ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cutthroat wraith

    ลำดับตอนที่ #6 : รอยเลือดที่ 4 คลุ้มคลั่ง

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 55


                   ณ ย่านการค้า ถึงจะเป็นเวลา 2 ทุ่มแล้ว แต่ที่ก็ยังสว่างไสวแล้วเต็มไปด้วยผู้คน “สวนสาธารณะใจกลางเมือง... หมอนั่นคิดว่ากรุงเทพมันมีกี่สวนฟ่ะ”สไวป์บ่นก่อนเดินเข้าไปในสยามสแควร์

    “ฮึ?”เดลเหลือบไปเห็นสไวป์ “มาทำอะไรแถวนี้”เขาพูดกับตัวเองก่อนตัดสินใจแอบเดินตามไป

     

    23:59 น. พาร์คแอทสยาม...

    สไวป์เดินไปมาในสยามสแควร์ได้พักใหญ่ๆโดยที่พยายามไม่หันมองมนุษย์ธรรมดา “เมี๊ยวววว”แมวสีดำตัวเดิมที่สไวป์เจอเมื่อคืนมายืนอยู่ข้างหน้าสไวป์

    “ไง เจ้าเหมียว”สไวป์เอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าตัวน้อยเบาๆ

    “ทามะของฉันน่ารักมากเลยซินะ”เสียงของชายวัย 23 ดังขึ้น สไวป์เบ้ปากแล้วเลิกลูบหัวแมว

    “เรียกมามีธุระอะไร”สไวป์ถาม

    “ท่านลอร์ด...”

    “หยุดเรียกฉันแบบนั้นนะ”สไวป์หยิบปืนขึ้นมาจากซองปืน

    “ตอนนี้ชื่ออะไรนะ... สไวป์ซินะ”เขายิ้ม “นี่ จำกันไม่ได้เลยเหรอ คนสำคัญของเธอเลยนะ”

    “โทษทีฟ่ะ คนสำคัญของฉัน มีแค่ลูซคนเดียว”สไวป์บอก “แล้วฉันก็ไม่รู้จักแกด้วย”

    “สไวเซอร์ ซี อิฟรีต”เขาพูด “จะมีกี่คนที่เรียกเธอด้วยชื่อนี้บ้างล่ะ”

     

    “ที่ๆ ไม่มีคนก็หาหมดแล้ว”ต่ายพึมพำ “สไวป์คงไม่ไปเดินที่ๆมีคนเยอะแยะหรอกมั้ง”

     

    “ฉันเกลียดชื่อนั้น”สไวป์กัดฟันกรอด “แล้วคนที่รู้ชื่อนี้ก็ตายหมดแล้วด้วย”

    “ก็มีเหลืออยู่คนหนึ่งนี่”ชายผมเงินยิ้ม

    “งั้นก็ตายตามพวกนั้นไปอีกคนเลยล่ะกัน”สไวป์เล็งปากกระบอกปืนไปตรงหน้าผากของชายหนุ่ม

    “อย่านะ!!!”เดลวิ่งเข้ามาในพาร์ค

    !?!”สไวป์เผลอหันไปมอง นัยน์ตาของสไวป์เปลี่ยนสี แล้วทำท่าจะพุ่งไปหาเดล หมับ ชายผมสีเงินรีบล็อคตัวสไวป์ไว้

    “ว้า~ ทำไมเวลาเจอฉันในวันพระจันทร์เต็มดวงต้องคลุ้มคลั่งทุกทีเลยนะ”เขาพึมพำ

    !”เดลยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อเห็นอาการของสไวป์

    “แฮ่...”เขี้ยวสีขาวปรากฏให้เห็น สไวป์พยายามเอื้อมกรงเล็บไปหาเดล

    “คุณตำรวจ ช่วยออกไปห่างๆพวกเราหน่อยเถอะ”เขามองด้วยสายตาเฉยๆ “เดี๋ยวจะตายโดยไม่รู้ตัวนะ”เขาหยิบดาบญี่ปุ่นขึ้นมาแล้วปล่อยสไวป์ ก่อนที่จะฟันเข้าที่กลางหลังของสไวป์ เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากปากแผล

    “อ๊ากกกกกก”สไวป์พยายามยันตัวลุกขึ้นหลังจากโดนคมดาบฟัน

    “ช่วยอยู่เฉยๆ แล้วฟังที่ฉันพูดซะ”เขาฟันสไวป์อีกแผล

    “อ๊ากกกกกก”เสียงร้องของสไวป์ ทำให้สติของเดลกลับมา เดลรีบหยิบปืนออกมา แล้วยิงขู่ชายผมเงิน

    “อย่าขยับ”เดลบอก “ถ้าคุณทำร้ายเขาอีก ผมจะจับตายคุณ”

    “คุณตำรวจ...”เขาลากเสียง “รู้รึเปล่า ว่าฉันเป็นใคร”เขาพูดด้วยเสียงเนือยๆ ก่อนหยิบดาบญี่ปุ่นอีกเล่มออกมาจากฝักดาบ เดลกระชับปืนในมือแน่น สไวป์กางกรงเล็บทั้ง 2 มือก่อนกระโจนเข้าใส่ชายผมเงิน “อย่ากระตุ้นสัญชาตญาณเองซิ ท่านลอร์ด”ชายผมเงินหันมามอง แล้วใช้สันดาบป้องกันการโจมตีของสไวป์

    “อ๊ากกกกกก”สไวป์เพิ่มแรงกดลงไปอีก นัยน์ตาสีแดงก่ำฉายแววอาฆาต

    “ใช่เลย นัยน์ตานี่ล่ะ ที่ฉันต้องการ”เขายิ้มแล้วถีบที่ท้องของสไวป์ ทำให้สไวป์กระเด็นไปชนต้นไม้

    “อั่ก!!”หลังของสไวป์กระแทกกับต้นไม้ ทำให้แผลที่หลังฉีกขาด ปัง! เดลยิงปืนลงที่พื้นข้างหน้าชายผมสีเงิน แล้ววิ่งเข้าไปดูอาการสไวป์

    “เจ้าหนู!”เดลพยุงสไวป์ที่ลุกขึ้นนั่ง สไวป์หันมาแล้วแยกเขี้ยว

    “สไวป์ อย่า!!!”ต่ายขว้างโซ่ลากโลงศพไปพันตัวสไวป์แล้วกระชากร่างสไวป์มาหาตัวเอง “กัดมนุษย์ตอนนี้ไม่ได้นะ”ต่ายบอก แล้วหันไปมองชายผมสีเงิน “ตามมาจนได้ซินะ”

    “เจ้าเด็กเผ่าครึ่งกระต่ายที่เจอกันเมื่อคราวก่อนซินะ”

    “คุณเนโอะ...”ต่ายกัดฟัน “ช่วยอยู่ห่างๆสไวป์ด้วย”ต่ายผลักสไวป์เข้าไปในโลงศพ “คุณตำรวจคนนั้น ช่วยลืมเรื่องวันนี้ทีนะครับ”ต่ายร่ายมนต์

    “โทษทีนะ ฉันไม่ให้ลบความทรงจำหรอก”เดลบอกแล้ววิ่งไปใต้ตึกศูนย์หนังสือฯ ก่อนต่ายจะร่ายมนต์จบ

    “คุณตำรวจจอมดื้อ”เนโอะพึมพำแล้วหันกลับมามองต่าย “ส่งตัวนายใหญ่ของพวกผีดูดเลือดมาให้ฉันซะ”

    “เรื่องอะไรผมต้องส่งให้ด้วยล่ะ”ต่ายหยิบปืนออกมาจากซองปืน 2 กระบอก “ถ้าอยากได้ก็ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ”ต่ายท้า

    “งั้นก็จัดให้”เนโอะฟาดดาบเป็นครึ่งวงกลม ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาต่าย ปังๆๆๆๆ ต่ายกระหน่ำยิงใส่เนโอะ แต่เนโอะก็กระโดดหลบพ้นทุกนัด “กลายเป็นศพซะ!”เนโอะฟาดดาบลงข้างหน้าต่าย กึง! ต่ายเอาโซ่มากันไว้ทัน เสียงเสียดสีของคมดาบกับโซ่ดังแสบแก้วหู

    “ถึงคุณฆ่าผมไป คุณก็พาสไวป์ออกมาจากโลงศพไม่ได้หรอก”ต่ายแสยะยิ้มแล้วดึงปลายโซ่ขึ้นมา หมับ ต่ายกระชับปืนในมือแน่น “ลาก่อนครับ คุณเนโอะ”เนโอะลั่นไกปืน

    “ชิ”เนโอะกระโดดหลบทัน “ไว้จะมาใหม่ก็ได้”เนโอะเก็บดาบเข้าฝัก

    “เด็กสมัยนี้น่ะ ไม่กระจอกหรอกนะครับ”ต่ายควงปืนในมือเล่น เนโอะมองอยู่สักพักนึงแล้วหายไปในความมืด “เป็นนายใหญ่ของผีดูดเลือดจริงๆด้วยซินะครับ”ต่ายหันไปมองโลงศพ

     

    “กลับมาแล้วครับ”ต่ายลากโลงศพเข้ามาในบ้าน

    “สไวป์ล่ะ”ลูซถาม

    “อยู่ในนี้ครับ”ต่ายตบฝาโลงเบาๆ “ต้องบังคับกันนิดหน่อยน่ะ เพราะเขาเกือบไปกัดนายตำรวจเข้านะสิครับ”

    “นายตำรวจ... ผู้ชายดวงตาสีน้ำเงินหม่นๆนั่นใช่ไหม”ลูซถาม

    “มั้งครับ แหม ก็มันมืดมากนี่นา”ต่ายยิ้ม แล้วเปิดฝาโลงศพ “ว่าแต่หาเหยื่อได้รึยังครับ”ต่ายดึงโซ่ที่มัดร่างสไวป์ขึ้นมาพร้อมร่างสไวป์ สุนิสาพยักหน้าเบาๆ “เอาล่ะครับ ตื่นได้แล้ว”ต่ายตบหน้าสไวป์เบาๆ

    “สีตาเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกแล้วเหรอเนี่ย”คาซบ่น “ฉันเกลียดตาสีนี้จังเลย”

    “อ่ะ เหยื่อ”สุนิสาผลักผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากมุมมืด มือของเธอโดนมัดแน่น และตาของเธอก็ถูกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำ เธอมองซ้ายมองขวาตามเสียงที่เธอได้ยิน

    “ฮ่าห์~”สไวป์แยกเขี้ยวสีขาว หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายหันมองตามเสียง กรงเล็บสีขาวทะลุกลางตัวหญิงสาว หญิงสาวยังไม่ทันได้กรีดร้อง มือของสไวป์ก็กระชากหลอดอาหารและหลอดลมออกมาจากร่างหญิงสาว เลือดนั้นพุ่งกระฉูดเปรอะเปื้อนเต็มตัวสไวป์

    “ไม่คิดจะดื่มเลือดรึไง”สุนิสาบ่นเมื่อเห็นสไวป์เอาแต่กระชากอวัยวะภายในร่างกายของเหยื่อออกมาทิ้งๆขว้างๆ

    “นั่นล่ะ วิธีดื่มเลือดของสไวป์”ร่างในผ้าคลุมตอบ “แค่เห็นเลือดสดๆของมนุษย์ก็เหมือนดื่มเลือดแล้ว”เธอบอก สไวป์หอบแฮ่กๆหลังจากร่างเคราะห์ร้ายนั้นไม่เหลืออะไรให้กระชากออกมาแล้ว

    “เละซะจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม...”สุนิสามองศพตรงหน้า สไวป์เลียเลือดที่เปื้อนมือ สุนิสาเผลอหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว “อึก...ทำไมน่าหลงใหลแบบนี้”สุนิสาคิด

    “หนูเลือดแท้ ช่วยหันไปมองทางอื่นก่อนได้ไหม”ร่างในผ้าคลุมกล่าวแล้วจับไหล่ให้สุนิสาหันไปทางอื่น “เจ้าหนูกระต่าย”

    “ครับ”ต่ายหันมามอง

    “พาหนูเลือดแท้นี่ เข้าไปอยู่ในโลงเธอซักแปบซิ”

    “เอ๋? ทำไมล่ะ”สุนิสาร้อง

    “เถอะน่า”ร่างในผ้าคลุมผลักสุนิสาเข้าไปในโลงศพที่ต่ายเปิดค้างไว้แล้วต่ายก็รีบปิดฝาโลง

    “ทำไมต้องให้สุเข้าไปอยู่ในนี้ด้วยล่ะครับ”ต่ายถาม

    “ฟีโรโมนของสไวป์ มันออกมาน่ะซิ”ร่างในผ้าคลุมกล่าว “มันส่งผลกระทบกับผีดูดเลือดเพศตรงข้ามน่ะ”

    “สไวป์ตอนเลียเลือดบนมือหล่อชะมัดเลย”

    “เฮ้ย! ลูซก็อีกคนเหรอเนี่ย”ร่างในผ้าคลุมรีบคว้าลูซผลักไปทางโลงศพ ต่ายรีบเปิดฝาโลงปล่อยให้ลูซเข้าไปแล้วปิดฝาโลง “อะไรกัน ขนาดวิญญาณยังเคลิ้มเหรอเนี่ย”

    “เอ๋ แล้วคุณผู้ปกครอง...”ต่ายพูด แขนเรียวสวยฟาดเข้าที่หน้าของต่าย “อูย... ผมแค่สงสัย”ต่ายลูบจมูกตัวเองเบาๆ ต่ายรู้สึกได้ว่า บาธกับคาซหันมามองร่างในผ้าคลุม

    “ฉันมีความจำเป็นต้องปกปิดความจริงในส่วนนี้”เธอกล่าวเบาๆ

    “ดูลึกลับดีจัง”ต่ายบอก

    “สไวป์อิ่มรึยัง”เธอหันไปมองสไวป์ สไวป์พยักหน้าเบาๆ “บาธ คาซ ช่วยพาสไวป์กลับไปบนห้องทีนะ”

    “เข้าใจแล้ว”บาธบอก ส่วนคาซก็พยักหน้า แล้วพากันพยุงสไวป์ไปที่ห้องนอน “นี่ ถ้ารู้อะไรก็บอกกันบ้าง อย่าแบกภาระไว้คนเดียว”บาธบอกก่อนจะพาสไวป์ขึ้นบันไดไป

    “ถ้าบอกมันก็ไม่เรียกว่าความลับซิ”เธอพึมพำ “พา 2 คนนั้นออกมาได้แล้ว”ต่ายปิดฝาโลง รอให้ 2 คนนั้นออกมา

    “แค่กๆ ทำไมต้องจับยัดด้วย”สุนิสาออกมาจากโลง

    “โทษทีครับ โทษที”ต่ายยิ้ม

    “มีเหตุจำเป็นนิดหน่อย”ร่างในผ้าคลุมกล่าว

    “สไวป์อิ่มแล้วเหรอ”ลูซถาม ต่ายพยักหน้าแทนคำตอบ

    “ถ้าไม่อิ่มก็เว่อร์ไปล่ะ”ร่างในผ้าคลุมตอบ แล้วชี้ให้ดูซากร่างผู้เคราะห์ร้าย “กินเนื้อซะเกลี้ยงเลย”

    “ฮ่ะ! กินเนื้อ”สุนิสาร้องแล้วมองซากที่เหลือ “ผีดูดเลือดไม่กินเนื้อซะหน่อย”

    “ก็สไวป์ไม่เหมือนเธอนี่ คุณเลือดแท้”ร่างในผ้าคลุมกล่าว สุนิสาทำหน้าบึ้ง “เจ้าหนูกระต่าย ตามฉันไปที่ห้องสไวป์”เธอกล่าว ต่ายพยักหน้า

    “สไวป์หลับไปแล้วล่ะ อย่าไปกวนเขาเลย”บาธเดินลงมาพร้อมคาซ วินซ์กระโดดลงมาจากโซฟา แล้ววิ่งไปหาบาธ

    “หลับไปก็ดีแล้ว”เธอบอกแล้วเดินขึ้นไปชั้น 3 “ตามมาซิ เจ้าหนูกระต่าย”เธอหันกลับมามอง

    “ครับๆ”ต่ายเดินตามไปพร้อมโลงศพ

    “ห้ามใครแอบฟังเด็ดขาด”เธอพูดเสียงเย็นแล้วเดินต่อ

    “ยิ่งห้ามยิ่งยุ”คาซบอก หมับ บาธจับไหล่คาซไว้แล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆ “รู้อยู่แล้วล่ะน่า”คาซบ่น สุนิสาทำหน้าสงสัย “เขตเก็บเสียงน่ะ”คาซบอก

    “???”สุนิสาทำหน้างงกว่าเดิม

    “เป็นเขตแดนแบบหนึ่งของคนๆนั้นน่ะ ถึงพวกเราไปแอบฟังใกล้ๆก็ไม่ได้ยินอะไรอยู่ดีน่ะ”คาซอธิบาย “เพราะฉันเคยไปแอบฟังแล้ว ไม่ได้ยินอะไรแถมหมอนั้นยังรู้อีกว่าฉันแอบฟังอยู่”

    “เคยไปแอบฟังแล้ว ก็ยังจะไปแอบฟังอีกรอบเหรอ”ลูซพูด

    “ฉันก็แค่พูดเปรยๆน่า ไม่ได้ไปแอบฟังจริงๆซะหน่อย”

     

    “ทำไมถึงเรียกผมมาคนเดียวล่ะครับ”ต่ายถามเมื่อเดินเข้ามาในห้องสไวป์

    “ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง”เธอถอดผ้าคลุมออก ผมสีม่วงขยับไปมา หูแมวสีเดียวกับผมตั้งขึ้น นัยน์ตาสีแดงส่องประกายในความมืด

    “คุณ...เป็นคนเผ่าเดียวกับคุณเนโอะ!!”ต่ายตกใจ

    “ใช่ที่ไหนเล่า หมอนั่นก็แค่เผ่าครึ่งแมว แต่ฉันน่ะ เป็น เนโกะมาตะต่างหากล่ะ”เธออารมณ์เสีย

    “คุณผู้ปกครองชื่ออะไรเหรอครับ เรียกแต่คุณผู้ปกครองๆแล้วมันดูแปลกๆยังไงไม่รู้”ต่ายบอก

    “ชิโอริ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงเซงๆ “ชิโอริ ที่แปลว่า ประสานบทกวี”

    “ว้าว เพราะมากเลยครับ”ต่ายร้องด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “ฉํนไม่ได้เรียกเธอมาเพื่อคุยเรื่องฉันนะ เจ้าหนูกระต่าย”ชิโอริกอดอก “เธอรู้แล้วใช่ไหม เรื่องฐานะของสไวป์น่ะ”

    “อ่อ...ครับ นายใหญ่ของผีดูดเลือด”ต่ายบอก

    “เรื่องนี้น่ะ นอกจากฉันแล้ว มีแค่พวกคนใหญ่คนโตของผีดูดเลือดแล้วก็หมอนั่นเท่านั้นที่รู้”ชิโอริอธิบาย ต่ายพยักหน้าทำความเข้าใจ “แล้วก็ สไวป์ไม่ใช่ผีดูดเลือดธรรมดาๆทั่วไปหรอกนะ”

    “ธรรมดาๆ?”ต่ายทวน

    “ก็ไม่ใช่ผีดูดเลือด แบบหนูเลือดแท้นั่น ไม่ใช่พวกเลือดผสมกลายพันธ์ หรือแม้กระทั่งแดมพีล”ชิโอริตอบ ต่ายทำหน้าไม่เข้าใจ

    “ถ้าไม่ใช่ทั้ง 3 ประเภทนี้แล้ว เขาเป็นอะไรล่ะครับ”ชิโอริเงียบไปซักพักหนึ่ง ก่อนเปิดปากพูด

     

    “อืม...คุยกันนานจังเลย”สุนิสาเริ่มเบื่อ “นี่ๆ คนในผ้าคลุมนั่นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเหรอ”สุนิสาถาม

    “ผู้ชาย!”ทั้ง 4 พูดพร้อมกัน

    “แต่แขนที่โผล่ออกมาตอนตบเด็กนั่นไม่ค่อยเหมือนแขนผู้ชายเลยนะ”ลูซพูด

    “นั่นสิ”คาซพูดเสริม

    “ฉันเคยเห็นร่างคนๆนั้นนะ”บาธบอก “แต่ก็ดูไม่ออกว่าชายหรือหญิง เพราะมันมืดมากน่ะซิ”

    “เสียงที่ได้ยินบ่อยๆก็เป็นเสียงผู้ชายนะ ถึงเดี๋ยวนี้เสียงผู้หญิงจะดังกว่าก็เถอะ”คาซเสริม

    “สรุปคือ ไม่รู้ซินะ”สุนิสาเท้าคาง “ถ้าถามสไวป์ เขาจะรู้ไหมนะ”

    “ไม่รู้หรอก”ลูซตอบ “สไวป์ไม่เคยเห็นวิญญาณคนๆนั้นเลยนะ ขนาดพวกเรายังเห็นเป็นแค่เงาดำๆเลย”

    “ลึกลับจังเลย”

     

    “จริงเหรอครับ”ต่ายร้องด้วยความตกใจ

    “อืม”ชิโอริพยักหน้า “คิดว่าฉันคนนี้โกหกรึไง ฉันอยู่กับสไวป์มาตั้งแต่สไวป์เกิดเลยนะ”

    “ร่างนี้น่ะเหรอครับ”

    “ร่างวิญญาณต่างหาก ฉันติดตามสไวป์ในร่างวิญญาณมาตลอด บางเวลาฉันก็จะกลับร่างนี้”ชิโอริบอก หางทั้ง 2 ของเธอขยับไปมา “ฉันไม่อยากให้หมอนั่นมาเจอสไวป์ สไวป์น่ะ ชอบเมืองนี้มาก”

    “ความชอบนั้น แสดงออกด้วยการฆ่าคนในเมืองซินะครับ”ต่ายพูด ชิโอริคลี่ยิ้มบางๆแล้วเดินไปหาสไวป์ที่นอนอยู่

    “เด็กคนนี้เป็นเด็กดีมาเลยนะ”ชิโอริลูบหัวสไวป์ “สไวเซอร์ ซี อิฟรีต”ชิโอริกล่าวเบาๆ

    “ชื่อจริงๆของสไวป์ซินะครับ”ต่ายยิ้ม “ถ้าถามสุหรือพวกคนใหญ่คนโต เขาจะรู้จักชื่อนี้ไหมครับ”ชิโอริส่ายหน้า

    “คนที่รู้จักชื่อนี้ตายหมดแล้ว เมื่อ 500 ปีก่อน”ชิโอริบอก “ตอนที่หมอนั่นเข้ามาลอบฆ่าสไวป์ หมอนั่นกับสไวป์ฆ่าคนที่รู้เห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด”

    “แล้วทำไม...”

    “คนที่รู้เห็นเหตุการณ์นั้น คือพวกเชื้อพระวงศ์ของเหล่าผีดูดเลือดและคนใหญ่คนโตในสมัยนั้น”ชิโอริทำหน้าเศร้า “ซึ่งทุกคนรู้จักชื่อจริงๆของสไวป์”

    “ผมรู้แล้ว ผมจะตายไหมเนี่ย”ต่ายหัวเราะแห้งๆ

    “อย่าพูดชื่อนี้ต่อหน้าสไวป์ล่ะกัน”ชิโอริบอก “สไวป์เกลียดชื่อนี้มาก ชื่อที่ได้รับมาจากอิฟรีต”

     

    “มีแค่ฉันซินะ ที่พัฒนาฝีมือ”เนโอะบ่นพึมพำก่อนหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมา “ทามะ พรุ่งนี้ดึกๆแวะไปบ้านท่านลอร์ดทีนะ”เนโอะลูบหัวแมวสีดำ

    “เมี๊ยว~”ทามะร้องตอบ

    “เด็กดีๆ”เนโอะยิ้มแล้วดื่มกาแฟเขามองออกไปข้างนอกระเบียง มองเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงาม “ใช้ที่นี่ เป็นสถานที่ฆ่าคุณดีไหมนะ ท่านลอร์ด

     

    “ฮ้าวววว”คาซหาว

    “ไปเดินห่างๆฉันเลยนะ”สไวป์หันไปบอกสุนิสา สุนิสายักไหล่นิดๆ แต่ก็ไม่ได้ขยับออกห่างสไวป์เลย “น่ารำคาญ”สไวป์พึมพำ

    “ทำไมฉันต้องตื่นแต่เช้าด้วยเนี่ย”คาซหาวอีกรอบ

    “ก็นายเชี่ยวชาญเรื่องการต่อสู้นี่นา พามาด้วยก็ไม่เสียหายอะไร”สุนิสาบอก “จริงไหม สไวป์”สุนิสาคว้าแขนสไวป์ไปกอด สไวป์สะบัดแขนเพื่อให้สุนิสาปล่อยแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียน “ดื้อจริง”

    “ถ้าไม่ดื้อ เขาก็ออกจากกรุงเทพไปตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้วล่ะครับ”ต่ายบอก คาซหันไปมอง

    “ลากโลงศพไปไหนมาไหนด้วยแบบนี้ คนไม่มองรึไง”คาซถาม

    “ไม่เห็นหรอก”สุนิสาตอบ “พวกนายรออยู่นอกโรงเรียนนี่ล่ะ”

    “เข้าใจแล้ว”ต่ายยิ้ม

    “ห้ามให้หมอนั่นเข้ามา”สุนิสาเดินเข้าไปในโรงเรียน

    “หมอนั่นที่พวกนายพูดถึงเนี่ย ใคร”คาซถามด้วยความอารมณ์เสีย

    “เจอแล้ว จะรู้เองลาะครับ”ต่ายบอก คาซทำหน้าเซงๆ

     

    “ชิ กีฬาสีอีกแล้วเหรอเนี่ย”สไวป์พึมพำ เพื่อนร่วมห้องของเขาต่างดี๊ด๊ากันใหญ่ มีแค่เขาเท่านั้นที่นั่งซังกะตายอยู่คนเดียวที่หลังห้อง “น่าเบื่อ”

     

    “ริน รินเป็นดัมเมเยอร์อีกนะ นะๆ”เพื่อนของรินร่วมกันพูดขอร้อง

    “แต่ว่า พวกเรา ม.6 ไม่ได้เข้าร่วมกีฬาสีนี่”รินตอบ

    “ถึงไม่ได้แข่งขันอะไร แต่ร่วมขบวนได้นี่นา”เพื่อนของเธอกล่าว “นะ ริน มีแค่รินเท่านั้นล่ะ ที่พวกเราอยากให้เป็นดัมเมเยอร์ของโรงเรียนน่ะ”

    “ก็ได้จ๊ะ”รินตอบ

     

    “สุได้ถือป้ายโรงเรียนเหรอ”เพื่อนร่างท้วมของสุนิสาดีใจอย่างออกนอกหน้า

    “สุดยอดเลย ปกติแล้วพวกรุ่นพี่จะได้รับตำแหน่งนี้นะเนี่ย”เพื่อนอีกคนกล่าว “เธอได้กลายเป็นดาวแน่เลย สุ”

    “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกน่า ดาวกีฬาสีปีนี้น่ะ ฉันว่า น่าจะเป็นดัมเมเยอร์ปีนี้มากกว่านะ”สุนิสายิ้ม เพื่อนๆของเธอทำหน้างงๆ “รุ่นพี่อรินดายังไงล่ะ”

     

    “เอ่อ...”เด็กสาวคนหนึ่งมายืนข้างหน้าโต๊ะสไวป์ “ขอโทษนะ คือว่า ฉันอยากให้นายเข้าร่วมกิจกรรมหน่อยน่ะ”สไวป์จุ๊ปากอย่างอารมณ์เสียแล้วหันไปมองด้านนอกหน้าต่าง “นี่ ขอร้อง...”

    “พอแล้ว ขอร้องไปหมอนี่ก็ไม่เข้าร่วมหรอก”เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาคว้าไหล่เด็กสาว

    “แต่ว่า...”เธอพูดรั้ง

    “เธอก็รู้เรื่องข่าวลือนี่นา ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก”เด็กหนุ่มพาเด็กสาวกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ

    “ข่าวลือ... มนุษย์นี่ เชื่อข่าวลือกันจังนะ”สไวป์พึมพำพอให้คนในห้องได้ยิน เสียงพูดคุยเงียบลง “ฉันเข้าร่วมด้วยก็ได้”สไวป์แสยะยิ้ม ในกลุ่มนักเรียนในห้องนั้นมีเพียงเด็กสาวผมบลอนด์ทองคนเดียวเท่านั้นที่ยิ้ม

     

    เลิกเรียน

    “สไวป์ยังไม่ออกมาเหรอ”สุนิสาถาม เมื่อเห็น 2 หนุ่มยืนอยู่หน้าโรงเรียน

    “ถ้าออกมาแล้ว คงยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”คาซบอก

    “นาย!”สุนิสากำหมัดแน่น

    “อย่าเพิ่งทะเลาะกันเองซิ”ต่ายรีบห้ามทัพ “สไวป์ยังอยู่ที่ห้องเรียนน่ะ เหมือนกำลังคุยอะไรบางอย่างกับใครซักคน”

    “เหยื่อวันนี้มั้ง”คาซบอก

    “หมอนั่นล่ะ”สุนิสาถาม

    “ยังไม่เห็นวี่แววเลย”ต่ายตอบอย่างรวดเร็ว

     

    “ว่าแล้วเชียว นายต้องไม่เหมือนที่เขาลือกัน”เด็กสาวผมบลอนด์ทองยิ้ม

    “น่ารำคาญ”สไวป์พึมพำ

    “นี่ๆ ทำให้ฉันเป็นผีดูดเลือดทีซิ”เด็กสาวกล่าว สไวป์เหลือบมองด้วยหางตา “นะๆ เธอเป็นผีดูดเลือดไม่ใช่เหรอ”เธอมองสไวป์ด้วยสายตาคาดหวังเล็กๆ

    “ข่าวลืออีกแล้วล่ะซิ”สไวป์พูด

    “ฉันเห็นนะ เมื่อวานที่พาร์คน่ะ”เด็กสาวกล่าว สไวป์ทำหน้านิ่ง “ชายหูแมวสีเงิน กับคุณตำรวจ...” กึง สไวป์ลุกขึ้นยืน

    “เธออยากตายรึไง”สไวป์มองแบบกดสายตาลงต่ำ “ฉันไม่ได้เป็นผีดูดเลือด แล้วเมื่อวานอะไรกัน ฉันไม่ได้ออกจากบ้านเลยซักนิด”

    “นายโกหก”

    “ยัยมนุษย์ขี้ตื้อนี่!!”สไวป์ตะคอก

    “ผมสีเงินแซมม่วงแบบนี้ มีนายคนเดียวเท่านั้นล่ะ”เด็กสาวลุกขึ้นยืนแล้วจับปอยผมสไวป์ สไวป์ยืนนิ่งไปซักพัก “ฉันดีใจนะ ที่เธอยังมีชีวิตอยู่”

    “อย่ามาจับผมฉันนะ ยัยมนุษย์ธรรมดา”สไวป์ปัดมือเด็กสาวออก แล้วรีบเดินออกจากห้อง หมับ แขนเล็กๆกอดเอวสไวป์ไว้

    “ขอบใจนะ ที่เข้าร่วมงานกับพวกเราน่ะ”เธอกล่าวสไวป์ สไวป์แกะแขนเธอออก

    “ฉันแค่รู้สึกเบื่อ เลยหาอะไรแก้เบื่อเท่านั้นเอง”สไวป์พูดแล้วเดินออกไปที่ระเบียงทางเดิน

    “นี่ รอด้วยซิ”เด็กสาวรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามสไวป์ไป

     

    “นั่นไง สไวป์ออกมาแล้ว”คาซพูด

    “ให้ตายซิ มัวทำอะไรอยู่ ถ้าหมอนั่นลอบทำร้ายจะทำยังไง”สุนิสาพึมพำ “ต่ายปลดเขตแดนได้แล้ว”

    “เอ๋? มีคนตามมาด้วย”คาซมอง “สไวป์”คาซโบกมือเรียก สไวป์เงยหน้าขึ้นมามอง

    “ยังไม่กลับกันอีกรึไง”สไวป์ถามด้วยน้ำเสียงเซงๆ เด็กสาวผมบลอนด์ทองมายืนหลบหลังสไวป์

    “สไวป์ เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครเหรอครับ”ต่ายถาม

    “ลูกสาวไฮโซชื่อดัง ฤทธนภา ชื่อเล่นชื่อฟ้า”สุนิสาอธิบาย “นักเรียนห้องเดียวกับสไวป์ ตามสไวป์มาทำไม”สุนิสาจ้องฟ้าตาไม่กระพริบ

    “ขอโทษคะ เอ่อ...แฟนของสไวป์”

    “ตาถึงด้วย”สุนิสาเปลี่ยนท่าที

    “ขอสไวป์ให้ฉันนะคะ” ชิ้ง---- สุนิสาเงียบ คาซอ้าปากค้าง ส่วนกระต่ายก็พยายามกลั้นหัวเราะ สไวป์ทำหน้าเซงก่อนเดินหนีทั้ง 4 คน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×