ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ghost...ลองของเฮี้ยน (ไรท์กลับมาแล้วยังจำกันได้มั้ย!!)

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 10 คนเป็นกับคนตาย ใครกันแน่ ที่น่ากลัว

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 56


    BlackForest✿

    ไททันกับฟาโรห์มาหาเอ็มที่ประตูโรงเรียนตามนัด เอ็มพอเห็นทั้งคู่ก็ดีใจมาก ก่อนที่เขาจะหันไปทางเด็กสาวข้างตัว

    "เธอจะไปด้วยจริงๆ เหรอ"

    "แน่นอนสิ ชานมก็เพื่อนฉัน อย่างน้อยก็ให้ฉันไปดูอาการชานมหน่อยก็ดี" มีมี่บอก

    "เรารีบไปกันเถอะ เย็นนี้ผมกับฟาโรห์นัดคุณพิมไว้" ไททันบอก เอ็มจึงพยักหน้าแล้วนำไปยังบ้านชานมซึ่งอยู่ไม่ไกลไปจากโรงเรียนเท่าไหร่

    เมื่อเดินมาถึง เอ็มก็รีบกดกริ่งอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่ากดเท่าไหร่ก็ไม่มีคนมาเปิด และไม่มีเสียงมาจากในบ้านเหมือนเคย ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มนักบาสเริ่มใจเสีย

    "ชานมไม่อยู่หรือเปล่า" มีมี่ตั้งข้อสังเกต

    "ไม่หรอกครับ เพราะผมคิดว่าคนออกไปนอกบ้านคงไม่ล็อคแม่กุญแจจากในบ้าน" ไททันบอกเพราะเห็นแม่กุญแจคล้องอยู่ที่ประตูบ้าน

    "งั้นเห็นทีก็ต้องปีนแล้วละ" เอ็มพูดพลางรีบปีนข้ามรั้วเข้าไปในบ้าน

    "แล้วเราจะเข้าบ้านทางไหนละครับ" ฟาโรห์ถามเสียงเรียบเหมือนเคย

    "ประตูหลังไม่น่าจะล็อคนะ" เอ็มเกาหัวแล้ววิ่งตัดสวนไปเปิดประตูหลังบ้าน และมันก็ไม่ได้ล็อค

    คนอื่นๆ รีบทยอยปีนเข้ามาในบ้านทีละคน เมื่อเข้ามาหมดแล้ว เอ็มเลยรีบเดินนำไปยังห้องรับแขกก่อน เขาพยายามคิดในแง่ดีว่าเด็กสาวนักกีฬาคงเผลอหลับไปจนไม่ได้ยินเสียงกริ่ง

    "บรรยากาศน่ากลัวจัง" มีมี่พูดหลังจากเดินเข้ามาในบ้าน

    "มีอะไรแปลกๆ " ไททันมองสำรวจไปรอบๆ

    "ชานม!" เอ็มร้องเสียงหลง เมื่อเห็นชานมนอนอยู่ที่พื้นกลางห้องสภาพคว่ำหน้าลง ขาข้างหนึ่งที่ไม่หักไปเกี่ยวกับขาโต๊ะที่ล้มตะแคง ไม้ค้ำสำหรับขาหักวางอยู่ข้างๆ แบบกระจัดกระจาย

    "ชานมเป็นอะไรมั้ย!" มีมี่รีบตะโกนถาม

    "ตื่นสิตื่น ยัยบ้า! ตื่นสิ!" เอ็มเขย่าร่างแฟนสาว จนเจ้าตัวค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้นมามอง

    "อะ เอ็ม ฉัน" ชานมหันไปมองรอบๆ และมองทุกคนอย่างงงๆ

    "เป็นอะไรหรือเปล่า" เอ็มถามก่อนจะพยุงชานมมานั่งที่โซฟา

    "จริงสิ คุณพ่อ คุณพ่อ!" ชานมทำหน้าเหมือนพยายามนึกเรื่องทั้งหมด

    "คุณพ่อเป็นอะไรชานม"

    "คุณพ่อไส้ติ่งแตก เมื่อ เมื่อคืน ฉันโทรให้รถพยาบาลมารับ ฉันเพิ่ง เพิ่งกลับมาเมื่อเช้า จะเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยน แต่ พอเข้ามาในห้องนี้ก็หายใจไม่ออก อึดอัด แล้ว แล้วก็ไม่รู้ตัวอีกเลย" ชานมกุมหัวเหมือนกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่อง

    "บางทีผมคิดว่าเธออาจจะถูกวิญญาณตามรังควาน" ฟาโรห์บอก

    "วิญญาณ วิญญาณใครค่ะ" ชานมรีบถาม

    "ไม่รู้สิ วิญญาณ ทุกดวงในละแวกนี้" ไททันพูดจบชานมก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลม

    "ถ้ายิ่งไม่รีบไล่ มันก็จะก่อเรื่องหนักกว่านี้ วิญญาณพวกนี้นำพาโชคร้ายและความหายนะมาให้เธอ" ฟาโรห์พูดแล้วหันไปมองรอบๆ

    "เรื่องที่ฉันถูกผลักตกบันไดนั่นก็ด้วยสินะค่ะ แล้วก็เรื่องที่คุณพ่อไส้ติ่งแตกกะทันหัน" ชานมทำหน้าเหมือนจะประสาทเสีย

    "พวกคุณช่วยเราได้ใช่มั้ยครับ" เอ็มหันไปถาม

    "ช่วยนะช่วยได้อยู่หรอก แต่" ไททันพูดค้างไว้

    "แต่อะไรหรือค่ะ ถ้าเรื่องเงินก็พอคุยกันได้นะ" ชานมหันไปบอก

    "ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้น เราช่วยให้ฟรีอยู่แล้วแต่" ไททันหยุดค้างไว้ก่อนจะหันไปมองฟาโรห์

    "แต่ที่วิญญาณมารวมตัวกันที่บ้านเธอ ไม่ใช่เพราะอะไร มีคนจงใจทำให้วิญญาณเหล่านี้มารวมตัวกันที่บ้านเธอ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ 'คนเป็น' ไม่ใช่คนตาย ทำให้เราจัดการลำบาก พวกวิญญาณเหล่านี้ก็พอจะขับไล่ไปได้ แต่ถ้ามีคนเรียกมันมา ก็อาจจะเรียกมันมาใหม่ได้ ทำให้เรากำจัดไม่รู้จบสิ้นอยู่ดี" ฟาโรห์อธิบายแทน

    "แล้วจะให้ทำยังไงครับ" เอ็มหันไปทางพลางกอดปลอบชานมที่กลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไงแล้ว

    "พวกเธอมีศัตรูที่ไหนมั้ย" ฟาโรห์ถาม

    "ไม่แน่ใจ เพราะชานมชอบไปมีเรื่องกับทะเลาะกับคนอื่นแบบรายวัน เลยไม่รู้ว่าใครบ้างที่แค้นหรือเกลียดเรา" เอ็มถอนหายใจนิดๆ

    "แล้วถ้าย้ายบ้านมันจะหายไปมั้ย" มีมี่ถามอย่างมีความหวัง

    "ไม่ วิญญาณพวกนี้มันจะตามติดเธอจนกว่าจะตาย ยิ่งเธอย้ายบ้านไปบ่อยเท่าไหร่ วิญญาณจากที่อื่นก็จะมารวมตัวกันด้วย ไม่ใช่แค่ละแวกนี้ และถ้าเธอเดินทางไปไหนบ่อยๆ วิญญาณที่อยู่ตามรายทางที่เธอเดินทางไป มันก็จะติดกลับมาด้วย เปรียบง่ายๆ ว่าตอนนี้เธอเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดพวกวิญญาณไปแล้ว ถ้ายิ่งไม่ไปไหนเลยก็ยิ่งดี เมื่อคืนเธอเพิ่งไปโรงพยาบาลใช่มั้ย นั่นแหละจุดศูนย์รวมอย่างดีของพวกวิญญาณเลยละ" ฟาโรห์วิเคราะห์เรื่องทั้งหมด พลางคิดว่าได้เคสข้อมูลใหม่ๆ แล้ว

    "แล้วคุณรู้มั้ย ว่าใครทำเรื่องแบบนี้ บ้าเอ๊ย!" เอ็มพูดพลางเก็บอาการโกรธ

    "ไม่หรอก คำสาปแช่งแบบนี้ด้วย ยิ่งตรวจสอบยาก" ไททันมองบรรยากาศรอบๆ อย่างสนใจ

    "คำสาปแช่งเชียวเหรอ"

    "ใช่ คนคนนั้นต้องเกลียดแฟนคุณมาก และที่สำคัญต้องเก่งด้านไสยศาสตร์มากด้วย ที่โรงเรียนเราก็ไม่น่าจะมีคนแบบนั้นเลย" ไททันยักไหล่ เพราะคิดว่างานนี้คงจะยากแล้ว

    "อย่างน้อยก็ช่วยกำจัดวิญญาณพวกนี้ก่อนได้มั้ยครับ" เอ็มบอก

    "อืม ถ้าแบบนั้นก็พอจะได้ แต่มันก็จะมารวมตัวกันอีกนะ" ไททันเตือน

    "ตอนนี้แค่ทำให้ชานมสบายใจก่อนก็พอ ถ้ามันมารวมตัวกันอีกก็ค่อยว่ากัน" เอ็มพูดอย่างเป็นห่วงชานมที่ตอนนี้ตัวสั่นเหมือนลูกนก

    "เดี๋ยวก่อนนะ" ฟาโรห์ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ

    ความเงียบครอบงำทุกอย่างชั่วขณะ ก่อนจะมีเสียงดังปังเหมือนประทัด ฟาโรห์ก็ยื่นมือไปคว้าอากาศก่อนจะรีบดึงมือกลับมาทันที

    "หึหึหึหึหึหึหึ" เสียงหัวเราะที่ชวนขนลุกดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏร่างของสิ่งที่คล้ายกับเงาสีดำๆ มันมีรูปร่างสะโอดสะองอย่างเด็กสาวที่หุ่นดี ผมยาวสลวย ฉีกยิ้มที่น่าขนลุก

    "คุณสินะ ต้นเหตุของเรื่องนี้" ไททันร้องถาม

    "ใช่ คิคิคิ" สิ่งนั้น หัวเราะอย่างสนุกสนาน

    "นี่ นี่มันอะไรกันครับ!" เอ็มถาม

    "มันคือสิ่งที่คล้ายกับเอ่อ อธิบายไม่ถูก มันประมาณว่าเป็นรูปร่างของไสยศาสตร์ มันถอดแบบรูปร่างหน้าตามาจากคนใช้ ยิ่งคำสาปแช่งแรงมากเท่าไหร่จะมีสีที่มืดมิดขึ้น และมีความคิดเป็นของตัวเองที่เกือบจะเหมือนมนุษย์เลยทีเดียว พูดง่ายๆ มันก็คล้ายกับข้ารับใช้ที่ถอดแบบหน้าตามาจากเจ้านายนั่นแหละ" ไททันพยายามอธิบาย

    "หยุดคำสาปแช่งซะเดี๋ยวนี้!" ฟาโรห์ร้องบอก

    "ไม่ จนกว่านายท่านจะสั่ง คิคิคิคิ" สิ่งนั้นหัวเราะอย่างวิปริต และฉีกยิ้มบิดเบี้ยว

    "งั้นก็เตรียมตัวหายไปตลอดกาล" ไททันพูดและเตรียมจะสวด

    "ไม่มีทาง!" สิ่งนั้นตะโกนทั้งๆ ที่ยังฉีกยิ้มอยู่ เมื่อสิ่งนั้นตะโกนประตูและหน้าต่างทุกบานต่างเปิดพร้อมกันจนชานมกับเอ็มสะดุ้ง

    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!" ไททันตะโกนก่อนจะหยิบน้ำมนต์ขึ้นมา

    "ฝันไปเถอะ" สิ่งนั้นหัวเราะร่วน ก่อนจะขยับมือแบบพิลึกๆ พร้อมกับร่างของมีมี่ที่ขยับตาม

    "ช่วยด้วย!" มีมี่ร้องบอกเพราะตัวขยับไปเอง

    เพล้ง เพล้ง เพล้ง เพล้ง

    สิ่งที่เป็นแก้วทุกอย่างในบ้านต่างแตกกระจายและมารวมตัวกันที่สิ่งนั้น

    "มีพลังขนาดนี้แล้วเจ้าของจะเก่งขนาดไหนเนี่ย" ฟาโรห์บอกอย่างทึ่งๆ เพราะเพิ่งเคยเจอคำสาปแช่งที่เก่งแบบนี้ครั้งแรก

    "ถ้าไม่อยากเห็นก็หลับตาซะ!" ไททันหันมาบอกชานมกับเอ็ม ที่กอดกันอยู่ที่โซฟา เมื่อสิ้นประโยคชานมก็แอบเหลือบขึ้นมามองภายในห้อง

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!" ชานมหวีดร้องลั่นจนทุกคนแสบแก้วหู เพราะวิญญาณหน้าตาอัปลักษณ์หน้าตาบิดเบี้ยวต่างปรากฏตัวขึ้น มันมีจำนวนหลายสิบตัวจนแทบจะเฉียดหลักร้อย บางตัวก็เหมือนคนหรือเป็นสิ่งทิ่บิดเบี้ยว บางตัวก็เหมือนมีวิญญาณของสัตว์หลายๆ ตัวมารวมกันจนน่าอาเจียน บางตัวก็เละจนแทบจะกลายเป็นเศษเนื้อบด

    "ระวัง!" มีมี่ร้องบอกเพราะตัวเธอขยับเอง และขยับไปหยิบเศษแก้วที่พื้นมาฟันใส่แขนไททันอย่างแรง

    "โอ๊ย บ้าเอ๊ย!" ไททันร้องแล้วพยายามห้ามเลือดที่ไหลเหมือนน้ำตก

    "อยากถูกกำจัดมากสินะ" ฟาโรห์เริ่มเลือดขึ้นหน้า บรรยากาศรอบๆ ตัวเขาเริ่มเย็นยะเยือกจนมีมี่ที่ยืนใกล้ๆ แทบจะหนาวตายซะตรงนั้น

    "คิคิคิคิคิ คนอย่างแก กำจัดฉันไม่ได้หรอก" สิ่งนั้นหัวเราะเหมือนคนโรคจิต แล้วเรียกเศษกระจกที่อยู่รอบๆ ตัวให้พุ่งใส่ฟาโรห์

    "ไม่มีวันหรอก" ฟาโรห์สาดน้ำมนต์ใส่เศษกระจกที่พุ่งเข้ามา มันก็ตกลงพื้นทันที แต่เศษแก้วบางชิ้นก็ผ่านน้ำมนต์มาเฉือนเนื้อเขาได้เหมือนกัน

    "ตาพวกแกแล้วละ" สิ่งนั้นเรียกมีดสั้นออกมา มีดสั้นมีลักษณะเป็นเงาสีดำเหมือนกับมัน แต่ก็เห็นได้ว่าตรงด้ามสลักรูปหัวแพะเอาไว้

    "อ้ากกก!" เอ็มร้องลั่นเมื่อมีดสั้นพุ่งเข้าไปปักที่แขนเขาจนเลือดกระฉูด

    "เอ็ม" ชานมที่อยู่ในอ้อมกอดของเอ็มร้องเสียงหลง

    "ฉันไม่ให้แกทำอะไรชานมหรอกนะ" เอ็มบอกแล้วกอดชานมแน่น

    "งั้นก็ตายซะทั้งคู่นั่นละ" สิ่งนั้นเรียกเศษกระจกมาแล้วให้มันแทงใส่เอ็ม จนเด็กหนุ่มนักบาสเลือดไหลซิบ

    "อย่าน้า!" มีมี่ร้องแต่ก็ขยับตัวไม่ได้

    ไททันกับฟาโรห์ก็ต้องรับมือกับพวกวิญญาณที่รายล้อมอยู่ เพื่อไม่ให้เข้าไปช่วยชานมกับเอ็ม เอ็มก็มีรอยบาดแผลเพิ่มขึ้นทุกนาทีเพราะเกิดจากเศษกระจก ชานมก็เริ่มร้องไห้พลางบอกให้เด็กหนุ่มปล่อยเธอ

    สิ่งนั้นหัวเราะอย่างสนุกสนาน ก่อนจะชะงัก พร้อมกับที่เศษกระจกทุกชิ้นตกลงพื้นและแตกละเอียด

    "คิคิคิคิ นายท่านบอกข้าว่าให้รามือแต่เพียงเท่านี้ ข้าจะยอมถอนคำสาปแช่งให้ เพราะนายท่านของข้าสั่งมา นายท่านบอกว่าถ้าทุกคนมาตายตอนนี้จะยังเร็วไป ต้องทรมานให้สาสมใจก่อน คิคิคิคิ" สิ่งนั้นหัวเราะ และวิญญาณทุกตัวก็เริ่มซีดและจางหายไปทีละตัว สิ่งนั้นหัวเราะส่งท้ายก่อนจะหายไปเป็นลำดับสุดท้าย

    มีมี่ทรุดฮวบลงกับพื้น เพราะรู้สึกเหมือนถูกสูบพลังออกจากร่าง ไททันกับฟาโรห์ก็ถอนหายใจโล่งอกที่ฝ่ายนั้นยอมรามือไปเอง เพราะถ้าขืนสู่ต่ออย่างน้อยก็ต้องมีคนตายสักคน

    "เอ็ม ฮือ เอ็ม ทำใจดีๆ ไว้" ชานมเขย่าตัวเอ็มที่เริ่มตัวเย็น

    "ชานมไม่เป็นไรใช่มั้ย" เอ็มถามกลับมาอย่างแผ่วเบา

    "ไม่ ฉันไม่เป็นไร ฮึก" ชานมสะอื้น

    "ดีแล้วละ" เอ็มพูดได้เท่านั้น สติของเขาดับวูบไปเหมือนถูกตัดวงจร แค่เห็นแฟนสาวไม่เป็นไร เขาเองก็โล่งใจแล้ว

    "ไม่จริง ไม่จริง เอ็ม ทำใจดีๆ ไว้ ไม่จริง ม่ายยยยยย!!!" ชานมกรีดร้อง

     

    .......................................................

     

    "ขอบคุณพี่มากนะค่ะ ที่ช่วยหนู คิกคิก อย่างน้อยให้คุณพ่อเข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้ว" เสียงใสๆ หัวเราะคิกคัก

    "พี่ไม่เข้าใจเลย จะหลอกพ่อกับน้องสาวตัวเองไปทำไม" ไนท์ถาม

    "ถ้าหนูไม่หลอก พวกเขาจะมัวห่วงพะวงอยู่กับหนูนะสิค่ะ และทุกครั้งที่เห็นหนู พวกเขาจะหวนนึกถึงแต่อดีตที่หวนคืนมาไม่ได้ เมื่อพวกเขาเห็นหนูในสภาพวิญญาณ พวกเขาถึงจะทำเป็นดีใจที่หนูยังอยู่ แต่สภาพวิญญาณแบบนี้ จะมัวแต่ให้เขาโทษตัวเองว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ช่วยหนูไว้ให้ได้ ทำไม แต่ถ้าหนูหลอกว่าหนูไปเกิดแล้ว พวกเขาก็จะเลิกคิดถึงหนู แล้วก้าวไปข้างหน้าซึ่งมีอนาคตที่สดใสรอพวกเขาอยู่" เกศพูดจนทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย

    ใช่ ที่จริงแล้วเกศยังไม่ไปไหน เพราะตายก่อนอายุขัยจริง ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพนี้จนกว่าจะครบตามกำหนด ที่เหมือนเห็นว่าเกศขึ้นสวรรค์ไปแล้ว เกศก็แค่เล่นละครนิดๆ หน่อยๆ พร้อมกับที่ไนท์รับมุกว่าเกศขึ้นสวรรค์แล้ว

    "แล้วจะกลับไปอยู่กับหวานอีกมั้ย"

    "ไม่ละค่ะ เพราะพวกพี่อุตส่าห์พยายามช่วยหนูขนาดนี้แล้ว หนูเลยคิดว่าจะช่วยพวกพี่บ้าง แต่ก็บอกไว้ก่อนนะค่ะ หนูช่วยได้แค่บอกความลับเท่านั้น ถ้าให้หนูไปสู้ด้วย หนูตายซ้ำรอบสองแหงๆ " เกศยักไหล่แล้วหยิบตุ๊กตาตัวเองขึ้นมากอด

    "ก็พอจะรู้หรอก ว่าแต่หวานมีความลับด้วยเหรอ" ไนท์รีบถามเพราะคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์

    "ใช่ค่ะ ยื่นหูมานี่สิค่ะ" เกศบอก ไนท์ก็รีบยื่นหูไปทันที เกศจึงกระซิบตอบ

    "30"

    "เอ๋" ไนท์เผลออุทานไม่ได้ เลขพวกนี้หรือว่ารหัสลับ

    "25"

    ไนท์เริ่มตงิดๆ ใจ

    "32"

    "30 25 32 มันคืออะไร รหัสลับหรือรหัสอะไร" ไนท์อดถามไม่ได้

    "สัดส่วนพี่หวานไง ความลับเชียวนะ" พอเกศพูดจบไนท์ก็แทบจะทรุดลงไปกับพื้น

    "แบบนี้ไม่ต้องบอกก็ด้ายยย"

    "คราวนี้จะบอกจริงแล้วค่ะ" เกศกระแอมเล็กน้อย

    "ถ้าล้อเล่นอีกพี่จับถ่วงน้ำจริงๆ ด้วย"

    "ค่ะๆ ตกลงจะฟังมั้ย ความลับของพี่เกศนะคือ 'อดีต' " เกศพูดเสียงแผ่ว

    "เห ล้อเล่นหรือเปล่า"

    "พี่คิดว่าเพราอะไรละค่ะ ที่ทำให้พี่หวานแค้นจนแทบกระอักเลือดแบบนี้" เกศถามแต่ไนท์ก็ส่ายหน้า

    "ไม่ได้เพราะว่าพวกพี่เข้าไปในโรงแรมร้างนั่นเหรอ"

    "ไม่ใช่แน่ๆ ค่ะ เพราะพี่สาบอกว่าพี่หวานเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตายมา และอาจจะแค้นอดีตของตัวเอง แต่อีกใจก็กลัวและเศร้าเหมือนกัน ตอนนี้พี่หวานเลยพยายามปิดส่วนความทรงจำของตัวเอง" เกศอธิบายอย่างจริงจัง

    "ปิดส่วนความทรงจำของตัวเอง มันคืออะไร"

    "หลังจากที่คนตายมากลายเป็นวิญญาณ วิญญาณจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ คือ ส่วนของความทรงจำ ส่วนของความดี ส่วนของความชั่ว ส่วนของตัวตน และส่วนของความสามารถ"

    "ส่วนของตัวตนคืออะไร" ไนท์ถามเพราะเริ่มงง

    "ส่วนของนิสัยนะค่ะ พวกเราจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วนแบบนี้ อ๋อ แต่ไม่ใช่ว่าวิญญาณจะกลายเป็น 5 ดวงนะค่ะ ยังรวมอยู่ในดวงเดียวกัน แต่ เอ่อ อธิบายไม่ถูก" เกศทำหน้างงบ้าง

    "อ้าว ถ้าน้องเกศยังไม่เข้าใจ พี่จะเข้าใจเหรอ"

    "งั้นพี่ลองตายมั้ยค่ะ" เกศแสยะยิ้มพลางคิดว่าเป็นไอเดียที่ดี

    "ไม่ ไม่ต้องจ้ะ งั้นพูดตามที่น้องเกศเข้าใจแล้วกัน"

    "อ๋อ ก็ประมานว่า เรารู้ว่าดวงวิญญาณแยกออกเป็น 5 ส่วน และเราจะสามารถปิดผนึกส่วนใดก็ได้ของวิญญาณ ของพี่หวานก็ปิดส่วนความทรงจำของตัวเองกับความดี ส่วนหนูพี่หวานปิดผนึกส่วนความดีให้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงผนึกหายไปแล้วละค่ะ" เกศพูดยิ้มๆ

    "งั้นเราต้องเปิดความทรงจำส่วนนั้นมาเหรอ"

    "ใช่ค่ะ เราก็แค่พูดถึงอดีตของพี่หวาน หรือคนรู้จักของพี่หวานในอดีต และเล่าอดีตของพี่หวานให้พี่หวานฟัง ส่วนของความทรงจำก็จะเปิดออกเองค่ะ แค่นี้แหละ"

    "แค่นี้เองเหรอ แค่เราสืบอดีตของหวานให้ได้"

    "ค่ะ ตามนั้นเลย ถึงจะเห็นพี่หวานแบบนั้น แต่จริงๆ แล้ว พี่หวานนะ อ่อนแอมากนะค่ะ โดยเฉพาะกับเรื่องของอดีตนะ" เกศพูดพลางทำหน้าเศร้า

    "ขอบใจมากนะ เด็กน้อย" ไนท์ยื่นมือไปขยี้ผมเกศแต่กลับผ่านวืดไป

    "ว่าแต่ มีอะไรให้หนูกินบ้างอ้ะ ตั้งแต่ตายมากินแต่เนื้อมนุษย์ อยากกินสปาเก็ตตี้แซลมอน" เกศร้อง แต่ไนท์ก็สะดุ้งตรงที่เกศบอกว่ากินเนื้อมนุษย์

    "งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้ อ๋อ อย่าหลอกเด็กที่โบสถ์นะ เดี๋ยวจะตกใจกันไปเปล่าๆ แล้วอยู่ที่นี่ห้ามทำอะไรแผลงๆ นะ" ไนท์เตือนไว้ก่อน

    "แค่ไม่ฆ่าคนก็พอใช่ม้า" เกศถามแล้วกระโดดโลดเต้น

    "อยู่เฉยๆ ไม่ได้เหรอ ไม่งั้นพี่ไม่ซื้อของกินให้นา" ไนท์เอาของกินมาล่อเพื่อไม่ให้เกศพยายามฆ่าเด็กที่โบสถ์

    "ก็ได้ๆ " เกศทำแก้มป่องน่าหยิก แล้วเดิน(หรือลอย) กระทืบเท้าไปทางสุสานหลังโบสถ์

    ไนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่โชคดีที่เขาเข้าใจล่อและดูแลเด็กได้ เลยรู้วิธีที่จะคุมเกศไม่ยาก ว่าแต่เกศอยากกินอะไรนะ สปาเก็ตตี้แซลมอนเหรอ ไนท์เปิดกระเป๋าตัวเองแล้วถอนหายใจ คงต้องขอเบิกเงินมาเซ่นไหว้แม่เจ้าพระคุณก่อนละ เดี๋ยวอาละวาดที่โบสถ์อีกจะซวยเอา

    เกศเดินเล่นมายังสุสานหลังโบสถ์แล้วนั่งที่หินใหญ่ก้อนหนึ่งอยู่ใต้ต้นไม้เขียนครึ้ม แล้วนั่งเท้าคางมองไปรอบๆ สุสาน

    "เมี้ยว~" แมวตัวหนึ่งเดินเข้ามาหาแล้วมาคลอเคลียที่ขาเธอ

    "เอ๊ะ เจ้าเหมียว แกตายไปแล้วนี่" เกศตกใจพอสมควรเพราะเธอจำได้ว่าเธอฆ่ามันเองกับมือ และไม่ใช่หน้าเหมือนแน่นอน เพราะแมวตัวที่เธอฆ่า ตัวสีขาวและมีหู 2 ข้างและหางเท่านั้นที่เป็นสีดำ เป็นแมวที่ตัวอื่นจะเหมือนยาก

    "เมี้ยว" แมวตัวนั้นมองหน้าเธอแล้วเลียแขนขาตัวเองไปมา

    "ก็ยังมีชีวิตอยู่นี่ แปลกจัง" เกศเป็นวิญญาณจึงรู้ว่าอะไรยังมีชีวิตและไม่มีชีวิต แต่กับเจ้าแมวนี้เธอสัมผัสได้ว่าหัวใจมันยังเต้นอยู่ เลือดเนื้อก็มี ก่อนจะสังเกตเห็นรอยแผลเป็นที่ตัวของเจ้าแมว ตรงกับรั้วเหล็กกันขโมยพอดี มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า และเธอสัมผัสได้ว่าแมวตัวนั้นไร้ลมหายใจไปแล้วจริงๆ แล้วแมวตัวนี้ทำไมถึงยังอยู่ละ

     

    ...........................................................

    ป.ล หายหัวไปนานเพราะการบ้านประดังเข้ามาจนหัวปั่นจ้า ขอโทษทีน้าาา
    ป.ล 2 ไรท์ทิ้งปริศนาไว้พร้อมศัตรูตัวใหม่นะจ้ะ เลยเอาไปทายกันดูเล่นๆ แล้วกัน ว่าใครเป็นคนใช้ไสยศาสตร์ ไม่บอกหรอกว่าเป็น 1 ในพวกที่ไปโรงแรมร้าง 
    ป.ล 3 ขอบคุณสำหรับขอความลับจากผู้ปกครองตาไนท์มาก =W= b ถ้ามีอีกก็ดีนะ เหอๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×