คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter IX
- IX -
ริทที่เดินออกมาจากบ้านด้วยความเขินจึงทำให้เดินมาไกลจากบ้านพอสมควรยิ่งรอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้และสวนดอกไม้หลากหลายชนิดเลยยิ่งทำให้ร่างบางเพลิดเพลินจนลืมว่าตัวเองเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกและก็ไม่รู้ว่าบริเวณของบ้านพักนี้กว้างมากแค่ไหนจนกระทั่งมานั่งเล่นอยู่ริมลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลกั้นป่าอีกด้านหนึ่งเอาไว้
“อ้า...สดชื่นจัง” ร่างบางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะหายใจปล่อยมันออกมาเสียงดังหลังจากได้รับอากาศบริสุทธิ์แล้วก็นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เขียวชอุ่มอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้นึกเลยว่ามันเริ่มเย็นมากแล้ว...จนกระทั่งเสียงร้องของแมลงต่าง ๆ เริ่มดังขึ้นนั้นแหละริทจึงตัดสินใจที่จะกลับบ้านพัก
“มืดเร็วจัง...แล้วจะกลับทางไหนหล่ะเนี่ย” พอเดินกลับขึ้นมาจากริมลำธารไอ้บริเวณที่เคยสว่างก็กลับมืดเร็วอย่างน่าตกใจเพราะต้นไม้ที่ขึ้นปกคลุมทำให้ร่างบางเริ่มใจคอไม่ดีแต่ก็โล่งอกเพราะได้ยินเสียงใครบางคนที่ทักเข้ามา
“นึกว่าอยากจะนอนที่นี่ซะอีก” นภัทรที่มายืนมองริทนั่งเล่นอยู่ได้สักพักเอ่ยปากทักเมื่อเจ้าตัวเดินกลับขึ้นมา
“ประสาท...นายอยากนอนก็นอนไปคนเดียวเหอะ” รู้สึกใจชื่นขึ้นมาเมื่อรู้ว่าไม่ต้องเดินกลับบ้านมืด ๆ คนเดียวแต่ร่างบางก็ยังคงมาดนิ่งไว้เช่นเคย...จนนภัทรอยากแกล้งคนปากแข็งขึ้นมาอีกแล้ว
“งั้นนายกลับไปคนเดียวหล่ะกัน...ชั้นเปลี่ยนใจนอนดูดาวที่นี่อีกสักพักดีกว่า” นภัทรบอกแล้วก็เดินผ่านริทกลับลงไปที่ริมน้ำแทน
“เดี๋ยวสิ...แล้วชั้นจะกลับยังไงหล่ะมันมืดแล้วนะ” ริทรีบโวยเพราะมันมืดจริง ๆ แล้วหล่ะตอนนี้
“มันก็เรื่องของนายสิ” ร่างสูงยักไหล่ตอบอย่างไม่สนใจจนคนฟังเริ่มโมโห
“นายนี่มัน!!!” ริทสบถเสียงดังเมื่อโดนขัดใจ...เมื่อตอนกลางวันยังดี ๆ อยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้เปลี่ยนมากวนประสาทเขาให้อีกแล้วนะ
“เดี๋ยวๆๆ...ชั้นล้อเล่นน่า...กลับไปกินข้าวกันดีกว่า” นภัทรรีบยกมือห้ามริทไม่ให้โวยวายจนสิงสาราสัตว์ตกใจ...ท่าทางจะกลัวจริง ๆ แฮะ
“มาสิ...” คนฟังได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะคนตรงหน้าดันยื่นมือมาให้...หมายความว่าไง
“ไม่...ชั้นเดินเองได้” ริทบอกสั้น ๆ และทำเป็นไม่สนใจมือของอีกฝ่ายที่ยื่นค้างอยู่ตรงหน้า...นภัทรเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเดาได้อยู่แล้วว่าร่างบางไม่ยอมจับมือเขาอย่างแน่นอน...แต่ก็อีกแค่ไม่กี่นาทีหรอก...นภัทรยิ้มให้ก่อนจะเดินนำไปพร้อมกับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อแกล้งคนที่เดินตามมาห่าง ๆ เพราะเขาไม่ได้เอาไฟฉายติดมือมาด้วยทำให้ตอนนี้มันก็มองเห็นทางได้ลำบากพอสมควรยิ่งคนที่เพิ่งเคยมาอย่างริทด้วยหล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง...และก็เป็นไปตามคาดเพราะเมื่อริทส่งเสียงเรียกเริ่มตามอีกฝ่ายไม่ทัน
“เดี๋ยวสิ...” คนขี้แกล้งก็ยอมหยุดโดยดีเพื่อให้ริทเดินตามให้ทัน...จะรีบเดินไปไหนเนี่ย...ริทแอบบ่นในใจเมื่อเดินมาใกล้คนขี้แกล้ง
“มีอะไร” นภัทรแกล้งถามเสียงนิ่ง
“มันมืดแล้วไม่เห็นหรือไง” ริทบ่นเบา ๆ
“แล้วไง” ร่างสูงยังคงกวนไม่เลิกจนริทต้องยอมเสียฟอร์มจนได้
“ชั้น...เดินไม่ทัน” เสียงตอบอุบอิบจนคนฟังอมยิ้มแก้มบุ๋มก่อนจะยื่นมือตัวเองไปอีกครั้ง...ให้มันรู้ไปว่าจะไม่สำเร็จ...พอเห็นสิ่งที่คนตรงหน้าทำริทก็ได้แต่มองมือใหญ่ที่ยื่นมาสลับกับใบหน้าหล่อที่กำลังส่งสายตาแปลก ๆ เหมือนตอนที่เจอกันบนรถให้อีกแล้ว...เอาไงดี...
“ก็นำไปสิ” เสียงห้วนสั่งอย่างขัดใจเพราะสุดท้ายก็ต้องยอมเป็นฝ่ายเสียฟอร์มแต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะริทเลือกที่จะจับชายเสื้ออีกฝ่ายแทนมือและนั้นก็ทำให้นภัทรรู้สึกดีไม่น้อย...จังหวะก้าวเดินที่เร่งรีบตอนนี้ร่างสูงกลับค่อย ๆ เดินอย่างสบายใจเฉิบแทนจนริทอดหมั่นไส้ไม่ได้...ทีเมื่อกี้เดินไม่รอเลยนะ
“แน่ใจนะว่านายจำทางได้เนี่ย...เฮ้ยยย” ริทถามเมื่อเดินมาได้สักครู่แต่เพราะความมืดริทจึงสะดุดรากไม้เข้าให้จนเกือบจะล้มดีที่คนตรงหน้าคว้าแขนเจ้าตัวไว้ได้ทัน
“ระวังหน่อยสิ...เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” นภัทรบอกให้อีกฝ่ายเลิกกังวลแล้วก็เปลี่ยนมากุมมือของอีกฝ่ายแทนโดยไม่ให้ริทได้ตั้งตัวเลย
“นี่...นาย” พอโดนจับมือแบบนี้ริทเลยรีบดึงมือออกแต่มือใหญ่กลับกระชับแน่นขึ้น...
“รีบเดินเหอะ...มันมืดมากแล้ว...ชั้นเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นะ” คำบอกจากคนตรงหน้าทำเอาริทหยุดพูดแล้วขยับมายืนใกล้จนชิดอีกฝ่ายทันที...แต่ด้วยความมืดประกอบที่ทั้งสองเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงที่พักเร็วขึ้นก็ทำให้คนน่ารัก(มักซุ่มซ่าม)สะดุดล้มลงอีกครั้ง
“โอ๊ยยย...” ริทร้องเมื่อล้มลงและรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าส่วนคนที่เดินจูงมือไว้จะดึงก็ไม่ทันเพราะมัวแต่กำลังดีใจที่แผนสำเร็จ
“เป็นไงบ้าง...ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้นะ” เสียงถามอย่างห่วงใยแต่ก็อดที่จะบ่นไม่ได้ร่างบางเลยได้โอกาสสะบัดมือออกทันที...ไอ้บ้า...ใครอยากจะเจ็บตัวกันเล่า!
“ก็มันมืดนี่...ใครจะไปมองเห็นหล่ะว่ามันมีหลุมอยู่ตรงนี้น่ะ” ริทตอกกลับเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาในระดับเดียวพร้อมกับสำรวจอาการเจ็บไปด้วย
“ไหนดูสิ...เจ็บมากหรือเปล่าเนี่ย” นภัทรจับข้อเท้าอีกฝ่ายเบาแต่สิ่งที่สัมผัสได้คือ...ผิวหมอนี่ไมมันเรียบลื่นมือจังวะ
“ไม่เจ็บ...ไปได้แล้ว” ริทรีบบอกเมื่อถูกมือใหญ่ลูบคลำที่ข้อเท้าพร้อมกับดึงเท้าตัวเองกลับมาทั้งที่ความจริงรู้สึกปวดตุ๊บ ๆ อยู่ที่ข้อเท้า...ทำไงดีหล่ะ
“แน่นะ...งั้นก็กลับบ้านเหอะ” พอได้ยินว่าเจ้าตัวไม่เจ็บนภัทรก็ลุกขึ้นเดินต่อทันทีแต่ก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมไปกุมมืออีกฝ่ายไว้เหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้งและเมื่อกำลังจะเดินต่อนภัทรก็ต้องหันกลับมาเมื่อร่างบางยังนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่เดิม
“เอ้า...แล้วทำไมไม่ลุกขึ้นหล่ะ” นภัทรหันกลับมามองก่อนจะรู้เลยว่าอีกฝ่ายเจ็บจริง ๆ
“เจ็บแล้วทำไมไม่บอก...เดินไหวมั้ย” น้ำเสียงที่อ่อนโยนทำให้คนฟังเงยหน้ามาสบตาด้วยทันที...ไม่ต้องทำเสียงแบบนี้ได้มั้ย...
“ไม่รู้...เดี๋ยวลองดูก่อน” ร่างบางตอบเสียงเบาก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นโดยมีนภัทรคอยช่วยประคองเอาไว้แต่พอริทลงน้ำหนักเท่านั้นแหละร่างบางก็ทรุดลงทันที
“โอ๊ยย...เจ็บอ่ะ” ริทบ่นอย่างลืมตัวสุดท้ายนภัทรจึงตัดสินใจพาร่างบางกลับเองขืนรอช้ากว่านี้ได้นอนในสวนแน่ ๆ
“งั้นนายขี่หลังหล่ะกัน...เร็วสิจะได้ไปให้พี่เบียร์ดู” พอบอกเสร็จก็ย่อตัวลงให้อีกฝ่ายทันที...ริทได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะทำยังไงเดินเองก็ไม่ไหวแต่จะให้ขี่หลังหมอนี่เนี่ยนะ...
“มาเถอะน่า...มันมืดแล้ว...เดี๋ยวพี่เบียร์จะเป็นห่วงนะ” นภัทรเร่งให้อีกฝ่ายขึ้นมาเพราะเป็นห่วงอาการเจ็บของริทถ้าขืนทิ้งไว้แล้วเป็นอะไรขึ้นมาจะลำบากเจ้าตัวต้องเสียการเสียงานอีก
“อือ...” ร่างบางตอบสั้น ๆ แล้วก็ขึ้นไปขี่หลังคนตรงหน้าแต่ก็พยายามเอนตัวให้ห่างจากอีกฝ่ายมากที่สุด
“นายอย่าทิ้งน้ำหนักไปด้านหลังอย่างนั้นสิมันหนักนะ...ขยับเข้ามาหน่อย” นภัทรบ่นเมื่ออีกฝ่ายทิ้งตัวไปด้านหลังทำให้เขาเดินได้ยากลำบากมากขึ้น
“รู้แล้วน่า” ริทบ่นอย่างขัดใจแต่ก็ยอมทำตาม...พอร่างบางขยับเข้ามาใกล้ตามคำขอลมหายใจอุ่น ๆ ของคนบนหลังกลับมาเป่ารดต้นคอชายหนุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้สัมผัสอุ่นที่ต้นคอทำให้ใจของชายหนุ่มเต้นแรงและลมหายใจติดขัดขึ้นมาทันที
“อะ...เอ่อ...นายช่วยหันหน้าไปทางอื่นได้มั้ย” เสียงที่บอกติดจะสั่นเล็กน้อยถ้าคนฟังสังเกตดี ๆ แต่ริทที่ไม่ได้สนใจอะไรกลับตีความหมายผิดไปอีกทาง
“เฮอะ...งั้นก็รีบ ๆ เดินเข้าสิ” พอได้ยินริทก็เร่งอีกฝ่ายด้วยความโมโห...นึกว่าชั้นอยากใกล้นายนักรึไง...ไอ้คนหลงตัวเอง...ไอ้บ้า...##@><$=# ก่อนจะบ่นด่าอยู่ในใจไปตลอดทาง
เมื่อกลับเข้ามาถึงบ้านหนึ่งและเบียร์ที่เตรียมอาหารรออยู่ก็ต้องตกใจที่เห็นภาพของน้องชายตัวแสบแบกริทเข้ามา...ทั้งสองจึงรีบวางมือแล้วก็มาช่วยนภัทรทันที
“ตายแล้ว...กันแกทำอะไรริท!!” เบียร์โวยลั่นเพราะคิดว่าน้องชายเป็นต้นเหตุ
“โหยยย...พี่เบียร์มองกันในแง่ร้ายตลอดอ่ะ” ร่างสูงบ่นเมื่อปล่อยให้ริทนั่งลงเพื่อให้พี่ทั้งสองตรวจดูอาการ
“ริทสะดุดล้มเองฮะ” คนเจ็บตอบแล้วก็ปล่อยให้พี่เบียร์ตรวจดูอาการแต่ก็เหลือบมองคนที่แบกตัวเองมาตั้งไกลซึ่งตอนนี้เดินแยกไปล้างหน้าล้างตาแล้ว...ไว้ค่อยขอบคุณทีหลังก็ได้มั้ง...ริทได้แต่คิดในใจ
“เท้าบวม...หนึ่งไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้ทีสิ” หนึ่งรีบไปทำตามทันที
“ไม่เป็นไรมากหรอกฮะ...แค่เท้าแพลงเอง...ทายาแล้วพันผ้าไว้พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้นฮะ” ร่างบางบอกเพราะเท่าที่รู้สึกได้ก็ไม่น่ามีอะไรร้ายแรง...พอได้ฟังเบียร์ก็เบาใจไปเยอะสุดท้ายก็ให้หนึ่งพยุงริทขึ้นไปอาบน้ำแทนเพราะน้องชายตัวแสบหนีไปอาบน้ำตั้งนานแล้ว
หลังจากที่นภัทรอาบน้ำเสร็จก็มายืนรอคนเจ็บหน้าห้องเพราะหนึ่งเสนอว่าเจ้าตัวควรรีบทำคะแนนและพอริทออกมาจากห้องเจอคนที่บอกไม่อยากอยู่ใกล้เขา...แล้วนี่มายืนรออะไร...แต่ริทก็ไม่ได้บ่นยอมให้อีกฝ่ายพยุงลงมาแต่โดยดี...มื้อเย็นนั้นเลยก็ย้ายจากโต๊ะกินข้าวที่จัดไว้ตรงชานบ้านมาเป็นพื้นกว้างหน้าทีวีจอแบนขนาดยักษ์ในห้องเอนเตอร์เทรนแทนเพราะคนเจ็บจะได้ไม่ต้องนั่งห้อยขาให้มันบวมมากไปกว่าเดิม...การนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นกับพื้นก็ให้บรรยากาศที่เป็นกันเองและสนุกไปอีกแบบ
“เอ้า...หมดแก้วเลยนะ” หนึ่งร้องเสียงดังเมื่อซัดไวน์หมดไปแล้วขวดนึง
“พอแล้วน่า...ริทก็อย่าบ้าตามไอ้พี่หนึ่งมันสิ” เบียร์ร้องห้ามเมื่อคนเจ็บจะยกหมดแก้วตามจริง ๆ และที่ยอมให้ริทดื่มไวน์ก็เพราะเจ้าตัวอ้อนว่าอยากลองชิมดูบ้างรวมทั้งแกนนำที่คะยั้นคะยออย่างหนึ่งอีกแรงว่าดื่มกับพี่น้องไม่ต้องห่วง...เบียร์เลยยอมให้ร่างบางได้ชิมบ้างแต่นี่มันมากเกินไปแล้วคอก็อ่อนขนาดนี้
“นิดเดียวเองน่า...ริทยังหวายย” เสียงอ้อนเริ่มอ้อแอ้ดวงตาสีน้ำตาลเริ่มหวานเยิ้มและแก้มที่แดงระเรื่อเพราะฤทธิ์ไวน์ทำให้ใบหน้าหวานยิ่งหวานเยิ้มไปกันใหญ่...พอหญิงสาวหันไปมองอีกคนก็ได้แต่นิ่งเงียบจนผิดปกติไม่รู้ว่าเมื่อหัวค่ำแอบไปทำอะไรกันมาถึงได้ไม่มองหน้ากันเลยเนี่ย
“เป็นไรไป” เบียร์หันมากระซิบถามน้องชายที่นั่งมองมิวสิควีดีโอที่หนึ่งกำลังร้องคาราโอเกะและมีริทปรบมืออย่างสนุกสนาน
“เปล่านี่...แล้วพี่หล่ะ...ไปทำอะไรกันมาพี่หนึ่งถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้” นภัทรย้อนด้วยแววตาทะเล้นก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ทะลึ่งๆๆ...แกนั้นแหละที่ทำอะไรไว้...ริทถึงได้เป็นแบบนี้” ย้อนถามเสร็จก็หันไปชี้คนเจ็บที่เริ่มรั่วไม่เหลือมาดซุปตาร์ริทเลย
“ไม่รู้ครับ...สงสัยโกรธอะไรกันอีกแน่เลย...แต่กันนึกไม่ออกว่าเรื่องอะไร” นภัทรบอกทั้งที่ยังมองร่างบางอย่างไม่วางตา
“ทำหน้าตาแบบนี้อย่าบอกนะ...ว่าแกถอดใจแล้วน่ะ” หญิงสาวรีบขัดทันทีเมื่อได้ยินน้องชายบ่น
“ใครบอกหล่ะ...จะคลั่งตายล่ะไม่ว่า” ร่างสูงตอบเสียงเบาพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ใจเขาวูบวาวได้ถึงเพียงนี้...นี่ขนาดไม่เห็นหน้าเจ้าตัวนะเนี่ยเขายังรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก...แล้วดูหน้าตอนนี้สิ...ให้ตายเหอะ!!!
ผ่านไปจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้วร่างบางก็ยังนั่งร้องเพลงอย่างสนุกสนานทั้งที่ทุกคนคิดว่าคงจะเมาหลับไปก่อนเพื่อนแต่ที่ไหนได้เมาจริงแต่ไม่ยักกะหลับแถมยังร้องไม่หยุดอีกต่างหากจนหนึ่งเป็นฝ่ายเมาฟุบหลับไปก่อน...เบียร์และนภัทรต้องเป็นฝ่ายลากขึ้นไปบนห้องแทน
“พาริทไปส่งห้องด้วยนะกัน...พี่ลงไปไม่ไหวแล้ว...เดี๋ยวต้องจัดการกับไอ้พี่หนึ่งของแกอีก” เบียร์ฝากให้น้องชายดูแลคนข้างล่างที่ตอนนี้เงียบเสียงไปแล้วด้วยอีกคน
“คร้าบบบ...พี่ให้กันช่วยก่อนมั้ยหล่ะ” ร่างสูงบอกและมองพี่ชายที่นอนหมดสภาพบนเตียง
“ไม่ต้อง...แค่นี้สบายมาก” เบียร์บอกแล้วก็ขยิบตาให้ด้วยก่อนที่ปิดประตูไปทิ้งให้นภัทรยืนนิ่งก่อนจะเดินลงมาจัดการกับตัวยุ่งที่ทำให้ใจเขาหวั่นไหวมากถึงเพียงนี้...และภาพที่เห็นตรงหน้าเมื่อเดินลงมาถึงก็ทำให้นภัทรยิ้มออกมาทันทีก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเอาไว้...
ภาพร่างบางที่หลับไม่รู้เรื่องแถมมือยังจับไมค์ไว้ไม่ปล่อยอีก...เชื่อแล้วหล่ะที่พี่เบียร์เคยบอกไว้ว่าถ้าได้รู้จักกับริทแล้วก็จะหลงรักคน ๆ นี้เพราะคนน่ารักตรงหน้าเขาเนี่ยมีหลายมุมจริง ๆ โดยเฉพาะมุมรั่ว ๆ อย่างนี้คิดว่าคงไม่มีใครได้เห็นแน่นอน...แล้วดูสิปากจะเจ่อไปไหนเนี่ย...มันน่านักนะ
“ไปนอนได้แล้ว...” นภัทรสะกิดเรียกคนที่กำลังนอนฟุบไปกับโซฟา
“อือออ...ม่ายยย...ปายยย...จาร้องเพลงงง” คนถูกปลุกตอบเสียงงัวเงียก่อนจะทำตาปรือแล้วก็พยายามจะร้องเพลงต่อทั้งที่ไม่ไหวแล้ว
“พรุ่งนี้ค่อยมาร้องต่อก็ได้...ป่ะ...เดี๋ยวชั้นพาไปนอน” ร่างสูงพยายามแย่งไมค์ออกมาแต่ริทก็เบี่ยงตัวหนีไม่ยอมแพ้เช่นกันยิ่งแย่งอีกคนก็ยิ่งดิ้นทำให้ตอนนี้นภัทรแทนจะกอดอีกฝ่ายไปทั้งตัวแล้ว...พอเห็นใบหน้าอีกฝ่ายในระยะประชิดริทก็หยุดดิ้นก่อนจะจ้องตากับร่างสูงแล้วก็นิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ม่ายย...อาวว...แล้วนี่นายจามาใกล้ช้านทามมาย...เมื่อเย็นยังบอกให้ช้านหันหน้าปายทางอื่นอยู่เลย” เพราะความเมานั้นแหละทำให้เจ้าตัวกล้าพูดประโยคนั้นออกไป...นภัทรได้แต่สบตาคนพูดนิ่ง
“แล้วถ้าชั้นเปลี่ยนเป็นบอกว่าอยากใกล้นายมากกว่านี้อีกหล่ะ...จะได้มั้ย” รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้าไม่มีสติเต็มที่แต่ร่างสูงก็ยังอยากจะถามก่อนจะโน้นหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกของทั้งสองเกือบจะสัมผัสกัน
“ไม่!!!” ร่างบางปฎิเสธแต่กลับเป็นคนขยับใบหน้าให้ใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น...มากขึ้น...จนไม่มีที่ว่างระหว่างทั้งสองอีกต่อไป...ใจที่เต้นแรงของนภัทรกลับมาเต้นเป็นปกติเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะลืมตาขึ้นมองหน้าริทก็เลยรู้ว่าอีกร่างบางหลับไปแล้ว...หลับไปทั้งที่เป็นคนเริ่มเองทั้งหมด...
“หึๆๆ...หมดฤทธิ์จนได้นะ” พอละริมฝีปากออกมาแล้วมองหน้าคนที่หลับไปกลางอากาศซะก่อน...นภัทรนั่งมองริทที่นั่งหลับอีกสักพักนึงก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นไปที่ห้องนอนแต่เขากลับยังนั่งอยู่บนเตียงมองริทที่ซุกตัวในผ้าห่มอุ่นหลับสบายใจเฉิบทิ้งให้เขาเป็นฝ่ายว้าวุ่นใจคนเดียวอีกแล้ว
“เมื่อกี้เขาไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ...ไว้คราวหน้าชั้นจะสอนนายเอง...ว่าจูบจริง ๆ น่ะเขาทำกันยังไง” เสียงกระซิบนุ่มดังขึ้นที่ข้างหูหลังจากนภัทรตัดสินใจขโมยหอมแก้มใสเบา ๆ แล้วก็ลุกกลับไปห้องของตัวเองโดยหารู้เลยไม่ว่าริทเองก็กำลังนอนใจเต้นแรงกับความบ้าบิ่นของตัวเองที่ทำลงไปเมื่อกี้นี้อยู่เหมือนกัน...ร่างบางได้แต่คิดแล้วก็ด่าตัวเองอยู่อีกสักพักก่อนเจ้าตัวจะผล่อยหลับไป
มาต่อสั้น ๆ อีกสักตอน...แต่เวิ่นตั้งนานแระไม่ไปถึงไหนสักกะ
รีดเดอร์ก็อย่าเพิ่งเบื่อหล่ะ...
ความคิดเห็น