คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [OS] Up All Night
Up All Night
broken!yugyeom/mark, slight jb/mark & jr./mark
Inspirational track: Beenzino – Up All Night (Feat. Mayson the Soul)
God damn it, I hate the fucking love songs.
1.
ไม่มีใครบัญญัติเอาไว้เป็นกฎตายตัวว่าถ้าความรักและหัวใจล่มสลายมนุษยชาติควรทำตัวอย่างไร มาร์ค ต้วน ที่ไม่มีคนโทรศัพท์หรือส่งข้อความมาหาอีกแล้วว่า ‘กลับถึงบ้านหรือยัง’ ‘พี่ วันนี้เลิกงานปกติรึเปล่า ไปดูหนังเรื่องนี้กัน เพื่อนมันบอกมาว่าหนุก’ ‘พี่อย่าโหมงานดิวะ กลับบ้านได้แล้ว’ เลยใช้เวลาที่เหลืออยู่ของค่ำคืนนี้ที่บาร์แห่งหนึ่งในย่านกลางคืน เขาจงใจเลี่ยงบาร์ประจำแถวที่ทำงานที่เขากับเพื่อนร่วมงานเคยไปด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งอาจเสี่ยงเจอกับคนรู้จักพวกนั้น คำถามสุดท้ายที่มาร์คอยากเจอตอนนี้คือ ที่มาดื่มเหล้าคนเดียวนี่เพราะเศร้าที่เลิกกับแฟนเหรอ เพราะทั้งวันนี้หลังจากที่เพื่อนๆ รู้ข่าว มาร์คได้แสดงออกไปพวกเขาเห็นแล้วว่า ฉันไม่เป็นไร ก็แค่เด็กมหา’ลัยคนเดียว
ใช่ ไม่เป็นไรหรอก
แม้ว่าโซนบาร์อาจจะเหมาะกับการนั่งคนเดียวมากกว่า แต่มาร์คก็เลือกที่จะมานั่งที่โซนนั่งโต๊ะ ตำแหน่งที่อยู่ในซอกหลืบสุดของร้าน แยกตัวออกมาแบบไม่ต้องการเจอใคร นั่งไปได้ไม่นานนัก เก้าอี้ว่างตัวที่ตั้งอยู่ตรงข้ามก็โดนขอไปเพราะกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่มาด้วยกันไม่มีเก้าอี้พอที่จะนั่ง ยิ่งตอกย้ำความโดดเดี่ยวของมาร์คมากขึ้นไปอีก เหลือเพียงแก้วค็อกเทลสีน้ำชาที่เขาไม่ได้ดื่มมานานแล้วอยู่เป็นเพื่อนกันบนโต๊ะ
ดนตรีจังหวะกลางๆ พร้อมเนื้อเพลงรักหวานซึ้งที่เปิดคลอในร้านทำให้มาร์คปวดหน่วงในอก รู้สึกว่าขอบตาตัวเองร้อนผ่าวไปหมด ปลายนิ้วรีบยกขึ้นซับ ไม่ปล่อยให้ของเหลวใสร่วงเผาะออกมาแม้สักหยด
เขาไม่อยากเสี่ยงดื่มค็อกเทลผสมน้ำตา
2.
มาร์คไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มเจ้าของไฝเหนือดวงตาข้างซ้ายชื่ออะไร จำได้แค่ว่าฝ่ายนั้นเข้ามาทักเขาก่อนพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรและคำพูดแสดงความเป็นห่วง ‘ผมเห็นคุณนั่งตรงนี้ สั่งลองไอส์แลนด์และพยายามจะไม่ร้องไห้มาสองคืนติดแล้ว ผมหวังว่าคืนนี้คุณจะไม่ร้องไห้เป็นคืนที่สาม’ แต่มาร์คไม่ได้อ่อนต่อโลกจนไม่รู้จุดประสงค์ของเขา
ไม่ว่าจะเพราะเหล้าแรงจนมาร์คคุมสติตัวเองไม่อยู่ เพราะอีกฝ่ายน่าดึงดูดและน่าจะทำให้มาร์คขึ้นสวรรค์ได้ในคืนนี้ เพราะเขาแค่อยากลบร่องรอยและเงาของเด็กคนนั้นออกไป เพราะเขาแค่อยากอยู่กับใครสักคน หรือเพราะเขาแค่อยากย้ำว่าตัวเองไม่เป็นไร สุดท้ายมาร์คก็จ่ายค่าเหล้า เดินตามผู้ชายคนนั้นออกไปถึงรถ และไปจบที่โมเต็ลใกล้ๆ
ชายแปลกหน้าไม่มีอะไรเหมือนเด็กนั่นสักอย่าง ทั้งกดจูบรุนแรงจนไม่ได้หายใจ โลมเล้าเพียงไม่นานก็จับร่างเขาพลิก เติมเต็มมาร์คอย่างหนักหน่วงไม่ออมแรง ความอ่อนโยนเพียงหนึ่งเดียวจากชายคนนั้นคือการที่เขานอนกอดมาร์คไว้ทั้งคืนไม่ยอมปล่อย จนมาร์คอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาดูน่าสงสารและโหยหาอ้อมกอดของใครบางคนมากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
ความสัมพันธ์เพียงชั่วคืนมีอายุเพียงแค่นั้นสมชื่อ เพราะในรุ่งเช้าที่มาร์คตื่นขึ้นมาอยู่ตัวคนเดียวบนเตียง เห็นเพียงกระดาษโน้ตที่มีข้อความสั้นๆ และเงินสดค่าห้องที่ชายแปลกหน้าคนนั้นทิ้งไว้ให้ หัวใจของเขาก็เผชิญหน้ากับความว่างเปล่าอีกครั้ง
ทำไมกอดไม่เห็นจะอุ่นและอยู่นานเท่ากอดของเด็กคนนั้นเลย
3.
ทั้งที่มาร์คเป็นฝ่ายดันจินยองไปจนติดกับกำแพงในซอกหลืบหนึ่งด้านหลังร้านก่อนที่จะรุกจูบอีกฝ่ายก่อน แต่จินยองกลับไม่ทำอะไรมากกว่านั้น เขาผลักมาร์คที่กำลังมึนเมาออกไปให้ห่างจากตัว ‘ผมทำอะไรคุณไม่ลงหรอก’
‘ทำไมจะไม่ได้’
‘ดูก็รู้ว่าคุณไม่ได้ต้องการผมสักหน่อย’
ภาพของเด็กคนนั้นลอยมาอีกครั้งทั้งที่มาร์คบอกตัวเองว่าลืมไปได้แล้ว บางทีหากหลับตาจูบคนตรงหน้าอีกครั้งมันอาจจะหายไปได้จริงๆ คราวนี้จินยองยอมจูบเขาตอบ แต่พอผละออกแล้วเขาก็ใช้มือประคองหน้ามาร์คเอาไว้ สบตามาร์คโดยไม่พูดอะไรก่อนจะพามาร์คไปที่รถของตัวเอง
จินยองไม่ยอมสตาร์ทรถ ทีแรกมาร์คคิดว่าจินยองไม่อยากเสียเวลาขับรถพาเขาไปที่อื่น แต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยเสียงเรียบว่า ‘มีอะไรก็เล่ามาเถอะ เราไม่รู้จักกันอยู่แล้ว’
มาร์คตอบไม่ได้เหมือนกันว่าควรเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างไร ตอนไหนคือตอนที่จินยองควรรู้ ตอนไหนคือจุดเปลี่ยนของทุกสิ่ง – ตอนที่เด็กคนนั้นมาฝึกงานที่บริษัทเขาครั้งแรก, ตอนที่พวกเขาตัดสินใจคบกันเพราะต่างก็ถูกใจกันและกัน คิดว่าความชอบและนิสัยที่คล้ายกันหลายอย่างน่าจะทำให้ไปด้วยกันได้ดี, ตอนที่พวกเขาเริ่มทะเลาะกันเพราะสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองคนมีเหมือนกันคือความไม่ยอมใครและไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง, ตอนที่พวกเขาตัดสินใจห่างกันชั่วคราวเพราะไม่อยากฝืนยื้อทั้งที่คงไม่มีอะไรดีขึ้นได้เร็วๆ นี้ , ตอนที่พวกเขาลองมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง, ตอนที่มาร์คเริ่มรู้สึกว่าแม่งไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย, หรือตอนที่เด็กคนนั้นบอกว่า ‘ขอโทษ ผมไม่ไหวแล้วว่ะพี่’
สุดท้ายมาร์คก็ไม่ยอมเล่า เขากลับถามหาบุหรี่และไลท์เตอร์จากจินยอง กดลดกระจกหน้าต่างฝั่งตัวเอง ควันสีเทาที่ลอยออกไปนอกหน้าต่างสลายไปในชั่วพริบตา ผิดกับสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจของมาร์คมาหลายคืนแล้ว
สายตาเหม่อลอยเจือความเศร้าหมองของมาร์คเรียกความสงสารจากจินยองได้ ชายหนุ่มที่เพิ่งพบเจอกันเมื่อกี้บีบมือเขาไว้แน่น หากมาร์คยอมกุมมือจินยองกลับได้ เขาอาจรู้สึกอุ่นใจกว่านี้
4.
“เมาค้างเหรอมึง นั่งนิ่งมาตั้งนานแล้ว”
เสียงของเพื่อนร่วมงานคนสนิทดังขึ้นพร้อมกับตบบ่ามาร์คเบาๆ อย่างเป็นห่วงเป็นใยเพราะเห็นว่ามาร์คนั่งนิ่งจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ยอมพิมพ์หรือจับเมาส์สักนิดมาหลายนาทีแล้ว พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบไม่โต้ตอบอะไร ทั้งที่ปกติคงจะหันมาซัดเขาแล้วว่า ‘กูไม่ได้เมา’ หรือตอบรับว่า ‘เออ ปวดหัวฉิบ’ แจ็คสันเลยเผลอมองดูสิ่งที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของมาร์ค พอเห็นภาพของอดีตนักศึกษาฝึกงานที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาดีกับหญิงสาววัยรุ่นอีกคนที่ท่าทางจะสนิทสนมกันเกินเพื่อน แจ็คสันก็รู้ทันทีว่าทำไมมาร์คถึงเป็นแบบนั้น
คราวนี้แจ็คสันเปลี่ยนมาบีบไหล่มาร์คไว้แน่น มองดูอีกฝ่ายกดปิดแท็บในเบราเซอร์ที่เปิดหน้าเฟสบุ๊กของอดีตเด็กฝึกงานคนนั้นทิ้งเหมือนไม่สนใจ แจ็คสันเปลี่ยนมาคุยเรื่องสภาพของมาร์คต่อ
“คือ...ถึงมึงไม่บอกกูก็รู้นะว่ามึงไปกินเหล้าทุกคืนอะ สภาพมึงโคตรเหี้ยเลยรู้ตัวปะเนี่ย ไม่กลัวโดนเฉ่งเหรอ”
“ช่างเหอะ กูไหว”
ถึงมาร์คจะยืนยันเช่นนั้น แต่พอเจ้าตัวลุกออกไปเข้าห้องน้ำ แจ็คสันก็อดมองตามอย่างเป็นห่วงไม่ได้
5.
คืนนี้มาร์คยังคงกลับมาอยู่ในบาร์ร้านเดิม ร้านที่ห่างไกลแถวที่ทำงานและปราศจากคนคุ้นเคย – ร้านที่ครั้งหนึ่งเขาเคยแอบมาดื่มกับเด็กคนนั้นเพียงแค่สองคนเพราะยังไม่อยากให้คนอื่นล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ เขายังคงสั่งลองไอส์แลนด์เหมือนคืนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาเชื่อว่าพนักงานคงจำได้แล้ว ทั้งที่ปกติมาร์คไม่ดื่มค็อกเทลที่แรงขนาดนี้
เขายังคงนั่งดื่มอยู่คนเดียวพร้อมกับเล่นโทรศัพท์มือถือ เด็กคนนั้นไม่ได้อันเฟรนด์เขาออกจากเฟสบุ๊กและก็ไม่ได้บล็อกอินสตาแกรมเขา เปิดโอกาสให้แมงเม่าขาดสติอย่างมาร์คบินกระโจนเข้าไปในกองไฟที่สุมอยู่ได้เต็มที่ หมอนั่นดูจะมีความสุขดีกับผู้หญิงอีกคนที่แม้บางรูปไม่โผล่หน้ามาแต่ก็มีชื่อโดนแท็กอยู่ในรูป ผู้หญิงที่คงกำลังทำให้เด็กนั่นมีความสุขอยู่ในตอนนี้ มาร์คไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเปล่าที่รูปเก่าๆ ที่มีความหมายสำหรับพวกเขาสองคนยังคงอยู่ดีในนั้น เขาสำคัญมากจนไม่อยากจะลบทิ้ง หรือเพราะเป็นแค่อดีตที่ไม่สำคัญและไม่จำเป็นต้องกำจัดออกเพื่อความสบายใจของคนใหม่แบบที่หลายคนทำกัน
มาร์คกดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยอย่างสะเปะสะปะ ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าสมองตัวเองที่โดนฤทธิ์แอลกอฮอลล์ไปและหัวใจที่ไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นเลยรับทุกสิ่งไม่ไหวแล้ว เขากดปิดโทรศัพท์มือถือก่อนจะยัดมันลงกระเป๋ากางเกง ตอนนั้นเองที่เขาหันไปมองเห็นชายคนหนึ่งกำลังมองมาทางเขา
ทันทีที่สบตากันจนรู้ตัว ชายแปลกหน้าคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่มาร์คได้รู้จักในรอบหลายคืนก็เดินตรงมาที่โต๊ะของเขา คุยกันไม่กี่คำเขาก็ลากมาร์คไปในห้องน้ำด้านหลังร้าน มาร์คไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่กับใครและกำลังจะทำอะไร สนใจแค่เพียงร่างสูงตรงหน้าที่ตัวเองกำลังนัวเนียอยู่ ดื่มด่ำกับสัมผัสอบอุ่นที่โหยหาราวกับว่ามันเป็นน้ำเย็นช่วยดับกระหาย มือของคนแปลกหน้ากำลังจะปลดกางเกงของเขา
ใช่ ใช่ คืนนี้แหละที่ทุกอย่างจะดีขึ้นจริงๆ เด็กนั่นมีใหม่ได้... เขาเองก็…
มาร์คลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับอาการมึนศีรษะอย่างรุนแรง ยันตัวลุกขึ้นนั่งทีก็รู้สึกเหมือนอยู่ในเรือที่กำลังโคลงเคลงบนคลื่นแรง พยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเมื่อคืน เขากำลังจะมีอะไรกับผู้ชายแปลกหน้าอีกคน แต่...มาร์คจำไม่ได้เลยว่าเขากลับมาอยู่ในอพาร์ตเมนท์ของตัวเองได้อย่างไร เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายชวนคู่นอนที่เพิ่งเจอกันชั่วคราวมาที่ห้อง
สภาพของเขาเรียบร้อยดี เสื้อผ้าอยู่ครบ ไม่มีร่องรอยว่าโดนกระทำอะไร กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือก็วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเรียบร้อย... แล้วมาร์คก็มองเห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งและกุญแจดอกหนึ่งในห่วงวางไว้ข้างๆ เขาเอื้อมมือไปคว้ากระดาษโน้ตแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน ลายมือที่คุ้นตาทำให้หัวใจมาร์คกระตุกวูบ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับข้อความที่เขียนไว้ว่า
‘เห็นคอมเมนต์ในไอจีเลยตามไปหา…’
เขารีบหยิบมือถือมาดูเพราะจำไม่ได้ว่าคอมเมนต์นั้นคืออะไร แต่จำได้ว่าตัวเองเอาแต่นั่งดูอินสตาแกรมของเจ้าของกระดาษโน้ต ปรากฏว่าในรูปล่าสุดที่เด็กคนนั้นอัพ มาร์คคงเมาจนเผลอไปทิ้งคอมเมนต์เอาไว้ว่า ‘ตอนนี้อยู่ร้านเดิมน่ะ จำได้รึเปล่า หรือว่าจำไม่ได้แล้ว’
‘…ท่าทางไม่ค่อยดี ผมเลยพาพี่กลับมาที่ห้อง
ทีนี้ก็เลยนึกได้ว่าลืมคืนกุญแจ ผมวางคืนไว้ให้แล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรอีกละ
ป.ล.
ดูแลตัวเองบ้าง ผมอยู่ดูแลพี่ไม่ได้แล้วนะ’
ตัวอักษรบนกระดาษโน้ตเริ่มพร่าเลือน ไม่ใช่เพราะมาร์คยังเมาค้างจนสมองทำงานไม่ได้เต็มที่ แต่เป็นเพราะน้ำตาที่เก็บไว้มาหลายคืนพรั่งพรูออกมา น้ำตาที่มาร์คกลั้นไว้ตอนที่ตอบคำขอโทษไปด้วยน้ำเสียงที่ปั้นฝืนให้ฟังดูดีสุดฤทธิ์ว่า ‘ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษ แบบนี้อาจจะดีกว่าจริงๆ ก็ได้’
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงแหมะลงบนมือขาวและกระดาษแผ่นที่อยู่ในมือ
ไอ้มาร์ค ต้วน ไอ้โง่ ทำเป็นปากดี ทำไมไม่คิดจะยื้อน้องเขาไว้บ้าง
ต้องมาร้องไห้เพราะกระดาษข้อความที่ไม่มีแม้แต่ชื่อคนเขียน ต้องมาเจ็บแบบดื่มเหล้ากี่คืนก็ไม่หาย อยู่กับผู้ชายกี่คนก็ไม่ลืมแบบนี้มันดีกว่าตรงไหน
God damn it, I hate the fucking break up.
END.
... อาว์ ก็แรงบันดาลใจจากเพลงที่แปะไปนั่นแหละค่ะ /จบ.
- สมสน.
’ cactus
ความคิดเห็น