คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter XIII
- XIII -
หลังจากกลับจากการพักผ่อนที่เต็มไปด้วยเรื่องต่าง ๆ แล้วทั้งหมดก็ต้องกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิมซึ่งรวมถึงซุปตาร์ร่างเล็กที่มีคิวถ่ายละครแน่นเอียดเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแพลนที่วางไว้และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการทำงานร่วมกับกองละครนี้แล้ว
“นายไม่ต้องรอก็ได้นะ” ร่างบางบอกเมื่อกำลังจะลงจากรถ
“ทำไมหล่ะ” นภัทรถามเพราะวันนี้ตั้งใจจะชวนริทไปกินข้าวที่บ้านพี่เบียร์ (อีกแล้ว)
“วันนี้มีงานเลี้ยงปิดกล้อง...คงดึก” ริทบอกไปเก็บของไปด้วย
หลังจากที่ทั้งสองกลับจากไปเที่ยวความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ในตอนแรกกลับเปลี่ยนไปตั้งแต่คืนนั้น...นภัทรเองก็เอาใจใส่และคอยทำหน้าที่ ผจก. อย่างเต็มที่บางครั้งจนเบียร์ก็อดที่จะเอ่ยปากแซวน้องชายตัวดีไม่ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ร่างสูงรู้สึกอะไรกลับยิ่งทำมากกว่าเดิมซะอีกจนเพราะยิ่งได้ใกล้ชิดริทก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่ออีกฝ่ายมากขึ้นทุกที
“ดึกก็จะมา...มีไรมะ” ร่างสูงยักคิ้วพร้อมอวดลักยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ให้คนถามอีกต่างหาก
“ตามใจ...อยากมาก็มา” ริทรีบตัดบทเพราะทนสายตาที่ส่งมาไม่ไหว...ตั้งแต่กลับมาจากเขาใหญ่หมอนี่ดูจะเยอะนะ...
กว่าจะถ่ายทำเสร็จก็ได้เวลาที่ทีมงานเตรียมอาหารและสถานที่เสร็จพอดีและสาเหตุที่ต้องจัดงานเลี้ยงปิดกล้องกันทันทีเพราะนักแสดงแต่ละคนก็มีคิวมากเหลือเกิน ถ้าจะให้นัดมาอีกคงจะยากทีมงานเลยอยากให้การทำงานวันสุดท้ายเป็นวันที่ทุกคนได้สนุกด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
“น้องริทจะอยู่ร่วมงานใช่ไหมคะ” เสียง ผจก.กองถ่ายคนสวยถามขึ้นอย่างเกรง ๆ
“อือ...อยู่สิฮะ” ร่างบางตอบก่อนจะหยิบบีบีคู่กายขึ้นมาเช็ด...ไม่มีข้อความ...แล้วตกลงจะมาไหมเนี่ย
“พี่ริทค่ะ...เดี๋ยวร้องนี้เพลงด้วยกันนะคะ...ถือเป็นการโปรโมทไปเลยดีมั้ยค่ะ” ขวัญนักแสดงนำคู่เดินมานัดแนะคิวสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้
“ก็ดีครับ...แต่พี่ยังจำเนื้อไม่ค่อยได้เลย ขอเวลาแป๊บนะ” ริทตอบอย่างอารมณ์ดีเพราะทำงานกับน้องคนนี้แล้วสนุก ไม่เรื่องมาก น่ารำคาญ
“ตามสบายค่ะ...ขวัญขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” พูดจบร่างบางของนางเอกคนสวยก็เดินออกไปทิ้งให้ริทได้พักในห้องส่วนตัว
“ต่อไปนะครับ...ก็ขอให้ทุกคนปรบมือให้กับพระเอกนางเอกของเราหน่อยเร๊ววว” พิธีกรประกาศลั่นเมื่อถึงคิวของริทแล้ว
เพลงประกอบละครดังขึ้นทั้งสองคนก็ร้องประสานกันได้ดีแถมอินเนอร์ที่ส่งให้กันบนเวทีก็ทำให้หลาย ๆ คนลุ้นอยากให้ทั้งคู่กิ๊กกันนอกจอเลยทีเดียว...คนที่เพิ่งเข้ามาในร้านได้เพราะมัวแต่ไปหาของมาเซอร์ไพรส์คนบนเวทีได้แต่ยืนมองอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้าน นภัทรมองริทที่ร้องเพลงบนเวทีเพลิน ๆ ก็ต้องมาตกใจเพราะใครบางคนทักขึ้นมา
“น้องกัน...ทำไมมายืนตรงนี้หล่ะค่ะ...เข้าไปนั่งร่วมวงตรงโน้นดีกว่า” กาไอซ์ทักทายชายหนุ่มอย่างเป็นกันเองเพราะคุ้นเคยกับอีกฝ่ายพอสมควร
“ไม่เป็นไรครับ...ตามสบายครับ” ร่างสูงปฎิเสธอย่างสุภาพแล้วก็กลับไปมองคนบนเวทีต่อก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดู...ใกล้มายังวะ
“น้องริทน้องขวัญครับ...ฝากอะไรถึงละครเรื่องนี้หน่อยครับ” เสียงพิธีกรถามขึ้นหลังจากทั้งคู่ร้องเพลงจบและกำลังโดนนักข่าวถ่ายรูปคู่กันอยู่
“ก็...ริทขอฝากละครเรื่องนี้ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นริทและพี่อุ๋ย ผจก. นักแสดงและทีมงานทุกคนทำเต็มที่ครับ หวังว่าทุกคนคงจะชอบครับ” ริทตอบออกมาจากใจจริงและก็เป็นอีกฝ่ายที่พูดต่อ...จากนั้นทั้งคู่ก็ยืนให้นักข่าวถ่ายรูปอีกสักพักและก่อนที่ทั้งคู่จะขอตัวลงจากเวทีก็มีคนส่งดอกไม้ถือลิลลี่สีขาวช่อโตเดินเข้ามาซึ่งทำให้ทุกคนหันมองเป็นตาเดียวและคิดว่าคงเป็นของน้องขวัญนางเอกสาวของเรื่องแน่นอน...
“ฮั่นแน่...หนุ่มที่ไหนส่งมาให้หล่ะเนี่ย” ริทเอ่ยปากแซวน้อง
“บ้า...ไม่มีหรอกค่ะ” ขวัญตอบอาย ๆ แต่ก็ยืนนิ่งไม่เดินไปไหนส่วนซุปตาร์ร่างเล็กยิ้มตอบกลับให้แล้วเดินลงมาจากเวทีแต่...
“เอ่อ...คุณเรืองฤทธิ์คนไหนครับ” เสียงดังฟังชัดของพนง.ส่งดอกไม้เอ่ยปากขึ้นท่ามกลางคนทั้งร้านที่จ้องมองมา...ไม่มองไงไหวก็คนสั่งเล่นสั่งดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่ 38 ดอกรวมกับดอกไม้สีขาวอื่น ๆ ที่ประดับอยู่ด้วยก็ทำให้ดอกไม้ช่อที่ว่าใหญ่โตเตะตาเอาเรื่องเลยหล่ะ
“ฮะ...” ร่างบางของริทได้แต่ทำหน้างงแต่ก็ยกมือแสดงตัวออกไป...ของเราจริง ๆ เหรอเนี่ย
“นี่ครับ...ดอกไม้สำหรับคุณเรืองฤทธิ์” พนง. ยื่นดอกไม้ช่อโตให้เจ้าของชื่อที่ตอนนี้ดูจะเอ๋อไปชั่วคราวแถมยังโดดรุมถ่ายรูปจากนักข่าวอีกมากมายกว่าจะตั้งสติได้ก็เมื่อกาไอซ์แหวกฝูงนักข่าวเข้าไปพาตัวออกมานั่งพักที่โต๊ะนั้นแหละ
“เอ่อ...น้องริทค่ะ...ไหวมั้ย” เสียงใสเอ่อถามอย่างเป็นห่วง
“วะ...ไหวแต่ริทขออยู่อีกแป๊บเดียวนะ” ริทรีบขอตัวกลับก่อน
“ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบแล้วก็เดินไปแจ้งทีมงานและก็ร่วมสนุกต่อทิ้งให้ซุปตาร์ร่างเล็กนั่งจ้องของกลางตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปหาโน๊ตแต่ก็ไม่มีนอกจากเสียงข้อความเข้า
‘ชอบมั้ย’ ดวงตาใสเบิกกว้างกับข้อความตรงหน้าและใบหน้าหวานกลับมาขมวดคิ้วอย่างสงสัยเพราะชื่อคนที่ส่งมา
‘อยู่ไหน’ ริทรีบพิมพ์กลับเพราะต้องการเคลียร์ให้รู้เรื่อง
‘ไม่บอก..เพลงเมื่อกี้เพราะดีนะ’ พอได้อ่านประโยคกวน ๆ ริทก็รู้เลยว่าเจ้าของดอกไม้อยู่ไม่ไกล...ร่างบางได้แต่หันมองไปรอบ ๆ ร้านแต่ก็ไม่เจอ...อยู่ไหนวะ
‘จะกลับแล้ว’ พิมพ์เสร็จริทก็รีบลุกขึ้นไปลาผู้ใหญ่ในกองอีกทีก่อนจะหอบดอกไม้ช่อโตออกจากร้านไป
และทันทีที่ร่างบางออกจากร้านมาก็เจอกับคนต้นเหตุที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยืนพิงรถอยู่อย่างสบายใจ...รู้มั้ยว่ามันหนักนะเนี่ย
“ดอกไม้สวยนะ ^^ ” ร่างสูงทักอย่างอารมณ์ดีแล้วก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายแทนที่จะเข้ามาช่วยถือ
“นี่นาย...” ริทที่กำลังจะโวยวายใส่ก็ทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว...สุดท้ายร่างบางก็ต้องยอมเดินขึ้นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
ภายในรถมีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมพูดอะไรเลยแต่แล้วริทก็เป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“ขอบใจ” ริทเอ่ยเบา ๆ คิดซะว่าทำตามมารยาท
“กลับคอนโดเลยนะ” นภัทรไม่ว่าอะไรนอกจากบอกจุดหมายให้คนข้าง ๆ ได้รู้ทั้งที่ใจจริงอยากจะไปฉลองกันต่อแต่เพราะตอนนี้ก็ดึกแล้วให้ริทได้พักผ่อนน่าจะเป็นการดีที่สุด
ริทได้แต่นอนมองแจกันดอกไม้บนโต๊ะหัวเตียงที่ตอนนี้เต็มไปด้วยดอกลิลลี่สีขาวแถมยังส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ มาให้ได้กลิ่นอีกต่างหาก...คิดแล้วก็อดสงสัยในความสัมพันธ์ของเขากับอีกฝ่ายไม่ได้ตกลงตอนนี้หมอนั้นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่...ถ้าจะบอกว่า...เอ่อ...จีบ ก็คงไม่พูดได้ไม่เต็มปากเพราะสิ่งที่หมอนั้นทำอยู่ทุกวันนี้มันเป็นส่วนหนึ่งงานต่างหาก ไม่อยากจะคิดเองเออเองอีกแล้วอีกอย่างหลังจากวันนั้นหมอนั้นก็ไม่มีท่าทีอะไรอีกเลยนี่หน่า
“เฮ้อออ...” ร่างบางถอนหายใจยาวเพราะคิดไม่ตกก่อนจะพลิกตัวหันหนีเจ้าดอกไม้ต้นเหตุที่ทำให้วุ่นวายใจ
“เพราะนายคนเดียว...ไอ้บ้า” ริทได้เขย่าหมอนข้างแรง ๆ แทนคนที่ทำให้คิดมากเป็นการระบายความอึดอัดใจที่มี
........................................................................................................................................................
วันนี้เป็นวันที่ไม่มีคิวงานเพราะหลังปิดกล้องละครริทก็คุยกับพี่เบียร์ว่าขอพักอีกสักหน่อยแล้วค่อยทำงานต่อไปเพียงแต่ว่าวันว่างที่ริทตั้งใจจะนอนหมกตัวอยู่ที่คอนโดให้สบายใจแต่กลับต้องตกใจเพราะเสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นมาแต่เช้าเลย
“ใครวะ...มาแต่เช้าเลย” ริทบ่นเบา ๆ ก่อนจะเดินมาเปิดประตูทั้งที่ยังจัดการตัวเองไม่เรียบร้อยสมกับความเป็นซุปตาร์ชื่อดัง
“นาย...มาทำไม” ร่างบางที่อยู่ในชุดนอนแถมผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงแอบเหวี่ยงเล็กน้อยเมื่อเห็นนภัทรที่แต่งตัวหล่อมาเต็มที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู...
“โทษที...ชั้นคงลืมบอกนายว่าวันนี้เรามีนัดกัน” นภัทรตอบก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
“นัด...นัดไปไหน ทำอะไร ยังไง” ริทถามอย่างหงุดหงิดเพราะเรื่องเมื่อคืน...ทำอะไรกับคนอื่นไว้แล้วยังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกนะ!
“ก็นัดเลี้ยงฉลองปิดกล้องละครนายไง...แล้วก็เลี้ยงฉลองเรื่องนี้ด้วย” พูดจบหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่งก็ถูกวางลงบนตักร่างบาง...
‘ซุปตาร์หนุ่มถูกบุคคลปริศนาทำเซอร์ไพรส์กลางงานเลี้ยงฯ’ พาดหัวข่าวพร้อมภาพของเจ้าตัวหอบช่อด้วยไม้ช่อใหญ่เด่นอยู่กลางหน้าหนึ่ง...และคนต้นเรื่องก็ยังนั่งยิ้มกดรีโมทดูช่องโน้นช่องนี้ไปเรื่อย...ไอ้บ้านี่!!
“เพราะนายคนเดียว...แล้วทีนี้ชั้นก็ต้องมานั่งตอบคำถามบ้า ๆ พวกนั้นอีก” ริทวางหนังสือลงก่อนจะหันมาบ่นกับต้นเหตุ
“ก็ตอบไปตามตรงสิ...ไม่เห็นจะยาก...เอ๊า...ไปอาบน้ำแต่งตัวสิหรือว่าจะให้ชั้นช่วย...มา” ร่างสูงขยับตัวยืนขึ้นพลางดึงมืออีกฝ่ายเมื่อเห็นร่างบางนั่งนิ่งไปเตรียมตัวสักที
“หยุด!!!” ริทดึงมือออกแล้วก็รีบเดินเข้าห้องไปทันทีทิ้งให้คนขี้แกล้งอมยิ้มอยู่คนเดียว ^^
หลังจากที่ซุปตาร์ร่างเล็กทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วริทก็เดินออกมาหาคนที่ตะโกนเร่งเขาให้ทำอะไรเร็ว ๆ หน่อย...มีอย่างที่ไหนเป็นลูกจ้างมาเร่งนายจ้าง...แล้วดูสิแทนที่จะเตรียมตัวกลับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายใจ...กวนประสาท
“เสร็จแล้ว” ร่างบางบอกเมื่อมาหยุดยืนกอดอกตรงหน้า ผจก.สุดหล่อแล้ว
“ป่ะ...ตุ๊บบบ” หนังสือในมือนภัทรหลุดทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้า...ร่างบางที่ใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนกวนประสาทสีสันเจ็บแสบและกางเกงขาเดฟห้าส่วนโชว์ข้อเท้าขาว ๆ กับรองเท้าผ้าใบสีสดถึงกับทำให้นภัทรตาค้างเลย...เฮ้ยยย...น่ารักว่ะ
“มองอะไร!!!” ริทบ่นเมื่อเห็นอาการแปลก ๆ ของคนตรงหน้า...ก็อยากใส่แบบนี้มันผิดตรงไหนห๊ะ
“ป่ะ...เปล่า” ร่างสูงยังคงจ้องริทไม่วางตา...หมอนี่แต่งแบบนี้แล้วดูเด็กชะมัด...นภัทรคิดในใจแล้วก็ก้มสำรวจตัวเอง...เป๊ะเต็มที่...เวรกรรม...เหมือนมือปืนหมอนี่เลยว่ะ
“งั้นก็ไปดิ๊...ลุง” ดูเหมือนริทจะเดาถูกว่าร่างสูงคิดถึงเรื่องอะไรเลยแกล้งแซวอีกฝ่ายที่วันนี้แต่งตัวคนละสไตล์กับตัวเองราวฟ้ากับดิน
“เฮ้ย...ใครลุง...เดี๋ยวววว” เสียงโวยวายของคนโดนแซวกลับแต่มีเหรอที่ซุปตาร์ริทจะสนกลับเดินนำแถมปิดประตูใส่อีกต่างหาก...
“อ้าว...แล้วนี่นายจะไปไหนหล่ะ” ริททักเมื่อเห็นว่าคนข้าง ๆ ไม่ได้ขับไปทางบ้านพี่เบียร์ตามที่บอก
“ไปซื้อของ” นภัทรตอบสั้น ๆ แล้วก็ขับไปที่ห้างสรรพสินค้าไปตอนเช้านี้แหละกำลังดีคนไม่เยอะ
“จะไปไหน...ทางนี้” ร่างสูงรีบดึงมืออีกฝ่ายเพราะริทกำลังจะเดินไปที่ร้านกาแฟแทน
“นายก็ไปซื้อสิ...เดี๋ยวชั้นรอที่ร้านนั้นนะ” ริทพยายามดึงมือออก...ถึงคนจะน้อยก็ไม่น่าไว้ใจไม่อยากเป็นข่าว
“ไม่ได้...นายต้องช่วยชั้น” นภัทรปฎิเสธเสียงแข็งแล้วก็ลากให้ร่างบางเดินตาม
“แต่มันเป็นหน้าที่ของหน้านะ” ริทเถียงแล้วออกแรงดึงมือออก...คนจะมองก็ตอนนี้แหละ
“อะไร วันนี้มันวันหยุดนะ...มีนายจ้างกับลูกจ้างที่ไหนหล่ะ” คนฟังชะงักหันกลับมาจ้องหน้าร่างสูงที่ยังยิ้มกวนประสาทอยู่ได้แต่ก็ยอมปล่อยมือของริทออก
“หมายความว่าไง” ร่างบางกอดอกถามนิ่ง...ถ้าวันหยุดแล้วหมอนี่จะลากเข้าออกมาทำไมเนี่ย
“ก็อย่างที่บอกไง...วันนี้ชั้นไม่ได้เป็น ผจก. นาย” นภัทรตอบไปตามตรงแล้วก็เดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น
“แล้วนายลากชั้นออกมาด้วยทำไม” ริทถามเสียงแข็ง...แทนที่จะได้นอน
“ก็...มาเดทไง ^^” สายตาที่มองมากับคำพูดที่ได้ยินทำให้ซุปตาร์อย่างริทรู้สึกร้อนผาวที่ใบหน้าขึ้นมาทันที...ปกติเขาต้องออกปากชวนคู่เดทกันก่อนไม่ใช่เหรอวะ...แล้วไหงหมอนี่
“ไม่ใช่!!!” ตั้งสติได้ริทก็เถียงกลับ
“เหรอ...ก็ตามใจ” นภัทรไม่สนใจกับคำตอบที่ได้แต่อาการน่ารักของริทนี่สิ...ตอบเสร็จก็ไม่ลืมลากอีกคนไปเดินซื้อของด้วยกัน
หลังจากเดินซื้อของที่เบียร์สั่งจนครบเรียบร้อยแล้วทั้งที่ความจริงเบียร์ก็ไม่ได้สักอะไรหรอกแต่ทั้งหมดมันเป็นแผนของน้องชายตัวแสบที่แอบเอาชื่อพี่สาวมาอ้างเพราะอยากใช้เวลากับอีกฝ่ายมากกว่า
“กลับเลยมั้ย” นภัทรถามขึ้นเมื่อทั้งคู่มานั่งกินอาหารเช้าในตอนเกือบเที่ยงที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง
“อือ..เดี๋ยวชั้นไปเข้าห้องน้ำก่อน” ริทบอกแล้วก็เดินไปแต่นภัทรอยู่คนเดียวได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยทักขึ้น
“ไอ้กัน!!!” เสียงเพื่อนสนิทที่พักหลังไม่ค่อยจะได้เจอหน้ากันทักร่างสูงที่นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว
“อ้าว...ไอ้เซน มาได้ไงว่ะเนี่ย” นภัทรร้องทักเพื่อนอย่างดีใจสักพักแล้วสินะที่ไม่ได้เจอหน้าพวกมัน...แต่สายตาของเขากับสะดุดเข้ากับคนที่มาสมทบด้วย...
“หวัดดีค่ะ...กัน” เสียงหวานทักทายพร้อมรอยยิ้มหวาน
“คะ...ครับ...เซนนั่งด้วยกันก่อนมั้ย” นภัทรเชิญเพื่อนสนิทให้ร่วมโต๊ะด้วยแต่ก็ไม่วายหันไปมองผู้ร่วมโต๊ะอีกคนที่ไปทำธุระ
“มะ...” เซนรีบตอบปฎิเสธเพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้มีใครบางคนมาด้วยน่ะแถมยังเจอโจทย์เก่าอีกแต่ไม่ทันจบ
“ดีค่ะ...ตองว่าเรามีเรื่องต้องบอกกันไม่ใช่เหรอค่ะเซน” ตองกอดแขนคนรักแน่น
“เอ่อ...แต่เซนว่ากันมันคงไม่สะดวกมั้ง...ไว้เรานัดมัดทานข้าววันหลังก็ได้นะ” เซนคนดีรีบออกตัวช่วยเพื่อนแต่มีเหรอที่คนอย่างอินทุกรจะยอมแพ้...ยิ่งเห็นว่ากันไม่ได้มาคนเดียวยิ่งทำให้เธออยากรู้นักว่าผู้หญิงคนนั้นจะเหนือกว่าเธอแค่ไหน
“ก็ถ้าเซนไม่อยากให้คู่หมั่น...ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนของเซนก็ได้ค่ะ” ตองเน้นคำว่า ‘คู่หมั่น’ ให้ทั้งสองหนุ่มฟังเสร็จสาวสวยก็ทำท่าแล้วจะเดินหนีไป
“ตอง.../ มึงนั่งก่อนก็ได้...ไม่เป็นไรหรอก” สองหนุ่มเอ่ยปากพร้อมกันแต่ฝ่ายนภัทรกลับรู้สึกแปลกใจมากกว่ากับข่าวที่เพิ่งได้ยิน...
“ตองไม่อยากทำให้เซนและกันอึดอัด” ใบหน้าหวานยังคงบึ้งอยู่
“ไม่รบกวนหรอกครับ...คนกันเองทั้งนั้น เชิญครับ” นภัทรตัดสินใจเชิญทั้งสองร่วมโต๊ะเพราะคำว่าคู่หมั่นที่เพิ่งได้ยิน
“อะไรวะ...มีข่าวดีไม่เห็นบอกเพื่อนเลย” ร่างสูงแซวพร้อมกับตบบ่าแสดงความยินดี...ถ้าไอ้เซนมันตัดสินใจแล้วก็ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดเพราะมันคนรอบครอบมากที่สุด
“ก็มึงอยู่ให้กูบอกมั้ยหล่ะ” เซนตอบแล้วก็แนะนำสาวสวยข้าง ๆ อย่างเป็นทางการถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเคยมีอดีตกันมาก่อนก็ตามเขาก็ไม่เคยถือสาเรื่องในอดีตเพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้แต่ว่าตอนนี้มันขึ้นอยู่ที่คนสองคนแล้วต่างหากที่จะทำอนาคตที่ดีร่วมกัน...ส่วนไอ้กันก็คงไม่คิดอะไรมากเพราะมันเองก็เป็นคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กันที่น่าห่วงก็คงจะเป็นตองมากกว่า
แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาแม้จะคบกันได้ไม่นานแต่เขาก็มั่นใจว่าความรักที่เขามีต่อเธอจะทำให้เธอลืมผู้ชายตรงหน้านี้ได้
“แล้วนี่กันมากับใครค่ะ” หญิงสาวรีบถามเมื่อเห็นข้าวของที่วางอยู่และแก้วกาแฟของใครอีกคน
“เอ่อ...มากับ” นภัทรได้แต่อ้ำอึ้งเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบเธอว่ายังไง...เจ้านาย หรือว่า คนพิเศษ
“อะไรกันค่ะ...ตอบไม่ได้เนี่ยหรือว่าเป็นคนพิเศษกันค่ะ” ตองยังรุกไม่เลิก...แม้ว่าเธอจะเลิกสนใจชายหนุ่มตรงหน้านี้แล้วก็ตามแต่ก็อดรู้สึกเสียหน้าไม่ได้ที่คนอย่างเธอต้องมาเป็นฝ่ายไล่ตามคน ๆ นี้แม้มันจะทำให้เธอได้เจอคนดี ๆ อย่างเซนก็ตาม...ทำให้ความรู้สึกที่อยากรู้อยากเห็นนั้นยังมีอยู่เต็มอกคัพดี
แต่ยังไม่ทันที่นภัทรจะได้ตอบคำถามคนที่กำลังเป็นหัวข้อของการสนทนาก็เดินเข้ามาหยิบของส่วนตัวที่ซื้อไว้หน้าตาเฉยก่อนจะพูดเสียงเย็น ๆ กับคนร่างสูง
“เอากุญแจรถมา” ริทบอกแค่นั้นแล้วก็ยื่นมือมาตรงหน้านภัทร
“หะ...เดี๋ยวก่อนสิ” คนถูกออกคำสั่งงงแต่ก็เอื้อมมือไปดึงมือเล็กเอาไว้...ทำให้แขกอีกสองคนมองหน้ากันสลับไปมาก่อนจะมองคนที่มาใหม่อีกครั้งและตองก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน
“อ้าว...ที่แท้กันก็ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กนี่เอง...ตองก็นึกว่าสาวที่ไหน” หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเพราะว่าเจ้าของแก้วกาแฟอีกใบคือเด็กหนุ่มน่ารักนี่เอง...ไม่ใช่สาวสวยอย่างที่เธอนึกไว้
“นี่ใครว่ะ...หลานพี่หนึ่งเหรอ” เซนก็เห็นด้วยกับแฟนสาวเลยนึกไปถึงญาติคนเดียวของเพื่อนสนิทและเท่าที่เซนจำไม่ผิดพี่สาวของไอ้กันน่าจะยังไม่มีลูก...สงสัยคงเป็นญาติทางฝ่ายพี่เขยมันแน่นอน
ร่างบางที่ถูกทักว่าเป็นเด็กอดดีใจไม่ได้แถมยังขำคนที่นั่งทำหน้าตาบอกไม่ถูกเพราะถูกเพื่อน ๆ มองว่าเป็นพี่เลี้ยงเด็ก...ริทยิ้มหวานให้อีกสองคนที่ดูเป็นมิตรดีแต่ก็ไม่อยากจะรู้จักเท่าไหร่เพราะไม่จำเป็นปล่อยให้นายนี่คุยต่อไปแล้วหนีไปเดินช็อปปิ้งดีกว่า
“งั้นริทไปรอที่รถนะฮะ...ลุงกัน!!!” ริทเน้นคำลงท้ายก่อนจะหยิบกุญแจแล้วก็สะพายเป้ตัวเองเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีโดยที่นภัทรไม่ทันได้ตอบอะไร
“หลานน่ารักนี่หว่า” เซนเรียกสติเพื่อนรักให้กลับมาที่วงสนทนาเมื่อเห็นร่างสูงมองตามอีกฝ่ายไปจนลับตา
“นั้นสิค่ะ...แต่ตองว่าเด็กนั้นหน้าคุ้น ๆ นะคะเซน...เหมือนเคยเห็นที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ” อินทุกรเห็นด้วยกับเซนแต่ก็รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“แหม...เด็ก ๆ เดี๋ยวนี้ก็หน้าตาคล้าย ๆ กันไปหมดแหละครับ...” เซนบอกก่อนจะชวนนภัทรไปงานวันเกิดของตัวเองที่จะจัดขึ้นในโรงแรมหรูแห่งใหม่ของเขา
“เออ ๆ ถ้ากูไม่ติดอะไรนะ” นภัทรตอบรับ
“ติดอะไรหรือว่าติดใครกันแน่วะ” เซนดักคออย่างรู้ทัน...เขายังจำได้ดีถึงเรื่องที่กันมาปรึกษาพอนึกขึ้นได้ก็เลยกระซิบบอกเพื่อนรักไป
“อย่าลืมพามาด้วยนะ...กูกับไอ้เก่งอยากเจอ”
“....” นภัทรไม่ตอบทำแค่เพียงส่งยิ้มให้...ได้ข่าวว่ามึงเพิ่งเจอไปนะไอ้เซน
หลังจากที่คุยธุระเรียบร้อยแล้วนภัทรก็รีบกดโทรศัพท์หาเด็กในความดูแลทันที...
“อยู่ไหนเนี่ย” ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อริทรับสาย
“ไปเจอกันที่รถเลยนะ” ริทตอบแล้วก็ทำท่าจะว่าแต่ติดตรงที่อีกฝ่ายทักไว้ก่อน
“เดี๋ยว...นายอยู่ไหนบอกมาชั้นจะเดินไปหา” พอได้ยินเสียงเข้มขึ้นจากอีกฝ่ายริทก็ยอมบอกแต่โดยดีทั้งที่ยังแอบงงว่าจะมาหาทำไมให้เสียเวลา...หลังจากรออีกฝ่ายไม่นานแต่แทนที่จะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเลยร่างสูงกลับเดินลากเขาขึ้นลิฟต์ไป
“นี่นายจะไปไหนอีก...ชั้นเมื่อยแล้วนะ” ริทเริ่มงอแงเพราะอยากกลับแล้ว
“เมื่อยเหรอ...งั้นไปนั่งพักกันก่อนแล้วค่อยกลับนะ” นภัทรตอบยิ้ม ๆ ให้คนตรงหน้าที่เริ่มทำหน้าบึ้งแล้ว
“ดูหนัง!” ริทร้องออกมาเบา ๆ เมื่อร่างสูงโชว์ตั๋วหนังในมือให้ดู
“ใช่แล้ว” นภัทรยิ้มหวาน
“ก็บอกแล้วไงว่าชั้นเมื่อยอยากกลับแล้ว” คราวนี้ริทไม่ยอมจริง ๆ ด้วย
“ก็ไปนั่งพักแล้วก็ดูหนังไปด้วยไง” นภัทรอ้าง
“เดี๋ยวเลี้ยงป๊อบคอนชุดใหญ่เลยเอ๊า!!!” ร่างบางยังนิ่งและมองจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางใจ...เมื่อเช้าก็เดท...ตอนนี้ยังจะชวนดูหนังอีก...
“นะ...นายเองก็ไม่ได้ดูหนังนานแล้วไม่ใช่เหรอ...หนังเรื่องนี้ได้ร้อยล้านเลยนะ” นภัทรรีบหว่านล้อมเมื่อเห็นริทกำลังมีทีท่าชั่งใจว่าจะยอมหรือไม่
“ดูเสร็จแล้วกลับเลยนะ” ริทเอ่ยปากในที่สุด
“ครับ...เจ้านาย ^^” ดวงตาหวานเป็นประกายแถมใบหน้าเข้มก็ยังมีลักยิ้มอีกด้วย...ไอ้บ้ายิ้มแบบนี้อีกแล้วนะ
พอร่างบางรับปากนภัทรก็เดินไปซื้อน้ำและป๊อบคอร์นตามที่รับปากไว้ทันทีทิ้งให้ริทมองดูบรรยากาศรอบ ๆ นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้มาดูหนังเนี่ย...ตั้งแต่ทำงานสินะ...เพื่อนสนิทก็ไม่มีจะมีคนที่รู้ใจและไว้ใจได้มากที่สุดก็คือพี่เบียร์
“ไปกัน...ได้เวลาแล้ว” นภัทรบอกเมื่อเห็นริทยืนเหม่ออยู่...เพราะอย่างงี้ไงถึงได้บังคับให้มาดูหนังเพราะรู้จากพี่เบียร์ว่าอีกฝ่ายทำแต่งานแถมยังไม่ค่อยสนิทกับใครเป็นพิเศษอีกด้วยเวลาจะได้ผ่อนคลายเหมือนคนอื่นเลยไม่ค่อยจะมีเขาเลยตัดสินใจทำแบบนี้
“แน่ใจนะว่าตรงนี้” ริทเอ่ยปากถามเมื่อเดินตาม พนง. มาถึงโซนที่นั่งวีไอพีสำหรับคู่รัก
“อือ...หรือนายอยากจะไปนั่งเบียดกับคนอื่นหล่ะ” ร่างสูงย้อนก่อนจะเดินนำไปนั่งอย่างสบายใจ...ริทได้แต่แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายทั้งที่มันมืดแล้วก็เดินตามไปนั่งข้าง ๆ
“หนังเรื่องไร” พอกินขนมหวานเข้าไปได้สักพักอารมณ์ก็เริ่มดีจนริทนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้ชื่อหนังที่ถูกบังคับให้ดูเลย
“ลัดดาแลนด์” นภัทรแกล้งเอี้ยวตัวมากระซิบที่ข้างแก้มใส
“เฮ้ย...อุ๊บ” ร่างบางร้องอย่างลืมตัวเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่ตรงแก้ม
“ชู่วววว...ไม่เคยดูหนังเหรอ...ใครเขาพูดกันดัง ๆ หล่ะ” คนขี้แกล้งรีบเตือนพร้อมยักคิ้วให้กวน ๆ อีกที
“ไอ้บ้านี่ @#!?” ริทได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าคนฉวยโอกาส
ทั้งสองหนังดูหนังตัวอย่างเรื่อย ๆ มาจนเข้าสู่เนื้อเรื่องของหนังที่ดูวังเวงน่ากลัวจนร่างบางต้องรีบสะกิดถามอีกฝ่ายทันที
“นายบอกว่าหนังเรื่องไรนะ” ริทกระซิบหวั่น ๆ
“ลัดดาแลนด์ไง...นายไม่รู้จักเหรอ...สร้างจากเรื่องจริงด้วยนะ” ตอบเสร็จก็หันกลับไปสนใจหนังต่อปล่อยให้คนถามนั่งลุ้นว่าจะเป็นอย่างที่คิดเอาไว้หรือเปล่า...และทันใดนั้น
“อ๊ากกก” เสียงร้องอย่างตกใจเมื่อสิ่งที่กลัวที่สุดปรากฎเต็มหน้าจอดีที่ว่ามิใช่มีแต่เสียงซุปตาร์ร่างเล็กเพียงคนเดียวแต่กลับมีเสียงของสาว ๆ สองสามคนในโรงร้องขึ้นพร้อมกันด้วย
“เฮ้ยยย...” นภัทรร้องอย่างตกใจที่ถูกอีกฝ่ายเกาะแขนอีกฝ่ายพร้อมกับซบหน้าลงมาอย่างกระทันหัน
“นะ...นี่มันหนังผีนี่...นายจะแกล้งชั้นเหรอ” ริทขู่รอดไรฟันทั้งที่หน้าหวานยังซบอยู่กับแขนแกร่ง
“เปล่านะ...ชั้นไม่รู้นี่ว่า...นายกลัว” นภัทรตอบไปตามตรง...ก็พี่เบียร์ไม่ได้บอกนี่หน่าแต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันกำไรอีกแล้วคร้าบงานนี้ ^_^
“ไม่เอาแล้ว...ชั้นจะกลับแล้ว” บอกเสร็จริทก็ทำท่าจะลุกออกไปร้อนถึงคนเจ้าแผนการต้องรีบรั้งไว้ก่อน
“เอาน่า...ดูเป็นเพื่อนชั้นหน่อยได้มั้ย...อุตสาห์มีเวลาว่างทั้งที...นะ” นภัทรหันมาสบตาหวานในระยะกระชั้นชิดขอร้องอีกฝ่าย
“แต่ชั้นกลัว” ริทยังลังเลจนลืมตัวไปว่ากำลังจะตกหลุมพลางอีกฝ่าย
“นายก็หลับตาเวลาที่ผีมันออกมาสิ...เดี๋ยวก็จบแล้ว” คนฟังถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันมานั่งดูแต่ดันเหลือบไปเห็นรอยยิ้มของคนข้าง ๆ เข้าให้...ยิ้มไรว่ะ
“เฮ้ยยย...” พอรู้ตัวว่ากำลังกอดแขนอีกฝ่ายอยู่ร่างบางก็รีบปล่อยมือทันที...ก่อนจะเก็กหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็ทำเป็นใจแข็งดูหนังต่อได้แค่ 10 นาทีเท่านั้น
“ฮือออ” ริทร้องพร้อมกับกอดแขนอีกฝ่ายเหมือนเดิม...นี่แหละที่นภัทรต้องการและสุดท้ายริทก็ต้องนั่งอยู่อย่างนั้นไปตลอดสองชั่วโมงที่เหลือ
......................................................................................................................................................................
“เฮ้...รอชั้นด้วยยยย” เสียงเรียกของร่างสูงดังขึ้นเมื่อหนังจบเพราะตอนนี้ใครบางคนที่รู้สึกเสียหน้ากำลังเดินหนีเขาอยู่
“.....” ร่างบางไม่ตอบแถมยังไม่ยอมลดสปีดการเดินด้วย...ไอ้บ้านี่...ชวนดูหนังทั้งทีดันเลือกหนังผีใครเขาดูหนังผีตอนเดทกันบ้างเล่า...หรือว่ามี
สุดท้ายนภัทรก็ทำไม่สำเร็จเพราะร่างบางรีบกดรัวปิดลิฟต์ไม่ยั้งทิ้งให้เขายืนหอบเพราะรีบเดินตามแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าริทไม่มีกุญแจรถเพราะงั้นต้องรีบไปดักรอที่รถให้เร็วที่สุด...ไม่รอช้าร่างสูงรีบวิ่งไปที่รถทันที
“กลับบ้านเลยนะ” นภัทรส่งยิ้มหวานให้เมื่อร่างบางที่อารมณ์ดูเหมือนจะกลับเป็นปกติแล้ว
“ก็ไปดิ” ริททำหน้านิ่งตอบก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งบนรถและก็ต้องแปลกใจเพราะมี Krispy Kream กล่องใหญ่วางอยู่...แล้วพอมองไปที่ตัวการก็เจอกับรอยยิ้มหวานที่ทำให้ใจแกว่ง...คงหว่านเสน่ห์แบบนี้จนชินสินะ...ชิส์
“ซื้อมาทำไม...” ริทแกล้งทำเป็นไม่สนใจขนมชื่อดังตรงหน้าแต่ก็ทำเป็นเปิด ๆ ดูประมาณว่าไม่ได้สนใจเท่าไหร่ทั้งที่จริงได้ยินชื่อมานานแล้วและก็อยากลองชิมดูแต่ไม่มีเวลา...แถมได้ยินมาว่าคิวยาวมากเลยนี่แล้วหมอนี่ซื้อมาได้ไง
“ง้อเด็กขี้กลัว” ร่างสูงตอบเมื่อขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว
“ใครเด็ก...นายว่าคะ...” เสียงต่อว่าเงียบลงเมื่อปากบางถูกปิดด้วยโดนัทนุ่มเคลือบน้ำตาลที่กำลังร้อนกรุ่นกำลังดี...คนที่กำลังจะโวยวายพอได้ขอหวานเข้าไปก็แทบจะลืมโกรธเลยทีเดียว
“อร่อยมั้ย ^^” นภัทรรีบเอ่ยปากถามเมื่อเห็นคนน่ารักเคี้ยวตุ้ย ๆ ...น่ารักชะมัด
“อืม...อร่อยดี เฮ้ย ไม่ใช่...นายว่าคะ...ใคร” คำพูดท้ายประโยคเจ้าตัวไม่สามารถพูดได้เต็มปากเมื่ออยู่ดี ๆ นภัทรก็ชะโงกหน้ามาจูบ...ไม่ใช่สิ...ชิมเกร็ดน้ำตาลที่ติดอยู่ข้าง ๆ ริมฝีปากบางของริท
“หวานไปหน่อยนะ...นายว่างั้นมั้ย” ถามเหมือนกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเป็นเรื่องปกติ...แต่คนถูกถามน่ะเหรอช็อคสติหลุดไปเรียบร้อยแล้ว...สิ่งเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของริทคือ นี่มันลานจอดรถห้างนะ!!!
กว่าริทจะรู้สึกตัวหมอนั้นก็พูดเรื่องอื่นไปแล้ว...ไม่นานทั้งสองก็มาถึงที่หมายจริง ๆ จนได้ริทก็ทำเหมือนเช่นเคยเดินตัวปลิวเข้าไปหาเบียร์และหนึ่งทันทีทิ้งให้กันหอบข้าวของที่ทั้งสองขนซื้อมาสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้
“พี่เบียร์กินขนมด้วยกันนะฮะ” ร่างบางยิ้มร่าเมื่อเจอหน้าพี่ทั้งสอง
“ซื้ออะไรกันมาเยอะแยะเลย พี่บอกกันไปแล้วไงว่าให้รีบมา...พี่เตรียมอาหารรอไว้แล้ว” เบียร์บ่นเมื่อเห็นน้องชายตัวแสบเดินถือขอเข้ามามากมาย
“อะไรนะ...ก็พี่เบียร์สั่งให้แวะซื้อของมาไม่ใช่เหรอ” ริทร้องเมื่อรู้ตัวว่าตลอดเช้าที่ผ่านมาคือเดทจริง ๆ ด้วย
“กันเอาของไปเก็บก่อนนะครับ” ตอบเสร็จร่างสูงก็เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีออกไป...
“นายนี่มัน...” ริทบ่นได้แค่นั้นเพราะหันมาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเบียร์...เล่าไม่ได้เด็ดขาด
“แล้วนี่กินอะไรกันมารึยังหล่ะ...หิวมั้ย” หญิงสาวก็เข้าใจน้องดีแกล้งเปลี่ยนเรื่องพูดคุยให้ริทสบายใจขึ้น
“ยังเลยฮะ...หิ๊ว...หิว” บ่นไปร่างบางก็ลูบท้องประกอบไปด้วยจนเบียร์อดเอ็นดูไม่ได้...น่ารักขี้อ้อนซะขนาดนี้เจ้ากันจะไปไหนรอด
“เออนี่...ริทรู้รึยังเรื่องงานประกาศรางวัล xxx ประจำปีนี้น่ะ” เบียร์เอ่ยปากถึงงานใหญ่ที่ดาราหลายต่อหลายคนแอบหวังไว้ว่าจะมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในเจ้าของรางวัลนั้นบ้างขณะที่ทั้งหมดกำลังกินของหวานหลังจากฟาดมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้ว...นภัทรที่กำลังเล่นเกมส์กันอย่างสนุกกับหนึ่งก็แอบฟังอยู่ด้วย
“เห็นว่าจะจัดงานเดือนหน้านี่แล้วไม่ใช่เหรอฮะ” ริทตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่เพราะแค่คิวงานตอนนี้ก็เยอะแล้วหล่ะไม่ได้ไปร่วมงานนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
“แต่พี่มีข่าวแว่วมาว่าน้องริทก็มีสิทธิ์ลุ้นด้วยนะ” หญิงสาวบอกอย่างภูมิใจในตัวน้องชายคนเล็กเพราะความประพฤติที่ดีแม้จะเรื่องมากไปหน่อยแต่ก็จัดว่ามีภาษีดีกว่าคนอื่นเยอะ
“พี่เบียร์อย่ามาพูดให้ริทดีใจเลยฮะ...ไว้รอถึงวันนั้นก่อนค่อยว่ากันดีกว่า” ตอบเสร็จก็ลุกไปแย่งจอยสติ๊กจากมือคนที่มัวแต่แอบฟังอยู่มาเล่นเองซะเลย
“นายแพ้แล้ว...มาชั้นเล่นเอง” ริทแทรกตัวไปนั่งแทนที่คนร่างสูงที่ยอมขยับให้แต่โดยดี...ปล่อยให้ซุปตาร์ร่างเล็กได้อวดฝีมือบ้าง
เบียร์และนภัทรปล่อยให้ริทได้พักผ่อนอย่างเต็มที่โดยที่ทั้งสองต่างก็มาช่วยลุ้นช่วยเชียร์ให้เกมส์ที่แสนจะธรรมดากลายเป็นกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นได้
“มีความสุขอ่ะดิ” นภัทรเอ่ยถามเมื่อทั้งสองกำลังกลับมาที่คอนโดของริท...ก็เห็นนั่งยิ้มอารมณ์ดีมาตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว
“อือ...” ริทตอบไปตามตรง...วันนี้สนุกจริง ๆ น่ะแหละ
“ถ้านายชอบ...งั้นพรุ่งนี้เราไปเดทกันอีกนะ” พอเห็นว่าร่างบางกำลังอารมณ์ดีเขาเลยลองชวนดูสักหน่อยดีกว่า
“เดทอะไร...ชั้นไม่เห็นรู้เรื่อง” คนปากแข็งก็ยังวางฟอร์มเหมือนเดิมแต่ในใจกลับเริ่มพองโต
“นายจำคนที่เราเจอวันนี้ได้มั้ย...” ร่างบางทำท่าคิดก่อนจะพยักหน้าว่าจำได้นภัทรเลยเข้าเรื่องทันที
“คือว่า...พรุ่งนี้มันจะจัดงานฉลองเปิดโรงแรมใหม่และงานวันเกิดพร้อมกันด้วย...นายไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยได้มั้ย” คำขอเดทอย่างเป็นทางการครั้งแรกถูกบอกออกไป
คำตอบที่ได้คือความเงียบเพราะริทเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรดี...เอาไงดีวะ
“ถ้านายลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ...ชั้นก็ลืมไปว่านายเป็นถึงดาราดังจะให้ไปงานอะไรแบบนี้คงไม่ได้” ร่างสูงแกล้งทำเป็นตัดพ้อเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบคำตอบ
“เอ่อ...คือชั้น” ร่างบางเริ่มอึกอัก
“โทษที...นายอย่าใส่ใจที่ชั้นพูดเลย” บทโศกที่เบียร์สอนมากับมือถูกร่างสูงงัดมาใช้
“งานเริ่มกี่โมง” ริทตอบเรียบ ๆ
“ชั้นเข้าใจ...ห๊ะ...นายว่าไงนะ” นภัทรรีบถามย้ำเพราะได้ยินไม่ถนัด
“ไม่มาก็ตามใจ” พอตอบเสร็จก็รีบพาตัวเองลงจากรถทันทีไม่รอคนที่ถามย้ำเพื่อความแน่ใจแต่นภัทรก็ยังสามารถแทรกตัวเข้ามาในลิฟต์ได้ทัน
“ทุ่มตรง...ชั้นจะมารับนะ” นภัทรตอบพร้อมส่งสายตาหวานให้เพราะดีใจที่ร่างบางยอมเป็นคู่ควงด้วย
“มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว” ริทที่ก็รู้สึกเขินอยู่ไม่น้อยที่ตอบรับปากไปแต่ก็ยังทำหน้านิ่งได้อยู่
จากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง...มันจะเป็นเดทแรกที่สมบูรณ์ได้ยังไงถ้าไม่มีจูบน่ะ...คนเจ้าเล่ห์คิดอยู่ในใจ...เอาไงดีวะ
“กลับไปสิ...รออะไร” ริทรีบไล่อีกฝ่ายที่ยืนนิ่งไม่ยอมไปไหน...จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย...ร่างบางได้แต่คิดก่อนจะไขกุญแจเข้าไปในห้องแต่ยังไม่ทันจะได้ปิดประตูเพื่อหลบสายคมที่ยังจ้องไม่วางตา
“กลับก็ได้...ว่าแต่นายจำฉากที่ผีมันยืนอยู่กลางห้องตอนที่เจ้าของบ้านเปิดไฟได้ป่ะ” ร่างสูงบอกลาแต่ก็ทิ้งระเบิดลูกโตเอาไว้แทน...ฉับพลันฉากสยองในหนังก็ลอยเข้ามาในหัวของคนฟังทันทีทำให้ประตูที่เพิ่งจะปิดไปเปิดออกกว้างแทบจะทันที
“นะ...นาย!!!” ริทตะโกนลั่นเมื่อถูกจี้ต่อมกลัวและต้นเหตุก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินไปยืนรอลิฟต์
“เออ...ฉากนั้นอีกนะที่น้องคนนั้นอาบน้ำอยู่แล้วผะ..” คำพูดแกล้งของร่างสูงหายไปเพราะริทพุ่งมาปิดปากเอาไว้ก่อน
“ก็แล้วนายจะพูดทำไมเล่า!!...” ร่างบางพูดอย่างโมโหจนลืมว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังอยู่ในท่าที่น่าเป็นข่าวมากที่สุด...
นภัทรยืนพิงกำแพงพร้อมกับแอบเนียนเอามือไปกอดเอวบางไว้ตั้งแต่ตอนที่ริทพุ่งเข้ามาแล้วจนทำให้ทั้งคู่ตอนนี้ไม่ต่างจากคู่รักที่กำลังพรอดรักกันอยู่เลยทีเดียว...ริทเองก็ดูเหมือนจะกลัวจนลืมตัวทั้งกลัวทั้งโกรธที่ถูกแกล้งจนตอนนี้ดวงตาหวานมีน้ำใส ๆ คลออยู่...
“...ชั้นขอโทษ...” เมื่อร่างสูงสังเกตเห็นว่าคนที่ถูกแกล้งกำลังจะร้องไห้เขาก็รีบดันตัวคนในอ้อมกอดออกมาเพื่อมองหน้าชัด ๆ ...เล่นแรงไปแล้วกู
“....” ริทได้เงียบก่อนจะผลักคนตรงหน้าออกแล้วก็รีบเดินเข้าห้องไปทันทีเพราะเริ่มจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว
“ชั้นขอโทษ...เดี๋ยวชั้นอยู่เป็นเพื่อนจนกว่านายจะหลับก็ได้” นภัทรตอบขณะใช้มือดันประตูไว้ไม่ให้ปิด...ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าของห้องแต่นภัทรก็โล่งใจเพราะริทหันหลังเดินเข้าไปในห้องนอนทันทีซึ่งนั้นก็หมายความว่าสิ่งที่เขาต้องการจะไถ่โทษได้รับการอนุมัติจากร่างบางแล้ว
นภัทรปิดประตูแล้วก็เดินไปหยุดหน้าห้องนอนที่เงียบสนิทเพราะเจ้าของห้องคงยังคงโกรธอยู่...
“นายทำธุระของนายตามสบายนะ...ชั้นจะอยู่ตรงนี้แหละ” แต่ในห้องก็ยังคงเงียบนภัทรเลยตัดสินใจพูดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยเพื่อให้คนข้างในรู้ว่าเขายังรออยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหนจริง ๆ ...ร่างสูงเล่าเรื่องของเซนและเก่งเพื่อนสนิทที่สุดให้ริทได้ฟังเผื่อพรุ่งนี้ถ้าริทยังไม่เปลี่ยนใจริทก็จะได้รู้ข้อมูลของเจ้าของสักหน่อยก็ยังดี
“ริท...หลับรึยัง” เป็นครั้งแรกที่นภัทรเรียกชื่อของอีกฝ่ายเมื่อเขาหมดเรื่องจะคุยแล้ว...ก็เล่นให้พูดไม่หยุดมาตั้งเกือบชั่วโมงแน่ะ
“ริทครับ” ก่อนที่นภัทรจะตัดสินใจลองเปิดประตูเข้าไปดูคนข้างในสักหน่อย...คนที่ถูกเรียกก็เปิดประตูออกมา
“นายกลับไปได้แล้ว” ร่างบางพูดเสียงนิ่งแถมยังไม่ยอมมองหน้าอีกด้วย...สงสัยยังโกรธอยู่แน่เลย
“ชั้นขอโทษ” นภัทรเอ่ยปากขอโทษจากใจจริงก่อนจะจำไว้ในเลยว่าเรื่องนี้ห้ามเอามาแกล้งคนตรงหน้าอีก...จนกว่าริทจะยกโทษให้
“อือ...ล็อคประตูให้ด้วย” น้ำเสียงของริทดีขึ้นกว่าเมื่อครู่นิดนึงเพราะคำขอโทษที่จริงใจเมื่อกี้ทำให้ริทใจอ่อนไปได้มาก
“แล้วววว พรุ่งนี้ยังเหมือนเดิมมั้ย” ได้คืบไม่พอจะเอาศอก...แต่ร่างสูงก็ยังมีความหวัง...ส่วนคนฟังเริ่มหมั่นไส้
“ถ้านายยังไม่กลับ...ชั้นไม่รับปาก” ริทตอบทั้งที่ยังไม่หันกลับมา
“เดี๋ยว!!!...” เสียงเรียกของคนพูดยากทำให้ริทหมดความอดทนทันที...ว่าจะยกโทษให้แล้วเชียวนะ
“อะไรอีกห๊ะ!!!...” คนที่หมดความอดทนเปิดประตูกว้างแล้วหันมาเผชิญหน้าคนที่พูดไม่รู้เรื่องสักที
และในจังหวะนั้นเองเดทแรกก็จบลงอย่างที่นภัทรตั้งใจเอาไว้...จูบที่ริทไม่ทันได้ตั้งตัวแต่กลับเผลอตอบรับไปอย่างลืมตัวเพราะริมฝีปากนุ่มที่ประทับลงมา...จูบที่ร่างบางได้รับนั้นมันช่างนุ่มนวลและเนิ่นนานสมกับที่เจ้าของปากนุ่มนั้นคิดถึงและโหยหาความหอมหวานจากเขามากเพียงใด
“ฝันดีนะ” นภัทรกระซิบเบา ๆ เมื่อผละมาจากปากบางที่แสนหวานแล้วก็หันหลังเดินกลับไปทันทีและไม่ลืมทำตามที่ริทสั่งไว้ด้วย
“ฝะ...ฝันดี” ริทเอ่ยเสียงเบาก่อนจะค่อย ๆ พิงกับประตูบานใหญ่ของห้องนอนที่เปิดอยู่เพื่อปรับให้จังหวะหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ...ลืมเรื่องผีไปชั่วคราว 555
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาเพิ่มต่ออีกนิดนะคะ...
ความคิดเห็น