเป๋าเสื้อทันใดนั้นปลายผ้าพันคอในมือก็ถูกกระตุกหลุดผ่านร่องนิ้วไปกับน้ำหนักสองชีวิตกลางอากาศนั้น
“ไอ้บ้า! อย่าตกนะเว้ย! ข้างล่างนั้นมี....”หญิงสาวคนที่วิ่งรั้งท้ายหอบเสียงดังพรางชะโงกตัวเหลือกตามองเพื่อนซึ่งถลาลมสู้กับแมวพุงพลุ้ยที่ทำท่าอยากจะกินจมูกของเรเว่นแทนอาหารว่างที่ถูกแย่งไปมะรำมะร่อ
“เลวี่.....”ไลก้าพยายามรั้งไม่ให้สาวผมแกะตามจอมวุ่นวายคนแรกลงไป ทว่าไม่ทันแล้ว เธอปีนขึ้นบนขอบบันไดเอาเท้าสไลด์นำไปเรียบร้อย เป็นที่รู้กันว่าการทรงตัวของเลวี่ยอดเยี่ยมพอๆกับหัวหน้าแคนเซอร์ แต่สุดปลายนี่มัน.....ส่วนมืดมนของคุกนรก.....เชียวนะ......
“งานนี้ขัดส้วมกันมือหักแน่....”คิ้วทั้งสองกับใบหน้าที่เรียบเป็นเส้นตรงเหมือนอยากตายพึมพำเสียงเรียบออกมาก่อนไลก้าจะนั่งพับขาทั้งสองข้างไปข้างหนึ่งก่อนใช้ประโยชน์จากความโค้งต่ำของบันไดวนไถลตัวตามเพื่อนทั้งสองคนลงไป
“เมี๊ยว....ฟ่อ!” กลางอากาศที่เสียดแทงผ่านซอกไรผมยุ่งเหยิงนั้น แมวเจ้ากรรมฝังเล็บอยู่บนอกของเรเว่นแน่น มันทำท่าเหมือนจะเข้ามาขยุ้มคนตรงหน้าแล้วฝนเล็บใส่ให้ตายกันไปข้าง แต่เพราะเป็นคู่กัดกันมาตั้งแต่เจ้าก้อนขนเริ่มเข้าตารางแรกๆ ทำให้มันนึกใช้เด็กสาวเอาตัวรอดมากกว่า
เรเว่นพยายามม้วนผ้าพันคอกลับเข้าคอตัวเองกลางอากาศแต่ทำได้ยากนัก การสะบัดคอต้านแรงลมมีแต่ทำให้รู้สึกแสบลูกตาดังนั้นเธอจึงปิดเปลือกตาพยายามใช้เท้าทั้งสองพันผูกปมเข้าด้วยกัน สุดท้าย ผ้าผืนยาวก็รัดอย่างหลวมๆอยู่ใต้ข้อพับขาข้างซ้าย เด็กสาวพับขาซ้ายแนบท่อนขาด้านบนเพื่อล็อคไม่ให้ปมคลายออกทันใดนั้นด้ายสีดำก็รุ่ยตัวเป็นเส้นไหมก่อนถักทอตนเองให้มีรูปทรงคล้ายปีกนกทว่าความที่ทั้งสองข้างนั้นมีขนาดแตกต่างกันทำให้การโผบินเอียงกระเท่เร่ ทั้งยังรับแรงลมที่กดลงมาจากความสูงในท่าหัวทิ่ม ทำให้เรเว่นได้แต่ร่อนลงชะลอความเร็วโดยไม่อาจใช้เท้าช่วยเหมือนทุกครั้ง
“ข้างหน้ามีรูปปั้น! เลี้ยวซ้ายไป ยัยบอด!”เสียงของเลวี่แหวคู่มากับเสียงเสียดสีระหว่างรองเท้ากับราวจับ เรเว่นเหวี่ยงตัวตามทิศทางที่เพื่อนสนิทบอก แต่นั้นทำให้เธอพุ่งเข้าสู่ทางเดินกลางที่ทอดยาวมากที่สุดในคุกนิลฟ์เฮมด้วยความรวดเร็ว
“หวาาาาาาา!”
“เฮ้ย! อะไรกันเนี่ย!!”หลายเสียงประสานขึ้นพรางวิ่งไล่จับกระดาษที่เคยอยู่ในมือตนเองไปทั่ว แรงลมที่ติดตามมาคว้าเอาเอกสารของผู้คุมที่เดินไปเดินมาบริเวณนั้นปลิวว่อนปนกันไปหมด เลวี่กับไลก้าใช้โอกาสที่ไม่มีใครตั้งตัวทันฝ่าดงความชุลมุนเข้าไปในเขตหวงห้าม ทั้งกระแซะช่องว่างระหว่างคนกับผนังที่มีอยู่น้อยนิด หรือจะแสร้งทำเป็นคว้ากระดาษจึงเผลอเหยียบคนอื่นอย่างไม่ตั้งใจ ดีหน่อยที่ผู้คุมส่วนมากเป็นชายรูปร่างกำยำผิดกับเด็กซึ่งยังเติบโตไม่สมบูรณ์จึงง่ายต่อการลอดผ่าน กระนั้นมือของชายคนหนึ่งก็คว้าเอาผ้าปิดตาของเลวี่หลุดอย่างไม่ตั้งใจ เธอชะงักเล็กน้อย ก่อนตีหน้าบู้บี้หันไปเพื่อจะกระชากของของตนคืนมา แต่แล้วหญิงสาวกลับชะงักแล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่ออย่างไม่คิดชีวิต
“นักโทษ! มีนักโทษหลบหนีเข้ามา! จับมันไว้!!”ชายคนนั้นตวาทเสียงดังเรียกสายตานับสิบเพ่งมาอย่างมาดร้ายก่อนกองทัพขนาดย่อมจะไล่กวดโดยมีเจ้าของเรือนผมสีทองตัดสั้นเกือบเกรียนนำมาก่อนใคร
“ไอ้เจ้า ปูหัวก้าง!!!”เลวี่ร้องตะโกนอย่างโมโหก่อนจะเร่งวิ่งสุดแรงเกิดคู่ไปกับไลก้า เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอกับหัวหน้า แคนเซอร์ คนที่เธอเกลียดที่สุดในหมู่คนที่เธอชิงชัง
ผัวะ
“ไร้มารยาท! พวกข้าเป็นเพื่อนเล่นเจ้าเหรอ เจ้านักค้าสัตว์นอกรีต” แส้หนังสีดำสะบัดฟาดเอาตรงหน้าข่มขวัญเด็กทั้งสอง ร่างสูงอีกร่างซึ่งมีใบหน้างามจนทำให้หญิงสาวทั่วไปละลายเป็นไอน้ำได้เพียงเห็นแค่เงาของเขาจะปรากฎขึ้นที่หางตา หัวหน้าสกอปิโอ ผู้ชายที่เลวี่เหม็นหน้ารองลงมาจากแคนเซอร์ ชายคนนั้นยกแขนแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ตวัดล็อคคอไลก้าแล้วกดกระแทกกับผนังหินอย่างรุนแรงและแม่นยำ ผู้คุมสี่ห้าคนที่ติดตามแคนเซอร์มาช่วยสกอปิโอเอาเชือกมัดมือและลำตัวของเด็กชายก่อนใครคนหนึ่งจะยกขึ้นพาดบ่าในขณะที่บุรุษร่างงามเร่งฝีเท้าตามติดขึ้นมาใกล้กับเพื่อนร่วมงานอีกคน
‘เวร!’ เลวี่คิดในใจ ไม่มีทางหนีได้อย่างแน่นอน! ปูกับแมงป่องซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการล่านักโทษหลบหนีที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังกวดเธออยู่ หมาคงต้องบินได้ก่อนละเธอถึงจะรอด คิดได้ดังนั้น เด็กสาวก็ย่อตัวหยุดยกแขนสองข้างกันแรงกระแทกที่อัดเข้ากับผนังหินโดยผู้คุมทั้งสองที่ไม่เคยปราณีกับสตรีหน้าไหน เลวี่มีเลือดซึมที่หน้าผาก เธอคว้าผ้าปิดตาจากมือของแคนเซอร์ด้วยมือที่สั่นระริกก่อนยกมือขึ้นสูงยอมให้มัดแต่โดยดีแล้วตะโกนเสียงดัง
“ข้าไม่ได้จะหนี!! เรเว่นมันตกลงมาข้างล่าง ถ้าจะจับข้า ไปช่วยจับยัยนั้นก่อนที่จะเข้าห้องเจ้าจ่าฝูงเร็ว...อุ๊ก”มือใหญ่พุ่งตะปบกล่องเสียงจนคนไม่ทันตั้งตัวสำลักตัวโยนอย่างทรมาณ
“อย่ามาเรียก ท่านหัวหน้าแบบนั้น.....”สกอปิโอคำรางต่ำด้วยเสียงอันดุร้าย ก่อนที่เขาจะแบกเลวี่ขึ้นบ่าเหมือนยกกระสอบแล้วออกวิ่งไปพร้อมกับแคนเซอร์
โครม
มีเสียงมาจากที่ปลายลับตาซึ่งทั้งสามมาถึงนั้น มันคือมุมทางเดินสามแยกซึ่งฝั่งหนึ่งมีหญิงสาวผมสั้นถักเปียข้างหูล้มหงายหลังทับชายอีกคนที่เหมือนจะเป็นลูกน้องของเธอ อีกฝั่งมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนทำหน้าเหรอหร่ามองซ้ายมองขวาอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์โดยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ทาทูรัส.....”แคนเซอร์ยกมือขึ้นนวดขมับ ส่วนสกอปิโอทิ้งเลวี่ให้ตกลงหน้าฟาดพื้นโดยเอาเท้าเหยียบหลังไม่ให้หนีไปไหน เจ้าของชื่อทาทูรัสยังคงมองไปยังสิ่งที่สายตาทุกคู่ทอดมองอย่างไม่เข้าใจ เขาหันมาช้าๆแล้วชี้นิ้วถามทั้งสองด้วยเสียงทุ้มก้องเป็นเอกลักษณ์
“เออ....ข้าจะผิดมั้ย? ข้าเห็นสไปร์ก้าล้มเลยจะช่วยพยุงให้ลุก แต่เด็กนี่ดันเข้ามาชนข้าล้มระเนระนาดไปอีกคนนะ”
“ไอ้กล้ามเหล็ก! ใช่เรื่องที่ต้องสนใจมั้ยนั้น....”
“เฮ้ย...แคนเซอร์......ไอ้กระดาษนั้นมัน..........”
ความเย็นเฉียบเข้าปกคลุมผู้คุมทั้งสองที่จ้องมองร่างเล็กๆซึ่งนอนแผ่อยู่กลางทะเลกระดาษเอกสารโดยส่งเสียงกรอบแกร็บจากการขยับตัวพาสิ่งสกปรกไปเปลอะเปื้อนงานที่ควรจะเสร็จไปแล้วนับสิบแผ่น คราบเขม่าดำขลับกับน้ำมันกลิ่นหึ่งของเครื่องเทศละเลงเป็นกรอบรอบตัวเด็กสาว ยิ่งเธอเป็นคนที่ต้องยืนด้วยการตวัดเท้าพาดกันแล้วดันตัวขึ้นมายิ่งทำให้ความเสียหายกระจายตัวเป็นวงกว้างขึ้น
อันที่จริงสิ่งที่สกอปิโอและแคนเซอร์ควรจะทำที่สุดตอนนี้คือจับเจ้าผ้าขี้ริ้วมีชีวิตยกตัวลอยไม่ให้ทำลายล้างความพยายามทั้งคืนของพวกเขาไปมากกว่านี้ แต่กลับมีเพียงเสียงตึง ของปูที่ล้มลงไปโอดครวญไม่เป็นภาษา กับใบหน้าที่เชิดสูมองเพดานหนีความจริงของแมงป่องเท่านั้น
“ทำไมพวกเจ้าต้องทำท่าเหมือนเกาะลอยฟ้าจะตกด้วยละ”ทาทูรัสเกาหัวแกรกๆมองปฏิกิริยาคนรอบข้างอย่างไม่เข้าใจ และฉงนขึ้นกับความเงียบทั้งๆที่ปกติทั้งคู่ต้องตะโกนตอบรับพร้อมกันในทันที ชายร่างกำยำเดินเหยียบกระดาษกรอบแกรบซ้ำเข้าไปอีกเพื่อตรงไปพยุงสไปร์ก้าที่เริ่มได้สติให้ลุกขึ้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา ขณะที่ความเงียบครอบงำนั้นเองเจ้าตัวก่อเรื่องที่ไม่สามารถยืนได้สักทีก็ค่อยๆใช้เท้าสองขยับพาร่างเข้าหาผนังห้องอย่างเชื่องช้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะถูกชายผ้าเรียบมันขึ้นมาได้อย่างไม่ตั้งใจ ดวงตากลมโตฉายแววฉงนสนใจ เธอทึ้งผ้านั้นด้วยเท้าทั้งสองเพื่อดูว่ามันยืดหยุ่นมั้ยแล้วก้มลงดมก่อนจะใช้ฟันขาวเตรียมจะฝังเขี้ยวลงชิมรสชาติอย่างเคยตัว
“เจ้าคงไม่คิดจะทำผ้าคลุมข้าเป็นรอยใช่มั้ย.....แม่หญิง”เสียงเรียบๆที่เอ่ยขึ้นประหนึ่งสายฟ้าผ่าแสกลงกะบาลเด็กตัวน้อย ความสดใสในดวงตาลดลงจนแทบจะว่างเปล่า ร่างที่ขลุกขลิกไปมาหยุดนิ่งท่ามกลางมืดมัวที่โรยตัวลงมา แคนเซอร์เด้งตัวขึ้นเหยียดร่างตรงพร้อมกับสกอปิโอที่ปรับระดับคอและยกเท้าออกจากหลังของเลวี่ สไปร์ก้าก็ทำเช่นเดียวกัน มีเพียงทาทูรัสที่มองไปยังร่างสูงที่ปรากฏตัวขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพรางยิ้มอย่างยินดี
ฉับพลันนั้นเอง ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เจ้าของอำนาจสูงสุดในเรือนจำกำลังจะพูดอะไรออกมา ร่างจิ๋วก็เอาหัวมุดเข้าไปใต้ชายผ้าคลุมสีดำ เบียดตัวเข้าไปแม้จะได้เพียงแค่ส่วนหัวหวังจะกำบังตนจากคนที่เธอหวาดกลัวที่สุดในคุกนิลฟ์เฮมแห่งนี้ หัวหน้าใหญ่ อัลดีบาเรน คาร์ปริคอน สปีเนล เซเบอรัส ได้สักนิดก็ยังดี
“สไปร์ก้า! จับเจ้าแม่มดอีกา ไปอาบน้ำให้สะอาด ภายในครึ่งชม. ส่วน แคนเซอร์กับสกอปิโอ เอาอีกสองคนกลับไปขังรอการลงโทษเดี๋ยวนี้! มีเวลากำหนดให้แค่ 10 นาที ปฏิบัติ!!”
ความคิดเห็น