ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Police Man คดีรักดักจับยัยแมวโขมย

    ลำดับตอนที่ #3 : คำที่เปลี่ยนใจ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ม.ค. 56


    หลังจากที่ฉันเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องจนเหนื่อย ฉันจึงมานั่งพักที่โซฟาแล้วหลับไปจนถึงสองทุ่มกว่าๆ แต่ถึงอย่างนั้นคุณตำรวจก็ไม่กลับมาสักที

     

    “ปี๊ป”

    คุณตำรวจกลับมาแล้ว เอาล่ะ ยัยปั้น นี้คือทางหนีทางสุดท้ายที่ฉันจะสามารถหลุดออกจากผู้คุมปีศาจตนนี้ได้ ในเมื่อเขาไม่ให้ฉันแอบออกไปฉันก็นะไปแบบซึ่งๆหน้านี่แหละ

    หนึ่งสองซั่ม! วิ่งงงงงง!

     

    “ตุบ”

     

    แทนที่ฉันจะได้วิ่งออกไปข้างนอกห้องอย่างเป็นอิสระ แต่เปล่าเลย ฉันโผเข้าไปสู่อ้อมแขนอันแข็งแกร่งของนายตำรวจทันที อย่างไม่ตั้งใจ

     

    “นี้ นาย! ปล่อยฉันนะ ปล่อย!

    “ไม่ปล่อย คิดถึงฉันรึไง ถึงมากอดฉันเนี่ย”

    “ไอ้บ้า ใครคิดถึงนาย!

    “แมวขโมยคิดถึงฉัน ^^

    “ฉันไม่ได้คิดถึงโว้ยยยย ปล่อยช้าน!!

     

    ฉันกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องของนายตำรวจจังๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำเป็นไม่สะทบสะท้าน แถมยังไม่ยอมปล่อยฉันออกจากแขนเขาอีก  เขาค่อยๆโน้มหน้าเข้าไม่ใกล้ฉันเรื่อยๆ จนฉันสัมผัสได้ถึงไอร้อนๆจากลมหายใจของเขาบนเปลือกตาของฉัน ความกว้างระหว่างเราเหลือเพียงไม่กี่เซนติเมตร และมันเป็นระยะที่ไม่ปลอดภัยสุดๆ!

     

    “โอ้ย เธอเหยียบเท้าฉัน”

    “ก็นายเอาหน้ามาใกล้เกินไปอ่ะ”

    “ก็แกล้งเธอมันสนุกดี หน้าแดงเป็นมะเขือเทศเชียว”

    “บ้า ฉันไม่ได้หน้าแดง มะ มันร้อน!

    “แอร์เย็นขนาดนี้ เธอยังร้อนได้อีก สงสัยเป็นแมวพันธุ์ขั้วโลกเหนือ”

    “นี้ นะ นายย”

    “พอ พอ พอ เหนื่อยจริงๆ เถียงกับแมวบ้าเนี่ย”

    “ไอ้ ไอ้ ไอ้ ปีศาจ!

    “เฮอะ”

     

    หนอย นายนี่ จะพูดกับฉันดีๆบ้างไม่ได้รึไงนะ ทำตัวเป็นมารคอยกระตุกต่อมหงุดหงิดฉันอยู่ได้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาไม่ยัดฉันใส่ตาราง ถึงฉันจะรู้สึกขอบคุณเขาก็เถอะ แต่ว่าฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเขาต้องการอะไร และดวงตาที่ฉายแววเศร้าสร้อยของเขา ฉันอยากรู้ว่าทำไม ทำไมมันถึงได้ดูหม่นหมอง และใครเป็นคนทำให้แววตาคู่สวยต้องว่างเปล่า ฉันไม่อยากปล่อยให้เขาจมอยู่กับเฮ้ย นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมอยู่ดีๆถึงไปสงสารอีตาตำรวจจอมมารล่ะนี่ สงสัยจะคิดแผนหนีจนมึน เลิกเลิกเลิก เลิกคิดดีกว่า

     

    “ยัยเปิ้น เอากฎของเธอไปอ่าน”

    “ฮะ? ฉันชื่อรูปปั้น ไม่ใช่เปิ้น”

    “ชื่ออะไรก็เรื่องของเธอ มาเอาไปอ่าน”

    “มันคือ?”

    “อ่านไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”

     

    The Rules

    1.       แมวขโมยต้องเชื่อทุกอย่างที่เจ้านายบอก ไม่งั้นเข้าคุก

    2.       แมวขโมยต้องทำความสะอาดห้องของเจ้านายทุกวัน ไม่งั้นเข้าคุก

    3.       แมวขโมยต้องทำเข้าเช้าให้เจ้านายกินทุกวัน ไม่งั้นเข้าคุก

    4.       แมวขโมยห้ามเถียงเจ้านาย ไม่งั้นเข้าคุก

    5.       แมวขโมยห้ามหนี เพราะถึงหนีฉันก็จะจับเธอได้ และเธอก็ต้องคุก

     

    “เฮ้ยย อะไรวะ เอะอะอะไรก็เข้าคุก ฉันไม่ยอม”

    “ถึงไม่ยอมก็ต้องยอม ไม่งั้น

    “เข้าคุก”

    “เธอก็รู้ดีนี่”

    “อยู่ที่นี้มันไม่ต่างจากการที่ฉันต้องอยู่ในคุก ฉันจะกลับ”

    “เธอห้ามไป”

    “ฉันจะไป!

    “ฉันสั่งว่าเธอห้ามไป”

    “ถ้าเธอก้าวอีกแม้แต่ก้าวเดียว ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ เธอคิดว่าคนจรจัดมีที่อยู่รึไง!

    !!

     

    ฉันหยุดเดิน ไม่ใช่ว่าฉันกลัว หรือจริงๆแล้วฉันไม่อยากจากเขาไป แต่คำๆนั้น คำที่หลุดออกมาจากปากที่พูดอย่างอวดดีว่าตัวเองเป็นเจ้านาย คำว่า “คนจรจัด” คำพูดและเสียงที่หน้ารังเกียจที่เขาใช้มาว่าฉัน เขาพูดมันออกมาด้วยห้าตาเฉยแบบนั้นได้ยังไง มันเป็นคำที่ฉันไม่อยากได้ยินมากที่สุด คำที่ไอ้พวกคนรวยที่เดินผ่านถนนหน้าสะพานลอยชอบพูดกัน ว่าฉันมันเป็นคนสกปรกเป็นคนจรจัดเป็นคนไม่มีบ้าน

    “นายไม่มีสิทธิจะมาว่าฉันแบบนั้น!

    “โกรธรึไง”

    เขาพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน แววตาเหยียดหยามของเขาที่มองฉันเป็นเหมือมองหมาหรือแมวตามข้างถนนก็ไม่ปาน ฉันโกรธจนมือสั่น ขาสั่นจนแถบที่จะขยับไปไหนไม่ได้ ได้แต่มองตาคนที่พูดคำๆนั้นออกมาอย่างโกรธเคือง และตัดสินใจได้ถึงอะไรบางอย่าง ฉันต้องทำให้เขารู้ ต้องทำให้เขารู้ให้ได้ ว่าฉันที่เป็นคนจรจัดก็มีศักดิ์ศรีที่เขาไม่สามารถที่จะเอามาเหยียบย่ำได้ และด้วยความคิดนี้ฉันจึงกลั้นหายใจ ทำเสียงให้นิ่งและเย็นชาที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้ฉันคิดจะทำ แล้วพูดออกไป

    “ค่ะเจ้านาย ฉันจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×