คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : :: First ::
:: First ::
ก่อนจุดเริ่มต้น
ความสุข..
คือฝันอันแสนหวาน ที่จะอยู่กับเราในยามหลับใหล
แต่ความทุกข์..
คือชีวิตหลังจากการตื่นจากฝันที่แสนหวาน และเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว
มันจะไม่มีทางกลับไปฝันหวานเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
ไม่ว่าจะอยากหรือไม่อยาก แต่ในที่สุด
เราทุกคนก็ต้องตื่นนอน..
" ซองมินๆ จะนอนไปถึงเมื่อไหร่กันลูก " น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคย อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่ร่างน้อยที่นอนอยู่บนเตียงนอนได้รับมันเป็นประจำทุกเช้า เป็นดั่งนาฬิกาปลุกแสนราคาแพงที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ช่วยปลุกให้ร่างน้อยตื่นจากการนิทรา
" ง่ะม๊าฮะ นี่วันหยุดนะฮะ " ร่างน้อยๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอายุเกิน 12 ขวบ บิดตัวงอแงเหมือนเด็กทั่วไปที่กำลังถูกคุณแม่ปลุกให้ไปโรงเรียน ผ้าห่มสีชมพูผืนใหญ่ถูกมือเล็กดึงมาคลุมโปงร่างตัวเองไว้มิดเหมือนกับว่าผ้าห่มผืนนี้จะช่วยป้องกันเขาจากแม่ได้
" นี่.. โอเคงั้นแผนไปเที่ยวในวันเกิดของลูก ถือว่าเป็นโมฆะแล้วกัน " แกล้งยกคำขู่ขึ้นมากระซิบบอกกับร่างน้อยที่นอนมุดตัวอยู่ในผ้าห่มสีชมพูบนเตียง ซึ่งมันก็ได้ผลดีเกินคาดเพราะทันทีที่ได้ยินคำว่า เที่ยวในวันเกิด ร่างน้อยที่นอนมุดอยู่ในผ้าห่มก็ที่รีบลุกขึ้นมายืนบนเตียงนอนอย่างดีใจ
" เย้ ไปเที่ยวหรอฮะ ไปเที่ยวๆ " ร่างน้อยกระโดดไปมาอยู่บนเตียงนอนเพื่อแสดงอาการดีใจออกมา รอยยิ้มของร่างน้อยกดตรึงไปทั่วใบหน้าหวาน รอยยิ้มที่คนเป็นแม่เรียกว่ารอยยิ้มของเทวดาตัวน้อยๆ
" งั้นไปอาบน้ำแต่งตัวนะ ม๊ากับป๊าจะรออยู่ข้างล่าง " เมื่อได้มองเห็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ของเด็กน้อย คงจะไม่มีใครกล้าขัดใจได้ลง คนเป็นแม่จึงได้แต่เอ่ยสั่งร่างน้อยไว้ก่อนที่ตัวเองจะเดินออกจากห้อง เพราะยังเตรียมของที่จะไว้ใช้ไปเที่ยวไม่เสร็จ
" ฮะ " ร่างน้อยรีบกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็วและผาดโผนจนคนเป็นแม่อดห่วงไม่ได้ ก่อนที่ร่างน้อยจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำด้วยความเร็ว
ขวับๆ
" แสบ ซน แบบนี้จะไปเป็นเจ้าสาวใครได้เนี่ย " ตนเป็นแม่ส่ายหัวไปมาอย่างหนักใจหลังจากมองเห็นแผ่นหลังของลูกชายคนเดียววิ่งหายเข้าไปห้องน้ำ
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ซึ่งถ้าหากเธอรู้ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้พูดกับลูก
เธอคงจะพูดอะไรที่มากกว่านี้...
10 นาทีผ่านไป
แกร๊ก
เสียงประตูห้องน้ำที่ปิดลงเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ถูกเปิดออกมาอีกครั้งพร้อมกับร่างน้อยที่อยู่ในชุดลำลองที่ตัวเองเลือกเองกับมือ ร่างน้อยมองดูตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่ตั้งไว้เพื่อหาดูจุดตำหนิของชุด เมื่อมองไม่เห็นอะไรร่างน้อยก็จัดการหยิบหวีขึ้นมาหวีผมตัวเองต่อทันที
ปังงงง ปังงงง
" เฮือก " เสียงคล้ายประทัดดังขึ้นมาสองครั้งทำให้ร่างน้อยทำหวีหลุดออกจากมือตกลงไปที่พื้น แต่ร่างน้อยไม่ใคร่สนใจที่จะหยิบหวีขึ้นมาแต่อย่างใด เพราตอนนี้กำลังสนใจเสียงปริศนาที่ดังกึกก้องไปทั่วบ้านตัวเองมากกว่า ถ้าหากหูของเด็กน้อยไม่ได้ฝาดไป ต้นเสียงปริศนามันอยู่แค่เพียงบ้านชั้นล่างของเขาเองนะ
ความสงสัยเป็นแรงดันให้ขาของเด็กน้อยก้าวออกมาจากห้องของตัวเอง
กึก
เด็กน้อยพยายามเปิดและปิดประตูให้อยู่ในระดับเสียงที่เบาที่สุด หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับครั้งแรกที่ได้วิ่งกับคุณพ่อ และครั้งแรกที่ฝึกเดินกับคุณแม่ ความเงียบสงบรอบด้านยิ่งทำให้ร่างน้อยเริ่มรู้สึกหวาดกลัว น่าแปลกที่บรรยากาศในบ้านก็เงียบสงบเหมือนทุกครั้งแต่ทำไมครั้งนี้เด็กน้อยกลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวเหลือเกิน
หมับ
มือเล็กที่สั่นเทาและเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อจับราวบันไดไว้แน่น ก่อนจะก้าวขาลงไปตามบันไดช้าๆ ดวงตากลมโตที่เคยสดใสบัดนี้กลับสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ยิ่งได้ยินเสียงคนสองคนคุยกันก็ยิ่งรู้สึกกลัวจับใจ เพราะน้ำเสียงของคนสองคนเป็นน้ำเสียงที่เขาไม่คุ้นเอาซะเลยและมั่นใจว่าไม่ใช่น้ำเสียงพ่อแม่ของเขาแน่นอน
กึก
ขาเล็กก้าวลงมาหยุดที่ชั้นล่างสุดของบันได ดวงตากลมโตหยุดนิ่งอยู่กับภาพเบื้องหน้า
ภาพร่างของคนเป็นพ่อแม่ที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ร่างของทั้งสองถูกอาบไปด้วยของเหลวสีแดงสด กลิ่นของธาตุเหล็กลอยตลบอบอวลไปทั่วห้องรับแขกจนเด็กน้อยต้องเอื้อมมือปิดปากและจมูกไว้ไม่ให้ของเหลวที่อยู่ในกระเพาะแต่ตอนนี้กำลังพยายามดันหอคอยเขาออกมา
“ ป๊าม๊า!!!!!!!!!!!!!!! ” ร่างน้อยรีบวิ่งเข้าไปหาร่างพ่อแม่ที่นอนจมกองเลือดอยู่ทันที หยดน้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตากลมโตไม่ขาดสายก่อนจะหยดลงผสมกับเลือดบนพื้น แต่ไม่ว่าน้ำตาของเด็กน้อยจะไหลออกมามากซักเพียงใดก็ไม่อาจเปลี่ยนให้เลือดสีแดงสดเปลี่ยนมาเป็นสีใสของหยาดน้ำตาได้
ดวงตาของพ่อแม่ที่เบิกโพลงค้างนิ่งไม่ไหวติงตามแรงเขย่าของร่างน้อย ทำให้ได้ร่างน้อยรับรู้ความจริงได้ว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่สามารถกลับมาหาตัวเองได้อีกแล้ว
ไม่มีคำบอกลา
ไม่มีแม้แต่ประโยคจะเอื้อนเอ่ยออกมาปากจากคนเป็นพ่อแม่ซักคำ
มีแต่ความเงียบและร่างที่ไร้วิญญาณ
“ .... ” มือของเด็กน้อยช้อนศีรษะของคนเป็นแม่หนุนตักตัวเองไม่สนใจว่าเลือดของคนเป็นพ่อแม่จะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าและร่างตัวเองมากขนาดไหม ดวงตากลมโตมองใบหน้าของคนเป็นพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่นิ่งด้วยดวงตาแดงก่ำที่แฝงไปด้วยความโกรธและอาฆาต
ทำไมถึงรู้ว่าคนๆ นี้ทำหน่ะหรอ
ก็เพราะว่าคนๆ นี้ยังถือปืนจ่อค้างไว้ที่ร่างของพ่อแม่ของเขาอยู่เลยหน่ะสิ!!!
“ ... ” เด็กน้อยอย่างจะถามด้วยความแค้นว่าทำไมถึงยิงพ่อแม่ของตัวเอง แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับปากมีแค่เพียงสายตาที่มองไปแทนคำถามปนความอาฆาต
“ จะเอายังไงกับเด็กคนนี้ครับ ” ชายที่มีความสูงไม่ต่างจากคนที่กำลังจ่อปืนมาทางเขาเอ่ยถามทำลายบรรยากาศความเงียบ ก่อนจะมาทางร่างเล็กอย่างเวทนา
“ หึ ” ชายหนุ่มที่มีดวงตาสีนิลสงบนิ่งไม่หวั่นไหวต่อดวงตาอาฆาตของเด็กน้อยเลยซักนิดเดียวเอาแต่หัวเราะในลำคอเบาๆ แทนคำตอบ ซ้ำยังยกยิ้มสมเพศให้กับเด็กน้อยแทนก่อนจะเก็บปืนไว้ที่เอวเหมือนเดิมราวกับไม่ได้สนใจอะไรในตัวเด็กคนนี้เลยซักนิด
กริ๊ก
เด็กน้อยหยิบปืนที่ตกอยู่ข้างร่างของคนเป็นพ่อขึ้นมากำไว้แน่นจนปากกระบอกปืนสั่นก่อนจะเล็งไปที่ชายหนุ่มที่กำลังยืนมองตัวเองอย่างสมเพศ นิ้วเล็กเกี่ยวไกปืนไว้แน่นเตรียมพร้อมที่จะยิงได้ทุกเมื่อ
แต่ทำไมถึงไม่ทำ...
“ เอาเลย... ยิงฉันสิ ” ไม่ร้องขอชีวิตแต่กลับค่อยๆ เดินตรงเข้ามาหาเด็กน้อยที่กำลังเล็งปืนไว้ที่ตัวเองช้าๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหลบไปไหน
“ ฮึ้ก ” เด็กน้อยกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปากพยายามฝืนร่างกายตัวเองให้เหนี่ยวไกปืนแต่กระนั้นเด็กน้อยกลับทำได้แค่เล็งปากกระบอกปืนที่สั่นไปมาไปทางชายคนนั้นเท่านั้น
“ ทำไมไม่ยิงล่ะ ฉันเป็นคนฆ่า พ่ อ แ ม่ ของนายนะ ” เน้นคำว่า พ่อแม่ ให้เด็กน้อยได้ยินอย่างชัดเจน ขายาวยังคงก้าวเข้าหาเด็กน้อยต่อเนื่องจนอกตัวเองแนบลงไปกับปากกระบอกปืนที่เด็กน้อยชูไว้
และมันคือตำแหน่งหัวใจพอดี
“ อ๊ากกกกกกกกกกกกกก ”
เด็กน้อยกรีดร้องลั่น ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวอย่างทรมาน ความรู้สึกสุดท้ายที่ได้รับรู้คือ
เจ็บใจ
ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบลงไปในความมืดมิด
_______________________________________________________________
เกริ่นนำ =w= ก่อนเจ้าค่ะ
Talk : หวัดดีจ้า^^ มีแต่คนสงสัยทำไมไรท์เต้ยเปลี่ยนไป 555 มีเปลี่ยนแนวนิดหน่อยแต่ก็เข้าคอนเซ็ปเดิม
ไรท์เต้ยไม่ดราม่าเยอะหรอกจ้า แต่ถ้าอยากอ่าน ฟิคน่ารัก ไอดีก็กำลังจะเปิดเรื่องใหม่เร็วๆ นี้แล้วจ้า แทนวีก๊อทที่จะจบลง^^
เม้นด้วยน้า จุ๊บๆ
ความคิดเห็น