ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic hèn_ฉันจะฆ่านายที่รักของฉัน [kyumin]

    ลำดับตอนที่ #1 : :: First ::

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 56

















    :: First ::

    ก่อนจุดเริ่มต้น




    ความสุข..

    คือฝันอันแสนหวาน ที่จะอยู่กับเราในยามหลับใหล

     

    แต่ความทุกข์..

    คือชีวิตหลังจากการตื่นจากฝันที่แสนหวาน และเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว

     

    มันจะไม่มีทางกลับไปฝันหวานเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

     

    ไม่ว่าจะอยากหรือไม่อยาก แต่ในที่สุด

     

    เราทุกคนก็ต้องตื่นนอน..

     

     

    " ซองมินๆ จะนอนไปถึงเมื่อไหร่กันลูก " น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคย อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่ร่างน้อยที่นอนอยู่บนเตียงนอนได้รับมันเป็นประจำทุกเช้า เป็นดั่งนาฬิกาปลุกแสนราคาแพงที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ช่วยปลุกให้ร่างน้อยตื่นจากการนิทรา

     

    " ง่ะม๊าฮะ นี่วันหยุดนะฮะ " ร่างน้อยๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอายุเกิน 12 ขวบ บิดตัวงอแงเหมือนเด็กทั่วไปที่กำลังถูกคุณแม่ปลุกให้ไปโรงเรียน ผ้าห่มสีชมพูผืนใหญ่ถูกมือเล็กดึงมาคลุมโปงร่างตัวเองไว้มิดเหมือนกับว่าผ้าห่มผืนนี้จะช่วยป้องกันเขาจากแม่ได้

     

    " นี่.. โอเคงั้นแผนไปเที่ยวในวันเกิดของลูก ถือว่าเป็นโมฆะแล้วกัน " แกล้งยกคำขู่ขึ้นมากระซิบบอกกับร่างน้อยที่นอนมุดตัวอยู่ในผ้าห่มสีชมพูบนเตียง ซึ่งมันก็ได้ผลดีเกินคาดเพราะทันทีที่ได้ยินคำว่า เที่ยวในวันเกิด ร่างน้อยที่นอนมุดอยู่ในผ้าห่มก็ที่รีบลุกขึ้นมายืนบนเตียงนอนอย่างดีใจ

     

    " เย้ ไปเที่ยวหรอฮะ ไปเที่ยวๆ " ร่างน้อยกระโดดไปมาอยู่บนเตียงนอนเพื่อแสดงอาการดีใจออกมา รอยยิ้มของร่างน้อยกดตรึงไปทั่วใบหน้าหวาน รอยยิ้มที่คนเป็นแม่เรียกว่ารอยยิ้มของเทวดาตัวน้อยๆ

     

    " งั้นไปอาบน้ำแต่งตัวนะ ม๊ากับป๊าจะรออยู่ข้างล่าง " เมื่อได้มองเห็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ของเด็กน้อย คงจะไม่มีใครกล้าขัดใจได้ลง คนเป็นแม่จึงได้แต่เอ่ยสั่งร่างน้อยไว้ก่อนที่ตัวเองจะเดินออกจากห้อง เพราะยังเตรียมของที่จะไว้ใช้ไปเที่ยวไม่เสร็จ

     

    " ฮะ " ร่างน้อยรีบกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็วและผาดโผนจนคนเป็นแม่อดห่วงไม่ได้ ก่อนที่ร่างน้อยจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำด้วยความเร็ว

     

    ขวับๆ

     

    " แสบ ซน แบบนี้จะไปเป็นเจ้าสาวใครได้เนี่ย " ตนเป็นแม่ส่ายหัวไปมาอย่างหนักใจหลังจากมองเห็นแผ่นหลังของลูกชายคนเดียววิ่งหายเข้าไปห้องน้ำ

     

    หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

    ซึ่งถ้าหากเธอรู้ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้พูดกับลูก

    เธอคงจะพูดอะไรที่มากกว่านี้...

     

    10 นาทีผ่านไป

     

    แกร๊ก

     

    เสียงประตูห้องน้ำที่ปิดลงเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ถูกเปิดออกมาอีกครั้งพร้อมกับร่างน้อยที่อยู่ในชุดลำลองที่ตัวเองเลือกเองกับมือ ร่างน้อยมองดูตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่ตั้งไว้เพื่อหาดูจุดตำหนิของชุด เมื่อมองไม่เห็นอะไรร่างน้อยก็จัดการหยิบหวีขึ้นมาหวีผมตัวเองต่อทันที

     

    ปังงงง ปังงงง

     

    " เฮือก " เสียงคล้ายประทัดดังขึ้นมาสองครั้งทำให้ร่างน้อยทำหวีหลุดออกจากมือตกลงไปที่พื้น แต่ร่างน้อยไม่ใคร่สนใจที่จะหยิบหวีขึ้นมาแต่อย่างใด เพราตอนนี้กำลังสนใจเสียงปริศนาที่ดังกึกก้องไปทั่วบ้านตัวเองมากกว่า ถ้าหากหูของเด็กน้อยไม่ได้ฝาดไป ต้นเสียงปริศนามันอยู่แค่เพียงบ้านชั้นล่างของเขาเองนะ

     

    ความสงสัยเป็นแรงดันให้ขาของเด็กน้อยก้าวออกมาจากห้องของตัวเอง

     

    กึก

     

    เด็กน้อยพยายามเปิดและปิดประตูให้อยู่ในระดับเสียงที่เบาที่สุด หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับครั้งแรกที่ได้วิ่งกับคุณพ่อ และครั้งแรกที่ฝึกเดินกับคุณแม่ ความเงียบสงบรอบด้านยิ่งทำให้ร่างน้อยเริ่มรู้สึกหวาดกลัว น่าแปลกที่บรรยากาศในบ้านก็เงียบสงบเหมือนทุกครั้งแต่ทำไมครั้งนี้เด็กน้อยกลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวเหลือเกิน

     

    หมับ

     

    มือเล็กที่สั่นเทาและเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อจับราวบันไดไว้แน่น ก่อนจะก้าวขาลงไปตามบันไดช้าๆ ดวงตากลมโตที่เคยสดใสบัดนี้กลับสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ยิ่งได้ยินเสียงคนสองคนคุยกันก็ยิ่งรู้สึกกลัวจับใจ เพราะน้ำเสียงของคนสองคนเป็นน้ำเสียงที่เขาไม่คุ้นเอาซะเลยและมั่นใจว่าไม่ใช่น้ำเสียงพ่อแม่ของเขาแน่นอน

     

    กึก

     

    ขาเล็กก้าวลงมาหยุดที่ชั้นล่างสุดของบันได ดวงตากลมโตหยุดนิ่งอยู่กับภาพเบื้องหน้า

    ภาพร่างของคนเป็นพ่อแม่ที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ร่างของทั้งสองถูกอาบไปด้วยของเหลวสีแดงสด กลิ่นของธาตุเหล็กลอยตลบอบอวลไปทั่วห้องรับแขกจนเด็กน้อยต้องเอื้อมมือปิดปากและจมูกไว้ไม่ให้ของเหลวที่อยู่ในกระเพาะแต่ตอนนี้กำลังพยายามดันหอคอยเขาออกมา

     

    “ ป๊าม๊า!!!!!!!!!!!!!!! ” ร่างน้อยรีบวิ่งเข้าไปหาร่างพ่อแม่ที่นอนจมกองเลือดอยู่ทันที หยดน้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตากลมโตไม่ขาดสายก่อนจะหยดลงผสมกับเลือดบนพื้น แต่ไม่ว่าน้ำตาของเด็กน้อยจะไหลออกมามากซักเพียงใดก็ไม่อาจเปลี่ยนให้เลือดสีแดงสดเปลี่ยนมาเป็นสีใสของหยาดน้ำตาได้

    ดวงตาของพ่อแม่ที่เบิกโพลงค้างนิ่งไม่ไหวติงตามแรงเขย่าของร่างน้อย ทำให้ได้ร่างน้อยรับรู้ความจริงได้ว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่สามารถกลับมาหาตัวเองได้อีกแล้ว

     

    ไม่มีคำบอกลา

    ไม่มีแม้แต่ประโยคจะเอื้อนเอ่ยออกมาปากจากคนเป็นพ่อแม่ซักคำ

    มีแต่ความเงียบและร่างที่ไร้วิญญาณ

     

    “ .... ” มือของเด็กน้อยช้อนศีรษะของคนเป็นแม่หนุนตักตัวเองไม่สนใจว่าเลือดของคนเป็นพ่อแม่จะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าและร่างตัวเองมากขนาดไหม ดวงตากลมโตมองใบหน้าของคนเป็นพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่นิ่งด้วยดวงตาแดงก่ำที่แฝงไปด้วยความโกรธและอาฆาต

     

    ทำไมถึงรู้ว่าคนๆ นี้ทำหน่ะหรอ

    ก็เพราะว่าคนๆ นี้ยังถือปืนจ่อค้างไว้ที่ร่างของพ่อแม่ของเขาอยู่เลยหน่ะสิ!!!

     

    “ ... ” เด็กน้อยอย่างจะถามด้วยความแค้นว่าทำไมถึงยิงพ่อแม่ของตัวเอง แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับปากมีแค่เพียงสายตาที่มองไปแทนคำถามปนความอาฆาต

     

    “ จะเอายังไงกับเด็กคนนี้ครับ ” ชายที่มีความสูงไม่ต่างจากคนที่กำลังจ่อปืนมาทางเขาเอ่ยถามทำลายบรรยากาศความเงียบ ก่อนจะมาทางร่างเล็กอย่างเวทนา

     

    “ หึ ” ชายหนุ่มที่มีดวงตาสีนิลสงบนิ่งไม่หวั่นไหวต่อดวงตาอาฆาตของเด็กน้อยเลยซักนิดเดียวเอาแต่หัวเราะในลำคอเบาๆ แทนคำตอบ ซ้ำยังยกยิ้มสมเพศให้กับเด็กน้อยแทนก่อนจะเก็บปืนไว้ที่เอวเหมือนเดิมราวกับไม่ได้สนใจอะไรในตัวเด็กคนนี้เลยซักนิด

     

    กริ๊ก

     

    เด็กน้อยหยิบปืนที่ตกอยู่ข้างร่างของคนเป็นพ่อขึ้นมากำไว้แน่นจนปากกระบอกปืนสั่นก่อนจะเล็งไปที่ชายหนุ่มที่กำลังยืนมองตัวเองอย่างสมเพศ นิ้วเล็กเกี่ยวไกปืนไว้แน่นเตรียมพร้อมที่จะยิงได้ทุกเมื่อ

     

    แต่ทำไมถึงไม่ทำ...

     

    “ เอาเลย... ยิงฉันสิ ” ไม่ร้องขอชีวิตแต่กลับค่อยๆ เดินตรงเข้ามาหาเด็กน้อยที่กำลังเล็งปืนไว้ที่ตัวเองช้าๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหลบไปไหน

     

    “ ฮึ้ก ” เด็กน้อยกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปากพยายามฝืนร่างกายตัวเองให้เหนี่ยวไกปืนแต่กระนั้นเด็กน้อยกลับทำได้แค่เล็งปากกระบอกปืนที่สั่นไปมาไปทางชายคนนั้นเท่านั้น

     

    “ ทำไมไม่ยิงล่ะ ฉันเป็นคนฆ่า พ่ อ แ ม่ ของนายนะ ” เน้นคำว่า พ่อแม่ ให้เด็กน้อยได้ยินอย่างชัดเจน ขายาวยังคงก้าวเข้าหาเด็กน้อยต่อเนื่องจนอกตัวเองแนบลงไปกับปากกระบอกปืนที่เด็กน้อยชูไว้

     

    และมันคือตำแหน่งหัวใจพอดี

     

    “ อ๊ากกกกกกกกกกกกกก ”

     

    เด็กน้อยกรีดร้องลั่น ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวอย่างทรมาน ความรู้สึกสุดท้ายที่ได้รับรู้คือ

     

    เจ็บใจ

     

    ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบลงไปในความมืดมิด

     

    _______________________________________________________________

     

    เกริ่นนำ =w= ก่อนเจ้าค่ะ

              Talk : หวัดดีจ้า^^ มีแต่คนสงสัยทำไมไรท์เต้ยเปลี่ยนไป 555 มีเปลี่ยนแนวนิดหน่อยแต่ก็เข้าคอนเซ็ปเดิม
    ไรท์เต้ยไม่ดราม่าเยอะหรอกจ้า แต่ถ้าอยากอ่าน ฟิคน่ารัก ไอดีก็กำลังจะเปิดเรื่องใหม่เร็วๆ นี้แล้วจ้า แทนวีก๊อทที่จะจบลง^^



     

    เม้นด้วยน้า จุ๊บๆ

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×