คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : รอยเลือดที่ 2 ตำรวจและผีดูดเลือด
“สะ...สไวป์ เขาปาดคอตัวเอง...”รินเงยหน้าขึ้นมามองเดล “เขา...”
“พอแล้วครับ ไม่ต้องพูดแล้วนะ ผมจะพาไปขึ้นรถ ให้เจ้าหน้าที่กลับบ้านนะครับ”เดลกล่าว “พวกนายเก็บกวาดให้เรียบร้อย”เขาหันไปสั่งตำรวจคนอื่นๆ “คุณหนูยืนไหวไหมครับ”รินพยักหน้าเบาๆ
“ฮึ่ย! ไอ้พวกตำรวจพิเศษพวกนี้มาทำไมว่ะ”สไวป์สบถ “ลูซ กลับบ้านกัน”สไวป์เบนสายตาจากลานหน้าโรงเรียน
“อืม”เสียงหญิงสาวดังขึ้น “สไวป์ จะทำยังไงกับเด็กคนนั้นดีล่ะ”เธอกล่าว
“ลูซ เธอเชื่อใจฉันไหม ถ้าเชื่อก็ไม่ต้องคิดมาก ฉันยังเป็นของเธอ”สไวป์บอกแล้วกระโดดลงจากดาดฟ้าก่อนจะวิ่งไปทางหลังโรงเรียน ลูเซียลอยตามหลังสไวป์ไป “เมื่อถึงเวลา ฉันจะฆ่ายัยนั่นเอง”
“เข้าใจแล้ว...”ลูเซียกล่าวเบาๆ
“อย่าทำเสียงแบบนั้นซิ ลูซ”สไวป์หยุดเดิน “เธอเป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์เชียวนะ อย่าลดตัวมาเกรงใจผีดูดเลือดอย่างฉันเลย หยิ่งทระนงแบบคราวก่อนไว้ซิ”สไวป์หันมามองวิญญาณสาวผมฟ้าในชุดลูกสาวขุนนางอังกฤษ เธอยิ้มน้อยๆให้สไวป์ “!?!”สไวป์หันไปมองพุ่มไม้ใกล้ๆ “ลูซ...ไปดูแถวนั้นซิ”สไวป์กระซิบ ลูเซียลอยไปสำรวจพุ่มไม้อย่างรวดเร็วก่อนจะพยักหน้าเบาๆ สไวป์กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในป่าหลังโรงเรียน บุคคลหลังพุ่มไม้ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบวิทยุขึ้นมาว.บอกปลายสายของเขา ลูเซียมองนายตำรวจอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบไปหาสไวป์ “ใคร?”สไวป์ถามเมื่อเขารู้สึกได้ว่าลูเซียตามเขามาแล้ว
“ตำรวจ... สไวป์พวกเขาสงสัยเธอแล้วซินะ”หญิงสาวกล่าว
“กฎหมายพวกนั้น มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”สไวป์บอก “จะต้องขังกี่ปี หรือประหารชีวิต มันก็ใช้กับฉันไม่ได้หรอก”สไวป์เดินทะลุป่ามาจนถึงถนนสายเล็กๆ “ลูซ กลับไปก่อนแล้วตามคาซมาหาฉันด้วย”สไวป์สั่ง ลูเซียหายไปจากตรงนั้นแทบจะในทันที “ตามมาทำไมเหรอครับ คุณตำรวจ”ชายในชุดตำรวจเดินออกมาจากป่าหลังโรงเรียน
“คุณหนูริน บอกว่าเธอปาดคอตัวเอง”เขากล่าว “ฉันคิดว่าคุณหนูไม่น่าพูดโกหก แต่ทำไมเธอ...”สไวป์หันมามอง
“คุณหนูริน... ยัยนั่นเป็นลูกคนมีตังหรอกเหรอ”สไวป์พูด “ไม่แปลกเลยที่ยัยนั่นพูดแต่คำสุภาพๆ”สไวป์แสยะยิ้ม “เอ๊ะ ตะกี้คุณตำรวจพูดว่าอะไรนะ ผมปาดคอตัวเองใช่ไหม?”สไวป์ถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาท นายตำรวจพยักหน้า “ถ้าใช่ แล้วคุณตำรวจจะทำไมเหรอครับ"
“เธอ...”เดลมองเสื้อที่เปื้อนเลือด “ถ้าใช่ ฉันก็จะพาเธอไปโรงพยาบาล”
“ไม่จำเป็น”เสียงเด็กหนุ่มอีกคนดังปนมากับเสียงสไวป์ ทำเอาเดลสะดุ้งเฮือก “สไวป์ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล”เสียงของคาซนั้นเย็นยะเยือก
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอดูแผลหน่อย”เดลกล่าว
“ไม่มีหรอก แผลที่ว่านั่นน่ะ”สไวป์บอกแล้วหันหลังกลับ “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วผมขอตัวล่ะ”สไวป์บอกแล้วเดินไปตามถนน
“เธอยังไปไหนไม่ได้!!”เดลกล่าว สไวป์หยุดเดิน “ฉันยังมีอีกคำถามจะถามเธอ”สไวป์หันหน้ามองเดลแล้วบุ่ยปากเล็กน้อย “เธอฆ่าพวกเขารึเปล่า”เดลลดเสียงตรงคำว่าฆ่า
“ฆ่าพวกเขา? ใครเหรอครับ พวกเขาที่คุณว่าน่ะ”สไวป์ถาม เดลค่อยๆสังเกตหาพฤติกรรมที่ผิดปกติของเด็กหนุ่ม “ว่ายังไงล่ะครับ คุณตำรวจพิเศษ”สไวป์เน้นคำว่าพิเศษแล้วฉีกยิ้มแบบเด็กใสซื่อ เดลจ้องหน้าสไวป์ด้วยความสงสัย “อาวุธลับเฉพาะของกองกำลังพิเศษภายใต้การบังคับบัญชาของอธิบอดีกรมตำรวจแห่งราชอาณาจักรไทย”สไวป์หยิบปืนสีดำสนิทออกมาจากซองปืนที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุม
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร”เดลพูด
“ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมฆ่าพวกเขาจริงๆรึเปล่า ก็ล้มผมให้ได้ซิ”ปากกระบอกปืนเล็งเป้าที่หน้าผากของเดล
“เธอ...”เดลกำลังเอ่ยคำพูด สไวป์ก็ลั่นไกปืนแล้ว เดลจึงต้องก้มหลบกระสุนปืนก็คว้าปืนที่อยู่ในซองปืนข้างตัว “รีบบอกความจริงมา...”เดลยกปืนขึ้นมา แกร๊ก สไวป์ยืนอยู่ข้างหน้าเดลพร้อมกับเล็งปากกระบอกปืนมาจ่ออยู่ที่หน้าผากของเดล
“คุณล้มผมไม่ได้หรอก”สไวป์บอกก่อนเก็บปืนเข้าซอง “ส่วนความจริง...”สไวป์หันหลังแล้วเดินกลับไปที่เดิมก่อนหันหน้ามาบอกประโยคสุดท้าย “สืบหากันเอาเองซิ”
“กลับมาแล้ว”สไวป์เดินเข้ามาในบ้าน เขาโยนซองปืนลงบนโซฟานุ่มๆก่อนที่ตัวเขาเองจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาสีแดงตัวโปรด ร่างวิญญาณของลูเซียปรากฎให้เห็นจางๆ เธอลอยเข้ามาใกล้สไวป์ก่อนนั่งลงบนพื้นข้างๆโซฟาสีแดง “ลูซ ไม่ได้เห็นหน้าเธอชัดๆตั้งนานเลย...”สไวป์เอื้อมมือไปจับแก้มลูเซีย “เมื่อกี้แสงแดดทำให้ฉันเกือบมองไม่เห็นร่างเธอเลยนะ”
“ฆ่าอีก สไวป์ เพื่อพวกเขา”เสียงปริศนาที่บอกไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิงดังขึ้นมาในโสตประสาทของสไวป์ “ฉันอยู่ใกล้ๆเธอเสมอ...”
“หลับซะนะ สไวป์”ลูเซียลูบหัวสไวป์เบาๆ สไวป์ค่อยๆหลับตาลง
“เกิดอะไรขึ้น ลูซ”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้น “ทำไมสไวป์ถึงดูเหนื่อยล้าแบบนี้”ลูเซียเงยหน้าขึ้นมามอง
“สไวป์ฆ่าตัวตายอีกแล้วน่ะ”ลูเซียกล่าว ชายวัยกลางคนถอนหายใจดังเฮือก “คาซแล้วตะกี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง”ลูเซียหันไปถามร่างวิญญาณเด็กหนุ่มที่นั่งกินซากศพของเมื่อวานอยู่ตรงบันได
“ก็แค่ขู่ตำรวจนิดหน่อย”คาซละสายตาจากซากศพในมือ “แต่ตำรวจนั่นไม่กลัวเลย”คาซบุ่ยปาก “ทั้งๆที่ยิงปืนขู่แล้วนะ น่าจะตกใจกลัวหน่อย ทำหน้าเหวอหน่อยก็ได้”คาซฉีกเนื้อออกมากิน “ยังทำหน้าจริงจังอยู่ได้อีก แปลกคน”
“ก็เขาเป็นตำรวจนี่ฮะ”เสียงเด็กผู้ชายดังขึ้น
“มาอีกแล้ว”ลูเซียกับคาซพูดพร้อมกัน “สไวป์เพิ่งจะได้พักผ่อนเอง”ลูเซียหันมามองสไวป์ที่หลับอยู่
“ฉันจัดการเอง”เสียงปริศนาดังขึ้น ก่อนร่างของเสียงปริศนาจะปรากฏขึ้น ไม่มีใครสามารถเห็นร่างจริงๆของเขาได้เพราะผ้าคลุมสีดำสนิทนั้นคลุมทั้งตัวเขาและฮู้ดสีดำซึ่งปิดครึ่งหน้าด้านบน “ตำรวจคนนั้นซินะ ลูเซีย...”เสียงของผู้หญิงและผู้ชายปนกันให้มั่วไปหมด ลูเซียพยักหน้าเบาๆ เขาเดินไปที่ประตูบ้านแล้วเดินทะลุออกไปเหมือนประตูไม่ได้อยู่ตรงนั้น นัยน์ตาสีแดงมองไปรอบๆ “อย่าซ่อนตัวอยู่เลย คุณตำรวจ”เสียงผู้หญิงดังขึ้นมาแล้วตามด้วยเสียงของผู้ชาย
“นายขี้โกง...”เสียงของอัดดังขึ้นในโสตประสาทของสไวป์ “ขี้โกงเหมือนพ่อของอรินดาเลย... ขี้โกง...”
นายตำรวจหนุ่มเดินออกมาจากมุมอับสายตา “คุณเป็นใคร ทำไมเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น”เดลเอ่ยถาม เจ้าของนัยน์ตาสีแดงเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนแสยะยิ้ม
“ปีศาจ...คิกคิก”เจ้าของนัยน์ตาสีแดงกล่าวออกมาเป็นเสียงผู้หญิง “คุณเชื่อไหมล่ะ”น้ำเสียงที่กล่าวออกมานั้นเต็มไปด้วยความขี้เล่นและความจริงจังปนกันไปเหมือนเสียงของผู้ชายและผู้หญิงที่ดังออกมาจากปากของบุคคลปริศนา เดลจ้องบุคคลปริศนาตาไม่กระพริบ “รองหัวหน้ากองกำลังพิเศษ เดล~”เสียงของผู้หญิงและผู้ชายหัวเราะอย่างมีความสุข
“คุณ...”เดลกัดฟันกรอด
“มาตามสืบเรื่องของหนุ่มน้อยสไวป์เหรอ”เสียงของผู้หญิงดังขึ้นมามากกว่าเสียงผู้ชาย “ไม่ได้นะ เด็กคนนี้เป็นของฉัน อย่ามายุ่ง”เจ้าของนัยน์ตาสีแดงพูดเน้นคำว่า อย่ามายุ่ง ด้วยเสียงเย็นๆ นายตำรวจขยับมือไปด้านข้างเพื่อคว้าเอาปืนที่อยู่ในซองปืนซึ่งซ่อนอยู่ใต้เสื้อนอกมาป้องกันตัว “อย่าคิดแม้แต่จะจับปืนขึ้นมาเชียวนะ”ร่างปริศนามายืนอยู่ข้างหลังนายตำรวจ นายตำรวจหันมามอง ผัวะ เรียวแขนขาวฟาดเข้าที่หน้าของนายตำรวจอย่างแรง “คิกคิก...”ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อแสยะยิ้ม
“คุณ...เป็น...”เดลพูดก่อนล้มลงไปนั่งกับพื้น
“ไม่ได้ใช้กายหยาบมานานเลยรุนแรงไปหน่อย โทษทีนะ”เรียวแขนขาวขยับไปมาเบาๆ “กะแรงไม่ถูกเลย”เจ้าของนัยน์ตาสีแดงกล่าว เดลลูบหัวตัวเองเบาๆแรงฟาดตะกี้ทำให้เขาวูบไปชั่วครู่
“คุณ...เป็น ผู้...หญิง...”นายตำรวจพูด
“แค่ฟังเสียงยังไม่รู้อีกรึไง”เสียงของผู้ชายและผู้หญิงปนกันไปหมด “ใบหน้าใต้หมวกตำรวจ น่ารักใช้ได้เลยนี่”เธอโน้มตัวมามองใบหน้าขาวใสของนายตำรวจ รอยแดงที่เกิดจากแรงฟาดของเจ้าของนัยน์ตาสีแดงประทับอยู่บนแก้มซ้ายของเดล “เลิกเป็นตำรวจแล้วมาเป็นนักฆ่าให้ฉันดีกว่าไหม”เธอกล่าว “ว่าไง”
“นักฆ่าให้คุณ... เด็กนั่นเป็นนักฆ่าอย่างนั้นซินะ”เดลขยับแว่นกรอบสี่เหลี่ยมสีเงินของเขา นัยน์ตาสีน้ำเงินหม่นๆจ้องนัยน์ตาสีแดงเขม็ง เจ้าของนัยน์ตาสีแดงนั่นคลี่ยิ้มบางๆ
“คิดเอาเองซิ คุณตำรวจ”สิ้นเสียงบุคคลใต้ผ้าคลุมก็หายไป ทิ้งไว้เพียงผ้าคลุมสีดำที่กองอยู่บนพื้น
“เธอกับเด็กคนนั้นเป็นอะไรกันแน่”เดลมองผ้าคลุมผืนนั้น
“เกิดอะไรขึ้น”เสียงของผู้หญิงกับผู้ชายดังขึ้นปนกัน ข้าวของในคฤหาสน์ถูกรื้อกระจุยกระจาย “สไวป์อยู่ไหน!”เธอตะโกนถาม แต่ไม่มีเสียงใดตอบกับมา “ลูซ คาซ”เธอตะโกนเรียก “วินซ์ อยู่ไหนกัน”
“หลบก่อนเถอะ...”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้น
“บาธ...” กึง เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นด้านหลังเธอ “หิวเหรอ สไวป์”เธอกล่าวเบาๆ “มาม่ะ เด็กน้อย”เธอเผยร่างมนุษย์ผู้หญิง นัยน์ตาสไวป์ที่เคยเป็นสีทองตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานที่สว่างวาบในที่มืด หญิงสาวผมเงินยืนกางแขนเชื้อเชิญให้สไวป์เข้ามา “มากินเลือดเร็ว เด็กดี”สไวป์เดินออกจากห้องครัว และเดินไปหาหญิงสาวอย่างช้าๆ เขี้ยวสีขาวคมกริบกัดเข้าที่ต้นคอของหญิงสาว “นั่นล่ะๆ ดื่มเข้าไปเยอะๆ”หญิงสาวกอดคอสไวป์และกดหัวสไวป์ไม่ยอมให้เด็กหนุ่มถอดเขี้ยว สไวป์สำลักเลือดจนต้องผลักหญิงสาวออกไป
“เธอ...”สไวป์พยายามมองหน้าหญิงสาวผมเงินก่อนที่จะสลบไป
“เฮ่อ...เดือนนี้มันช่างวุ่นวายจริงๆ”ร่างของหญิงสาวค่อยๆสลาย “ฉันอยู่ในร่างมนุษย์นานเกินไปแล้ว...”เธอกล่าวพึมพำกับตัวเอง “บาธ เด็กๆหายไปไหน”เธอหันไปถามวิญญาณร่างจางๆในมุมมืด
“หนีสไวป์กันน่ะซิ อีกซักพักคงกลับมา”บาธกล่าว “กัดแขนลูซ สูบพลังงานซะจนลูซกลับมาเป็นวิญญาณจางๆเหมือนฉัน”หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ
“ไปตามกลับมาซะ บาธ”เธอสั่ง “เดี๋ยวเรื่องพลังงานของลูซฉันจัดการเอง”วิญญาณจางๆลอยขึ้นไปบนเพดานทะลุเพดานของชั้น 3 ไป “เพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นซินะ...”
เดลหยิบหมวกตำรวจขึ้นมาสวม “ฉันจะตามสืบเรื่องทั้งหมดให้ได้”เดลหันไปมองคฤหาสน์หลังใหญ่ก่อนจะก้มลงไปหยิบผ้าคลุมสีดำที่บุคคลปริศนาทิ้งไว้ ผ้าคลุมสีดำกลายเป็นขี้เถ้าแล้วปลิวไปตามลม “ไม่ยอมให้เก็บไปสืบหาซินะ”เขามองเศษขี้เถ้าที่กำลังปลิวว่อน ผมสีดำสนิทของเขาขยับไปมาตามแรงลมของพายุในฤดูฝน “สไวป์...เจ้าเด็กประหลาด”
“อยากฆ่าๆๆๆๆ”สไวป์เริ่มเบื่อหน่ายกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแล้วหยิบมีดขึ้นมาแทงโต๊ะไม้ซ้ำๆกันหลายที “ผมอยากได้ยินเสียงกรีดร้อง สัมผัสรสเลือดที่ติดปลายมีด”สไวป์ขว้างมีดในมือออกไปเหมือนขว้างลูกดอก “อยากทำให้พวกเธอกลับเป็นเหมือนเดิม...”เด็กหนุ่มหันมามองความมืดด้านหลัง ลูเซียลอยมากอดคอสไวป์ “ที่อาละวาดเมื่อกี้ฉันขอโทษนะ”สไวป์กล่าวพึมพำให้ลูเซียได้ยินคนเดียว
“ไม่เป็นไร”ลูเซียบอก “เดี๋ยวก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว”
“เหยื่อรายต่อไปฉันให้เธอล่ะกัน ลูซ”สไวป์กล่าว
“ฉันก็คิดว่าลูเซียควรได้ เธอไม่ได้กินมาเป็นเดือนแล้วนิ”คาซโยนกระดูกต้นขาลงไปในเตาผิงว่างๆ ซักพักไฟสีดำก็ลุกพรึ่บเผากระดูกจนไม่เหลือซาก “ฉันแนะนำ ให้ฆ่า เด็กผู้หญิงใน ม.5 ห้อง 4 คนนั้น”คาซเสนอ “หยิ่ง ทระนง เหมาะกับลูเซียดี”คาซแสยะยิ้ม ลูเซียหันมาจ้องหน้าคาซ “ก็นั่นมันนิสัยเธอเหมือนก่อนนี่นา”คาซยักไหล่
“อย่าเพิ่งทะเลาะกัน เรามีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงมากกว่าเรื่องนี้”เสียงของผู้หญิงและผู้ชายดังขึ้นมาปนกันอีกครั้ง “ตำรวจคนนั้น ท่าทางจะไม่ปล่อยพวกเราแน่ๆ”เธอกล่าว สไวป์หันไปมองร่างควันสีดำที่ลอยอยู่ข้างๆคาซ เขาแทบไม่เคยเห็นร่างของเจ้าของเสียงปริศนานี้เลย “อย่ามองฉันแบบนั้น สไวป์”เธอกล่าวด้วยเสียงของผู้หญิง
“ฉันไม่เคยเห็นเธอกินศพพวกนั้นเลยนะ”สไวป์พูด “ตั้งแต่เรารู้จักกันเมื่อ...”
“ฉันไม่จำเป็นต้องกิน”เธอกล่าวตัดหน้าสไวป์ “แล้วไม่ต้องพูดถึงเมื่อก่อน ฉันไม่อยากนึกถึง”สไวป์บุ่ยปากแล้วเดินไปเก็บมีดที่ปักอยู่ตรงผนังฝั่งตรงข้าม “สไวป์...”เสียงนั่นกล่าวเบาๆเหมือนสายลมพัดผ่าน “อยู่ห่างๆเด็กผู้หญิงคนนั้นซะ เพื่อความปลอดภัยของเธอ”สไวป์ดึงมีดออกมาจากผนังก่อนหันกลับมามองร่างควันสีดำ
“ปลอดภัย? คำนั้นไม่จำเป็นต้องบอกผมหรอก”สไวป์กล่าว “ฉันไม่มีวันตายอยู่แล้ว”
แสงอาทิตย์ยามเช้าลอดเข้ามาทางหน้าต่างกระทบกับใบหน้าเนียนของเด็กสาวผมสีแดงเพลิง เสียงนาฬิกาปลุกทำให้เด็กสาวต้องลุกจากเตียง “คุณหนู นายท่านเรียกไปทานอาหารเช้าคะ”เสียงหญิงชราดังขึ้น เด็กสาวตะโกนตอบรับก่อนจะเดินไปอาบน้ำ
“ริน เดลรายงานเรื่องเมื่อวานกับพ่อแล้วนะ”ชายวัยกลางคนในชุดตำรวจกล่าว มือของรินหยุดชะงัก “สิ่งนั้น...มันเกิดขึ้นอีกแล้วซินะ”พ่อของเด็กสาวกล่าวแบบกว้างๆไม่เจาะจง
“คะ...”รินตอบ “แต่ว่า...”ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะได้พูดอะไร เดล นายตำรวจหนุ่มก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร นัยน์ตาสีน้ำเงินหม่นใต้กรอบแว่นนั้นฉายแววจริงจัง
“ขอโทษที่มารบกวนเวลาทานอาหารเช้าครับ ท่านผบ.”เดลกล่าวอย่างสุภาพ “ผมมีเรื่องด่วนจะแจ้งให้ท่านทราบ ต่อจากเมื่อวาน...”พ่อของรินยกมือขึ้นบอกให้เดลหยุดพูด
“ทุกคนออกไปก่อน”เขาสั่งเหล่าคนรับใช้ทั้งหลาย
“งั้นหนูไป...”
“ไม่ต้องริน ลูกควรจะฟัง”เขากล่าวเมื่อเห็นรินทำท่าจะลุกออกจากที่นั่ง “เอาล่ะ พูดมาได้แล้ว เดล”
“เด็กคนนั้นอย่างมีชีวิตอยู่ครับ”เดลบอก “เขาไม่เหมือนคนที่เพิ่งปาดคอตัวเองเลย ยังวิ่ง กระโดด ได้เหมือนปรกติ...”เดลชะงักเล็กน้อย แล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“ริน ลูกแน่ใจนะว่าเด็กคนนั้นปาดคอตัวเองจริงๆ”เขาถามลูกสาว
“นะ...หนูไม่อยากพูดเรื่องนี้ตอนทานอาหาร”รินตอบปัดๆ
“เด็กคนนั้นไม่ใช่...”ตึง รินลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วทำให้เก้าอี้ล้มตึงไปด้านหลัง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของรินจ้องเดลเขม็งก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารไป “รู้สึกคุณหนูไม่อยากให้ผมพูดเรื่องส่วนตัวของเด็กคนนั้น”เดลบอก
“คนที่รอดพ้นจากคำสาปของรินคนที่ 2 งั้นเหรอ”ชายวัยกลางคนกล่าว “นอกจากปาฏิหาริย์แล้ว คง...”
“ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาครับ”เดลตอบ “หลังจากที่ผมตามเขาไปเมื่อวาน เด็กคนนั้นต้องไม่ธรรมดาครับ รอยเลือดที่เปื้อนบนเสื้อกับคอเป็นหลักฐานอย่างดี ที่บอกได้ว่าเขา... ได้ไปทำอะไรบางอย่างมา”เดลสันนิษฐาน “ซึ่งบนใบหน้าและแขนเสื้อด้านขวาไม่มีรอยเลือดปรากฏอยู่เลย ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่รอยเลือดของบุคคลอื่นนอกจากของเขาเอง...”
“แค่สะกดรอยตามก็สันนิษฐานได้ถึงขนาดนี้แล้วรึ”ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
“เพราะผมได้พูดกับเด็กคนนั้นด้วยล่ะครับ ผมเลยได้เห็นความผิดปกติหลายๆอย่าง”เดลกล่าว “เด็กคนนั้นพกปืนกับอาวุธอื่นติดตัวด้วยล่ะครับ”ชายวัยกลางคนหยุดหัวเราะทันที “ผมไปตรวจเอกสารเกี่ยวกับบุคคลที่ขออนุญาตครอบครองอาวุธปืนแล้วแต่ไม่มีชื่อของเด็กคนนั้นครับ แม้แต่ทะเบียนราษฎรก็ไม่มีชื่อ”
“ไม่ใช่คนไทยรึ ค้นหาในบัญชีรายชื่อนักท่องเที่ยวรึยัง”เขากล่าวอย่างร้อนรน
“ไม่มีครับ ไม่ว่าจะประเทศไหนก็ไม่มีชื่อของเด็กคนนั้นครับ ยกเว้นแต่ข้อมูลของโรงเรียนซึ่งผมคิดว่าน่าจะถูกเมคขึ้นมา”เดลเปิดหนังสือในมือ “แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์บางเล่มมีชื่อและรูปภาพที่เหมือนเด็กคนนั้นครับ”เดลวางหนังสือที่เปิดหน้าที่กล่าวมาไว้บนโต๊ะอาหาร
“ผีดูดเลือดงั้นเหรอ”
“นี่คือรูปเด็กคนนั้นในปัจจุบันครับ”เดลวางรูปถ่ายของสไวป์ไว้บนหน้าหนังสือ “เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่ลูกหลานที่หน้าตาคล้ายกันมาก ก็คงเป็นคนๆเดียวกัน”
“เหมือน เหมือนมาก นี่มันไม่ใช่คดีธรรมดาๆแล้วนะ เด็กคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนักเรียนหลายคนด้วยใช่ไหม”ชายวัยกลางคนกล่าว เดลพยักหน้ารับ “แล้วจดหมายที่รินได้รับใช่มาจากเด็กคนนี้รึเปล่า”
“คฤหาสน์ที่คุณหนูรินเข้าไปคราวก่อนกับบ้านของเด็กคนนั้นเป็นที่เดียวกันครับ”ชายวัยกลางคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ท่านผบ.คิดว่ายังไงครับ”
“ไปโรงเรียนล่ะคะ”เสียงของรินดังขึ้น
“คอยตามดูแลรินเหมือนปกติก็พอแล้ว”
“ครับท่าน”เดลตอบรับอย่างหนักแน่นก่อนเดินตามไปส่งรินที่โรงเรียน
สไวป์เดินมาโรงเรียนตามปกติแต่ดูแปลกตาไปหน่อยตรงที่เขาทำท่าสะลึมสะลือมาโรงเรียน “ฮ้าววววว”สไวป์หาววอด เพราะพลังงานของเขาถูกใช้จนเกือบหมดจากการที่เขาอาละวาดเมื่อวาน จะชาร์จแบตด้วยการนอนหลับก็มีเสียงของอัดด่าทออยู่ตลอดเวลาที่หลับตา “เมื่อวานมันวันอะไรกัน...”สไวป์พึมพำ นัยน์ตาสีทองมองไปรอบๆเพื่อหาเหยื่อสำหรับวันนี้ แต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเห็นนายตำรวจคนเมื่อวานยืนอยู่ที่ประตูโรงเรียน “ชิ”เด็กหนุ่มสบถก่อนจะเลี้ยวไปเข้าทางประตูข้างโรงเรียน
พักเที่ยง ตึง สไวป์เคาะ(?)ประตู ม.5 ห้อง 4 คนทั้งห้องหันไปมองแต่เมื่อเห็นว่าเป็นสไวป์ก็รีบหันหน้ากลับ “ใครชื่อ สุนิสา”สไวป์เอ่ยถาม แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบมา “ใคร...”เสียงของสไวป์บ่งบอกว่าเริ่มโมโห
“ฉันเอง...”เด็กสาวผมเปียที่ยืนอยู่ข้างหลังสไวป์กล่าว
“ยัยสุ จะไปบอกทำไม”เพื่อนของเธอดึงเธอออกห่างจากสไวป์
“กะ...ก็เขาถามนี่นา”เด็กสาวบอกกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอ
“ฉันไม่ได้หมายถึงเธอ”สไวป์บอกก่อนเดินเข้าไปในห้อง 4 “ฉันหมายถึงเธอ ยัยหัวทอง”เด็กหนุ่มมายืนอยู่ข้างเด็กสาวไฮโซคนหนึ่ง เด็กสาวละสายตาจากการทาเล็บเงยหน้าขึ้นมามองสไวป์ “วันนี้ เธอถึงฆาตแน่”สไวป์แสยะยิ้มแล้วเดินออกจากห้อง เด็กสาวอ้าปากค้างก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วด่าทอสไวป์แบบไม่ยั้ง “หึ แล้วคอยดูกัน ว่าพวกนายจะสืบสาวมาจนถึงตัวฉันไหม”สไวป์พึมพำอยู่คนเดียว โดยหารู้ไม่ว่าเด็กสาวผมเปียก็ได้ยิน
“สไวป์...”รินเดินมาที่ชั้น ม.5 “หะ...หายแล้วเหรอ”สไวป์หันมามองด้วยสายตาเย็นชาแล้วเดินกลับห้องตัวเอง “อย่าหนีซิ สไวป์”รินรีบตามเด็กหนุ่มไป
“สไวป์”เด็กสาวผมเปียทวนชื่อของเด็กหนุ่ม “ในที่สุด ก็เจอซักที...”
“หยุดเดินหนีนะ”รินตะโกนจนคนแถวนั้นหันมามอง “สไวป์ อย่าเดินหนีฉันซิ”สไวป์ไม่หยุดเดิน “นี่!!!”รินวิ่งมาฉุดแขนสไวป์ “อย่าหนีนะ”
“...”สไวป์เหลือบมองแปปนึงก่อนสะบัดแขนแล้วเดินเข้าไปในห้องเรียนตน
“สไวป์...”รินได้แต่มองตามสไวป์ไป
“ให้ช่วยไหมคะ”เสียงหนึ่งดังขึ้น รินกันไปมอง เด็กสาวผมเปียยืนยิ้มอยู่ข้างหลังริน “ท่าทางรุ่นพี่จะมีปัญหาเรื่องความรักนะคะ”เด็กสาวผมเปียลดเสียงลงตรงคำว่า เรื่องความรัก
“ขอโทษนะ ฉันต้องไปเรียน”รินตอบปัดๆ ขณะได้ยินเสียงสัญญาณเข้าเรียนแล้วเดินไปชั้นของม.6 เด็กสาวผมเปียมองตามรินก่อนคลี่ยิ้มบางๆ
“ยัยสุ เข้าห้องเถอะ”เพื่อนของเด็กสาวสะกิดเธอเบาๆก่อนฉุดแขนเด็กสาวกลับเข้าห้องเรียน
เลิกเรียน
เด็กสาวผมทองขอร้องให้เพื่อนๆในห้องเธอช่วยเดินกลับเป็นเพื่อนเธอ เพื่อนๆหลายคนเสนอกลับเป็นเพื่อน เธอจึงมีคนเดินกลับบ้านด้วยหลายคน
“มีบอดี้การ์ดหลายคน มันก็ได้เท่านั้นล่ะ อย่างไงเธอก็ต้องตายอยู่ดี”สไวป์เดินออกมาจากห้องเรียนของตัวเองก่อนหันไปมองกลุ่มของเด็กสาวผมทอง “ภายในวันนี้ล่ะ คุณหนูไฮโซ”สไวป์แสยะยิ้มก่อนเดินไปทางบันได เด็กสาวผมทองตัวสั่นด้วยความกลัว ถึงปกติเธอจะมีนิสัยเย่อหยิ่งไม่สนใจใคร แต่พอเจอคำพูดแบบนี้จากปากสไวป์ทำให้เธอต้องขอร้องเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดของเธอเลยทีเดียว เด็กสาวผมเปียเดินออกมาจากห้องเรียนพร้อมๆกับเพื่อนของเธอ เธอหันไปมองสไวป์ที่กำลังเดินลงบันไดไป
“ฉัน...ฉันยังไม่อยากตาย”เด็กสาวผมทองกล่าว เพื่อนๆหลายคนช่วยกันปลอบเธอ
“สัมผัสที่ 6 บอกฉันว่า หมอนั่นไม่ได้โกหก”เด็กสาวผมเปียกล่าวก่อนเดินไปที่บันไดพร้อมๆกับเพื่อนเธอ ก่อนหยุดยืนอยู่ที่บันไดขั้นบนสุดแล้วหันมามองเด็กสาวผมทอง “ระวังตัวด้วยล่ะ”
รินมายืนอยู่หน้าประตูบ้านของสไวป์ เธอมองลูกบิดประตูอยู่ครู่หนึ่ง “เฮ่อ...คงยังไม่กลับหรอก”รินพูดกับตัวเองเบาๆ แสงอาทิตย์ส่องลงมาที่ประตู ทำให้เงาของคนๆหนึ่งทอดลงมาที่ตัวริน รินหันกลับไปดูด้วยความหวังที่ว่าคนที่ยืนอยู่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
“คุณหนูมาทำอะไรที่นี่ครับ”นัยน์ตาสีน้ำเงินหม่นๆของเดลฉายแววสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกคะ แค่เดินเล่น”รินเดินกลับไปที่ประตูรั้ว โดยที่เดลเดินตามหลัง เดลหันกลับมามองคฤหาสน์หลังดังกล่าวและสายตาของเขาก็ไปสะดุดอยู่ที่หน้าต่างชั้น 3 ของคฤหาสน์ บุคคลปริศนาในผ้าคลุมยืนโบกมืออยู่ที่หน้าต่างบานที่เดลมองอยู่พอดี ก่อนจะเดินหายเข้าไปในความมืด “คุณ
“ได้เวลาลักพาตัว”สไวป์ยืนมองกลุ่มนักเรียนที่เดินคุยกันอยู่ เหยื่อของเขา เด็กสาวผมทองเดินอยู่ตรงกลางพอดี สไวป์แสยะยิ้ม “มองกันให้ทันล่ะกัน คุณบอดี้การ์ด”สิ้นเสียงก็มีลมพัดมาอย่างรุนแรง จนทำให้ทุกคนต้องปิดตา กันไม่ให้ฝุ่นนั้นเข้าตา
“กริ๊ด...”มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอยู่ชั่วครู่แล้วหายไปพร้อมๆกับลมที่ค่อยๆสงบลง เด็กสาวผมทองหายไปจากกลุ่มนักเรียนกลุ่มดังกล่าว เพื่อนของเธอเอะอะโวยวายกันใหญ่
“กริ๊ดดดดดดดดดดดด”เด็กสาวผมทองกรีดร้องลั่นตลอดเส้นทางที่สไวป์พาตัวเธอมา ตึง สไวป์โยนร่างเด็กสาวเข้ามาในบ้านของเขา เด็กสาวล้มกลิ้งไปบนพื้นจนไปชนกับผนัง “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัวแล้ว”เด็กสาวพูดเสียงสั่นพยายามยันตัวขึ้นมานั่ง “นายเป็นใคร ต้องการอะไร...เงินสินะ...”เด็กสาวพูด
“โทษที ฉันไม่ได้ต้องการเงิน”สไวป์แสยะยิ้ม เด็กสาวสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงสไวป์
“ขะ...ข่าวลือนั่นเป็นความจริง”เด็กสาวตกใจ
“ถ้าไม่มีไฟ มันจะมีควันได้ยังไงล่ะ”สไวป์หยิบมีดสีเงินเล่มสวยขึ้นมา “เอาล่ะ อยากตายแบบศพสวย หรือไม่สวยกันล่ะ”เด็กสาวลุกขึ้นยืน “มืดๆแบบนี้ เธอยังคิดจะวิ่งหนีฉันอีกเหรอ”สไวป์มองเด็กสาวที่พยายามคลำหาทางก่อนเดินเข้าไปใกล้ๆเด็กสาว “นี่ ทางออกน่ะอยู่ข้างหลังฉันนะ”
“กริ๊ดดดดด”เด็กสาวหันมาเจอใบหน้าของเด็กหนุ่มในระยะประชิดบวกกับความมืดนั้น มันทำให้เธอหลอนไม่ใช่น้อย “อย่าฆ่าฉันเลยนะ ฉันขอร้อง”เด็กสาวกลัวจนตัวสั่น สไวป์จับผมของเด็กสาวแล้วกำผมของเธอแน่น “โอ๊ย เจ็บ”สไวป์ดึงผมของเธอไม่แรงไม่เบาแค่พอให้เด็กสาวรู้ว่าหนังศีรษะเธอกำลังถูกดึงจนแทบจะหลุดออกมาจากศีรษะของเธอ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น สไวป์ปล่อยผมเด็กสาวแล้วหันไปดูประตู
“บ้านหลังนี้ซินะ”เด็กสาวผมเปียเดินมายืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้านของสไวป์ “น่าอยู่เป็นบ้าเลย”เธอคลี่ยิ้มบางๆก่อนเดินเข้ามาภายในเขตรั้วบ้านของสไวป์โดยไม่มีความรู้สึกกลัวแต่อย่างใด “จะมาขัดจังหวะรึเปล่านะ”เธอหัวเราะคิกคักก่อนเคาะประตูบ้านสไวป์
“ใคร”เสียงสไวป์ลอดออกมา
“เปิดประตูก่อนซิ แล้วฉันจะบอก”เด็กสาวกล่าว
“เธอ... คนที่ชื่อสุนิสา”เด็กสาวคลี่ยิ้ม ซักพักก็มีเสียงของผู้หญิงดังออกมา ถ้าตั้งใจฟังจะรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก “เงียบ!!”สไวป์ตะคอกแล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด
“โอ๊ะโอ เล่นแรงจังเลยนะคะ”เด็กสาวพูด
“เธออยากตายรึไง ออกไปจากเขตบ้านฉันซะ”เสียงสไวป์เต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“สไวป์ คุณผีดูดเลือดพันธุ์เลือดผสม...”เด็กสาวหยุดพูด เมื่อได้ยินเสียงทุบประตูแรงๆ “ว่าแล้วเชียว ถ้าพูดคำนี้คุณต้องโกรธ”เด็กสาวหัวเราะคิกคัก
“เธอเป็นใคร”สไวป์เปิดประตูออกมา “!!!”เด็กสาวโอบคอสไวป์ ก่อนประกบจูบเบาๆ
“ก็พวกเลือดแท้ยังไงล่ะคะ”เขี้ยวสีขาวของเด็กสาวปรากฏขึ้นให้เห็น
ความคิดเห็น