ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Police Man คดีรักดักจับยัยแมวโขมย

    ลำดับตอนที่ #4 : การเข้าใจผิด

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 56


    หลังจากที่ฉันกลั้นใจบอกเขาไปว่าฉันจะไม่หนีเขาไปไหน คุณตำรวจก็อารมดีทำหน้าเบิกบานและเข้าห้องไป ฉันถึงได้สังเกตเห็นว่าที่โต๊ะสีขาวตัวใหญ่มีถุงวางอยู่สี่ห้าถุง และเมื่อฉันเข้าไปใกล้ฉันก็พบว่ามันคือ เสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟัน และของใช่ส่วนตัวอีกมากมายสำหรับผู้หญิง ฉันจึงตัดสินใจเอาเองว่ามันคือของฉัน และเต็มใจที่จะรับมัน ไม่ใช่ว่าฉันเห็นแก่สิ่งของพวกนี้หรอกแต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองสกปรกเกินจะเยียวยาแล้วล่ะ ถึงจะยังโกรธเขาอยู่ก็เถอะ แต่ก็ต้องขอบคุณที่เขายังนึกถึงฉัน

     

                    เช้าวันที่สอง ฉันตื่นเช้าขึ้นมาทำกับข้าวให้เขาเหมือนเดิม แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน เพราะฉันทำข้าวเช้าอย่างสุดฝีมือให้เขาได้กิน เพื่อเป็นการบอกเขาไปนัยๆว่า ฉันก็มีดีเหมือนกัน

     

                    “ฝีมือเข้าขั้น”

                    “แน่นอน!! ^^

                    “เข้าขั้นแย่”

                    “นี่นาย นายน่ะ อย่ามาดูถูกนะ แค่นี้ก็ดีจะตายอยู่แล้ว!@!

                    “ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน”

                    “นายเป็นจระเข้รึไง กินของดีแต่บอกว่าไม่อร่อย”

                    “ของดีน่ะลิ้นฉัน ส่วนของเสียน่ะกับข้าวเธอ”

                    “นาย!! นายนี่มันแย่ที่สุดเลยนะ ทำก็ไม่ได้ทำยังมาว่าคนอื่นอีก”

                    “เลิกเรียกฉันว่า นาย นาย นาย ได้แล้ว น่ารำคาญ”

                    “แล้วจะให้เรียกว่าอะไร เจ้านายปาก...”

                    “ซิกส์ ฉันชื่อซิกส์”

     

                    หลังจากที่ซิกส์ทะเลาะกับฉันเสร็จเขาก็ก้มหน้าก้มตากินแล้วก็เดินออกไปทำงาน และสั่งฉันให้ทำความสะอาดห้องเขาให้เสร็จก่อนเขากลับมา เฮอะ ทั้งๆที่ปากก็บ่นว่าไม่อร่อยไม่อร่อย แต่เขาก็กินซะเกลี้ยงจนไม่เหลือเลย ปากไม่ตรงกับใจจริงๆเลย

     

                    ไหนลองมาดูสิว่าห้องของนายนั้นจะเนียบซะแค่ไหน

     

                    “ฝึบ!

     

                    ด้านขวาของประตูเป็นเตียงหลังใหญ่ ถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีน้ำทะเลลึก ดูน่าพักผ่อนหลังจากที่ทำงานมาหนักๆ ด้านหน้าของเตียงเป็นทีวีเครื่องใหญ่ บางเฉียบดูราคาแพง จนฉันไม่กล้าแม้แต่ที่จะเข้าไปจับ เพราะถ้าฉันเกิดทำมันพังล่ะก็ ชาตินี้คงหามาคืนเขาไม่ได้  ถัดมาข้างๆของทีวีเครื่องหรู ก็เป็นตู้เสื้อผ้าสีขาวตัดดำดูเข้มมีสไตล์เหมือนกับผู้ที่เป็นเจ้าของ

    ตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้า ก็มีโต๊ะทำงานและเก้าอี้พร้อมสัพ เป็นมุมทำงานที่ดูสะดวกสบายและหน้านั่งจริงๆ ถ้ามองจากสายตาของคนที่ไม่เคยมีอย่างฉัน พูดง่ายๆคือ ห้องนี้เหมือนห้องในฝันของฉัน เป็นห้องที่มีทุกอย่างจนน่าอิจฉาเลย

     

     

    เวลาผ่านไปเร็วเหมือนแต่งเอง

                ในที่สุดฉันก็ทำความสะอาดห้องของเขาเสร็จ ใช้เวลาไปไม่น้อยเลย ไม่ใช่ว่าห้องเขารกหรือสกปรกหรอก แค่มันกว้างไปหน่อย เลยทำให้การทำความสะอาดมันยากขึ้นน่ะ และตอนนี้ฉันก็ลงมาอยู่ใต้คอนโดของซิกส์แล้ว (เวลาเรียกชื่อตานั้นรู้สึกระคายปากยังไงชอบกลแฮะ) เพราะระหว่างที่ทำความสะอาดฉันก็พบว่าประตูมันไม่ได้ล็อค ฉันจึงตัดสินใจแอบลงมาเที่ยวข้างล้างเป็นการฆ่าเวลา แต่คราวนี้ ด้วยศักดิ์ศรีโจรสาวที่ค้ำคอ ฉันจึงจะไม่กลืนน้ำลายตัวเองโดยการหนีไปดื้อๆเด็ดขาด  

     

                    “โอ้ยย หนูยายหิวขาวเหลือเกิน ยายจะไม่ไหวแล้ว”

     

                    อยู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงแหบพร่าของยายแก่คนหนึ่ง กำลังเดินโซซัดโซเซมาหาฉัน และสุดท้ายก็มาล้มลงตรงหน้าของฉันด้วยอาหารหิวโซ

     

                    “ยาย! ยายเป็นอะไร?”

                    “ยายหิวขาว ไม่ไหวแล้ว ขอข้าว...หน่อย...นะ”

     

                    ทำยังไงล่ะคราวนี้ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท หรือจะรอให้ซิกส์กลับมาก็คงไม่ทัน ดูจากหน้าตาและอาการสั่นไปทั้งตัวของยายแล้ว คงไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน ฉันรู้ และฉันเข้าใจ อาการรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเพราะหิวข้าวมันทรมานมากแค่ไหน ไม่ได้แล้ว! ฉันต้องช่วยยายแกให้ได้ ฉันต้องช่วย

                    คิดได้ดังนั้นฉันจึงรีบเดินไปที่ร้านขายของสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆ แล้วรีบไล่สายตามองตามตู้ขายของว่ามีอะไรที่จะพอทำให้ยายอิ่มท้อง และจะไม่เป็นที่เดือดร้อนต่อพนักงานขายมากนัก สุดท้ายฉันก็มาจบที่ขนมปังไส้ถั่วแดง พอคิดได้ดังนั้นฉันจึงรีบหยิบของ และใส่ตีนแมวรีบย่องออกมาทันที พนักงานขายหน้าประตูยังไม่ทันสังเกตฉันด้วยซ้ำฉันก็วิ่งออกมาไกลแล้ว

     

                    “อ่ะยาย เอาไปกินนะ”

                    “นี้เธอ! ทำไมถึงไม่เลิกนิสัยขี้ขโมยแบบนี้ซะที ”

     

                    อยู่ๆก็มีคนมาบีบข้อมือทั้งสองข้างของฉันไว้อย่าแรง และบังคับให้ฉันหน้าไปหาเขา ซิกส์นั้นเอง ฉันยังไม่ทันที่จะได้อธิบายอะไร เขาก็ลากฉันขึ้นไปที่คอนโดของเขาทันที

                    เมื่อถึงข้างบนเขาก็รีบปิดประตูอย่างแรง และผลักฉันไปชนกับพนังและตามติดมาทับฉันทันที

     

                    “โอ้ย! ฉันเจ็บนะ”

                    “เจ็บสิจะได้จำ จะได้เลิกนิสัยขี้ขโมยสักที!

                    “ไม่ใช่นะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขโมย”

                    “เหรอ!เธอคงทำแบบนี้เป็นประจำจนไม่รู้สึกว่ามันผิดแล้วรึไง”

                    “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น! อย่ามาตัดสินฉันทั้งๆที่เพิ่งเจอกันได้แค่สองวัน”

                    “แล้วทำไมฉันจะตัดสินไม่ได้! ในเมื่อขี้ขโมยอย่างเธอหรือคนอื่นๆก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ”

                    “นายนี้มัน แย่ๆๆ แย่ที่สุด คนอย่างนายน่ะ ไม่ควรมาเป็นตำรวจด้วยซ้ำ คิดว่าตัวเองถูกเสมอรึไง ขนาด... อุบ”

     

                    ไม่ทันที่ฉันจะได้ต่อว่าอะไรเขาไปมากกว่านั้น เขาก็หยุดฉันด้วยการใช้ริมฝีปากอุ่นร้องของเขาบดขยี้ลงมาที่ริมฝีมากที่สั่นเทาของฉัน เขาพยายามใช้สัมผัสที่ร้องแรงเพื่อบังคับให้ฉันตอบสนองความต้องการของเขา ฉันพยายามขัดขืน ทั้งดิ้นทั้งข่วนร่างสูงเพื่อให้เขาปล่อยฉันแกจากอ้อมแขนของเขา แต่ยิ่งฉันปฏิเสธเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งยัดเหยียดสัมผัสของเขามาให้ฉันมากขึ้น ถึงจะไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายฉันก็สู้แรงร่างสูงไม่ไหว จนต้องอ่อนให้กับสัมผัสที่รุนแรง และเต็มไปด้วยไฟความโกรธของเขา ผ่านไปนานเท่าไรไม่มีใครรู้ แต่สำหรับฉัน มันเหมือนการทรมานชั่วนิรันดร์ หลังจากที่เขาได้ตักตวงสิ่งที่เขาต้องการไปจากฉันจนหมด เขาก็หยุดและค่อยๆถอนริมฝีปากออกไป

     

                    “เปี๊ยะ”

     

                        ดวยความเหลืออด ฉันจึงตบไปที่แก้มขาวๆของเขาอย่างเต็มแรงเพราะความโกรธและความเสียใจ ที่ฉันหลงผิดคิดไปเองว่าเขาจะฟังฉันบ้าง แต่สิ่งที่เขาทำ มันไม่ได้มีการเจือปนของความหวังดีเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเหยียดหยามและรังเกียจที่เขามีต่อฉัน น้ำตาที่พยายามไม่ให้มันไหลออกมา ก็ค่อยๆเอ่อล้นขึ้นมาจากดวงตากลมโตสีดำสนิทของฉัน
    
     
                        “เลว”
                        “อย่าคิดที่จะเดินออกจากห้องนี้ได้แม้แต่ก้าวเดียว”
                        
        ฉันกลั้นใจเพื่อสะกดน้ำตาที่กำลังไหลออกมาไม่หยุดด้วยความยากลำบาก และเดินกลับไปประจันหน้ากับเขา
    
    
    “ฉัน! เกลียด! นาย!
    “รูปปั้น!
    “นายมันคนไม่มีเหตุผล นายรู้ไหมว่าทำไมฉันต้องไปขโมยของ ทั้งๆที่ฉันสัญญากับนายแล้ว”
    “...”
    จะบอกไว้ให้นายฟัง ฉันไม่เคยกลืนน้ำลายตัวเอง ถึงฉันจะเป็น คนจรจักแต่ฉันก็มีศักดิ์ศรี”
    “...”
    “ยายแก่หน้าคอนโดกำลังจะตายเพราะความหิว ฉันรู้และฉันเข้าใจ ว่ามันทรมานแสนทรมานแค่ไหน ที่จะต้องอดทนกับความหิว ฉันผิดหรือไงที่ฉันสงสารเขา ฉันไม่รู้ว่าฉันจะต้องทำยังไงแล้ว!
    “....”
                        “เหอะ!
                        ฉันไม่รู้ว่าจะไปไหไน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำไง จนสุดท้ายฉันก็กลับไปนั่งที่โซฟาเม้มปากเป็นเส้นตรงจรเจ็บไปหมด และนั่งชันเข่ากอดตัวเองเอาไว้ พร้อมทั้งพยายามทำให้การสอื้นของตัวเองลดลง เขาใจร้าย เขาใจร้ายกับฉันมากเกินไปแล้ว
     
    “หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
    “...”
    “ไม่ต้องร้องแล้วน่า”
    “....”
    “ฉันปลอบไม่เป็นโว้ยยย”
    “อือ อือ อือ”
    “โธ่เอ้ย ยัยแมวขโมยฉันขอโทษ”
     
                        ฉันยังคงทำตัวเย็นชาแล้วไม่ตอบเขาไปแม้แต่คำเดียว ทำเหมือนเขาเป็นแค่อากาศธาตุที่ไม่ได้มีความสำคัญกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ซิกส์ที่ไม่รู้จะทำยังไงจึงค่อยๆมานั่งลงข้างๆแล้วเอามือลูบหัวฉันด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ และดึงตัวฉันไปหาเขาอย่างช้าๆอย่างนิ่มนวลและแผ่วเบาเหมือนกับว่าฉันเป็นแก้วใบใสที่บอบบางมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา และเราก็นั่งเงียบอยู่ตรงนั้นจนฉันผล็อยหลับไปทั้งน้ำตา ในอ้อมแขนของเขา

    .....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×