คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter IV
-- IV --
“ไม่...ยังไงก็ไม่เด็ดขาด!!!” เสียงปฎิเสธลั่นเมื่อได้ยินความคิดจากผู้จัดการสาวคนสนิท...ส่วนคนที่ถูกพาดพิงกลับทำหน้านิ่ง...พูดคำว่าไม่อย่างไม่ต้องคิดเลยนะไอ้เตี้ย
“ริทมันก็แค่แป๊บเดียว...จนกว่าพี่จะหาคนที่ไว้ใจได้น่ะ” เบียร์บอกด้วยเหตุผลอีกครั้ง
“นั้นสิน้องริท...มันจำเป็นจริง ๆ นะถ้าพี่ทำเองได้พี่ทำแล้ว” หนึ่งบอกอย่างหนักแน่นจนร่างสูงที่นั่งฟังอยู่นานอดยิ้มกับท่าจริงจังนั้นไม่ได้...ลงทุนกันขนาดนี้เลยเนี่ยพี่หนึ่งพี่เบียร์
พอเห็นพี่ ๆ ทั้งสองคนยืนยันหนักแน่นก็ทำให้ร่างบางเริ่มลำบากใจเผลอมองไปที่ใครอีกคนหนึ่งที่นั่งเงียบทำเป็นทองไม่ร้อนทั้งที่ตัวเองมีส่วนในเรื่องนี้มากที่สุด...เอาไงดีวะ
“ริท...ถ้าไม่จำเป็นพี่คงไม่ขอร้องริทหรอก...เข้าใจพี่ใช่มั้ยจ๊ะ” เพราะอยู่ในวงการมานานเรื่องตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ(นิดหน่อย)ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของหญิงสาว
“พี่เบียร์อ่ะ...” ริทเอ่ยเสียงเบาอย่างลำบากใจเพราะรับรู้ถึงเหตุผลที่เบียร์ไม่สามารถทำให้เขาต่อไปได้...แต่จะให้ไอ้นี่มาทำแทนเนี่ยนะ...
และเหมือนพี่คนนี้จะรู้ใจของเจ้าตัวดีจึงดึงร่างบางเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อจะคุยกันสองคนแต่ก็ไม่วายมีคนเอียงตัวมาสุมหัวด้วยอีกคน...จนเบียร์ต้องจัดการสั่งสอนไปอีกสักทีก่อนเจ้าตัวจะเดินไปนั่งข้าง ๆ นภัทรที่หลุดขำกับภาพตรงหน้าแทน
“ฟังด้วยก็ไม่ได้...เชอะ” หนึ่งบ่นเมื่อนั่งลงบนโซฟาแต่ก็ไม่วายจ้องเบียร์กับริทเขม้งราวกับจะอ่านริมฝีปากของทั้งคู่ออก...เบียร์ส่ายหัวให้กับความกากของสามีส่วนร่างสูงที่อยู่ข้าง ๆ กันนั้นขำท้องแข็งไปเรียบร้อยแล้ว
“พี่รู้ว่าริทกังวลเรื่องอะไร...แต่พี่ก็คิดดีแล้วถึงได้เสนอทางออกนี้” พอได้อยู่กันลำพังเบียร์ก็เริ่มอธิบายเหตุผลให้ร่างบางเข้าใจ
“พี่จะเป็นคนคอยรับงานดูแลคิวงานของริททุกอย่างเหมือนเดิม...เพียงแต่ว่าพี่คงไปไหนมาไหนกับริทเหมือนแต่ก่อนไม่ได้...เพราะคุณหมอสั่งให้พี่พักในช่วงสองเดือนแรกเพราะมดลูกพี่ไม่แข็งแรงโอกาสที่จะ...แท้งมันสูงหน่ะ” หญิงสาวเว้นวรรคก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายซึ่งทำให้ริทเงยหน้าสบตาด้วยทันที
“แท้งเลยเหรอฮะ” เหตุผลที่ทำให้ริทหมดข้ออ้างทันที...เพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าทั้งคู่อยากมีลูกแค่ไหน...นี่ริทต้องยอมรับชะตากรรมใช่มั้ยเนี่ย
“จ๊ะ...ที่พี่ให้กันทำงานนี้แทนพี่ก็เพราะพี่คิดว่ากันคงดูแลริทแทนพี่ได้...” คนฟังคิ้วขมวดอย่างสงสัย
“เพราะช่วงนี้ริทก็มีแต่งานละครซึ่งคิวที่ให้ไว้ส่วนใหญ่ก็เป็นงานเช้าถ่ายทำยันดึก...ถ้าพี่ให้ยุ้ยหรือพี่แหววมาดูแลริททั้งที่เขามีเด็กในสังกัดเยอะอยู่แล้วก็คงจะคอยรับส่งริททุกงานไม่ได้” เบียร์พูดถึงเออาร์ที่น่าไว้ใจอีกสองคนที่อยู่สังกัดเดียวกันซึ่งเป็นคนที่คิดว่าร่างบางจะเอามาอ้าง...
“งั้นเราก็จ้างคนขับรถทั่วไปก็ได้นี่ฮะ...เพราะยังไงพี่เบียร์ก็ยังรับงานให้ริทเหมือนเดิม” ริทยิ้มอย่างสบายใจกับทางออกที่เจ้าคิดได้
“แล้วริทมั่นใจว่าพวกนี้ไว้ใจได้...ไม่เอาเรื่องส่วนตัวริทไปพูดต่อเหรอ” เบียร์รีบแย้งทันที...หัวไวชะมัดสมแล้วที่เคยเรียนหมอ
“เราก็ให้เขาเซ็นต์สัญญาสิ...ถ้าผิดสัญญาเราก็ฟ้องเลย” เหตุผลข้อนี้ทำเอาเบียร์ต้องใช้แผนสุดท้าย
“ฟ้องได้แต่มันคุ้มกับข่าวที่จะเกิดมั้ย...เอาหล่ะถ้าริทลำบากใจ...พี่จะทำงานเหมือนเดิมก็ได้จ๊ะจนกว่าจะหาคนที่ริทโอเคได้...พี่ก็ไม่อยากให้ริทไม่สบายใจเดี๋ยวมันจะมีผลกระทบกับงาน” ใบหน้าที่ยิ้มอย่างคนที่เห็นแก่งานมากกว่าเรื่องส่วนตัวนั้นแทบจะได้รางวัลออสการ์เลยทีเดียว...(รบกวนรีดเดอร์นึกถึงใบหน้าของ แคทเธอรีน ซีต้า โจนส์ ในหนังเรื่อง
“งั้น...ให้...ทำแทนไปก่อนก็ได้...แต่พี่เบียร์ต้องหาคนใหม่ให้เร็วที่สุดนะ” ริทบอกเบา ๆ อย่างจำใจโดยสะบัดหน้าไปทางผู้จัดการส่วนตัวคนล่าสุดแทนการพูดชื่ออีกฝ่ายออกมา
“ริทแน่ใจนะว่าโอเคหน่ะ...พี่ไม่อยากทำให้ริทลำบากใจ” ไหน ๆ จะจบทั้งที่ต้องจบให้สุดเบียร์ยังแสดงบทผู้จัดการที่เสียสละต่ออีกก่อนจะขยิบว่าแผนสำเร็จให้หนึ่งที่ยังพยายามอ่านปากอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งที่ไม่รู้เรื่องเลยสักคำ
“ฮะ...ทำอย่างกับริทมีทางเลือกอื่น” ร่างบางตอบรับแต่ประโยคสุดท้ายเบาราวกับปลอบใจตัวเอง...นี่ชั้นคิดผิดหรือเปล่าเนี่ยที่ให้ไอ้ตัวแสบดูแลริทเนี่ย...
สุดท้ายพอหมอตรวจดูอาการเบียร์เป็นครั้งสุดท้ายและกำชับเรื่องการดูแลตัวเองในช่วงสองเดือนต่อจากนี้เรียบร้อยทั้งหมดก็กลับบ้านโดยที่เบียร์ยังขอร้องให้ริทกลับมาด้วยกันเพราะต้องจัดการเรื่องงานให้เรียบร้อยซึ่งเจ้าตัวก็ไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธอยู่แล้ว...เพราะละครเรื่องนี้เป็นบทที่เจ้าตัวอยากแสดงมากที่สุด
“โหยยย...มันจะมากไปมั้ยครับพี่” นภัทรโวยเมื่อเห็นลิสต์สิ่งที่ต้องทำของการเป็นผู้ช่วยผู้จัดการส่วนตัวของซุปตาร์เรืองฤทธิ์คนนี้...นี่มันยังกะคนรับใช้ส่วนตัวเลยนะเนี่ย...พี่เบียร์ทำทั้งหมดมาตลอดเลยเหรอ
“อะไรแค่นี้ทำเป็นบ่น...ตอนพี่เสนอแกยังบอกเรื่องง่าย ๆ ไงใครก็ทำได้” เบียร์ดักคอร่างสูงที่ทำหน้าถอดใจตั้งแต่แรกแล้ว...ส่วนริทที่นั่งคุยกับหนึ่งอยู่อีกด้านก็หันมามองเมื่อเห็นว่าร่างสูงโวยทำให้รู้สึกดีใจเพราะเริ่มมีความหวังว่าบางทีเขาอาจไม่ต้องทนกับคนบางคนก็ได้
“แต่นี่มันมากเกินไปนะครับ...” ร่างสูงบ่นก่อนจะกลับไปอ่านกระดาษในมืออีกครั้งคราวนี้ถึงกับออกเสียงมาดัง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อกับสิ่งที่รับรู้
“คอยไปรับไปส่งทุกที่ทุกเวลา...คอยเตือนเรื่องการกินอาหารและวิตามิน...ดูแลเรื่องการออกกำลังกาย...คอยติดต่อกับแฟนคลับและที่สำคัญที่สุดพร้อมสำหรับการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง...”
“โอ๊ยยยย...ไม่ให้ผมจับมันอาบน้ำแต่งตัวแล้วพาเข้านอนด้วยเลยหล่ะครับพี่” นภัทรพูดอย่างเหลืออดจนเบียร์อดที่จะขำไม่ได้ก็คนที่มีคนเคยช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่เด็กพอมาเห็นงานที่มันต้องดูแลคนอื่นแบบนี้ถึงกับทนไม่ไหว
“ไอ้ที่แกอ่านมาเมื่อกี้...มันไม่ใช่หน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวทั้งหมดหรอกแต่เป็นสิ่งที่พี่เต็มใจทำให้ริท” คนฟังได้แต่อึ้งพลางคิดว่าทำไมพี่ตัวเองถึงทำขนาดนี้
“พี่ทำเพราะรักริท...รักพอ ๆ กับที่พี่รักกัน...เพราะฉะนั้นถ้ากันจะมาทำงานนี้กันก็ต้องทำให้ได้เหมือนพี่หรือพูดอีกอย่าง...รักริทให้ได้เท่าพี่” คำพูดสุดท้ายราวกับเธอต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างออกไปแต่ไม่รู้ว่าคนฟังจะเข้าใจหรือเปล่า
“นี่พี่รักไอ้เตี้ยขนาดนั้นเลยเหรอ” ร่างสูงถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว...และถ้ากันได้รู้จักริทมากกว่านี้กันก็จะเข้าใจ” รอยยิ้มจริงใจจากเบียร์ทำให้นภัทรเริ่มไม่แน่ใจว่าการที่เขารับอาสาจะทำงานนี้มันจะดีจริงหรือเปล่า...ทั้งที่ตอนแรกยอมรับปากเพราะต้องการที่จะกวนประสาทพ่อซุปตาร์เล่นเท่านั้นไม่คิดว่ามันจะต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย
“ว่ายังไง...เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” เบียร์ถามน้องชายสุดที่รักอีกครั้ง...ร่างสูงได้แต่สบตานิ่งกับพี่สาวก่อนจะหันไปมองอีกคนที่นั่งหน้าเครียดเล่นเกมส์กับพี่หนึ่งก่อนจะหันมาตอบ
“ตกลงครับ...ผมจะลองทำดู” นภัทรตอบด้วยความมั่นใจ...งานแค่นี้คนอย่างนภัทรมีเหรอจะยอมแพ้ในเมื่อรับปากแล้วเขาก็ไม่คิดจะผิดสัญญาด้วย...ว่าแต่ไอ้ผู้จัดการส่วนตัวเนี่ยมันได้เงินเดือนเท่าไหร่กันวะ
...........................................................................................................................................................
พอน้องชายตัวดีตัดสินใจทำแล้วเบียร์ก็คุยงานเคล้า ๆ ให้เจ้าตัวฟังอีกสักพักและเมื่อเห็นว่าร่างสูงเข้าใจดีแล้วก็ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้น้องชายก่อนจะชวนไปสมทบกับอีกสองหนุ่ม
“หิวกันรึยังหล่ะ...เอางี้กันกับริทไปซื้อของสดมาหล่ะกันเดี๋ยวพี่จะทำให้กินเอง” หญิงสาวเดินมาบอกส่วนร่างสูงก็มองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเดินไปที่รถโดยไม่ได้พูดอะไร
“ไมต้องเป็นริทหล่ะ...” ร่างบางรีบแย้งทันที
“ก็ริทจะได้เลือกไงว่าอยากกินอะไร...ให้หนึ่งไปเดี๋ยวก็เลือกไม่ถูกอีก” เบียร์สบตากับหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณ
“งั้นริทไปกับพี่หนึ่ง” ร่างบางหาทางออกพร้อมกับหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้หนึ่ง
“เอ่อ...น้องริทอย่าทำหน้าแบบนี้สิ...ไปกับไอ้กันน่ะดีแล้วจะได้ทำความคุ้นเคยกันไว้...นะคร้าบบ” สุดท้ายริทก็อ้อนอีกฝ่ายไม่สำเร็จเมื่อหนึ่งถูกล็อบบี้ไว้เรียบร้อยแล้ว...
“ก็ได้!” ร่างบางตอบเซ็ง ๆ แล้วก็ลุกตามออกไป...เมื่อออกมาที่รถนึกว่าอีกคนจะนั่งรอในรอกลับกลายเป็นยืนพิงรออยู่ริทแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วรีบเดินไปขึ้นรถแต่ก็โดนอีกฝ่ายรั้งไว้ก่อน
“เดี๋ยว...นายต้องนั่งข้างหน้ากับชั้น” นภัทรหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่ง...ไม่มีคำตอบจากริทแต่เจ้าตัวก็เดินไปนั่งตามที่อีกคนบอกทันที...มาแปลกแฮะก็ดีเหมือนกัน
สุดท้ายทั้งคู่ก็ขับรถออกไปโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย...แล้วนี่มันจะไปรอดมั้ยเนี่ยเบียร์ได้แต่คิดเมื่อแอบดูทั้งคู่จากหน้าต่าง
“นายลืมไปรึเปล่าว่ากินกันแค่สี่คนหน่ะ” นภัทรบ่นเมื่อมองอาหารและขนมต่าง ๆ ที่เต็มรถเข็นเพราะคนที่เดินนำเขาอยู่หยิบทุกอย่างที่ดูน่าสนใจสำหรับเจ้าตัวมาใส่
“ชิ...กินไม่หมดก็เก็บไว้ในตู้เย็นสิ” ริทหันมามองด้วยอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปเลือกผลไม้ต่อ...คนท้องต้องบำรุงเยอะ ๆ เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้รึไงนะ
“เฮ้อออ...” เสียงถอนหายใจทำให้ร่างบางตัดสินใจรีบเลือกแล้วก็กลับดีกว่า
“อ่ะเสร็จแล้ว...กุญแจรถหล่ะ” พอได้ของตามที่ต้องการริทก็แบมือของกุญแจรถทันที
“จะเอาไปทำไม” คนฟังได้แต่งง
“ก็จะไปรอในรถไง...ที่เหลือนายก็จัดการไปสิ” คำตอบที่มาพร้อมยิ้มกวนประสาททำให้นภัทรรู้ทันทีว่าโดนเข้าให้แล้วไง
“หมดนี่เนี่ยนะ...” นภัทรได้แต่ทำตาโตกับของตรงหน้า...เยอะนะโว้ย
“อือ...เพราะชั้นมีหน้าที่เลือกนอกนั้นก็เป็นหน้าที่ของนาย...หรือว่านายจะไปบอกพี่เบียร์ให้หาคนใหม่แทนหล่ะ” นั้นไง...ว่าแล้วทำไมถึงไม่เรื่องเยอะตั้งแต่แรกที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เองนภัทรมองอีกฝ่ายที่กำลังพอใจที่ได้หาทางทำให้เขาเป็นฝ่ายถอนตัว...
“นี่ครับกุญแจ...เชิญคุณไปรอในรอให้สบายเลยครับเดี๋ยวผมตามไป” ร่างสูงยิ้มหวานกลับไปแทนคำตอบทำเอาริทหุบยิ้มแล้วก็เดินไปทันที...ชั้นไม่ยอมให้นายเอาเปรียบฝ่ายเดียวหรอกนะ...เดี๋ยวก็รู้ใครจะได้กำไรมากกว่า
“ดี...ทนได้ทนไป...อยากจะรู้ว่าจะทนได้สักกี่น้ำ” ริทบ่นเมื่อเดินเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว...
ไม่นานนักนภัทรก็เดินออกมาที่ลานจอดรถแต่แทนที่ร่างสูงจะต้องเหนื่อยเพราะของมากมายที่ร่างบางเลือกไว้กลับกลายเป็นเดินตัวปลิวอย่างอารมณ์ดีเพราะมีพนง.ของซูปเปอร์มาเก็ตเดินเข็นรถตามมาพร้อมกับขนของทุกสิ่งอย่างใส่ท้ายรถโดยที่เจ้าตัวยืนชิล ๆ ดูอย่างอารมณ์ดีก่อนจะให้ทิปไปเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย...ริททำหน้าเซ็งทันทีเมื่อไม่สามารถแกล้งอีกคนไม่สำเร็จ
“นายยังไม่ได้คาดเข็มขัดนะ...” ไม่พูดเปล่านภัทรเอี้ยวตัวมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ร่างบางทันทีโดยตั้งใจให้ใกล้อีกฝ่ายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จนดูเหมือนเขากำลังกอดอีกฝ่ายอยู่แถมตอนนี้แก้มของทั้งคู่ก็สัมผัสกันด้วย
“นี่...ทำอะไรหน่ะ” ริทร้องทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายแกล้ง...
“นายว่าไงนะ” แล้วพอร่างบางพูดเท่านั้นแหละนภัทรก็รีบหันกลับมาตอบแต่มันดันกลายเป็นเอาจมูกโด่งฝั่งไปที่แก้มใสก่อนจะเลื่อนมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายโดยที่ปลายจมูกของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงเซน...คุ้มวะนภัทรได้แต่คิดในใจ
ส่วนคนที่โดนเอาคืนตอนนี้ใจเต้นแรงจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกขโมยหอมไปต่อหน้าต่อตาแถมตอนนี้ยังโดนจ้องด้วยสายตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน...และดูเหมือนแค่นั้นจะยังไม่พอเพราะความที่ใกล้กันมากขนาดนี้กลิ่นน้ำหอมของอีกฝ่ายยังทำให้ริทรู้เบลออย่างบอกไม่ถูก...
“เสร็จแล้วก็ไปสักทีสิ” ริทบอกเมื่อหันหน้าหลบสายตาคู่นั้น...นี่ถ้าเป็นสาว ๆ มาเห็นมีหวังละลายแน่เลยเพราะขนาดเขาเองยังรู้สึกได้เลยว่าตาไอ้บ้านี่มัน...มีเสน่ห์ชะมัด
“อ๋อ...ได้สิ” นภัทรตอบอย่างอารมณ์ดีเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายชนะในครั้งนี้...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เดากันถูกหมดเลย... ว้า...จะพยายามให้สนุกหล่ะกันนะคะว่าแต่ฉากที่ว่าจะมีคนเคยเห็นมั้ยน้า
หวังว่าตอนต่อไปคงจะไม่น่าเบื่อนะคะสำหรับพล็อตเรื่องประมาณนี้
ความคิดเห็น