คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 6 ไม่ใช่สิ้นสุด แต่มันแค่เริ่มต้น
"ได้ยินกันมั้ยแก เรื่องข่าวของพวกเสียสติที่ลองของนั่นนะ"
"ได้ยินสิ ออกข่าวทางทีวีด้วยนี่ ตายตั้งเยอะ"
"เสียสติไปอีกด้วยนะ"
"แปลว่าที่นั่นเฮี้ยนจริงๆ ด้วย บรื๋อ"
"ฉันบอกแล้วไงว่าที่นั่นมันของแรง"
"เป็นฉันจ้างให้ก็ไม่ไป"
"สงสารพวกนั้นจังนะ"
"สงสารพ่อแม่พวกนั้นมากกว่า มีลูกสิ้นคิดแบบนี้"
หลังจากวันนั้นมาก็เป็นวันจันทร์ เพราะทุกคนไปลองของในวันศุกร์ ก่อนจะกลับมาเรียนในวันจันทร์อีกครั้ง ซึ่งบรรยากาศหดหู่มากกว่าเดิม เพราะมีคนตายถึง 9 คน รวมถึงเด็กที่เคยรังแกกัญญากลุ่มนั้นด้วย มีคนไปแจ้งตำรวจเรื่องว่าได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากโรงแรมร้างก่อนจะค้นพบศพทั้ง 9 ศพ และเสียสติไปอีก 1
"อเล็กซ์นายจะไปงานศพเจนหรือเปล่า" ชาหันมาถามเสียงแผ่ว
"ก็คงไปนั่นแหละ" อเล็กซ์เงยหน้าจากโทรศัพท์เครื่องใหม่ของตัวเอง
หลังจากที่เขาแพ้พนันชาแล้ว เลยยกโทรศัพท์อันเก่าให้ตามที่สัญญา ส่วนตัวเองก็ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่รุ่นใหม่กว่าเดิมแทน
"ฉันไปแน่อยู่แล้วค่ะ" พิมหันมาบอก
"แต่ฉันในฐานะหัวหน้าห้องคงต้องไปงานศพเจนนั่นแหละ" เคทพูดอย่างปลงตก
"เขาจัดกันที่ไหนเหรอคะ" พิมถามชา
"ฉันฟังมาจากแม่เขานะ เห็นบอกว่าจัดที่โบสถ์หลังโรงเรียน เพราะเจนเป็นลูกครึ่งนับถือศาสนาคริสต์" ชาพูดเรียบๆ เพราะนึกถึงสีหน้าของแม่เจนตอนที่มารับศพลูกสาวไป มันติดตาเธออยู่
"เย็นนี้ฉันคงต้องเคลียงานก่อนคงจะได้ไปราวๆ สัก ทุ่มครึ่งละมั้ง" เคทบอก
"งั้นทุ่มครึ่งเจอกันหน้าโบสถ์นะ" อเล็กซ์พยักหน้า ก่อนที่อาจารย์ประจำชั้นจะเดินเข้ามาโฮมรูม และในเรื่องของการโฮมรูมมีเรื่องงานศพของเจนอยู่ด้วย
"ทุกคนจ้ะ ถึงครูไม่บอกก็คงทราบกันแล้วสินะ ว่าเจเรน่าเสียชีวิตแล้ว" ครูสาวพูดเสียงแผ่ว นักเรียนในห้องต่างก้มหน้าก้มตางุดๆ เพราะเศร้ากับการจากไปของเด็กสาวมาดห้าว
"เราจะจัดงานศพให้เขาในโบสถ์หลังโรงเรียน ตามศาสนาของเขานะจ้ะ เย็นนี้อยากจะให้ทุกคนไปร่วมงานให้ได้ ในฐานะเพื่อนร่วมห้องของเขา โดยเฉพาะเธอนะแคทเทอรีน เราเป็นหัวหน้าห้อง ต้องเป็นตัวแทนของทุกคนเข้าใจมั้ยจ้ะ เธอด้วยชาลิดา เธอเป็นเพื่อนสนิทของเจเรน่าเขานี่นา" ครูสาวประจำชั้นพูด คนถูกเรียนชื่อทั้งสองถึงกับสะดุ้งเฮือกก่อนจะพยักหน้า
"ไปแน่นอนค่ะ" สองสาวพูดขึ้นพร้อมกัน
"ดีมากจ้ะ ครูเองก็คงต้องขอแสดงความเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น..." ครูสาวยังคงพูดต่อไป แต่เนื้อหาทั้งหมดในคาบโฮมรูมกลับไม่เข้าหัวของอเล็กซ์ ชา พิมและเคทเลย
………………………………………………..
เรกะเดินเข้ามาในโรงเรียนด้วยความรู้สึกที่ต่างจากทุกวัน ทำไมก็ไม่รู้ เรื่องเมื่อคืนเธอเอาไปบอกแม่ ถึงทุกคนจะยอมให้เธอชิงตำแหน่งเจ้าบ้านแล้ว แต่ก็ถูกดุซะน่วม ก็ที่นั่นมีคนตายและเสียสติเชียวนะ เธอรอดมาได้ก็บุญโขแล้ว
ไม่สิ คงไม่ใช่เพราะบุญหรอก คงเป็นเพราะใครบางคนต่างหาก
"อ้าว ไงน้องเรกะ" ไนท์ที่ยืนคุยกับขิมโบกมือทัก
"สวัสดีค่ะ" เรกะทักกลับแล้วโค้งให้ตามมารยาทนิดๆ
"เราขอตัวไปก่อนนะ ต้องไปส่งงานอาจารย์" ขิมบอกยิ้มๆ แล้วเดินออกไป
"เย็นนี้พี่เองก็ต้องไปช่วยจัดงานศพที่โบสถ์" ไนทโพล่งขึ้นมาหลังจากที่ขิมเดินไปแล้ว
"ต้องช่วยจัดงานศพที่โบสถ์ด้วยหรือค่ะ"
"อืม พี่อยู่ที่โบสถ์นะตั้งแต่เด็กแล้ว อ๋อ แล้วน้องเรกะจะมางานศพเย็นนี้ด้วยมั้ย ตามศาสนาคริสต์นะ มีเจนกับเรน อุมิแล้วก็ยูตะด้วย" ไนท์นับจำนวนคนที่มาจัดงานศพที่โบสถ์ ถือว่าเยอะมากถ้าจะจัดในวันเดียว
"จัดวันเดียวกันเหรอค่ะ" เรกะถาม
"อุมิกับยูตะนะจัดวันเดียวกันอยู่แล้ว แต่พ่อกับแม่เขาเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เจนนี่คงต้องจัดก่อนใครเพื่อนนะ ส่วนเรนนะคนสุดท้าย" ไนท์พูดเหมือนพวกเขาแค่ต่อคิวซื้ออาหารมากกว่าต่อคิวจัดงานศพ
"น่าสงสารพ่อกับแม่เขานะค่ะ" เรกะถอนหายใจ
"อืม นั่นสิ" ไนท์บอกก่อนที่คนทั้งคู่จะเงียบไป ไม่นานเสียงออดเข้าเรียนก็ดังขึ้นมา
"เอ่อ ไปก่อนนะค่ะ" เรกะพูด ไนท์ก็หันมายิ้มแล้วขยี้หัวเรกะ
"วันๆ หัดยิ้มบ้างนะเรา เอาแต่ทำหน้าเครียดอยู่ได้ พี่ไปละ หวังว่าจะเจอกันเย็นนี้นะ" ไนท์โบกมือแล้ววิ่งออกไป ทิ้งให้เรกะยืนคิดประโยคที่เขาพูดอยู่คนเดียว
"ยิ้มงั้นเหรอ" เรกะพึมพำเบาๆ แล้วก็จริงอย่างที่ไนท์ว่า วันๆ เธอเอาแค่คิดๆๆ ว่าจะทำอย่างไรให้ผ่านการชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน เพื่อนในห้องก็ต่างเป็นรุ่นพี่ ถึงเธอจะพูดเหมือนไม่ค่อยเกรงใจอายุ แต่ก็กลัวๆ เหมือนกัน เพราะเธออายุน้อยกว่าคนอื่น เหมือนแกะดำในห้อง ทำให้ไม่มีเพื่อนสนิทให้คุยเรื่องละครในโทรทัศน์หรือหัวเราะกับมุกตลกของเพื่อน เธอเอาแต่เรียนๆ และพยายามจะชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน ทำให้เธอจำไม่ได้แล้วว่าเคยยิ้มหรือเปล่า กระทั่งแม่กับพ่อยังไม่เคยทักว่าเธอต้องยิ้มเลย ก็พูดกันแต่ว่าเธอต้องเป็นเจ้าบ้านคนต่อไป กรอกหูอยู่ทุกวัน แล้วทำไมผู้ชายคนนี้กลับสังเกตเห็นกันนะ เรกะส่ายหน้าเบาๆ เธอหันไปทางตรงข้ามกับที่ไนท์ไปแล้วเดินขึ้นชั้นเรียนของตัวเอง
ไม่แน่ อาจจะเป็นเพราะคียไนท์เป็นกุญแจที่เปิดให้ความมืดมิดในจิตใจให้หายไปก็ได้มั้ง
...........................................................
"กัญญา เย็นนี้จะไปด้วยกันมั้ย หรือจะไปแค่งานของเรน" อาริเซียหันมาถาม
"ไปสิ ก็ว่างอยู่แล้ว" กัญญาพูดเบาๆ
"ไม่มีพวกหัวโจกนั่นก็สงบสุขดีนะ แต่ตายแบบนั้นก็น่าสงสารเหมือนกัน แถมยังเสียสติไปซะอีก สงสัยกรรมจะตามสนอง" อาริเซียพูดพลางหันไปมองเก้าอี้ที่ว่างเปล่าของพวกเด็กสาวหัวโจกที่ชอบแกล้งกัญญาแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้
"คิดว่าเรื่องนั้น จบรึยัง" กัญญาถามลอยๆ พลางหมุนตุ๊กตาตัวเองไปมา
"เอ๋ มันก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ พวกนั้นไปเกิดใหม่แล้ว" อาริเซียมองกัญญาอย่างงงๆ
"คิดว่าเป็นงั้นจริงเหรอ" กัญญาถามอีกครั้ง
"ทำไมละ" อาริเซียย้อนถามกลับ
"เพราฉันเป็นยัยผีไง ฉันรู้มันยังไม่จบแค่นี้หรอก" กัญญาถอนหายใจ เพราะเพิ่งพูดสนทนายาวเหยียดแบบนี้เป็นครั้งแรก
"พวกนั้นยังไม่ไปผุดไปเกิด ไปใช้กรรมงั้นเหรอ!" อาริเซียหันมาถามพลางทำหน้าตาตื่น ก่อนที่ครูประจำชั้นจะเข้ามาโฮมรูมในห้อง ทำให้กัญญายังไม่ได้ตอบอะไรอาริเซียเลย
เด็กสาวเชิดตุ๊กตากระบอกของตัวเองไปมา ก่อนจะหันไปมองตรงมุมมืดของห้อง เสียงใสๆ ร่าเริงดังขึ้นอย่างแผ่วเบาซึ่งมีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน
"เห็นหนูด้วยเหรอค่ะ"
กัญญาพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงว่าเห็น เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมา
"จำชื่อหนูได้รึยังค่ะ พี่กัญ"
"เกศสินะ" กัญญาพูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" เด็กหญิงตัวน้อยถือตุ๊กตาถอนสายบัวให้อย่างเรียบร้อย
"ไม่ยินดีที่ได้รู้จัก" กัญญาทักกลับ เสียงหัวเราะคิกคักของเกศดังขึ้น และดังไปตลอดทั้งวัน
………………………………………….
16.00 น. นักเรียนบางคนทยอยกันกลับบ้านไปแล้ว ยกเว้นบางคนที่เป็นหัวหน้าห้องต้องอยู่ประชุมกรรมการนักเรียนต่อ และนักเรียนบางคนที่ต้องทำเวรกับคนที่ต้องงานค้างให้เสร็จภายในวันนี้
เอ็ม ชายหนุ่มนักบาสเขาทำเวรแบบเหม่อๆ ลอยๆ เพราะชานมไม่ได้มาเรียน โทรไปก็ไม่รับสาย เมื่อวานกับวานซืนก็เหมือนกัน จนเขากลัวว่าแฟนสุดที่รักจะเป็นอะไรหรือเปล่า
"นายเอ็ม! เหม่ออะไรอยู่ได้ เออๆ จะกลับบ้านก็กลับไปเหอะ เดี๋ยวฉันทำต่อเอง" เด็กสาวเพื่อนร่วมชั้นซึ่งเป็นเวรทำความสะอาดเหมือนกันโวยขึ้นมา
"เอ่อ โทษที ว่าแต่จะให้ฉันทิ้งเธอทำเวรคนเดียวเหรอ" เอ็มทำหน้าชั่งใจ
"โอ๊ย มีนายอยู่ก็ไม่ช่วยให้เวรเสร็จเร็วขึ้นหรอก แถมนายถูพื้นตรงนั้นร่วมชั่วโมงแล้วนะ" เด็กสาวโวยพลางหันไปลบกระดานดำ
"อ้าวเหรอ โทษๆ " เอ็มเกาหัวแล้วหันไปถูพื้นตรงอื่นต่อ
"ห่วงชานมเหรอ" เด็กสาวหันมาถามเบาๆ
"อืม โรงเรียนก็ไม่มา โทรไปก็ไม่รับ" เอ็มพึมพำ
"งั้นรีบๆ กลับไปดูแฟนนายเหอะ ฝากเยี่ยมชานมด้วยนะ บาย" เด็กสาวเดินมาใกล้แล้วกระชากไม้ถูพื้นออกจากมือเขา พร้อมกับโยนกระเป๋านักเรียนให้
"ขอบใจนะ มีมี่" เอ็มโบกมือลาแล้ววิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
"ฝากดูเพื่อนฉันด้วยนะ" มีมี่ตะโกนไล่หลังมา
.........................................................
เอ็มวิ่งมาถึงบ้านของชานมในเวลาไม่นาน เขายืนหอบอยู่หน้าบ้าน เห็นประตูล็อคเลยตัดสินใจกดกริ่ง
เวลาผ่านไปซักพักก็ยังไม่มีคนเปิดประตู เอ็มกดกริ่งอีกครั้ง ก็เงียบไปเหมือนเคยจนมีเสียงใสๆ ที่คุ้นเคยตะโกนมาจากหน้าต่าง
"เอ็มเหรอ ปีนรั้วเข้ามาได้มั้ย ฉันเดินไปเปิดประตูไม่ได้ ประตูหลังบ้านไม่ได้ล็อคน่ะ"
สิ้นประโยคของชานมเอ็มก็ปีนรั้วเข้าไปอย่างไม่ลังเลก็เจ้าของบ้านอนุญาตแล้วนี่นา เขาเดินผ่านสวนแล้วอ้อมไปเข้าประตูครัวทางหลังบ้าน เขาเคยมาบ้านของชานมบ่อยๆ เลยคุ้นเคยอยู่บ้าง
แต่วินาทีที่เขาเดินเข้ามาในบ้าน กลับรู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดที่บอกไม่ถูก เอ็มเดินผ่านมายังห้องนั่งเล่นที่ชานมตะโกนออกมา เมื่อเขาจับถูกลูกบิดก็เหมือนมีอะไรเย็นๆ วิ่งผ่านตัวไป เขาหันซ้ายหันขวาอย่างงุนงง ก่อนจะเปิดประตู
ชานมนั่งอยู่ที่โซฟารับแขก มีไม้เท้าวางอยู่ข้างๆ ขาเข้าเฝือกไว้ ใบหน้าของเด็กสาวซีดเซียวมากจนน่ากลัว
"ชานมเป็นอะไรนะ" เอ็มรีบเดินมานั่งข้างๆ
"ตกบันไดนะ อ้อ โทษทีที่ไม่ได้รับโทรศัพท์นะ ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะ ไม่ได้เอามือถือไป ส่วนพ่อนอนพักอยู่ในห้องนะ คงจะเหนื่อย ฉันบอกพ่อแล้วนะ ว่าให้ไปโรงเรียนก็ได้ แต่พ่อกลับพูดว่า อุตส่าห์ให้ออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดแล้ว ยังจะไปโรงเรียนอีกเหรอ พ่อเลยให้ฉันพักที่บ้านสักสองสามวันก่อนนะ" ชานมพูดด้วยท่าทีร่าเริง ทำให้เขาเบาใจมากทีเดียว
"เป็นห่วงแทบแย่แน่ะ" เอ็มขยี้หัวแฟนสาวอย่างหมั่นไส้
"ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันนะถึกมากนะขอบอก"
"ว่าแต่ เธอตกบันไดที่บ้านนี้เหรอ หลังจากวันนั้นพอดีเลย นึกว่าเธอกลัวผีจับไข้หัวโกร๋นไปซะแล้ว"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกย่ะ เอ่อ ว่าแต่เอ็ม.."
ชานมพูดไม่ทันขาดคำ ประตูห้องนั่งเล่นก็เปิดดังปังจนทั้งสองคนในห้องรับแขกถึงกับสะดุ้งโหยง
"เอ็มปิดประตูไม่สนิทเหรอ" ชานมถามเบาๆ เด็กหนุ่มไม่ตอบ แต่เดินไปปิดประตูเหมือนเก่า ก่อนจะเดินมานั่งที่เดิมแล้วพูดเบาๆ ว่า
"ฉันปิดสนิทดีแล้วนะ ฉันมั่นใจ"
"งั้น.." ชานมกัดเล็บตัวเองตัวสั่นเล็กๆ
"เอ่อ บางทีฉันอาจจะปิดไม่สนิทเอง ว่าแต่เมื่อกี้จะพูดอะไรเหรอ" เอ็มพูดเพื่อให้ชานมสบายใจขึ้น เพราะหลังจากวันนั้นเด็กสาวนักกีฬาคงหลอนมากพอดู
ชานมหันมามองหน้าเขาแล้วพูดเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบว่า
"ฉันจะบอกว่า ตอนนั้นฉันอยู่บ้านคนเดียวหลังจากที่พ่อไปทำงาน ฉันกำลังจะเดินมากินข้าวเที่ยงที่ครัว แต่ตอนเดินลงบันไดจากห้องนอน กลับเหมือนถูกใครผลัก จนขาหัก"
"คิดไปเองหรือเปล่า"
"หลังจากวันนั้นมาที่ขาหัก ฉันก็รู้สึกเหมือนมีใครจับตามองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกิน จะนอน ไม่ว่าจะที่โรงบาลหรือบ้านฉันเอง จนแทบจะประสาทเสียอยู่แล้ว" ชานมพูดเสียงสั่น
"เธออาจจะเจอเหตุการณ์ที่โรงแรมร้างนั่น แล้วกลัวขึ้นสมองมากกว่า ที่นี่บ้านเธอนะ" เอ็มลูบหัวแฟนสาวเบาๆ
"ไม่ไม่ ฉันสาบานได้ ฉันไม่ได้รู้สึกไปเอง ฉันบอกพ่อแล้วพ่อก็ไม่เชื่อ ตกกลางคืนหมาก็จะหอนทุกที่ที่ฉันไป ทั้งโรงบาลทั้งที่นี่ เอ็มก็รู้สึกใช่มั้ย ตอนที่เดินเข้าบ้านมา มีบรรยากาศแปลกๆ แตกต่างไปจากทุกที เอ็มฉันกลัว" เด็กสาวนักกีฬาเอามือกุมหัวตัวเองเหมือนกำลังจะประสาทเสีย
"ใจเย็นๆ ชานม ไม่เป็นไรนะ" เอ็มกอดชานมเบาๆ
เพล้ง
"กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!!" ชานมหวีดร้องลั่น
"คะ แค่แจกันตกนะ เดี๋ยวฉันไปเก็บให้แล้วกันนะ" เอ็มเองก็รู้สึกกลัวเหมือนกับชานม เพราะในห้องนี้ประตูปิดสนิท หน้าต่างก็ปิดสนิทไม่มีลมสักนิด แถมเขาหรือชานมไม่ได้จับถูกแจกันที่มุมห้องแน่นอน แต่เขาเป็นผู้ชายและเป็นแฟนเธอดังนั้น เขาต้องเข้มแข็ง
"จริงสิเอ็ม จำเรื่องตอนนั้นได้มั้ย จำได้มั้ย ตอนที่ฉันถูกวิญญาณที่นั่นเล่นงานจนเกือบจะถูกแขวนคอตาย พวกนั้นเขาช่วยฉันได้" ชานมหมายถึงไททันกับฟาโรห์
"จะไปขอร้องให้พวกนั้นช่วยเหรอ" เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากการเก็บเศษแจกัน
"นะนะนะ ขอร้องนะเอ็ม ฉันแทบจะบ้าอยู่แล้ว" ชานมเกาะแขนเอ็มแน่น จนเขารับปากว่าจะช่วยขอร้องพวกนั้นให้
เขาหวังว่าสองคนนั่นคงจะยอมช่วย ...มั้งนะ
.........................................................
วายุถอนหายใจเป็นรอบที่ 18 ของวัน
พอรินตายก็ทำให้เขาเองไม่มีอะไรจะทำ ไม่รู้จะยั่วโมโหใคร ไม่รู้จะหันไปแกล้งใคร ไม่รู้จะหันไปเดินตามแบบกวนประสาทใคร แบบนี้เขาจะเรียกว่าเหงาได้หรือเปล่านะ
ก็ใช่ว่าหนุ่มฮอตของโรงเรียนจะมีเพื่อนสนิทเหมือนใครเขานี่ นอกจากรินคนเดียว
หรือต่อไปเขาควรจะหาเพื่อนให้แกล้งคนใหม่ต่อไปดี
วายุคิดไปเรื่อยๆ จนเผลอเดินมาที่ด้านหลังของโรงเรียน ซึ่งมีโกดังเก็บของเก่าๆ อยู่ เขาจำได้ว่ารินเคยมาแอบเขาถึงไหนนี้ มันชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
"เฮ้ ยัยบ้า ฉันรู้นะ เธอแอบอยู่ในนี้"
รินกุมหัวตัวเองแน่นอย่างไม่สบอารมณ์ เธอพยายามจะซ่อนให้ดีที่สุดและไม่ขยับไปจากหลังม้ากระโดดโทรมๆ ตัวหนึ่ง
"ตกลงจะเล่นซ่อนหากับฉันเหรอ" วายุพูดด้วยน้ำเสียงกวนอารมณ์อีกฝ่าย
"เออๆ ไม่ซ่อนก็ได้ ไสหัวไปไกลๆ ฉันด้วย จะเป็นพระคุณมาก" รินฟิวส์ขาดอย่างแรงก่อนจะกระโดดออกมาจากที่ซ่อนด้วยใบหน้าหงุดหงิด
"ไม่ไป"
"ไปตายไกลๆ ซะ"
"ไม่"
"นายวายุ ฉันบอกให้ไปไง"
"ไม่"
"นายจะกวนประสาทฉันอีกนานมั้ย!"
"ไม่"
"หุบปากเดี๋ยวนี้!" รินเตะชายโครงเขาอย่างห้ามไม่อยู่ จนเขาไปนอนจุกบนพื้น
"เจ็บชะมัด โหดร้ายจัง" วายุพยายามลุกขึ้นยืน
"สมน้ำหน้า ห้ามตามมาด้วย" รินแลบลิ้นใส่ก่อนจะรีบเผ่นออกไป โดยมีเขาตามไปติดๆ
เขาถอนหายใจนิดๆ ก่อนที่สายตาอันว่องไวจะพบกับอะไรบางอย่างที่มุมหนึ่งของโกดัง มันเหมือนมีอะไรสีดำผ่านไปแถวๆ นั้น
วายุเดินเข้ามาข้างในโกดัง เสียงเอี๊ยดอ๊าดของไม้กระดานที่พื้นดังขึ้นทุกครั้งที่เขาเหยียบลงไป บรรยากาศยามเย็นเริ่มหลอนเขามากขึ้นทุกที
"มึงใช่มั้ย ที่เคยท้าทายกู!" เสียงหนึ่งดังลั่นพร้อมกับเสียงปิดประตูโกดังอย่างแรง
"เฮ้ย! อะไรว่ะ" วายุรีบวิ่งไปเปิดประตู ซึ่งแน่นอน มันเปิดไม่ออก
"กูถามมึงอยู่ ตอบกูมา!" เสียงนั้นดังลั่นโดยที่ไม่เห็นตัวคนพูด
"คุณเป็นใคร" วายุถามอย่างไม่สบอารมณ์และคิดว่าต้องมีคนแกล้งเขา เขาทายถูกครึ่งหนึ่งละนะ เพียงแต่สิ่งที่แกล้งเขาไม่ใช่คน
"มึงจำกูได้มั้ย!!" หวานปรากฏตัวภายใต้ความมืดของโกดังเก็บของ หญิงสาวผมสีดำยุ่งเหยิงปืดหน้าปิดตา แต่ใบหน้าซีดเซียวดวงตาเรืองวาวด้วยความแค้น เชือกเปื่อยๆ ยังห้อยอยู่ที่คอของหวาน
"เฮ้ย! ยังไม่ไปลงนรกอีกเหรอ" วายุตกใจเพราะหลงคิดว่าหวานไปผุดไปเกิดแล้ว
"กูจะพามึงไปลงนรกด้วยต่างหาก!" หวานร้องเสียงดังด้วยความแค้น
"ไอ้บ้า ปล่อย! ปล่อยนะโว้ยยยยยยยย!!!!!!!! อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!"
............................................................
"เมี้ยว~" แมวสีขาวดำตัวหนึ่งเดินตัดหน้าเด็กสาวคนหนึ่งที่เพิ่งทำเวรเสร็จ จนเธอเกือบเหยียบมัน
"มาทำอะไรตรงนี้ แล้วเข้ามาได้ยังไงจ้ะ เจ้าแมวน้อย" มีมี่ก้มตัวลงไปมองเจ้าแมวน้อย ซึ่งมันก็นั่งลงร้องเหมียวๆ ตรงหน้าเธอ
"กลับไปกับฉันมั้ยละ" มีมี่ยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าแมวน้อยอย่างแผ่วเบาซึ่งมันก็ทำหน้าพริ้ม
"ที่บ้านฉันเลี้ยงแมวได้นะ แต่คงต้องขอแม่ก่อนละ" มีมี่รู้สึกถูกชะตากับเจ้าแมวนี่อย่างบอกไม่ถูก
"เมี้ยว~" แมวน้อยลุกขึ้นแล้วเดินช้าๆ ตัดสวนของโรงเรียนไป
"จะไปไหนเหรอ" มีมี่ถามเบาๆ แต่ลูกแมวสีขาวดำตัวนั้นกลับหันมามองเธอ เหมือนจะชวนให้ไปด้วยกัน
"ให้ฉันตามแกไปสินะ" เด็กสาวถอนหายใจ ก่อนจะตามแมวตัวนี้ไปช้าๆ จนมาถึงโกดังเก็บของ
"มาทำอะไรที่นี่เหรอ" มีมี่ถามแมวตัวนี้อย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่เธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ประตูโกดังเปิดอ้าไว้ ทั้งๆ ที่ปกติมันจะปิดแง้มไว้ เพราะล็อคเสียไม่ใช่เหรอ
มีมี่เดินเข้าไปหวังจะปิดประตูโกดังเก็บของให้ แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจกับบางอย่างที่นอนอยู่หน้าประตู
ศพของวายุในสภาพอเนจอนาจ มีเชือกพันที่รอบคอหลายทบ มีกระดาษแผ่นหนึ่งยัดปากเขาไว้ ดวงตาเหลือกถลน และแขนกับขาบิดเบี้ยวผิดรูป ราวกับมันไม่มีกระดูกแม้แต่น้อย ตรงท้องมีเศษแก้วจำนวนมากปักเข้าไปในเนื้อจนเลือดสีแดงไหลออกมาเจิ่งนอง
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
.............................................................................
ป.ล ไรท์มาเสิร์ฟความสยองก่อนนอนค่ะ ราตรีสวัสดิ์เด้อ
ความคิดเห็น