คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter XV
- XV -
ผ่านไปเกือบสิบห้านาทีนภัทรที่เดินหาเกือบจะรอบงานเลี้ยงแล้วแถมไอ้ห้องอาหารบ้านี่ก็ใหญ่ใช่เล่นแต่ก็ไม่น่าที่จะหาร่างบางไม่เจอเว้นเสียแต่ว่า...ไม่อยู่ นภัทรกดโทรศัพท์หาอีกครั้งแต่ก็เป็นเหมือนก่อนหน้าทุกครั้งคือไม่มีคนรับสาย...
“โว้ยยย...ทำไมไม่รับวะ!!!” คนที่เริ่มหัวเสียบ่นออกมาในที่สุดและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อนรักสองคนเดินเข้ามาสมทบพอดี
“ใจเย็น ๆ ดิ...คงอยู่แถวนี้มั้ง” เซนที่เห็นเพื่อนร้อนใจก็บอกให้คิดในแง่ดีไว้ก่อนแต่ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงแถมตองก็ยังไม่อยู่ในงานอีก...ขออย่าให้สิ่งที่เขาคิดมันเป็นจริงเลยเพราะไม่อย่างนั้น
“แต่ริทไม่รับโทรศัพท์กู...” พูดจบร่างสูงก็ทำท่าจะวิ่งออกไปติดที่เก่งรั้งเอาไว้ซะก่อน
“ไอ้กัน...มึงใจเย็นก่อน...เดี๋ยวลองถาม พนง. ก่อนดิวะ...เผื่อว่ามีคนเห็น” เก่งยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟคนนึงให้เดินมาหาแล้วก็บรรยาลักษณะของร่างบางให้ฟัง...คนฟังทำท่านึกก่อนจะตอบไปตามที่เห็น
“อ๋อ...คุณคนนั้นออกไปกับคุณตองครับ”
“ห๊ะ...” คำตอบที่ได้ทำเอาสามหนุ่มร้องออกมาพร้อมกัน...โดยเฉพาะเซนที่ตอนนี้หัวใจของเขากำลังบีบรัดแน่นจนเจ็บ
“นั้นไงครับ...คุณตองอยู่ตรงโน้น” นภัทรไม่รอช้าเดินจ้ำไปถึงตัวหญิงสาวแล้วกระชากแขนเรียวจนเจ้าตัวตกใจกับการพุ่งมาอย่างไม่ตั้งตัว
“อุ๊ย...อะไรคะ” ตองตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ปรับรอยยิ้มหวานให้มาประดับบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“คุณพาริทไปไหน” เสียงทุ้มเค้นถามพร้อมกับมือที่เผลอกำแน่นอย่างลืมตัว...จนกระทั่งเซนเดินมาจับมือเพื่อนที่บีบแขนแฟนสาวจนแน่นออกนภัทรถึงได้คลายมือออก
“ตองรีบตอบไอ้กันมันไปดีกว่า...” เซนจ้องใบหน้าสวยอย่างผิดหวังสายตาที่มองมานั้นทำให้อินทุกรรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่เธอทำนั้นจะมีผลตามมามากขนาดนี้
“ตอบมา!!!” นภัทรถามอีกครั้งและครั้งนี้ก็ไม่เหลือความเกรงใจเพื่อนรักแล้วเพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับริทล่ะก็เขาจะไม่มีวันให้อภัยคน ๆ นั้นแน่...ก่อนที่การคุยกันของทั้งสามจะทำให้แขกในงานตกใจไปมากกว่านี้เก่งก็รีบวิ่งเข้ามา
“กัน...กูเช็คกล้องวงจรปิดแล้ว...เห็นริทเข้าลิฟต์ไปกับตอง” ใบหน้าหวานเปลี่ยนสีเมื่อทุกอย่างมันชี้มาที่เธอ
“ลิฟต์...ลิฟต์ตัวไหน” เซนรีบถามขึ้นเพราะเขารู้จักโรงแรมนี้ดีเผื่อจะคาดเดาสถานที่นั้นได้
“ลิฟต์ตัวซ้ายสุดของทางออกด้านโน้น” เก่งรีบบอก
“คุณพาริทขึ้นไปทำไม” เซนที่กุมมือเรียวหันขวับมาถามคนข้าง ๆ ตัวทันทีเพราะเขารู้ดีกว่าลิฟต์นั้นมันพาไปที่ไหน
“อะไร...ลิฟต์นั้นขึ้นไปไหน” นภัทรที่เงียบฟังมาสักพักก็หมดความอดทนถามขึ้นอีกคนแต่เซนไม่รอช้ารีบหยิบคีย์การ์ดส่วนตัวของเขาใส่มือเพื่อนรักทันที
“มึงขึ้นไปก่อน...เดี๋ยวกูตามไป” นภัทรและเก่งรีบวิ่งออกไปจนทำเอาแขกเรื่อในงานเริ่มหันมามองเจ้าภาพเป็นตาเดียวแล้วและเซนก็ต้องรีบปิดงานนี้ก่อนที่อะไรมันจะแก้ไขไม่ได้
“เพนท์เฮ้าส์” ทั้งสองคนมองหน้ากันเมื่อเห็นว่าปุ่มกดในลิฟต์มีเพียงจุดหมายเดียว...เกิดคำถามที่ตามมาว่าทำไมตองต้องพาริทขึ้นไปที่นั้นด้วยและคำถามที่นภัทรกลัวมากที่สุด...ริทอยู่กับใคร!
ภายในห้องนอนกว้างที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเตียงนอนคิงส์ไซส์สุดหรูที่ตอนนี้มีร่างกึ่งเปลือยของริทนอนอยู่...หลังจากที่ปฐวีอุ้มเขาเข้ามาฝ่ายนั้นก็ค่อย ๆ ถอดเสื้อสูทและเชิ้ตของริทออก...การส่งเสียงดังทำให้ริทรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์เจ้าตัวเลยหันกลับมาพูดจากับอีกฝ่ายดี ๆ เผื่อว่าจะมีโอกาสบ้าง
“คุณทำแบบนี้ทำไม...ผมไม่เคยรู้จักกับคุณ...คุณปล่อยผมเถอะนะ” ร่างบางเอ่ยขึ้นขณะที่ถูกอีกฝ่ายสำรวจร่างกายอย่างเมามันร้องขอขึ้น...ความรู้สึกขยะแขยงมันเอ่อล้นแต่ริทก็ต้องอดทน
“ยอมพูดดี ๆ กับผมแล้วเหรอ” ปฐวียันกายขึ้นมามองหน้าอีกฝ่ายซึ่งก่อนหน้านี้เอาแต่แหกปากร้องด่าเขาอย่างไม่มีดี...รอยยิ้มที่น่ากลัวฉายบนใบหน้าทำให้ริทรู้ว่าสิ่งที่ริทกำลังทำนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลยเพราะดูจากแววตาแล้วหาความเมตตาจากคนตรงหน้าไม่ได้เลย...ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันทำไมถึงทำแบบนี้กับเขานะ
“ผมขอร้องคุณ...ปล่อยผมไปเถอะ” ริทพยายามอีกครั้งใบหน้าหวานตอนนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่เกิดจากความกลัวล้วน ๆ ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น จริง ๆ มันก็แค่เซ็กส์แต่สำหรับริทแล้วมันไม่ใช่...ครั้งแรกมันต้องไม่ใช่แบบนี้และต้องไม่ใช่กับคนนี้
“ผมก็ไม่ได้พิศวาสอะไรคุณนักหรอก...เพียงแต่ผมรับปากกับใครแล้วผมต้องทำตามที่สัญญาก็เท่านั้นเอง” ปฐวีตอบเรียบง่ายทั้งที่ใจจริงเขาก็สงสารคนตรงหน้าอยู่แต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาเริ่มแล้วเขาก็อยากทำต่อไปจนจบแม้อีกฝ่ายจะไม่เต็มใจก็ตาม...เขาไม่แคร์
“ใคร...มีคนสั่งให้คุณทำงั้นเหรอ...ทำไม...ผมไปทำอะไรให้ใคร!” พอได้ฟังริทถึงกับลืมแผนที่จะพูดดี ๆ ให้อีกฝ่ายใจอ่อน
“เออ...ผมว่าเราน่าจะเก็บเรื่องราวของคุณกับผมเป็นที่ระลึกสักหน่อยก็ดีนะ...เพราะผมคงไม่มีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดดาราดังบ่อยนัก” พูดจบอีกฝ่ายก็เดินไปหยิบโทรศัพท์แล้วก็จัดแจงให้มันอยู่ในที่ที่จะทำหน้าที่บันทึกภาพได้เหมาะที่สุด
“อย่านะ...กัน...นายอยู่ที่ไหน...กัน” ริทนึกถึงคนเดียวในตอนนี้คนที่บอกว่าเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว...ตอนนี้กันอยู่ไหน...หลังจากจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วปฐวีก็กลับมาสานต่อสิ่งที่เขาเริ่มไว้
“กัน...กัน...กัน...” เสียงเรียกแผ่วเบาดังจากคนที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้าและยังไม่ทันที่ปฐวีจะเดินมาถึงร่างบางที่นอนนิ่งรอเขาอยู่...เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นทำให้ปฐวีต้องเดินออกมาดูแต่ไม่ทันได้เปิดประตูก็เปิดออกพร้อมกับหมัดหนัก ๆ ที่เล่นงานตรงเข้าที่ใบหน้าหล่ออย่างไม่ให้ทันได้ตั้งตัวเลย
เก่งและนภัทรมาหยุดยืนอยู่ภายในห้องเพนต์เฮ้าส์สุดหรูที่ตอนนี้บริเวณห้องรับแขกนั้นว่างเปล่ามือแค่เพียงโทรศัพท์มือถือที่นภัทรจำได้ทันทีว่าเจ้าของคือใคร...
“ริท...ทำไมโทรศัพท์ริทถึงดะ..ได้” แต่นภัทรยังพูดไม่ทันจบเก่งก็ส่งสัญญาณให้เงียบทันทีและชี้ไปที่ประตูห้องด้านในสุดซึ่งน่าจะเป็นห้องนอนที่ตอนนี้ปิดสนิทแต่เขาทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ในนั้น
นภัทรตัดสินใจที่จะไม่ใจเย็นอีกต่อไปร่างสูงเปิดประตูออกทันทีแล้วก็จัดการใครก็ไม่รู้ที่ยืนถอดเสื้ออยู่กลางห้องอย่างบ้าคลั่ง...เวลาผ่านไปจนเก่งเห็นว่าอีกฝ่ายแน่นิ่งไปจึงรีบเข้าไปห้ามเพื่อนรักก่อนที่จะกลายเป็นฆาตกรไปซะก่อน...เพิ่งเคยเห็นเวลามันฟิวส์ขาดครั้งแรกเก่งได้แต่อึ้งไปทำอะไรไม่ถูกมาตั้งสติได้ก็เพราะสายตาหันไปเห็นอีกคนที่นอนบนเตียงนั้นแหละ
“ไอ้กัน...ไอ้กันพอแล้ว!” เก่งกระชากแขนเพื่อนแรง ๆ เพื่อให้ได้สติและเป็นจังหวะเดียวกันที่เซนก็ตามมาสมทบด้วยอีกคน
“เป็นไงบ้างว่ะ...เฮ้ยยย” เซนร้องลั่นเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนเลือดของใครอีกคน
“มึงไปดูริทก่อน...เดี๋ยวไอ้นี่พวกกูจัดการเอง” เก่งกอดนภัทรไว้เพื่อไม่ให้พุ่งไปทำร้ายอีกฝ่าย...
“ใช่...ไปดูริทก่อน ถ้าไม่ไหวก็พักซะทีนี้ก่อน...รอให้อาการดีขึ้นแล้วค่อยไปกูกำชับคนไว้แล้วว่าไม่ให้ใครพูดถึงเรื่องนี้” เซนเข้ามาประคองร่างที่เหลือสติเพียงน้อยนิดออกไปทิ้งให้นภัทรใจเย็นลง
ร่างสูงกำลังสงบสติอารมณ์นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยจะเป็นแบบนี้คนที่เยือกเย็นและใช้สติคิดก่อนทำมาตลอดกลับมาทำอะไรที่ไม่ยั้งคิดแบบนี้ นี่ถ้าไอ้เก่งไม่ห้ามเอาไว้เขาก็ไม่รู้ตัวว่าจะหยุดตัวเองได้หรือไม่ยิ่งคิดว่าถ้าเขามาไม่ทันหล่ะ...นภัทรรู้สึกถึงความเจ็บที่มือก่อนจะยกขึ้นดูและเห็นว่ามีเลือดติดอยู่ซึ่งเขาก็บอกไม่ได้เลยว่ามันของคนเลวคนนั้นหรือคนไม่เอาไหนอย่างเขากันแน่
นภัทรเดินออกไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็เตรียมผ้าชุบน้ำเพื่อเข้าไปดูอาการร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง...นภัทรมาหยุดอยู่ข้างเตียงสำรวจใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตาและดูเหมือนว่าริทยังมีสติดีอยู่เพราะเจ้าตัวกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ด้วย...
“ริท...” เสียงนุ่มเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะเช็ดใบหน้าใส...ริทที่รู้สึกว่ามีอะไรมาสัมผัสที่ใบหน้าก็กลัวสุดขีดคิดว่าคนนั้นกลับมาอีกแล้วเสียงเรียกชื่อคน ๆ เดียวที่คิดถึงมากที่สุดก็ดังขึ้นมาอีก...
“กัน...กัน...กัน” คนฟังรู้สึกประหลาดใจจนบอกไม่ถูกทั้งดีใจและเสียใจมากที่สุดในคราวเดียว...นภัทรค่อย ๆ ก้มลงไปสัมผัสแก้มใสอย่างทะนุถนอม...ความรู้สึกอ่อนโยนที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิงทำให้ริทใจตกใจดวงตาหวานค่อย ๆ ลืมมองคนตรงหน้า
“กัน...นะ...นายมาแล้ว...ฮืออ” ความรู้สึกโล่งอกที่มีทำให้ริทเก็บความกลัวเอาไว้ไม่อยู่ร่างบางร้องไห้อย่างไม่อายเพราะในที่สุดคำร้องขอของเขาก็เป็นจริง...กันมาช่วยแล้ว
“ใช่...ชั้นอยู่นี่แล้ว” นภัทรกอดคนตรงหน้าเอาไว้จนแน่น...แน่นที่สุดเหมือนเป็นการบอกว่าจะไม่ปล่อยให้ร่างบางหลุดไปไหนได้อีก...
เวลาผ่านไปสักพักจนริทเริ่มขยับตัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าร่างกายเริ่มกลับมามีแรงเหมือนเดิมแล้วอีกอย่างก็รู้สึกว่าหน้ามันร้อนผิดปกติที่เป็นอย่างนั้นก็คงเป็นเพราะสภาพของตัวเองที่กึ่งเปลือยแถมตอนนี้ยังถูกใครบางคนกอดไว้จนแน่นด้วย
“เอ่อ...ปะ...ปล่อยชั้นได้แล้ว” ร่างในอ้อมกอดร้องบอกเสียงเบาแต่นภัทรแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ไม่...เมื่อกี้ใครกันที่เรียกชั้นไม่หยุดปาก” อยากอยู่อย่างนี้อีกสักพักนึงอ่ะนภัทรไม่ปล่อยแถมยังแกล้งพูดย้ำความน่ารักเมื่อกี้ของริทขึ้นมาอีก
“....” ผิดจริงทุกข้อกล่าวหา...ร่างบางเลยได้แต่เงียบ...ชิส์
“ขอโทษ...ถ้าชั้นไม่ทิ้งนายไว้คนเดียว..” นภัทรยอมคลายอ้อมกอดก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อขอโทษจากใจจริง ดวงตาใสได้แต่จ้องเข้าไปมองใบหน้าคมเข้มราวต้องมนต์สะกดยิ่งและยิ่งมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้ด้วยแล้วก็ทำให้ริทยากที่จะละสายตาไปได้และเมื่อริทไม่พูดอะไรอีกฝ่ายก็ถามต่อ
“มันทำตรงไหนบ้าง” นภัทรเอ่ยปากถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมาคนฟังที่ใจตุ๋ม ๆ ต๋อม ๆ อยู่แล้วเลยกลายเป็นเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายถามถึง
“ยะ...ยังไม่ได้ทำอะไร...” ริทตอบไปตามตรงแต่สายตาที่จ้องมานั้นฉายแววไม่เชื่อเพราะดูจากสภาพของร่างบางแล้วมันน่าจะมากกว่านั้น...ก็ใครจะอดใจได้เล่า
“แค่...จูบเท่านั้น” พอถูกจ้องเขม้งแถมคนด้านบนก้มหาเข้ามาอีกริทก็เลยต้องความจริงไป...ถามทำไมเนี่ย
“ตรงไหน” คนฟังได้แต่ทำตาโตใส่กับคำถามเพราะตอบไม่ได้...ใครจะไปอยากจำวะ >_<
“ถ้าไม่ตอบ...ชั้นถือว่าทุกที่นะ” นภัทรพูดจริงเพราะเขาทนไม่ได้ที่ใครหน้าไหนก็ไม่รู้กล้ามาล่วงเกินคนตรงหน้า...พอเห็นริทนิ่งนภัทรก็จะทำตามที่พูดจริง ๆ
“ตรงนี้” ร่างบางแล้วก็หันหน้าหนีเพราะสู้สายตาหวานนั้นไม่ไหวแล้ว...ถ้าอีกฝ่ายเปิดไฟทุกดวงคงเห็นว่าใบหน้าของริทแดงก่ำไปหมดแล้ว
นภัทรค่อย ๆ ก้มลงไปสัมผัสแก้มใสตรงหน้าจมูกโด่งฝั่งลงไปบนแก้มนิ่มอย่างเชื่องช้าก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะประทับจูบซ้ำไปอีกครั้ง...ความรู้สึกบางอย่างที่ต่างฝ่ายต่างเก็บเอาไว้เริ่มแจ่มชัดมากขึ้นทุกทีร่างสูงรู้ในทันทีว่าถ้าเขาไม่พาตัวเองออกห่างจากคนตรงหน้าซะตอนนี้เขาคงไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป...และขณะที่นภัทรถอยห่างจากแก้มใสก่อนที่อะไรมันจะเกินความควบคุมของเขาริทก็หันมาบอกด้วยเสียงเบาหวิว “ตรงนี้ด้วย...”
“แน่ใจนะ” นภัทรกระซิบถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะเขาไม่อยากกลายเป็นคนที่ทำร้ายอีกฝ่ายซะเอง
“ลบมันให้ชั้นที” ริทตอบไปตามเสียงเรียกร้องจากส่วนลึกของหัวใจ
“อะไรเนี่ย...” นภัทรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแล้วก่อนจะต้องตกใจเพราะไอ้เจ้าเครื่องมือสื่อสารเนี่ยกำลังทำหน้าที่อื่นอยู่...
“ไอ้เลวนั้นทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ!” นภัทรนึกขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เขามาหาริททันเวลาเพราะไม่อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างของคนที่เขารักต้องพังทลายแน่ถ้าไอ้สารเลวนั้นทำสำเร็จ...และก่อนที่ร่างสูงจะจัดการลบสิ่งที่ถูกบันทึกออกไปเจ้าตัวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“เฮ้ยยย!!!” พอเห็นภาพเท่านั้นแหละร่างสูงถึงกับร้องอย่างตกใจเพราะภาพที่เห็นนั้นสุดจะบรรยายขนาดว่าเขาผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะแต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองถึงกับหน้าร้อนฉ่า...ก่อนจะหันตั้งใจดูภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าอีกรอบ
“โห...ยิ่งกว่าในหนังอีกว่ะ...หึหึ” พอเริ่มชินนภัทรก็แทบจะละสายตาจากร่างบางตรงหน้าไม่ได้เลย...นี่ถ้าเจ้าตัวมาเห็นจะทำหน้ายังไงนะ...ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวดวงตาคมเกิดเป็นประกายระริกก่อนจะพักความคิดในหัวเอาไว้ก่อนแล้วก็ไปตามหาคนที่คิดถึงก่อน
“ระ...” ยังไม่ทันที่นภัทรจะเอ่ยปากเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเปียโนก็ดังขึ้นมากระทบโสตประสาทก่อน...เปียโนหลังเล็กที่ตั้งอยู่ริมผนังกระจกกำลังขับข่านท่วงทำนองอันไพเราะเสียงดนตรีเพลงคลาสสิคดังก้องกังวานไปทั่วห้องนั่งเล่น
นภัทรพยายามก้าวเท้าให้เบาที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะทำได้เดินมายืนด้านหลังร่างบางที่กำลังเล่นเปียโนอย่างเพลิดเพลิน...นิ้วเรียวไล่ไปมาบนแป้นอย่างชำนาญแถมเจ้าตัวยังไม่ต้องดูโน๊ตก็สามารถเล่นมันออกมาได้อย่างคล่องแคล่วริทที่กำลังจมอยู่กับเสียงเพลงไพเพราะไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มีใครบางคนแอบฟังอยู่ด้วย
“อ่ะ...” เสียงไพเราะหยุดลงเมื่อนภัทรเบียดกายนั่งลงข้าง ๆ ริทแถมไม่เบียดเปล่าแขนแกร่งเอื้อมไปโอบกอดเอวบางอย่างรักใคร่ก่อนจะพักใบหน้าหล่อไว้บนไหล่เล็กอีกด้วย...น่ารักจังวุ้ย
“เล่นต่อไปซิ...ชั้นแค่มานั่งฟังเฉย ๆ” นภัทรตอบหน้าตาเฉยแต่ก็ไม่ได้ขยับกายออกห่างเลยแม้แต่น้อย
“ก็นั่งดี ๆ สิ” ริทขยับออกห่างแต่ว่าไม่เป็นผล...ใครจะไปเล่นได้กันเล่า...แต่สุดท้ายริทก็ตัดใจลืมคนข้าง ๆ ไปก่อนจะหันมาเล่นเพลงที่ค้างไว้ต่อจนจบโดยที่คนฟังก็ทำตัวน่ารักไม่รบกวนอะไรนอกจากนั่งเฉยตามที่สัญญาไว้...สายตาคมที่เคยมองนิ้วของคนในอ้อมกอดเคลื่อนไหวอย่างเพลิดเพลินเปลี่ยนมามองใบหน้าหวานด้านข้างที่ดูยังไงเขาก็สาบานได้เลยว่าเขาเพิ่งเคยเห็นใบหน้าแบบนี้เป็นครั้งแรก...
“จบแล้ววว” ริทพูดเขิน ๆ เมื่อเล่นเพลงที่ค้างจบไว้
“จุ๊บ...” รางวัลที่ได้ทำให้ริทหันมาค้อนใส่วงเบ้อเร่อแต่นภัทรก็ทำแค่เพียงยิ้มหวานส่งให้
“ปล่อยดิ๊...” ริทรีบเปลี่ยนอารมณ์ของอีกฝ่ายด้วยเสียงเหวี่ยงน้อย ๆ แต่กลับน่าเอ็นดูในสายตาอีกฝ่ายแทนไปซะนี่...นภัทรยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะเอ่ยปากออกไป
“นายเดินไหวด้วย” คำถามเหมือนเป็นห่วงเป็นใยแต่คนได้ฟังหน้าแทบชาเพราะคิดไปไกลถึงต้นตอของคำถาม...ไอ้บ้านี่ถามอะไรออกมาเนี่ย
“มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรนี่” ร่างบางแกล้งตอบข่มอีกฝ่ายไปทั้งที่ตอนแรกที่แตะพื้นก็แทบทรุดเหมือนกันแต่ด้วยความอยากเล่นเปียโนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทำให้เจ้าตัวตัดสินใจพาร่างกายมานั่งเล่นเปียโนกะว่าเล่นแค่เพลงนี้แล้วก็จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหนีอีกฝ่ายกลับคอนโดทันที
“อืมมม...งั้นเราไปต่อกันดีกว่า” นภัทรเลยตั้งท่าจะอุ้มอีกฝ่ายขึ้นร้อนถึงริทต้องรีบร้องห้ามทันที
“ไม่เอานะ” รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งเลยต้องรีบยอมแพ้ซะก่อน
“หึหึ...ไหนว่าไม่เจ็บเท่าไหร่ไง” นภัทรถามเสียงนุ่มแล้วก็วางอีกฝ่ายลงแต่วางบนตักตัวเองแทนที่ว่างข้างกายเขา...ตอนนี้ริทที่สวมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของอีกฝ่ายเท่านั้นเลยได้แต่นั่งนิ่งในวงแขนของอีกฝ่าย
ต่างฝ่ายต่างสบตากันอยู่อย่างนั้นเหมือนกับจะทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งสองคน...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นริทเองก็ไม่ได้เสียใจหรือรู้สึกแย่อะไรกับมันแต่สิ่งที่เจ้าตัวกลัวมากที่สุดกลับเป็นเรื่องราวระหว่างเขาและคนตรงหน้าต่อจากนี้ต่างหาก...เขาจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรดี...เหมือนนภัทรจะรู้ว่าริทกำลังคิดอะไรอยู่เขาเองก็ไม่อยากจะเก็บความรู้สึกของตัวเองอีกแล้วในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับริทมันเกินเลยมาถึงขนาดนี้แล้วเขาถ้าไม่ลองดูก็คงจะเสียใจไปตลอดชีวิต...
“ชั้นระ...” นภัทรยังไม่ทันเอ่ยปากความรู้สึกที่มีกับคนตรงหน้าริทก็แทรกขึ้นมาก่อน
“...นายจะต้องทำชั้นร้องไห้แน่ ๆ...” ริทรีบพูดดักคอแต่ดวงตาหวานนั้นกลับเต็มไปด้วยความสุข...ไม่อยากยอมหมอนี่เลยแต่ก็ปิดไม่มิดอ่ะ...
นภัทรไม่ตอบคำถามแต่รั้งร่างบางเข้ามาแล้วประทับจูบลงบนปากบางที่ช่างพูดนั้น...จูบอ่อนหวานที่เพียงแค่ถ่ายทอดความรู้สึกในใจที่มีให้อีกฝ่ายได้รับรู้แทนคำพูดเท่านั้นไม่ได้ลึกซึ้งอะไรแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายยอมให้อย่างหมดหัวใจ...
“ทำนายร้องไห้ชั้นไม่สัญญานะ...แต่ถ้าทำให้นายร้องแบบเมื่อกี้...คือสิ่งที่ชั้นกำลังจะทำ ^^” นภัทรกระซิบเบา ๆ กับคนรักแต่ริทที่แอบนึกอยู่ในใจว่าจะได้ฟังคำพูดซึ้งจากคนเพิ่งจะมอบจูบแสนอ่อนโยนนั้นแทบอยากตั้นหน้าคนเจ้าเล่ห์สักที
“ทะลึ่ง...” ริททุบหลังคนตรงหน้าไปทีนึงก่อนจะย่นจมูกใส่คนตรงหน้าที่พูดเรื่องจริง...หน้าหวานแดงระเรื่อภายใต้แสงสลัวของไฟในห้องและอยู่ดี ๆ ริทก็ตกใจเมื่ออีกฝ่ายรวบตัวเขาขึ้นมาในท่าเจ้าสาว
“เฮ้ยยย...ทำอะไร...ปล่อย...ชั้นเดินเองได้” ร่างบางร้องขณะตัวลอยอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงของนภัทร
“เก็บแรงนายไว้ดีกว่านะ...” นภัทรยิ้มให้ก่อนจะพาคนในอ้อมแขนกลับไปที่เตียงนุ่ม...พอเป็นอิสระปุ๊บริทก็รีบพลิกตัวหนีคนตรงหน้าทันทีแต่ก็ไม่ทันแขนยาว ๆ ที่รั้งร่างบางไว้ได้ก่อนที่ทิ้งตัวลงไปทาบทับอีกฝ่ายให้หมดทางหนีโดยสิ้นเชิง
จากระยะห่างตอนนี้สิ่งเดียวที่ริทมองเห็นคือใบหน้าคมตรงหน้าที่ตรึงสายตาของริทไว้ไม่ให้ละจากไปไหนได้ด้วยดวงตาโตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ มากมายของคนตรงหน้า...ส่วนลึกภายในใจของริทก็อยากจะรู้เหลือเกินว่าในดวงตาคู่สวยนั้นมีคำบางคำที่ริทแอบหวังอยู่ในนั้นมั้ย...คำถามที่ไม่มีเสียงแต่ถูกถามผ่านไปทางสีหน้าและแววตาใสซื่อจากริททำให้นภัทรตัดสินใจบอกให้คนน่ารักฟังอีกครั้ง
“...รัก...” คำ ๆ เดียวสั้น ๆ แต่เอ่ยจากใจจริงผ่านทางสายตาและเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่มันกลับดังอย่างชัดเจนในหัวใจของคนฟัง...รอยยิ้มหวานที่ชายหนุ่มประทับใจตั้งแต่แรกเห็นกำลังฉายชัดเจนบนใบหน้าหวานของริท
“...พูดอีก...” เสียงหวานอ้อนขออย่างน่ารักเพราะอยากได้ยินคำนั้นจากคนตรงหน้าในแน่ใจ...
“...รัก...” ร่างสูงบอกอีกครั้งพร้อมกับโน้นใบหน้าเข้าใกล้จนเกือบจะชิดกับริมฝีปากบางนั้น
“...พูดอีกสิ...” คำนี้ได้ฟังกี่ครั้งริทก็รู้สึกว่าไม่พอ
“...รัก...รัก...รัก...” เสียงนุ่มกระซิบอยู่อย่างนั้นก่อนจะเปลี่ยนจากคำพูดแสนหวานเป็นการส่งผ่านคำว่ารักผ่านทางภาษากายให้อีกฝ่ายได้รู้แทน...
“...รักเหมือนกัน...” ริทอยากจะบอกกลับไปให้ใครบางคนได้ฟังบ้างแต่ก็ต้องพูดคำนี้อยู่ในใจเพราะปากนุ่มของนภัทรไม่เปิดโอกาสให้ริทได้บอกกลับไปเลย...^^
มาต่อให้อีกตอน...ขยับมากอ่ะ...อัพมันสองเรื่องเลย...ก่อนจะหายยาว 555+
ใครที่รู้สึกว่าอะไรมันขาดหายไปก็ทิ้งเมล์ไว้ล่ะกันเนอะ...สำหรับคนกันเองที่แวะมาประจำนะคะ ^^
ความคิดเห็น