คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : รอยเลือดที่ 3 อาหาร...กับ คนบางคน
“เลือดแท้...”สไวป์พึมพำ “เป็นพวกเลือดแท้แล้วไงล่ะ”
“สไวป์อย่าคิดมากน่า”เสียงผู้หญิงดังขึ้น สไวป์เหลือบตาไปมองเงาที่ดำทะมึนข้างเตียง “เธอไม่ใช่เลือดผสมอย่างที่เด็กนั่นบอกหรอก”
“ใครสน ยังไงผมมันก็แค่...”เงาสีดำทะมึนเข้ามาปิดปากสไวป์
“อย่าพูดเลย สไวป์ ฉันไม่อยากฟัง ส่วนเธอลืมๆไปซะเถอะว่าเธอเป็นอะไรเรื่องมันตั้งแต่ 500 ปีก่อนแล้วนะ”เสียงผู้หญิงกับผู้ชายกลับมาปนกันอีกครั้ง
“พวกเลือดแท้... น่ารังเกียจ...”สไวป์พึมพำ “พวกหลงตัวเอง”
“ที่รัก~~~~~”สุนิสาโผล่หน้ามาในห้องเรียนของสไวป์ เสียงของเธอทำเอาทั้งห้องหันมอง ยกเว้นสไวป์ ผมสีชมพูทรงทวินเทลของเธอขยับไปมา “ที่รักหันมาหน่อยซิ”เธอเดินเข้ามาในห้อง พึ่บ สไวป์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินสวนสุนิสาออกไป “อ๊ะ ที่รักโกรธเราเหรอ”สุนิสาเดินตามสไวป์
“ไอดอลฉัน เดินตามหมอนั่นเหรอเนี่ย”
“วันนี้มาทรงทวินเทล...”
สไวป์เริ่มหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงต่างๆรอบตัว รวมทั้งเสียงของสุนิสาที่มันดังกว่าคนอื่น “หยุดตะโกนเรียกฉันแบบนั้นน่ะ”สไวป์หันมาตะคอกใส่
“บู่... ที่รักอ่ะ”
“ใคร ที่รักเธอ”สไวป์พูดแบบขอไปที
“ก็คนนี้ไง”สุนิสาคว้าแขนสไวป์มากอด “ผีดูดเลือดก็ต้องคู่กับผีดูดเลือดซิ”เธอพูดเบาๆ สไวป์ถอนหายใจเฮิอกใหญ่
“คิดเองเออเอง...”สไวป์พึมพำ
“นี่ ต่าย ดูที่รักฉันซิ ไม่ยอมรับว่าคบกับฉันอ่ะ”สุนิสาหันไปคุยกันอีกคนที่กำลังเดินผ่าน
“เหมาะสมกันดีออก”เสียงผู้ชายดังขึ้น แล้วเจ้าของเสียงนั้นก็เดินจากไป สไวป์หันไปมองข้างหลัง
“ไม่ต้องหันไปมองหรอก หมอนั่นพรางตัวเก่งจะตาย”สุนิสาขยับตัวเอาหน้าอกเข้าไปชิดแขนสไวป์ “คุณ
“เธอต้องการอะไรกันแน่”เสียงของลูซดังขึ้นมาปนกับเสียงสไวป์ “ผู้ชายคนนี้เป็นของๆฉัน”
“แต่คุณตายไปแล้ว หัดปล่อยวางมั้งเถอะ”สุนิสาพูด
“ฉันยังกลับไปเป็นมนุษย์ได้”เสียงของลูซดังกว่าเสียงสไวป์ สุนิสาจ้องตาสไวป์
“เธอรู้ไหม ว่าที่เธอทำอยู่มันไม่ส่งผลดีต่อพวกเรา อมนุษย์น่ะ”สุนิสากระซิบเบาๆ สไวป์ส่งสายตา ‘แล้วไง’ ให้สุนิสา “นี่ ฉันพูดดีๆด้วยนะ สไวป์ เธออยู่มานานกว่าฉันอีก เธอน่าจะรู้ตัวนะ”สุนิสาเริ่มฉุนแล้วปล่อยแขนสไวป์ สไวป์โบกมือปัดๆแล้วเดินไปตามระเบียง “คนเอาแต่ใจ อยู่มาได้ไง ตั้ง 600 ปี”สุนิสาทำหน้าบึ้ง
“เอาน่าๆ สุ”เสียงผู้ชายดังขึ้นข้างหลังสุนิสา
“อ้าว ต่าย ไม่ได้เดินไปแล้วหรอกเหรอ”สุนิสาหันมามอง เด็กหนุ่มผิวสีน้ำตาลเข้มยืนยิ้มอยู่ข้างหลังเธอ “แล้วไม่คิดจะเก็บหูกระต่ายรึไง”สุนิสาพูด
“เก็บทำไมกัน ยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว”ต่ายยิ้ม “ตะกี้ฉันเก็บวิญญาณมาได้ด้วยล่ะ”
“นี่นายมาทำอะไรที่นี่กันแน่เนี่ย”สุนิสาบ่น ต่ายยักไหล่เบาๆ
“สุ วิญญาณที่ตามคุณ
“คุณ
“แล้วทำไมเขาไม่ให้เธอเป็นผีดูดเลือดไปด้วยล่ะ”ต่ายถาม
‘สุ ลูกต้องรู้ไว้นะ นายท่านน่ะไม่ใช่ผีดูดเลือด เลือดแท้เหมือนพวกเรา’
‘ไม่ใช่เลือดแท้ แล้วเรียกนายท่านได้ไงล่ะคะ’
“ไม่รู้ซิ...”สุนิสาตอบ
“งั้นเดี๋ยวฉันมานะ ตอนเย็นเจอกัน”ต่ายบอกแล้วเดินลากโลงศพสีขาวไปด้วย แต่กลับไม่มีใครเห็นโลงศพที่ต่ายลากไปเลย ยกเว้นอมนุษย์...
“สไวป์”รินเดินมาดักหน้าสไวป์
“อะไรอีกล่ะทีนี้”สไวป์บ่นพึมพำ
“คือ...เย็นนี้...”รินพูดตะกุกตะกัก สไวป์ทำหน้าประมาณว่า น่ารำคาญจริงเว้ย ออกมา “เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านฉันนะ”รินบอก “ดะ...ได้ไหม”สไวป์เงียบอยู่นานก่อนพูดว่า
“ก็ได้”แล้วเดินจากไป
“ไปรับปากแบบนั้นจะดีเหรอ สไวป์”ลูซถาม
“ฉันอยากเห็นหน้าตาพ่อยัยนั้น ได้ยินเจ้านั่นพูดถึงพ่อยัยนั้นบ่อยจนฉันอยากเจอหน้าซักหน่อย คนที่สามารถรอดพ้นจากคำสาปยัยนั่นเหมือนฉัน”สไวป์กล่าว
“เข้าใจแล้ว...”ลูซตอบ
“ลูซ ก่อนฉันจะไปบ้านนั้น ไปตามคาซมาให้ฉันด้วยนะ”สไวป์เหลือบไปมองเดลที่ยืนหลบอยู่ในห้องว่างๆ “หมอนั่นยังไม่เลิกตามสืบพวกเรา”
“ได้...”ลูซบอกแล้วหายตัวไป สไวป์หยิบมีดพกขึ้นมาแล้วเดินไปหาเดล
“ตามมาทำไม”สไวป์ถาม
“ขนาดอยู่โรงเรียนยังพกมีด...”เดลพึมพำ
“แล้วมันเรื่องอะไรที่คุณต้องรู้เรื่องของพวกเราด้วย”สไวป์จ้อง เดลยักไหล่
“ที่รัก...อุ๊ย”สุนิสาเดินมาหาสไวป์ “คุยธุระกันอยู่เหรอคะ”สุนิสาหันไปมองเดล เดลส่ายหน้าช้าๆแล้วเดินไปที่บันได “สไวป์ คุยอะไรกันอยู่เหรอ”สุนิสาหันมาถามสไวป์ เขาเก็บมีดพกใส่กระเป๋าก่อนเดินไปทางอื่น “นี่ ตอบกันก่อนซิ !!”สไวป์ผลักสุนิสาออกไป เขามองด้วยแววตาเย็นๆแล้วหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง “อะไรของเขานะ”
“ที่นี่ซินะ”สไวป์ยืนอยู่หน้าประตูรั้วบานใหญ่
“กล้องวงจรปิดเพียบเลย สไวป์”เสียงคาซดังขึ้น ประตูรั้วค่อยเปิดออก รปภ. คนหนึ่งเดินมาหาสไวป์
“รุ่นน้องคุณหนูซินะครับ”สไวป์พยักหน้า “ขออนุญาตตรวจร่างกายและสัมภาระด้วยนะครับ”สไวป์ทำหน้าบึ้ง อรินดาวิ่งที่หน้าบ้าน
“ไม่ต้องตรวจหรอกคะ”อรินดาบอก “รีบๆเข้าไปเถอะ อาหารเย็นตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว”อรินดาจับแขนสไวป์แล้วพาเดินเข้าไปข้างใน
“คิดยังไง ชวนฉันมานี่”สไวป์ถาม
“ฉันแค่อยากให้พ่อเลิกสงสัยเธอ เธอจะได้ทำอะไรๆได้สะดวกขึ้น”รินตอบ
“กังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง”สไวป์พึมพำ
“สงสัยอะไรเหรอครับ คุณหนู”เดลเดินออกมาจากห้องทานอาหาร สไวป์จุ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย รินจ้องหน้าเดลเป็นเชิงตักเตือนก่อนพาสไวป์เข้าไปในห้องทานอาหาร “คุณหนูนี่ สุดยอดเลยแฮะ พาผีดูดเลือดเข้ามาถึงในบ้านเลย”
“มาแล้วคะ คุณพ่อ”รินเดินเข้ามาพร้อมสไวป์ พ่อของรินเงยหน้าขึ้นมามอง เขาจ้องสไวป์อยู่พักหนึ่ง “รุ่นน้องคะ หนูชวนมาทานอาหารด้วย คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ริน”เขากล่าว “แต่เด็กคนนี้ ทานอาหารธรรมดาๆเหมือนมนุษย์ได้เหรอ”
“คุณพ่อ !”รินร้องเสียงดัง
“ขอโทษนะครับ ท่าน ผบ.”สไวป์จ้องกลับ “ผมก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนะครับ”สไวป์แสยะยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมสีขาว
“ได้ข่าวว่าเธอปาดคอตัวเองจนเลือดหมดตัว เลยไม่คิดว่าจะรอดตายนี่นา”เขาบอกแล้วลงมือทานอาหาร
“แล้วทีคุณยังรอดตาย จากคำสาปติดตัวลูกสาวคุณเลยนี่”สไวป์พูด
นี่ สไวป์!”รินหันไปว่าสไวป์ สไวป์กลอกตาไปมา
“นั่นก็เพราะปาฏิหาริย์”เขากล่าว
“ถ้างั้นของผมก็คงเป็นปาฏิหาริย์เหมือนกัน”สไวป์บอก “คุณรุ่นพี่ ผมขอตัวกลับก่อนล่ะกันนะ”
“เดี๋ยวซิ สไวป์ เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ”รินบอก
“ถ้าเธอเดินออกไปโดยไม่ทานอะไรก่อน ฉันจะถือว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา”พ่อของรินพูดก่อนตักข้าวเข้าปาก สไวป์ชักสีหน้าแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ “อืม เด็กดี”
“สไวป์ ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ”เสียงของคาซดังขึ้น
“ไม่เป็นไรๆ”สไวป์บอกแล้วฝืนทานอาหารตรงหน้า อึ่ก...”สไวป์เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน
“คุณหนู มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาหาครับ”ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
“เด็กผู้หญิง?”รินเงยหน้าขึ้นมามอง
“โรงเรียนเดียวกับคุณหนูครับ”รินพยักหน้า “พาเข้ามาได้”ชายคนนั้นวอบอกปลายสาย สักพักหนึ่งก็มีคนเดินเข้ามาข้างใน
“สวัสดีคะ”สุนิสาฉีกยิ้มเมื่อเดินเข้ามาในห้องทานอาหาร เคร้ง สไวป์เผลอทำช้อนตก “หนูมารับว่าที่คู่หมั้นหนูกลับบ้านน่ะคะ”สุนิสาพูด พอรินได้ยินคำว่าคู่หมั้นก็เปลี่ยนสีหน้า “นี่ กลับกันเถอะ”สุนิสาเดินมาควงแขนสไวป์แล้วดึงให้เขาลุกขึ้น “ขอโทษที่มารบกวนนะคะ”สุนิสาบอกแล้วลากสไวป์ออกไป ครืด... รินลุกจากเก้าอี้
“ขอตัวนะคะ คุณพ่อ”รินบอกแล้วเดินไปที่บันได พ่อของรินส่ายหน้าช้าๆ
“ท่าน ผบ.”เดลเดินเข้ามา
“ถึงจะแค่แว่บเดียว”เขาพูด “เด็กคนนั้นกินอาหารธรรมดาไม่ได้”เขาหันมาบอกเดล “ผีดูดเลือด เลือดแท้แน่นอน”
“เข้าใจแล้วครับ”เดลพยักหน้า
“ใช้แผน D ซะ”
“เธอทำบ้าอะไรของเธอ”สไวป์บ่น
“ฉันมาช่วยชีวิตเธอนะ”สุนิสาบอก “เธอก็รู้นิ ถ้าไม่ใช่แดมพีล พวกเลือดแท้หรือเลือดผสมอย่างพวกเราจะกินอาหารของมนุษย์ไม่ได้”
“อ่า... ใช่ ฉันรู้”สไวป์สะบัดสุนิสาออก “ฉันเดินกลับบ้านเองได้”
“ดื่มเดือดฉันไหม”
“ฉันเกลียดพวกเลือดแท้”สไวป์บอกแล้วเดินไปทางบ้านตัวเอง
“ทำไมพวกคนใหญ่คนโต ถึงเคารพหมอนี่จังนะ”สุนิสามองตามสไวป์
“ไม่ลองถามพวกคนใหญ่คนโตที่เธอพูดถึงล่ะ สุ”ต่ายยืนยิ้มอยู่ข้างหลังสุนิสา
“ต่าย ตามมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”สุนิสาหันมามอง
“ตั้งแต่เธอเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นแล้ว”ต่ายยิ้ม “หมอนั่น เริ่มเคลื่อนไหวแล้วล่ะ”
“ห๊ะ! หมอนั่นน่ะนะ”สุนิสาร้องเสียงหลง
“ใช่ หมอนั่นนั่นล่ะ”ต่ายยังยิ้มกว้าง “คู่อริของพวกเรา”สุนิสากำหมัดแน่น
“อย่าให้หมอนั่นได้เจอสไวป์”สุนิสาบอก “ขัดขวางหมอนั่นให้ถึงที่สุด”
“ที่นี่เหรอ ประเทศไทย”ชายวัย 23 มองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน “เป็นประเทศที่น่าอยู่จังเลยนะ”เขายิ้ม “นายใหญ่ของผีดูดเลือดอาศัยอยู่ที่ประเทศนี้ซินะ”เขาหยิบรูปๆหนึ่งขึ้นมา ในรูปนั้นมีเด็กผู้ชายผมสีเงินแซมม่วง นัยน์ตาสีทอง อายุประมาณ 10 ขวบ นั่งอยู่เก้าอี้ประจำตำแหน่งลักษณะคล้ายๆบังลังก์ของกษัตริย์ในยุโรป
“ฮัดเช้ย!!”สไวป์เอามือถูจมูกเบาๆ
“เป็นไข้เหรอ สไวป์”ลูซถาม
“อาจจะแค่แพ้อากาศก็ได้นี่นา”คาซนอนเอกเขนกบนโซฟา วิญญาณของเขาค่อยๆปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
“ไม่จริง...”เสียงของผู้หญิงกับผู้ชายปนกันดังขึ้น “ไม่ได้การล่ะ สไวป์ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วนะ”
“เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ”สไวป์หันไปมองต้นเสียง
“เธอลืมเรื่องเมื่อ 500 ปีก่อนแล้วรึไง!”เสียงนั้นถาม สไวป์ทำหน้างงๆ “ฮึ่ย!”เสียงนั้นส่งเสียงบ่งบอกว่าอารมณ์เสียออกมา
“นี่ๆ มีอะไรเหรอ”วินซ์โผล่ออกมาจากห้องบนชั้น 2 วิญญาณของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
“เราต้องย้ายที่อยู่”เสียงนั้นกล่าว “เดี๋ยวนี้เลย!!”
“ที่รัก~”เสียงสุนิสาดังขึ้น
“นี่ 5 วันติดแล้วนะเฟ้ย! มาทำไม”สไวป์อารมณ์เสียแล้วเดินไปเปิดประตู
“เค้าคิดถึงนี่นา”สุนิสาบอกแล้วฉีกยิ้ม “ฆ่าคนอีกแล้วเหรอ”
“แล้วทำไมฉันต้องบอกเธอด้วย ว่าฉันจะฆ่าหรือไม่ฆ่าใคร”สไวป์เมินสุนิสา
“สุ หมอนั่นจะมาแล้ว”ต่ายเดินลากโลงศพเข้ามาภายในเขตรั้วบ้านของสไวป์ “ยินดีที่ได้พบกันครับ คุณบรรพบุรุษของสุ”ต่ายยิ้ม “ผมชื่อต่าย เป็นอมนุษย์หูกระต่ายครับ”หูกระต่ายสีดำสนิทกระดิกไปมา
“พวกเผ่าครึ่งสัตว์”เสียงของผู้หญิงกับผู้ชายดังปนกันกล่าว
“ผมมีหน้าที่เก็บวิญญาณล่ะ...”ต่ายชะงัก เมื่อสไวป์ถือปืนจ่อหัวของเขา “ผมไม่เก็บวิญญาณรอบตัวคุณหรอก วิญญาณพวกนั้นแข็งแกร่งเกินมือผมน่ะ”
“ฉันเกลียดทุกคน”สไวป์พูด “ออกไปจากเขตบ้านฉันซะ”
“สไวป์ เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายนะ”สุนิสาบอก “เธอต้องมีพวกเราอยู่ข้างๆเสมอนะ แล้วเธอจะปลอดภัย”
“อันตราย? เธอต่างหากที่อยู่ในอันตราย”สไวป์บอกเสียงเย็น แล้วมองสุนิสาด้วยสายตาเยียดหยาม
“เชื่อฉันหน่อยเถอะ สไวป์”สุนิสาร้อง
“เรื่องซิ”สไวป์ผลักสุนิสากับต่ายออกไปให้พ้นทางแล้วเดินไปที่ประตูรั้ว
“สไวป์ กลับมานะ”เสียงของผู้หญิงกับผู้ชายปนกันตะโกนร้องเรียกให้สไวป์เดินกลับมา ต่ายหันมามองเจ้าของเสียงนั้น
“คุณ...รู้เรื่องด้วยเหรอ”ต่ายถามด้วยความสงสัย
“เธอ...”ต่ายพยักหน้าแทนคำตอบ
“ผมเห็นพวกคุณ 5 คน มานานแล้วล่ะครับ”ต่ายบอกก่อนหันไปมองสุนิสา “สุ รีบตามสไวป์ไปเถอะ เดี๋ยวที่นี่ ผมจะจัดการเอง”สุนิสาพยักหน้าแล้ววิ่งตามสไวป์ไป
“เธอจะทำอะไร...”ลูซพูด
“ผมจะ...”ต่ายดึงโลงศพให้ตั้งขึ้น “ทำให้พวกคุณอยู่ในร่างมนุษย์ซักระยะนึง”ต่ายเปิดฝาโลงศพออก “เชิญรับประทานวิญญาณทั้งหมดในนี้ได้เลยครับ”
“ชิ ไอ้พวกตามตื้อนี่”สไวป์บ่นแล้วเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยผู้คน
“สายัณต์สวัสดิ์ครับ”เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังสไวป์ “ไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยดีไหม?”สไวป์หันมามองเจ้าของเสียงด้วยด้วยสายตาหาเรื่อง ก่อนหันกลับมาเดินต่อโดยไม่สนใจ “ลอร์ดสไวเซอร์ ซี(Z) อิฟรีต”เสียงนั้นกล่าว สไวป์หยุดเดินแล้วหันกลับมามอง
“สไวป์ ตามทัน...”สุนิสาชะงัก
“มีผู้ติดตามด้วยเหรอเนี่ย ฉันนึกว่าอยู่คนเดียวซะอีก”ชายคนนั้นกล่าว “ไว้คราวหน้า เรามาคุยกันใหม่นะ ท่านลอร์ด”เขายิ้มแล้วเดินจากไป
“สไวป์ ไม่เป็นไรใช่ไหม หมอนั่นไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม?”สุนิสาวิ่งเข้ามาหาสไวป์
“หมอนั่นเป็นใคร”สไวป์ถามเสียงเหี้ยม จนสุนิสาสะดุ้งโหยง
“เอ่อ...คือ”สุนิสาก้มมองพื้น
“ตอบฉันมาซิ”เสียงตวาดของสไวป์ทำเอาคนแถวนั้นหันมามอง สุนิสาส่ายหน้าถี่ๆ “ตอบฉัน!!”
“ฉันตอบไม่ได้ มีแค่ต่ายเท่านั้นล่ะที่รู้”สุนิสาบอก
“ชิ”สไวป์สบถแล้วเดินกลับไปที่บ้านของตนเอง
“ยินดีต้อนรับกลับครับ”ต่ายนั่งยิ้มอยู่ที่โซฟาสีแดง “กว่าจะหาสวิตช์ไฟเจอ ใช้เวลาตั้งนานน่ะ”
“ใครอนุญาตให้แกเข้ามาในบ้านฉัน”สไวป์อารมณ์เสีย
“พวกเราเองล่ะ”เสียงของผู้หญิงและผู้ชายปนกันดังขึ้น ร่างในผ้าคลุมสีดำเดินลงมาจากชั้น 2 พร้อมกับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ
“ผมให้พลังวิญญาณพวกเขาน่ะ”ต่ายบอก เมื่อเห็นอาการสไวป์ “ถึงมันจะไม่เสถียรเหมือนการกินร่างมนุษย์ก็เถอะ แต่แบบนี้ก็ช่วยนายได้นิดหน่อยล่ะ”ต่ายยิ้ม
“ลูซอยู่ไหน”สไวป์เมินต่ายแล้วหันไปถามวินซ์
“อยู่บนห้องพี่สไวป์ คาซออกไปข้างนอก บาธอยู่ชั้น 2 ฮะ”วินซ์ตอบ สไวป์พยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปข้างบน
“นายนี่ ชอบทำอะไรโดยพลการตลอดเลยนะ”สุนิสาบ่น “ต่าย...”สุนิสาลดเสียง “ตะกี้หมอนั่นมาทักสไวป์”ต่ายพยักหน้าเบาๆ
“ในที่สุดก็เจอจนได้ซินะครับ แล้วจะทำยังไงดีล่ะครับ คุณผู้ปกครอง”ต่ายหันไปมองร่างในผ้าคลุมนั้น
“ดูเหมือนความทรงจำช่วงที่ปะทะกับคนที่พวกเธอพูดถึงเมื่อ 500 ปีก่อนของสไวป์จะหายไป”เสียงนั้นกล่าว
“พูดเรื่องอะไรกันเหรอฮะ”วินซ์ถาม
“ขึ้นไปหาบาธเถอะ วินซ์”เจ้าของเสียงนั้นยื่นมือมาลูบหัววินซ์
“ครับๆ”วินซ์ฉีกยิ้มแล้ววิ่งขึ้นไปชั้น 2
“ลูซ...”สไวป์เดินเข้ามาในห้องนอนตัวเอง หญิงสาวผมสีฟ้าในชุดลูกสาวขุนนางนั่งอยู่บนเตียงนอนของสไวป์
“สไวป์”ลูซหันมายิ้ม
“ในทีสุดก็ได้เห็นเธอชัดๆซักที”
“แต่ก็อยู่แบบนี้ได้ไม่นานหรอก...”สไวป์เข้ามากอดหญิงสาว “ไออุ่นแบบนี้ คิดถึงจังเลย”เธอกอดกลับ “แต่แบบนี้ก็คอยติดตามไปโรงเรียน แล้วก็เข้าสิงร่างเธอไม่ได้แล้วน่ะซิ”ลูซหัวเราะ
“ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นฉันทำให้เธอกลับไปเป็นวิญญาณก็ยังทันนะ”สไวป์ยิ้ม
“ผู้ชายคนนั้นจ้องจะฆ่านาย”เสียงของอัดดังขึ้น ในขณะที่สไวป์หลับ “พวกเขาพยายามปิดบังนาย”สไวป์ลืมตาตื่น ลูซยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆเขา
“ชิ หายไปเป็นอาทิตย์ยังจะกลับมาพูดกรอกหูตอนหลับอีก”สไวป์บ่นงึมงำก่อนลุกจากเตียง เขาเปิดประตูห้องแล้วออกมาเดินที่ระเบียง เสียงพูดคุยยังดังอยู่ที่ห้องโถงชั้นล่าง แต่มันก็ยังดังไม่พอที่สไวป์ซึ่งอยู่ที่ชั้น 3 จะได้บทสนทนานั้นชัดๆ “คุยอะไรกันตอนดึกๆแบบนี้นะ”สไวป์บ่น นี่ก็วันที่ 3 แล้วที่สุนิสาและต่ายมาอยู่ที่บ้านของเขาจนดึกจนดื่นแบบนี้ สไวป์เดินไปที่หน้าต่างแล้วปีนออกไปนั่งบนหลังคา
“เมี๊ยววววว”เสียงแมวดังขึ้น สไวป์หันไปมอง แมวสีดำตัวนั้นสวมปลอกคอสีแดงเข้ม ที่ปลอกคอนั้นมีม้วนกระดาษผูกติดอยู่
ยุคนี้แล้วยังส่งข้อความกันแบบนี้อีกรึไง”สไวป์อุ้มแมวขึ้นมานั่งบนตักแล้วแก้เชือกที่มัดอยู่กับปลอกคอออกก่อนจะเปิดม้วนกระดาษนั้นมาอ่าน
ถึงท่านลอร์ด
ฉันรู้ว่าท่านลอร์ด อยากรู้บางอย่างจากฉัน เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เที่ยงคืน มาเจอฉันที่สวนสาธารณะกลางเมือง
ปล.มาคนเดียว
พอสไวป์อ่านจบจดหมายนั่นก็เกิดประกายไฟแล้วเผาไหม้จดหมายทั้งหมด “พรุ่งนี้ เที่ยงคืน...”สไวปืเงยหน้ามองท้องฟ้า “วันพระจันทร์เต็มดวง”
“สไวป์ไม่ไปเรียนเหรอ”ลูซถาม
“ไม่ไป ฉันอยากนอนต่อ”สไวป์เอาผ้าห่มคลุมหัว ลูซถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปที่ประตูห้อง
“ถ้าหิวก็ลงมาข้างล่างนะ”ลูซบอกก่อนปิดประตูห้อง
ตกเย็น
“ทำไมสไวป์ไม่ไปเรียน”สุนิสากอดอก
“เธอนี่ ไม่รู้ซักเรื่องได้ไหม”ลูซบอก คาซนั่งหัวเราะอยู่ที่บันได “คาซอย่าหัวเราะแบบนั้นซิ มันเสียมารยาทนะ”
“หัวเราะนิดหน่อยก็บ่น”คาซกล่าว
“แต่พี่สไวป์ไม่ออกจากห้องเลยนะฮะ”วินซ์บอก
“เพราะผลกระทบจากอาหารเมื่อคราวนั้นล่ะมั้ง”คาซยักไหล่ “กินไปตั้งหลายคำ”
“กินอาหาร?”คนในชุดคลุมกล่าวด้วยน้ำเสียงงุนงง
“ 4 วันก่อน รุ่นพี่รินชวนสไวป์ไปกินอาหารเย็นที่บ้าน อาหารของมนุษย์น่ะ”สุนิสาบอก “ดีนะ ที่ฉันเข้าไปห้ามไว้ ไม่งั้นได้กินหมดจานแน่ๆ”
“อาหารของมนุษย์!”เสียงนั้นร้องเสียงหลง “กินไปเยอะไหม”เธอหันไปมองคาซ
“ประมาณ 10 คำได้”คาซบอก “ทำไมเหรอ?”
“วันนี้วันอะไร”เสียงนั้นถาม
“วันศุกร์”ต่ายบอก
“ฉันหมายถึง ข้างขึ้นข้างแรม”เสียงนั้นกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
“วันพระจันทร์เต็มดวง”สุนิสาบอก
“นี่พวกเธอไม่มีใครจำได้เลยรึไงว่าสไวป์กินอาหารมนุษย์แล้ววันพระจันทร์เต็มดวงจะเกิดอะไรขึ้น”ทุกคนทำหน้างงๆ
“พวกเราไม่รู้หรอกนะ”ต่ายบอก
“สไวป์จะเกิดอาการอยากดื่มเลือด เมื่อเห็นมนุษย์น่ะซิ”เสียงนั้นกล่าว “เพราะสไวป์รู้ วันนี้เลยไม่ออกไปไหนไง”
“แต่ว่าถ้าไม่ได้ดื่มเลือด เขาก็จะไม่หายอยากนี่นา”ลูซบอก
“มีถุงเลือดสำรองไม่ใช่เหรอ”สุนิสาบอก
“ต้องเลือดสดๆจากร่างกายมนุษย์เท่านั้น”ลูซหันมาตอบ “พวกฉันเป็นวิญญาณที่ใช้ร่างมนุษย์ได้แปปเดียว เพราะฉะนั้นจึงไม่นับรวมด้วย”
“ต่าย...”สุนิสาหันไปมองต่าย
“ผมไม่ใช่มนุษย์นะ”ต่ายโบกมือไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ
“พี่สไวป์ไม่อยู่ในห้องล่ะฮะ ตะกี้ผมวิ่งขึ้นไปดูมา”วินซ์เดินลงมาจากชั้น 3 “อาวุธของพี่สไวป์ก็ไม่อยู่ด้วย”
“เดี๋ยวฉันออกไปหาเอง”ต่ายอาสาแล้วลากโลงศพออกไปด้วย “เผื่อเจอหมอนั่นจะได้พาหนีมาทัน”ต่ายหันมายิ้ม
ความคิดเห็น