คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter V
-- V --
มื้ออาหารเย็นเต็มไปด้วยความสนุกสนานเพราะตัวโจ๊กอย่างหนึ่งทำให้ทั้งหมดได้หัวเราะกันท้องแข็งอยู่เรื่อย ๆ แถมอาหารก็อร่อยถูกปากทุกคนขนาดริทที่กินน้อย ๆ ยังเติมข้าวตั้งสองรอบจนเบียร์อดที่จะแซวไม่ได้เมื่อเห็นน้องเจริญอาหาร...หลังจากของคาวทั้งหมดก็มานั่งร้องคาราโอเกะกันจนเวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยงคืนเบียร์ก็เตือนให้ริทกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้ต้องกลับไปเริ่มถ่ายละครต่อแล้ว
“พี่ว่าริทกลับได้แล้วหล่ะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้มีคิวเช้านะ” เบียร์กระซิบบอกเจ้าตัวเบา ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าเซ็งแอบประท้วงนิดหน่อย
“หยุดอีกวันไม่ได้เหรอฮะ...ริทขอพี่อุ๋ยไว้ตั้งสามวันนะ” ร่างบางกอดแขนแถมยังเอาศรีษะถูไถกับแขนอีกภาพที่เห็นทำให้ใครบางคนยิ้มอย่างเอ็นดู...ทำตัวน่ารักก็เป็นด้วยแฮะ
“ไม่ได้ครับ...ลืมแล้วเหรอว่าริทอยากเล่นละครเรื่องนี้แค่ไหน” เบียร์ตัดใจทั้งที่ก็อยากจะใจอ่อนกับท่าทางน่ารัก ๆ นั้น
“โอเคๆๆ...ริทกลับก็ได้พี่เบียร์ก็ดูแลตัวเองด้วยนะฮะ” พออ้อนไม่ได้เจ้าตัวก็ทำปากจู๋ไม่พอใจแล้วก็สูดหายใจเข้าเหมือนกับเรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วก็หันไปมองคนที่ต้องเริ่มงานตั้งแต่ตอนนี้แล้ว...พอหันไปก็ตกใจเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่เช่นกันแถมยังเป็นสีหน้าเดียวกับตอนนั้นเลย...มองไรของมันวะ
“เอ้า...ไปกันได้แล้ว กันพี่ฝากด้วยนะ” เบียร์บอกทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็กำชับน้องชายตัวแสบอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“วางใจได้น่าพี่...ตอนอยู่ที่โน้นกันเคยเป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วยนะ...รับรองเอาอยู่น่า” คนที่ถูกเปรียบว่าเป็นเด็กหันขวับทันทีแต่คนพูดกลับไม่เดือดร้อนยกมือไหว้พี่ทั้งสองแล้วก็หันมาพูดกับเด็กในความดูแลทันที
“ไปได้แล้ว...พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า” นภัทรแกล้งทำเสียงให้ดูเป็นการเป็นงานกว่าทุกครั้งจนคนฟังทั้งสามคนอดหมั่นไส้ไม่ได้
“รู้แล้วน่า” ริทบ่นแล้วก็ลาเบียร์และหนึ่งก่อนจะเดินไปขึ้นรถทันที...พ่อสื่อแม่ชักได้แต่มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีนะ
บรรยากาศภายในรถยังคงเงียบเชียบเหมือนเคยจนนภัทรคิดว่าถ้าต้องทำงานร่วมกันกับพ่อซุปตาร์คนนี้ยังไงซะการผูกมิตรน่าจะเป็นการดีที่สุด...ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเริ่มก่อนขืนรอองค์ชายเป็นฝ่ายลดตัวลงมาคงต้องรอชาติหน้า
“พรุ่งนี้จะมารับตอน 6 โมงตรงนะ...ตื่นไหวมั้ย” ประโยคบอกเล่าที่แอบพ่วงความห่วงใยไปด้วยตอนท้ายทำให้ริทหันมามองคนพูดเล็กน้อย
“อือ...” แต่ร่างบางก็ตอบไปแค่นั้นแล้วก็หันหน้าไปมองข้างทางต่อ...
“แล้ว...นายอยากจะกินอะไรก่อนไปกองถ่ายมั้ย” พอได้ฟังทำให้ริทตัดสินใจถามบางอย่างออกไป
“นายตั้งใจจะทำอะไร” คำถามที่เจ้าตัวสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมคนอย่างนายคนนี้จะยอมมาทำงานนี้...ได้ข่าวว่าจบโทจากเมกาไม่ใช่เหรอ
“หมายความว่าไง” นภัทรถามต่อทั้งที่มองไปข้างหน้า
“ก็หมายความว่า...ทำไมนายถึงยอมทำแทนพี่เบียร์” คำถามที่ทั้งคนถามและคนถูกถามสงสัย...นั้นสิทำเขาถึงยอมทำตามที่พี่เบียร์ขอร้องนะ
“คงเป็นเพราะชั้นยังไม่อยากทำงานจริง ๆ จัง ๆ มั้ง...หาไรทำแก้เซ้งก่อนก็ไม่เสียหายนี่” ร่างสูงตอบไปตามความคิดแรกที่นึกขึ้นได้แต่คำตอบนั้นกลับทำให้คนฟังเงียบและหันกลับไปมองข้างทางเหมือนเดิมก่อนจะหลับตาลง...แก้เซ็งเหรอ..แล้วนี่เขาหวังให้ไอ้หมอนี่มันตอบว่าอะไรกันหล่ะ!
พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปหลังที่ได้รับคำตอบเมื่อครู่นภัทรก็หันมามองอีกฝ่าย...‘อ้าวหลับแล้วเหรอ....หวังว่าเขาคงไม่ได้พูดอะไรผิดอีกหรอกนะ’ จากนั้นนภัทรก็ขับรถไปส่งคนข้าง ๆ ก่อนจะกลับไปที่คอนโดใหม่ของตัวเอง
.............................................................................................................................................................
สามวันแรกของการทำงานร่วมกันเบียร์ก็ยังทำหน้าที่ตามที่รับปากไว้ได้อย่างดีเยี่ยมเพราะคิวงานต่าง ๆ ถูกจัดอย่างเรียบร้อยและก็ส่งให้น้องชายได้รู้ล่วงหน้าตลอดไม่ว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำ...คิวงานในแต่ละวันหรือเรื่องจิปาถะที่เขาต้องเตรียมให้เรียบร้อยก่อนจะมารับริท...
เวลาที่ผ่านไปตลอดสามวันทั้งคู่ก็ทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่นไม่ได้เรื่องมากอย่างที่คิดเพราะต่างฝ่ายทำตามหน้าที่ของตัวเองอย่างแท้จริงซึ่งนภัทรก็จะมารับริทไปส่งที่กองถ่ายและตัวเองก็จะไปเตร็ดเตร่ตามเรื่องตามราวแล้วก็กลับมารับอีกฝ่ายเมื่องานเสร็จเป็นอย่างนี้มาตลอดสามวันโดยที่ริทไม่ปริปากพูดคุยเรื่องอื่นหรือแม้แต่เรื่องทั่ว ๆ ไปเลยสิ่งเดียวที่นภัทรได้รับคือ...ความเงียบราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอย่างนั้นแหละจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็เมื่อเขาเป็นฝ่ายถามถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ซึ่งก็มีแค่เพียงคำพูดว่า...ขอบใจ...อือ...เท่านั้นที่ได้รับกลับมาซึ่งนั้นก็ทำให้นภัทรหงุดหงิดมากขึ้นทุกที
“เดี๋ยว...ชั้นขอคุยด้วยหน่อยสิ” ร่างสูงเอ่ยปากขึ้นเมื่อกลับมาถึงคอนโดหลังจากถ่ายละครเสร็จ
“มีอะไร” ริทตอบแล้วก็นั่งนิ่งฟังแต่ก็ยังไม่ยอมหันมามองหน้าคู่สนทนาอีกเช่นเคย
“นายไม่พอใจชั้นเรื่องอะไรหรือเปล่า” คำถามที่อัดอั้นมาหลายวันตั้งแต่บทสนทนาจริง ๆ ล่าสุดที่เขามาส่งอีกฝ่ายที่คอนโด
“เปล่า” ไม่โกรธแต่หน้ายังไม่หันมามองเนี่ยนะ...
“อย่าทำตัวเป็นเด็กได้มั้ย...มีอะไรทำไมไม่พูดกันตรง ๆ หล่ะ” สุดท้ายนภัทรก็เหลืออด...อีกฝ่ายพอได้ยินคนข้าง ๆ ขึ้นเสียงริทก็หมดความอดทนเช่นกัน
“ชั้นไม่ใช่เด็ก!!...แล้วชั้นก็ไม่รู้ว่ามีหน้าที่ต้องคอยเอ็นเตอร์เทนให้นายไม่เบื่อระหว่างที่นายแก้เซ็งอยู่ด้วยยยย” ความรู้สึกทั้งหมดถูกระบายใส่หน้าจนนภัทรได้แต่อึ้ง...ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีเมื่อริทเปิดประตูออกไปทันทีที่พูดจบ
“เดี๋ยว...นายโกรธชั้นเพราะเรื่องวันนั้นใช่มั้ย” นภัทรถามเมื่อตามไปรั้งอีกฝ่ายไว้ได้ทันด้วยการจับข้อมือเล็กของอีกฝ่ายไว้
“เปล่า!!!...แล้วนายก็ปล่อยมือนายด้วย...ชั้นเจ็บ” ริทปฎิเสธเสียงแข็งพลางสะบัดมือให้หลุดจากมือแกร่งก่อนจะเดินตรงไปกดลิฟท์...ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้วะนภัทรคิดก่อนจะเดินตามไป
“ชั้นไม่ได้ความอย่างนั้นนะ” เสียงนุ่มของนภัทรบอกหลังจากสองแขนแกร่งยันกำแพงตรงหน้าที่คร่อมร่างบางขณะยืนรอลิฟท์เอาไว้ด้วย...คนที่ถูกจำกัดพื้นที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าหันมาโวยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน
และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้โวยวายเหมือนเมื่อครู่นภัทรก็ขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นจนตัวเกือบจะติดกันแล้วก็พูดเบา ๆ ที่ข้างหูของร่างบาง
“ที่ชั้นรับปากพี่เบียร์เพราะชั้นอยากทำงานนี้จริง ๆ” คำพูดที่เหมือนกับการขอโทษทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดที่มีมาตั้งแต่ตอนนั้นของริทเบาบางมากขึ้นราวกับจะหายไปเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อกี้
“แล้วนายมาบอกชั้นทำไม” เสียงพูดประชดดังขึ้นจากคนที่จู่ ๆ ความหงุดหงิดที่มีมาหลายวันก็เริ่มบางเบาลงไปเพราะคำพูดและการกระทำเมื่อครู่
“ไม่รู้...รู้แต่อยากให้นายรู้ไว้...ก็แค่นั้น” รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าหล่อเหล่าเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างบางตรงหน้าอาการดีขึ้นแล้ว
“ไม่เห็นอยากจะรู้...เอาแขนลงได้แล้ว...ลิฟท์มาแล้ว” ริทรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าลิฟท์มาถึง
“พรุ่งนี้กินข้าวก่อนไปกองได้มั้ย...ข้าวกองถ่ายไม่ได้เรื่องเลย” นภัทรบ่นเมื่อนึกถึงอาหารที่กองถ่ายเตรียมไว้กินวันเดียวก็พอว่า...แค่กินมาสามวันก็เริ่มจะเซ็งแล้วหล่ะ
“อยากทำไรก็ทำไป...แต่นายต้องพาชั้นไปกองถ่ายให้ทันหล่ะกัน” ตอบไปส่ง ๆ ทั้งที่เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับสิ่งที่ได้ยิน
“จริงนะ...งั้นพรุ่งนี้เจอกัน” นภัทรบอกลาด้วยการก้มไปกระซิบติดแก้มใสตรงหน้าโดยตั้งใจให้ริมฝีปากและจมูกโดนแก้มนิ่ม ๆ นั้น...ชื่นใจจัง...นิดหน่อยก็เอานะไอ้กัน ^_^
“เฮ้ยยย...” แต่ไม่ทันที่ริทจะได้หันมาจัดการร่างสูงก็ขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว...
มื้อเช้าของทั้งคู่ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเกินไปกว่าอาหารเช้าของแม็คโดลนัลด์เพราะคนนัดเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไรมาให้พ่อซุปตาร์ได้กินในเมื่อต้องมากินข้าวกันตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้และสถานที่ก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกจากสวนสวยบนด่านฟ้าสำหรับลูกค้าชั้นเพนท์เฮ้าส์เท่านั้นซึ่งนั้นก็รวมหนึ่งในเจ้าของห้องคนนี้ด้วย...แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะแปลกใจมากที่นภัทรพาเดินขึ้นไปบนด่านฟ้าแทน
สาเหตุเป็นเพราะว่าคอนโดที่เรืองฤทธิ์พักอยู่นี้เป็นแบบ Executive Luxury จำนวนห้องพักจึงไม่มากนักและทางคอนโคก็ค่อนข้างที่จะเลือกลูกค้าที่มาพักด้วยการบริการต่าง ๆ จึงเทียบเท่าโรงแรมระดับห้าดาวก็ไม่ปาน...ด่านฟ้าจึงถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวนหย่อมลอยฟ้าได้ไม่ยากซึ่งตรงกลางมีสระน้ำและน้ำพุเล็ก ๆ ตรงกลางที่มองแล้วแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าสวนนี้อยู่บนคอนโดคนที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกรู้สึกแปลกใจกับบรรยากาศสงบและยังดูสดชื่นอีกด้วย...
“มองอยู่นั้นแหละ...ทำยังกะไม่เคยเห็น” นภัทรทักเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งมองบรรยากาศรอบข้างเพลินจนลืมอาหารเช้าที่เขาตั้งใจเตรียมมาให้ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่กำลังนั่งกิน Egg McMuffin ภายใต้ซุ่มไม้ที่แกะสลักไว้อย่างสวยงามที่รายล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด
“เออ...ก็ไม่เคย” ริทบอกก่อนจะกัดเบอร์เกอร์ไปอีกคำ...
“หมายความว่าไง...นายอยู่ที่นี่แต่ไม่เคยมาที่นี่งั้นเหรอ” ร่างสูงถามย้ำ
“ก็ทำงานทั้งวันจะเอาเวลาไหนมาหล่ะ” ริทมองค้อนก่อนจะประชดเข้าให้แล้วก็รีบจัดการอาหารเช้าของตัวเองให้เรียบร้อย...ไว้วันหลังค่อยหาเวลามานอนอ่านหนังสือบนนี้บ้างท่าทางจะดี
“งั้นมากินข้าวเช้าที่นี่กันทุกวันดีมั้ย” นภัทรเสนอสีหน้าระรื่น
“กินแม็คทุกวันเนี่ยนะ...นายกินไปคนเดียวเหอะ” ตอบเสร็จก็รีบเดินไปทันทีปล่อยให้อีกฝ่ายเก็บของก่อนจะวิ่งตามร่างบางไป
........................................................................................................................................................
“โอเค คัทค่ะ...” เสียงผู้กำกับคนสวยสั่งเมื่อภาพทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการคิดไม่ผิดเลยที่เลือกพระเอกคนนี้แม้จะเรื่องมากไปหน่อยก็ตาม...แต่เท่าที่ได้สัมผัสมานี่ก็ทำงานดีมีวินัยออก...
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ...ทำได้ดีมาก” พี่อุ๋ย ผกก. อดทีจะเอ่ยปากชมพระเอกคนนี้ไม่ได้
“จริงเหรอครับ...ขอบคุณมากครับริทก็จะทำให้เต็มที่” คนถูกชมก็เลยมีกำลังใจทำงานมากขึ้น...ทั้งสองคุยกันอีกสักพักริทก็แยกตัวไปพัก
“เหนื่อยมั๊ยค่ะน้องริท” เสียงใส ๆ ของผู้ช่วยผจก.กองถ่ายที่ดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดรีบเข้ามาเทคแคร์ซุปตาร์คนดังหลังจากถ่ายทำมาตั้งแต่เช้า
“เหนื่อยครับ...” ริทตอบหน้านิ่งตามสไตล์
“พี่เตรียมน้ำและของว่างไว้ในห้องส่วนตัวแล้วค่ะ...น้องริทไปพักผ่อนก่อนนะคะ” กาไอซ์บอก
“อ๋อ...มีของฝากจากแฟนคลับด้วยนะคะ...ถ้าน้องริทจะกลับก็บอกพี่นะพี่จะให้เด็กมาช่วยยก” ผู้ช่วยผจก.คนสวยบอกก่อนจะเดินไปคุยกับงานต่อ
ร่างบางก้าวเข้ามาภายในห้องพักส่วนตัวนักแสดงซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษสำหรับเขาคนเดียวเท่านั้นเพราะเขาไม่ต้องการความสงบก่อน, ระหว่างและหลังการถ่ายทำซึ่งทางทีมงานก็จัดเตรียมไว้อย่างดีส่วนเรื่องอื่นเรืองฤทธิ์คนนี้ก็ไม่ได้ขอร้องอะไรเป็นพิเศษ...ภายในห้องเต็มไปด้วยของฝากจากแฟนคลับไม่ว่าจะเป็นดอกไม้สีขาวซึ่งเจ้าตัวชื่นชอบเป็นพิเศษก็จะมีขนมต่าง ๆ รวมไปถึงของกระจุ๊ก
กระจิ๊กอีกหลายอย่าง
“เสร็จแล้ว” ร่างบางบอกปลายสายเมื่อพักผ่อนและพร้อมที่จะกลับบ้านแล้ว
“โอเค...อีก 5 นาที” นภัทรที่นั่งชิลรอในร้านอาหารตอบกลับมา...และหลังจากที่ทีมงานมาช่วยขนของทั้งหลายไปที่รถแล้วนภัทรก็ขับออกไป
“วันนี้ของเยอะนะ...แฟนคลับให้มาเหรอ” นภัทรถามขึ้นเมื่อเห็นของต่าง ๆ ที่เบาะหลัง...เสน่ห์แรงจริงนะพ่อคุณ
“อือ...มีอยู่อันนึงนะน่ารักดี” ร่างบางนึกถึงตุ๊กตาหมีน่ารักตัวหนึ่งก่อนจะบอกอย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้เจ้าตัวเพิ่งได้รับคำชมจาก ผกก ....เก็บไว้ที่ห้องเขาก็เปล่าประโยชน์เอาไปให้ลูกพี่เบียร์ท่าจะดีกว่า
เพราะว่าของต่าง ๆ ที่แฟนคลับให้เขาก็มักจะเอาไปทำบุญต่ออยู่แล้วซึ่งแฟนคลับก็เห็นด้วยและร่วมทำด้วยตลอดมา...ว่าแล้วริทก็หันไปรื้อตุ๊กตาตัวที่ว่ามาดูอีกสักที...แต่ว่ามันกลับไม่อยู่บนรถแล้ว
“อยู่ไหนวะ...ก็จำได้ว่าหยิบมาแล้วนะ” ริทบ่นเมื่อหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอจนคนข้าง ๆ สงสัย
“มีอะไรหรือเปล่า” นภัทรถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มร้อนใจ
“กลับรถหน่อยสิ...กลับไปที่กองก่อน” แทนที่จะตอบคำถามริทรีบบอกให้เปลี่ยนเส้นทางทันที
“ไปที่กอง...ไปทำไมหล่ะ” ร่างสูงถาม...ขับมาไกลแล้วนะ
“ชั้นลืมของไว้...เร็ว ๆ สิ” ริทเร่งอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ
“ของไรสำคัญมั้ย...พรุ่งนี้ค่อยไปเอาก็ได้มั้ง...ดึกแล้วนะ” อีกฝ่ายลองเสนอทางออก
“ชั้นบอกให้กลับรถยังไงเล่า!!!” ร่างบางประกาศลั่นจนนภัทรตกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและยอมกลับรถตามที่เจ้านายสั่ง...ถ้าไม่ใช่ของสำคัญหล่ะน่าดู
พอกลับมาถึงกองถ่ายซึ่งตอนนี้เริ่มเก็บของกันเกือบหมดแล้วจะเหลือเพียงทีมงานไม่กี่คนเท่านั้นร่างบางก็วิ่งเข้าไปหาของทันทีส่วนนภัทรก็พยายามสงบอารมณ์ก่อนจะเดินลงไปช่วยอีกฝ่ายหาเพราะถ้าไม่ช่วยมีหวังเขาไปตามนัดเพื่อน ๆ ไม่ทันแน่เลย
“แล้วของที่ว่ามันคืออะไรหล่ะ...ชั้นจะได้ช่วยหา” นภัทรบอกเมื่อเดินเข้ามาสมทบกับร่างบางที่รื้อของในห้องแต่ตัวอยู่
“ตุ๊กตาหมี” ริทบอกทั้งที่ยังหาของ
“ตุ๊กตาหมี!!!...นี่นายให้ชั้นขับรถกลับมาหาตุ๊กตาเนี่ยนะ” พอได้ยินว่าของสำคัญที่ว่าคือตุ๊กตาจากแฟนคลับก็เล่นเอานภัทรอารมณ์ขึ้น
“เออ!...ถ้าไม่ช่วยก็ออกไปเลย” คนที่ถูกขึ้นเสียงใส่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน...เสียงที่เอะอะดังไปจนทำให้ผู้ช่วยผจก.คนสวยที่ยังดูแลความเรียบร้อยอยู่เดินเข้ามาดู
“ใครน่ะ...อ้าวน้องริทเองเหรอ...แล้วนี่ทำอะไรอยู่ค่ะ” กาไอซ์ถามคนที่โวยวายก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นว่าใคร
“พี่มาก็ดี...เห็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลมั๊ย” คำถามที่ได้ฟังทำเอาคนฟังงงแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าทีมงานเอาบางอย่างมาฝากไว้
“เดี๋ยวนะ...พี่ว่าพี่เห็นนะคะ” กาไอซ์วิ่งออกไปข้างนอกสักพักทิ้งให้อีกสองคนยืนนิ่งมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น...ไม่นานนักไอซ์กลับเข้ามาพร้อมกับตุ๊กตาหมีถักสีน้ำตาล
“ตัวนี้ใช่มั้ยค่ะ...” เธอบอกก่อนจะส่งให้ร่างบาง
“ครับ...” ริทยื่นมือไปรับตุ๊กตามาถือไว้ก่อนจะมองอีกคนที่ยังทำหน้านิ่งจนน่ากลัว...ก่อนจะหันกลับมาที่กาไอซ์แล้วก็ขอตัวกลับก่อนซึ่งร่างสูงก็รีบเดินตามไปทันทีทิ้งให้ทีมงานคนสวยงงกับบรรยากาศมาคุเมื่อกี้นี้...ว่าแต่คนดูแลน้องริทที่มาแทนพี่เบียร์หล่อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
หลังจากขับรถออกมาทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครยอมพูดก่อนจนเป็นนภัทรที่ต้องเป็นคนทำลายบรรยากาศอึดอัดซะเอง
“แค่ตุ๊กตาถ้าหายไปเดี๋ยวชั้นซื้อให้ใหม่ก็ได้...ไม่เห็นต้องวุ่นวายเลย” นภัทรบอกเมื่ออารมณ์ขุ่น ๆ เบาลงไปบ้างเพราะรู้ตัวว่าเมื่อก็เสียงดังใส่อีกฝ่ายไป
“ซื้อมาได้...แต่มันก็ไม่เหมือนกัน” ร่างบางตอบไปทั้งที่ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่
“ไม่เหมือนตรงไหน...เดี๋ยวพรุ่งนี้จะซื้อมาให้สักสิบตัวเลย” ประโยคสุดท้ายคนพูดปนประชดทำให้คนฟังอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“จะกี่สิบตัวมันก็ไม่เหมือนกันเพราะตัวนี้คนทำเขาตั้งใจทำมาให้ชั้น...แต่ตัวอื่นมันไม่ใช่” เหตุผลที่ได้ฟังทำให้นภัทรรู้สึกแปลกใจว่าคนที่ออกจะเอาแต่ใจไม่สนใจคนอื่นแต่กลับมาให้ความสำคัญกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนี้...คิดแล้วก็นึกถึงคำพูดของพี่เบียร์บอก
“งั้นถ้าชั้นตั้งใจซื้อตุ๊กตามาให้นาย...นายก็จะหวงและกอดมันแบบนี้ใช่มั้ย” นภัทรแกล้งถามเมื่อได้รู้จักคนข้าง ๆ ในอีกมุมนึง...หมอนี่กับตุ๊กตาก็น่ารักไปอีกแบบแฮะ
“ปัญญาอ่อน...ชั้นไม่ใช่เด็กนะจะได้มานั่งกอดตุ๊กตาเล่น” พอเถียงเสร็จก็หันกลับมาจ๊ะเอ๋ตากลมโตของเจ้าหมีในอ้อมกอด...ก่อนจะรีบวางมันไว้อยู่บนเบาะหลังรวมกับของอื่น ๆ
“หึหึ...ไม่เด็กเลยแค่ผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโตเท่านั้นเอง” ประโยคหลังนภัทรบ่นกับตัวเองเบา ๆ
หลังจากช่วยพ่อซุปตาร์ขนของฝากกองใหญ่ขึ้นไปเก็บที่ห้องแล้วแต่ก็นภัทรก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปในห้องของอีกฝ่ายสักทีเพราะเจ้าตัวยืนกรานเสียงแข็งว่าให้ส่งแค่นี้พอนภัทรเลยต้องทำใจแต่ก็คิดไว้ว่ายังไงต้องเขาไปดูให้ได้เลยยังไงวันพระก็ไม่ได้มีหนเดียวหรอกน่า...แล้วทำไมต้องอยากเข้าห้องหมอนี่ด้วยหล่ะ...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพิ่งเห็นว่าลืมใส่ชื่อตอน...555+ ขอโทษด้วยนะคะ
ความคิดเห็น