ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ghost...ลองของเฮี้ยน (ไรท์กลับมาแล้วยังจำกันได้มั้ย!!)

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 12 ฝันร้ายหรือลางสังหรณ์

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 57


     

    เจ้าหน้าที่กดปุ่มเครื่องเล่นอย่างชิงช้าสวรรค์เดินวนไปมาอย่างร้อนรน เมื่อแผงวงจรเกิดไหม้และช็อต ทำให้ชิงช้าสวรรค์สั่นในตอนแรก และตอนนี้กำลังสั่นอยู่เพราะเครื่องที่ช็อตกระแสไฟฟ้าลัดวงจร เจ้าหน้าที่อีกคนก็กำลังพยายามซ่อมอยู่ ถ้าเกิดคนที่มาเล่นในวันนี้เป็นอะไรไป พวกเขาโดนไล่ออกแน่

    เคทเกาะกระเช้าชิงช้าแน่น เพราะรู้สึกถึงแรงอาฆาตของหวานที่รุนแรงจนปวดหัว ส่วนพิมก็กำลังพยายามหาวิธีช่วยชากับอเล็กซ์อยู่ ซึ่งตอนนี้ข้างล่างก็ปูเบาะลมไว้รองรับทั้งคู่แล้ว แต่ถ้าหวานเล่นตุกติกละ ถ้าไม่เกรงใจชิงช้าสวรรค์ที่สั่นทุกๆ 3 นาทีละก็ เธอแทบอยากจะเดินวนไปวนมาหาวิธีแก้ให้ได้

    "เคทเธอช่วยฉันหน่อยได้มั้ย" พิมหันมาถามเสียงเรียบ เด็กสาวหัวหน้าห้องก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อกกับคำขอที่โลดโพนของเพื่อนสนิท

     

    ..................................................

     

    "ทำอย่างไรดีๆๆๆ " ขิมเดินวนไปวนมาพยายามหาวิธีช่วย ถึงแม้เจ้าหน้ที่จะปีนโครงเหล็กไปได้ครึ่งทางและมีเบาะลมปูรองรับแล้ว แต่ทุกคนก็ยังกลัวว่าหวานจะมีอิทธิฤทธิ์อะไรอีก

    "น้องเกศไปช่วยได้มั้ย" ไนท์หันไปถาม

    "หนูยังไม่อยากโดนฆ่ารอบสองนะค่ะ!" เกศตอบกลับมาและค้อนให้เสียหนึ่งวง

    แต่เสียงกรี๊ดกร๊าดที่เริ่มดังขึ้นของชาวไทยมุงทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างอัตโนมัติแล้วก็แทบสะดุ้งกับสิ่งที่เห็น

    พิมเอียงตัวซีกหนึ่งออกมาจากชิงช้าสวรรค์ นำหนักที่ถ่วงดุลไปทางนอกประตูทำให้กระเช้าเริ่มเอียง ซีกขวาของพิมที่อยู่ในกระเช้ามีเคทจับมือเอาไว้แน่น และมืออีกข้างของเคทก็เอาเชือกผูกรองเท้าผ้าใบของพิมมามัดมือเธอกับราวเหล็กของกระเช้าแน่น และข้อเท้าของพิมก็ผูกเชือกรองเท้าอีกเส้นติดกับข้อเท้าของเธอไว้ ตอนนี้ก็ต้องลุ้นกันแล้วล่ะว่าเชือกรองเท้ากับราวเหล็กอันเท่าท่อแป๊บอันไหนจะทนทานกว่ากัน

    "อเล็กซ์ยังไหวอยู่มั้ย!" พิมตะโกนถาม

    "พอไหว แต่บ้าชิบ เหมือนตัวยัยนี่จะหนักขึ้น" อเล็กซ์ตะโกนตอบกลับมา ส่วนหวานในร่างชาก็จับมืออเล็กซ์แน่นราวกับติดกาวแถมยังฮัมเพลงธรณีกันแสงมาตั้งนานแล้ว

    "รอฉันเดี๋ยวนะ จะช่วยเดี๋ยวนี้" พิมบอกแล้วสวดอะไรบางอย่างเบาๆ

    "หุบปากเลยนะมึง!!" ชาตะคอกใส่พิมหรืออีกนัยคือหวานในร่างชา

    พิมไม่สนใจเสียงของหวานแม้แต่น้อย พยายามสวดต่อให้เร็วที่สุด

    "ชิ นังตัวยุ่ง!" หวานเค้นเสียง ก่อนจะออกแรงดึงอเล็กซ์ และดิ้นไปมาเพื่อเพิ่มแรงถ่วง

    "เฮ้ย!" อเล็กซ์ร้องเสียงหลงเมื่อน้ำหนักถูกเพิ่มขึ้น มือของเขาที่ยึดกับกระเช้าไว้เริ่มชาและเขาพนันหมดตัวเลยว่ามือเขาคงแดงไปหมดอย่างแน่นอน

    เสียงกรีดร้องของไทยมุงเริ่มกรี๊ดกร๊าดเป็นระยะๆ ถึงหวาดเสียวก็ยังอยากดูอยากรู้อยากเห็นอยู่ดี

    "พิมเร็วๆ เข้า ผมจะไม่ไหวแล้วนะ!!" อเล็กซ์ร้อง เขารู้สึกชาที่หัวไหล่ 2 ข้างอย่างแรงเพราะต้องทนรับนำหนักตัวของชาตลอดเวลา

    พิมเร่งสวดจนตัวเธอเองยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็ทำให้การสวดจบเร็วขึ้น พิมลืมตาโพลงหลังสวดจบแล้วมองชาที่ถูกหวานสิง ก่อนจะหยิบด้ายสีแดงขึ้นมาแล้วโยนใส่ชาอย่างแม่นยำ

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!" ชากรีดร้องลั่นจนคนดูและเจ้าหน้าที่ต่างสะดุ้งตกใจเพราะนึกว่าชาหล่นลงมาแล้ว

    "มึงจำเอาไว้ให้ดีเถอะ!!" หวานที่ออกจาร่างชาลอยขึ้นมาพร้อมกับควันและกลิ่นเหม็นไหม้ที่สายสิญจน์เผาวิญญาณของตน หญิงสาวมองพิมอย่างโกรธแค้นแล้วหายตัวไป

    "ค่อยยังชั่ว" พิมถอนหายใจ พร้อมกับพวกไนท์ที่ถึงแม้จะมองไม่เห็นวิญญาณของหวาน แต่พวกเขาก็เห็นควันสีดำเลือนรางออกจากร่างของชา และมั่นใจว่านั่นคงเป็นหวานแน่นอน

    "เอ๊ะ อเล็กซ์ กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!" ชากรีดร้องอีกครั้งเมื่อเห็นชัดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

    "รออีกเดี๋ยวสิ เจ้าหน้าที่เขาจะมาช่วยเราอยู่แล้ว" อเล็กซ์บอกพลางโล่งใจที่ชากลับมาซะที

    "อะ อเล็กซ์เมื่อกี้นี้...   หนะ หน้านายซีดจัง" ชาเปลี่ยนใจไม่พูดถึงเรื่องที่กำลังจะพูดแต่หันมาสนใจเขาแทน

    "ไม่มีอะไรหรอกน่า เมื่อกี้มีอะไรเหรอ"

    "จะ เจ็บไหล่" ชาเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง แต่ไม่ได้จงใจ เพราะเธอเจ็บจริงๆ เมื่อหวานออกจากร่างแล้วความเจ็บก็มาทำร้ายเจ้าของร่างดังเดิม

    "เฮ้ย ยัยบ้าอย่าปล่อยนะ!" อเล็กซ์รีบบอก

    "เจ็บมือ เมื่อยแขน เจ็บไหล่" ชาร้องไม่หยุด มือค่อยๆ คลายออกอัตโนมัติเพราะมือเธอชาจนแทบขยับไม่ได้แล้ว

    "อย่าปล่อยนะ ได้ยินมั้ย!!" อเล็กซ์ได้แต่พูดเท่านั้น เพราะมือเขาก็ชาเหมือนกัน

    "เจ็บ เจ็บแขน"

    "อย่าปล่อยเด็ดขาด รู้มั้ย ได้ยินฉันมั้ยยัยบ้า!!" อเล็กซ์ตะโกนบอก

    "ได้ยินอยู่ แต่มือมันขยับไม่ได้" ชาบอกพลางกระดิกนิ้วเล็กน้อย หวังจะให้หายชาบ้าง

    "ชา อเล็กซ์ เจ้าหน้าที่เขาใกล้มาถึงแล้ว รอเดี๋ยวนะ!" พิมร้องบอก ก่อนจะมุดกลับเข้ากระเช้าไปเหมือนเดิม

    "ไม่ไหว แล้วนะ" ชาพูดเสียงแผ่ว

    "ยัยบ้าอย่า!!" อเล็กซ์ตะโกนจนชาแสบแก้วหู

    จากนั้นชาก็รู้สึกว่ามือตัวเองว่างเปล่า เหมือนท้องไส้มันโหวงๆ สติพร่าเลือนจนเห็นเงาบางอย่างร่วงมาหาเธอ

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!!!! อเล็กซ์! ชา!" เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกันจนแยกไม่ถูกแม้กระทั่งเสียงตนเอง ก่อนจะมีเสียงดังปุ๊ ที่เบาะลมข้างล่าง

    "ถ้ายัยบ้านี่ฟื้นฉันคิดบัญชีแน่" อเล็กซ์เค่นเสียงบอกแล้วอุ้มชาขึ้นมาจากเบาะลม

    "พวกนายจะไปโรงพยาบาลมั้ย" ไนท์ถามแล้วตรวจดูอาการ

    "ไม่ละ ขอบคุณ แค่แขนชาเอง" อเล็กซ์ยักไหล่

    "คุณค่ะ มาทำแผลก่อนค่ะ" เสียงผู้หญิงจากมูลนิธิร่วมกตัญญูที่ไม่รู้มีใครเรียกมาร้องบอกเขา

    "ผมไม่มีแผลนี่" อเล็กซ์ตอบกลับ

    "ใครว่าไม่มีนี่ไง" ไนท์ชี้ไปที่มือขวาของอเล็กซ์แล้วประคองชาขึ้นมา

    "เฮ้ย!" อเล็กซ์ร้องเสียงหลง เมื่อเห็นมือข้างที่เกาะประตูชัดๆ มันทั้งช้ำทั้งเขียว แถมยังมีเลือดไหลซิบอีกต่างหาก

    "เด็กคนนี้ฉันช่วยดูแลเองไปทำแผลก่อนเถอะ เท่าที่ดู เธอคงไม่ลำบากเท่านายหรอก" ไนท์บอกยิ้มๆ เพราะเขาเห็นจากการที่อเล็กซ์ยอมโดดตามลงมารับหลังจากชาร่วงลงมาแล้ว เขาก็พอจะเดาออก

    "ถ้าชาเป็นอะไร ผมโทษคุณด้วย" อเล็กซ์บอกก่อนจะตามไปทำแผล

    'เด็กพวกนี้ทำไมไม่มีใครเห็นหัวเราเลยเนี่ย' ไนท์คิดในใจเล่นๆ แล้วประคองร่างของชาไปให้พวกนั้นทำแผล

    หลังจากนั้น 10 นาทีชิงช้าสวรรค์ก็หมุนได้เหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีใครอยากเล่นแล้ว พอดีกับที่พวกเจ้าหน้าที่ประกาศปิดสวนสนุกเพื่อปรับปรุงเครื่องเล่นก่อนที่จะเปิดใหม่อีกครั้ง แต่มีข่าวแบบนี้ออกไปแล้วคงจะเปิดยากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

    ชากับอเล็กซ์ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีเลือดคั่งภายในหรือบาดเจ็บจากการตกกระแทกมาจากที่สูงขนาดนั้น โดยทางสวนสนุกเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

    และโรงพยาบาลก็ช่วยเป็นที่รวมตัวให้พวกเขาอย่างดีหลังจากที่เจอกันทั้งหมดครั้งสุดท้ายที่โรงแรมร้าง

    "ไง" พิมทักอาริเซียที่นอนเฝ้ากัญญา เมื่อเห็นเด็กสาวทวินเทลเดินออกมาจากห้องน้ำ

    "อ้าว ไปเจออะไรกันมาเนี่ย" อาริเซียถาม

    "มีเรื่องนิดหน่อยนะ" เคทบอก

    ส่วนไนท์ก็อาสาไปส่งสาวๆ เช่นเคย ก็เรกะและขิมนั่นแหละ ส่วนอาเรียกับวินนั้นกลับไปตอนที่เห็นว่าพวกชาไม่ได้เป็นอะไรมาก

    พิมกับเคทยังยืนยันจะอยู่ต่อ เผื่อว่าหวานอาจจะหวนกลับมาทำร้ายใครอีก และก็ดีเหมือนกันที่ได้อยู่โรงพยาบาลเดียวกัน จะได้ช่วยเหลือกันง่ายขึ้น

    คนเจ็บก็มีชากับอเล็กซ์ที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ กัญญาที่นอนกอดตุ๊กตา เอ็มที่มีชานมนอนหมอบอยู่ข้างๆ ไททันกับฟาโรห์ยืนยันจะกลับบ้านให้ได้หลังจากที่ทำแผลเสร็จ เลยไม่ได้นอนโรงพยาบาล แต่ 2 คนนี้ถึงจะเจ็บแต่ก็ท่องบทสวดได้สบาย ทำให้พิมไม่ห่วงเท่าไหร่

    แต่คนที่น่าห่วงที่สุดคือ ขิม เรกะ วิน เพราะขิมมีโอกาสจิตตกได้ง่ายมาก และได้ยินไนท์เล่าให้ฟังว่าขิมเจอมาจะๆ โชคดีที่สวดมนต์ก่อนนอน จึงรอดมาได้ด้วยเหตุนี้ ส่วนเรกะก็ยังไม่ประสีประสาเรื่องผีๆ สางๆ มากนัก และยังเด็กไม่รู้อะไรเท่าไหร่ ขนาดคราวก่อนยังเก็บตุ๊กตาของเกศมาเลย โชคดีที่ช่วยได้ทันอีกนั่นล่ะ ไม่งั้นคงเป็นเหยื่อของเกศไปแล้ว และวิน ที่ไม่มีความรู้ด้านนี้อย่างชัดเจน และไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่วินคงไม่เด่นมาก ทำให้หวานไม่เล็งเป้าไว้แต่แรก บางทีหวานอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าวินเคยเข้าไปในโรงแรมร้าง

    ส่วนอาเรีย เด็กสาวธรรมดา แต่กลับดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เคทเองยังเคยบอกว่ารู้สึกถึงพลังแปลกๆ จากเด็กคนนี้ มีดที่อยู่กับอาเรีย เมื่อคราวไปโรงแรมร้างกลับโจมตีวิญญาณได้ แต่อาเรียไม่ค่อยพูดค่อยจากับใคร และดูเหมือนจะไม่เป็นมิตร ทำให้เข้าถึงยากพอดู พิมยังแอบแปลกใจว่าชาชวนอีกฝ่ายด้วยวิธีไหนกันแน่

     

    .............................................

     

    ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก

    เสียงเดินของเข็มวินาทีช่วยทำลายความเงียบลงไปได้บ้าง และความเงียบขนาดนี้ก็มีเพียงเสียงเข็มวินาทีเท่านั้นที่ยังดังอย่างต่อเนื่อง

    ทุกคนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ถึงแม้จะต้องนอนค้างโรงพยาบาลแต่หลายคนก็ยังยินดีที่จะนอนรวมดีกว่ากลับไปนอนแยกคนเดียวแล้วต้องทนหลอนทุกวินาที

    อาริเซียสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมองไปที่นาฬิกาก็พบว่าล่วงเลยไปเกือบ 1.00 น. แล้ว แต่เธอเองกลับรู้สึกไม่ง่วงเสียแล้ว เด็กสาวกะพริบดวงตาสีฟ้าถี่ๆ

    เด็กสาวกะว่าจะเดินไปล้างหน้าซักเล็กน้อย แล้วค่อยมานอนต่อ เธอเหลือบไปมองห้องของเจ้าหน้าที่พยาบาลที่มีไฟลอดออกมาจากประตูเล็กน้อยทำให้เด็กสาวใจชื้นขึ้นมาบ้าง ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบ

    กึก กึก

    หลังจากที่เด็กสาวทวินเทลออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าคนเดิน เธอมองไปรอบๆ ห้อง ว่ามีใครเดินออกไปหรือเปล่า ก็พบว่าที่นอนของมีมี่เพื่อนของชานมกับเอ็มว่างเปล่า แต่มีมี่จะเดินไปข้างนอกทำไม ทั้งที่มันก็มืดแล้ว แถมยังเงียบจนน่าวังเวงอีกต่างหาก

    เมื่ออาริเซียรู้ตัวอีกที ขาทั้งสองข้างของเธอก็หยุดอยู่ตรงทางเดินมืดๆ ของโรงพยาบาลแล้ว ข้างหน้าของเธอเป็นประตูลงบันไดและลิฟต์สีแดงที่จอดนิ่งสนิท แสงไฟนีออนหลอดยาวให้แสงสลัวๆ

    เด็กสาวคิดว่าตัวเองคงเบลอๆ ถึงขนาดเดินออกมาไม่รู้ตัว จึงจะกลับไปนอน

    ติ๊ง

    เสียงของลิฟต์ทำให้เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหันกลับไปยังลิฟต์ตัวแดงนั่น เลขบอกชั้นขยับขึ้นมาบ้างจากชั้น 1 ขยับมาชั้น 2 แล้ว

    ตัวเลขหน้าลิฟต์ยังคงเคลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ 3 แล้วก็ 4 จนเกือบจะถึงชั้นที่เธออยู่ อาริเซียแทบหยุดหายใจ เมื่อตัวเลขบนหน้าปัดแสดงว่าอยู่ตรงชั้นเธอพอดี

    ครืด

    เสียงประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ เด็กสาวหายใจเข้าออกแล้วบอกตัวเองว่าคงเป็นพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่กะกลางคืนที่มาเปลี่ยนเวรซ้ำไปซ้ำมา จนเธอเผลอก้าวถอยไม่รู้ตัว จนประตูลิฟต์เปิดออกจนสุด

    ไม่มีอะไรอยู่ภายในลิฟต์ตัวนั้นแม้แต่น้อย อาริเซียถอนหายใจ แล้วคิดว่าคงมีใครมากดเล่น เธอเหลือบไปมองภายในลิฟต์อีกครั้ง แต่กระจกภายในลิฟต์ก็สะท้อนภาพทที่เธอไม่อยากเห็นแม้แต่น้อย

    มีใครยืนอยู่ข้างหลังเธอ

    อาริเซียรีบหันหลังไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับเสียงของคนคนนั้น

    "อ้าว มาทำอะไรที่นี่เหรอค่ะ" มีมี่ร้องถาม

    "ปละ เปล่านิ คงจะ เอ่อ ละเมอนะละเมอ" อาริเซียบอกพลางถอนหายใจโล่งอกที่เป็นแค่มีมี่ ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดแต่อย่างใด

    "เหรอค่ะ" มีมี่พยักหน้าทำหน้าเข้าใจ

    "งั้นฉันไปก่อนนะ ยูเองก็ควรไปนอนได้แล้วนะ" อาริเซียบอกแล้วทำท่าจะผละไป เธอเหลือบไปเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็นอีกครั้ง ในมือซ้ายของมีมี่มีมีดเปื้อนเลือด และมือขวามีตุ๊กตาฟางตอกตะปูหรือตุ๊กตาสาปแช่ง

    "อ๋อ นี่นะเหรอ" มีมี่ลากเสียงยาวทำเสียงระรื่นแล้วหยิบขึ้นมาในระดับสายตา

    "อ๊ะ อะ" อาริเซียเผลอเดินถอยหลังไม่รู้ตัว

    "เขาเรียกว่าคาถาสาปแช่ง ให้คนที่เกลียดตายเร็วๆ ไงล่ะ" มีมี่บอกแล้วส่งยิ้มหวานให้ เธอปักมีดลงบนตุ๊กตาฟาง เด็กสาวทวิลเทลก็เหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องออกมาจากตุ๊กตาด้วย

    "ทะ เธอ"

    "อ๋อ ส่วนคุณก็ไม่ต้องน้อยใจไปน้า มีของคุณด้วยละค่ะ" มีมี่หยิบตุ๊กตาฟางอีกอันออกมาจากกระเป๋ากระโปรง

    "อย่านะ อะ กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!" อาริเซียหวีดร้องเมื่อมีมี่ปักมีดลงบนแขนของตุ๊กตาฟางตัวนั้น แขนของเธอก็มีรอยมีดปรากฏขึ้นด้วย

    มีมี่แสยะยิ้ม เธอดีดนิ้วดังเป๊าะ ไฟนีออนก็ดับพรึ่บก่อนจะติดอีกครั้ง อาริเซียแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เป็นภาษา เหล่าวิญญาณหลายตัวในโรงพยาบาลยืนห้อมล้อมพวกเธอ 2 คน สภาพแต่ละคนน่าสยดสยองเกินกว่าจะบรรยาย

    "พวกนี้นะ เด็กๆ ของฉันเอง น่ารักมั้ยล่ะ" มีมี่บอกพลางหันไปลูบหัววิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ อย่างสนิทสนม

    "กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!" อาริเซียหวีดร้องเมื่อมีมี่หักแขนอีกข้างของตุ๊กตาฟาง แขนของเธอก็หักผิดรูปจนน่ากลัว

    "น่าเสียดายนะ ฉันนึกว่าคุณเป็นคนดีเสียอีก" มีมี่พูดหลางวาดมีดไปรอบๆ ตุ๊กตาฟาง เหมือนกำลังจะเลือกว่าจะแทงส่วนไหนดี

    "อยะ อย่า กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!" อาริเซียดิ้นพล่านเหมือนถูกน้ำร้อนลวก ข้อเท้าของเธอบิดงอจนกระดูกทะลุออกมา

    "แต่ถ้าคุณมาสอดรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ก็คงจะปล่อยไปไม่ได้" มีมี่แสยะยิ้ม

    "ฉันจะไม่บอกใคร อ้ากกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!" อาริเซียร้องจนเสียงแหบ คราวนี้กล้ามเนื้อขาซ้ายส่วนหน้าของเธอหลุดออกมา

    "ฉันจะบอกอะไรให้ก่อนที่คุณจะตายแล้วกันนะ" มีมี่เดินเข้ามาใกล้ๆ อาริเซียก่อนจะกระซิบข้างหู

    "ที่จริงแล้วฉันชื่อ วินนี่ ชื่อจริงนะเหรอ ก็ วิราภา มั่งมีศรีสกุล อายุฉันก็ไม่ใช่ 16 เหมือนเธอหรอก ฉันนะอายุมากกว่านั้นอีก เป็นไงฉันปลอมตัวเหมือนเด็กมอปลายใช่มั้ยล่ะ นั่นคือสิ่งที่เธอควรรู้ก่อนจะตายนะ ลาก่อนอาริเซีย" มีมี่ยิ้มแฉ่งแล้วกรีดลงบนตุ๊กตาฟาง หน้าท้องของอาริเซียก็เกิดแผลยาวขึ้น พร้อมกับเครื่องในต่างๆ ที่ทะลักออกมาจากแผล มีมี่ก็เหยียบหย่ำลงบนอวัยวะในร่างกายของเธออย่างสนุกสนานพร้อมกับเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง

    "ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"

     

    ……………………………………

     

    "ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

    "อาริเซียๆ เป็นอะไรไป"

    "อ๊ะ อะ!" อาริเซียสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหันไปมองรอบๆ อย่างหวาดระแวง ข้างๆ เธอเป็นกัญญา ฝั่งขวาเป็นเอ็ม ชานม ส่วนมีมี่ก็ไม่ได้นอนโรงพยาบาลอยู่แล้ว เตียงที่เยื้องไปทางฝั่งขวาเป็นเตียงของชา กับอเล็กซ์ และนี่ก็ไม่ใช่ตอนกลางคืน เพราะพระอาทิตย์เริ่มคืบคลานมาจากเส้นขอบฟ้าแล้ว

    "ตกลงเธอเป็นอะไรเนี่ย" เคถามอีกครั้ง ก่อนที่อาริเซียจะรู้สึกตัว คนที่เขย่าปลุกเธอก็เคนั่นเอง

    "ฉันฝันนะ ฝันร้าย"

    "เสียงดังจนฉันนอนไม่หลับเลยรู้เปล่า เธอตื่นก็ดีแล้ว ฉันไปล้างหน้าก่อนนะ" เคบอกก่อนจะเข้าห้องน้ำไป

    "อึ อือ" ชาครางเบาๆ ก่อนจะกะพริบตาอย่างมึนงง

    "ชาตื่นแล้วเหรอ" เคทถามเสียงงัวเงีย

    "ชะ ใช่" ชาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเกาหัวนิดๆ

    "ไง ตื่นกันแล้วเหรอ" พิมที่นั่งแปรงผมอยู่หันมาถาม

    "พิม จริงสิ ตอนนั้น" ชาทำหน้าเหมือนกำลังจะเรียบเรียงเรื่องราวเมื่อคืน

    "เธอตกจากชิงช้าสวรรค์นะ โดนหวานเข้าสิง ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องนึกก็ได้" พิมบอก

    "พิม ฉันฉัน ฉันรู้ว่าหวานเป็นใคร!!" ชาพูดเสียงดังจนทุกคนที่นอนอยู่ต้องตื่นขึ้นมาเลยทีเดียว

    "ว่าไงนะ!" ทุกคนหันมาถามอย่างพร้อมเพรียง แม้กระทั่งกัญญา

    ชาทำหน้านึกทบทวนอีกครั้ง การที่หวานเข้าสิงชาทำให้ความทรงจำของหวานไหลเข้ามาปนกับความทรงจำของเธอด้วย ถึงจะแค่แว่บเดียว ก่อนที่หวานจะปิดความทรงจำของตัวเองอีกครั้ง แต่เธอก็จำได้ มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอจำได้

    ตอนที่หวานเข้าสิงมีข้อมูลความทรงจำของหวานปนเข้ามาด้วย ถึงมันจะเป็นแค่ประโยคเดียว แต่ก็คงช่วยได้มาก ชาบอกนิ่งๆ ก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆ ทีละคน

    "หวานเป็นใครกัน" เคทรีบถาม

    "หวาน คือ วรรณนา มั่งมีศรีสกุล" ชาพูดเสียงเรียบ

    "ชื่อจริง นามสกุล นี่ละ มีประโยชน์มาก!" พิมทำท่าดีใจ

    "เดี๋ยวนะ นามสกุลอะไรนะ" อาริเซียเดินเข้ามา จนทุกคนแปลกใจ

    "มั่งมีศรีสกุล" ชาทวนอีกครั้ง

    "ไม่น่าใช่ แต่เอ" ถ้า อาริเซียกุมหัวแล้วพึมพำคนเดียว

    "มีอะไรเหรอ" กัญญาถาม

    "ฉันฝัน" อาริเซียบอกก่อนจะหันไปมองเอ็มกับชานมอย่างชั่งใจ

    "เล่ามาเถอะ มีอะไรเหรอ" ชานมหันมาถาม

    "ฉัน" อาริเซียเล่าเรื่องความฝันแปลกๆ ให้ทุกคนฟัง

    "มันเป็นแค่ฝัน ใช่มั้ย ใช่มั้ย!" อาริเซียถามพิมหลังจากเล่าจบแล้ว

    "มันอาจจะเป็นลางสังหรณ์" พิมพึมพำ

    "แต่มีมี่" ชานมทำท่าจะค้าน แต่พิมก็ยกมือให้เงียบก่อน

    "ได้เวลาสืบเรื่องของหวานอย่างจริงจังแล้วละ" พิมหันมายิ้มบอก













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×