ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic-exo: krisyeol และอื่น ๆ.

    ลำดับตอนที่ #3 : ฟิคสั้นขนาดยาว: krischanyeol - you are my sunshine - 02.

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 57


    .
    .
    .


    you are my sunshine
    kris x chanyeol
    hopeless romantic
    stoty by กาแฟ



    : รู้สึกพาร์ทนี้เขียนแปลก ๆ พิกล
    เขียนแบบใช้ความรู้สึกนำทางมันวายป่วงเช่นนี้เอง

    ทักทายกันได้ที่  @BKAFFEE ค่ะ

     







    02.



    t
    he other night dear, as I lay sleeping.
    I dreamed I held you in my arms.

     

     

     

    ผมไม่เคยพยายามบอกเล่าความในใจ แต่ก็ไม่เคยฝืนต้านความรู้สึกตัวเอง ผมปล่อยให้ตัวผมจมลงไปในความคิดถึงเสมอ เราแยกกันทำงานบ่อยครั้ง แน่นอนว่าช่วงเวลาเหล่านั้นความคิดถึงถั่งโถมใส่ผมจนซวนเซ กัดกินมุมหัวใจและทำให้ผมหวนหา

     

    ผมวาดภาพว่าผมกอดเขาเอาไว้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรคิดกับเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าสามปี ไม่ใช่สำหรับเด็กที่รักเราแบบพี่ชายอย่างสนิทใจ ไม่ใช่ความรู้สึกสำหรับคนที่เป็นไอดอล แต่ผมก็ห้ามความคิดแบบนั้นไม่ได้

     

    มีบางวูบที่คิดไปว่า ต้องทำยังไงถึงจะได้เขามากอดไว้ในอ้อมแขน ทำยังไงถึงจะมีสิทธิกดจูบลงไปที่แก้มยุ้ย ๆ นั่น ต้องทำยังไง ถึงจะสัมผัสริมฝีปากที่เจื้อยแจ้วอยู่เสมอนั่นได้สักครั้ง ผมคิดจนว้าวุ่น คิดซ้ำย้ำไปย้ำมาจนฟุ้งซ่าน แล้วก็ต้องปัดวูบความคิดเหล่านั้นทิ้งไปให้หมดจด แทบจะต้องเตะมันออกไปไกล ๆ ให้พ้นทาง

     

    ต้องสอนตัวเองให้เข้าใจอยู่เสมอ ว่าวิธีจะคว้าอะไรก็ตามที่ความปรารถนาล้ำลึกมันเรียกร้อง มันไม่มีอยู่จริง

     

     

     

    He’s too good to be true.

    ชานยอลทำให้ผมมีความสุขจนเหมือนสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่ใช่ความจริง

     

    ผมไม่ใช่เมมเบอร์ที่เขาสนิทด้วยที่สุด แต่ก็อยู่ในลำดับต้น ๆ ที่เขานึกถึง คิดถึง ยิ่งถ้านับเฉพาะเมมเบอร์ฝั่งเอ็มแล้ว ผมมีความสุขจนอธิบายไม่ได้ที่เขาติดผมแจเหมือนหมาตัวโต ๆ คอยวิ่งตามเจ้าของ

     

    ผิดเพี้ยนไปก็เพียงผมไม่ใช่เจ้าของเขา และไม่มีวันเป็นได้

     

     






     

     

    สติกเกอร์เด็กผมสีเขียวมัดจุกนอนหันหลังปรากฏขึ้นบนหน้าจอแชท ที่เกาหลีใกล้เช้าแล้ว แต่เจ้าของสติกเกอร์ตัวนั้นยังไม่หลับไม่นอนอีกหรือ ผมกำลังจะพิมพ์ถามว่าทำไมยังไม่นอน ข้อความจากอีกฝ่ายก็เด้งขึ้นมาซะก่อน

     

    'เมื่อไรพวกฮยองจะกลับอ่าาาาา

    ที่หอเหลือแค่หกคนมันโล่ง ๆ ยังไงไม่รู้'

     

    แล้วก็ตามมาด้วยสติกเกอร์จากเซ็ตเดิม แต่เป็นรูปใหม่ คราวนี้เป็นเด็กผมเขียวมัดจุกนั่งคุกเข่ากับพื้น หน้าจ๋อยจนน่าสงสาร

     

    'มะรืนนี้ก็กลับแล้ว นอนได้แล้วน่า พรุ่งนี้นายต้องเข้าบริษัทก่อนเที่ยงนะ'

    'คริสฮยองรู้ได้ไง'

     

    เขาพิมพ์สวนกลับมาทันที คงสงสัยอยู่ไม่น้อยที่ผมรู้ตารางงานของฝั่งโน้น ความจริงไม่ใช่ตารางงานของฝั่งเคหรอกที่ผมรู้ แต่เป็นตารางงานของเขาคนเดียวต่างหากที่ผมจำได้ขึ้นใจ

     

    'ก็แล้วทำไมจะไม่รู้ล่ะ'
     

    'คริสฮยอง'

    'อือ'

    'ผมโทรหาได้ไหม'

     

     

    โดยไม่ได้เอ่ยปากอนุญาต แต่ผมโทรทางไกลหาเขาทันทีเดี๋ยวนั้น สัญญาณดังเพียงอึดใจเดียวเขาก็รับสาย ทว่าต่างคนต่างเงียบ ผมเงียบเพราะรอให้ชานยอลพูดก่อน แต่รายนั้นเงียบไปเพราะอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

    น่าจะเป็นเวลาหลายนาที ที่ผมได้ยินแค่เสียงลมหายใจดังลอดออกมา และก็เหมือนทุกครั้ง เพียงแค่เสียงลมผะแผ่ว ผมกลับรู้สึกอุ่นอย่างประหลาด หัวใจยังเต้นเป็นจังหวะปกติ แต่กลับดูหนักแน่นจนแปลบในอก ปวดยอกขึ้นมาดื้อ ๆ ไม่ใช่ด้วยความทุกข์เศร้า แต่เป็นความสุขที่มากเกินไป

     

    เหมือนไม่มีทางถอยกลับเอาซะเลย ผมคิดขึ้นมาในใจ

    น่าตลกเป็นบ้า ผมหลงรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตกหลุมรักเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้ผมเป็นตัวเองแต่ก็ไม่ใช่ตัวเอง ความรักที่ไม่รู้จะหอบพาผมไปตกตรงไหน เป็นความรักที่เกิดขึ้นรวดเร็วแต่หนักแน่นยาวนานมาหลายปี ผมรู้สึกมากกว่าที่เคยรู้สึกกับใครทั้งหมดที่ผ่านมา

     

     

    กับเด็กผู้ชายอายุยี่สิบสองที่ชื่อปาร์คชานยอล

     

     

    นึกอายตัวเองขึ้นมาครามครัน เขาหลงรักเด็ก ยังไม่พอ ซ้ำยังเป็นเด็กผู้ชาย

    เด็กที่ทำให้เขายิ้มได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมเผลอตัวยกยิ้มมุมปากเสมอ ๆ เมื่อยืนข้างเขา เป็นไปโดยธรรมชาติ เหมือนไวรัสความสุขแพร่กระจายมาในอากาศ แค่หายใจอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ผมก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

     

     

     

    “คิดถึงพวกฮยองชะมัด คิดถึงคริสฮยอง ลู่หานฮยอง มินซอกฮยอง เลย์ฮยอง คิดถึงจงแด คิดถึงจื่อเทา”

    “อ่า...” ผมลังเลเล็กน้อยที่จะพูดตามที่คิด “ชานยอล... เหงาเหรอ”

     

    เสียงถอนใจหนักดังมาให้ได้ยินชัดเจน ไม่รู้มันดีรึเปล่า ที่เขามักจะเปิดเผยด้านที่แฮปปี้ไวรัสไม่เคยทำต่อหน้ากล้องและแฟนคลับให้ผมเห็นเสมอ ผมได้เห็นทุกด้านทุกมุมของเขา แต่อีกมุมหนึ่งของเด็กที่ยิ้มร่าตลอดเวลามันทำให้ผมเป็นห่วงแทบบ้าทุกครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ไกลกันคนละประเทศแบบนี้

     

     

    “ฮยองยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่ไหม”

    “นายคิดถึง?”

    “เปล่า ก็ไม่เชิง ก็... ผมก็คิดถึง... แต่มันไม่ใช่แบบนั้น มันนานมากแล้ว ผมคิดถึงช่วงเวลาดี ๆ แต่...”

    “นายเหงา...”

    “ผมก็ไม่แน่ใจ ไม่รู้ทำไม... ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากโทรหาพี่”

     

     

    ต้องกัดปากตัวเองแน่นไม่ให้ยิ้มกว้างจนเกินไปนัก มันไม่มีอะไรเลย ก็แค่เขาสนิทใจที่จะพูดคุยกับผม เขาสนิทกับผมที่สุดในบรรดาฝั่งเอ็มทั้งหมด และเขาก็แค่อยากคุยกับผมตอนใกล้เช้า เพราะว่าเราสนิทกันมาก แต่นั่นก็ทำให้ผมอดยิ้มกว้างด้วยความดีใจไม่ได้

     

     

    “เดี๋ยวก็กลับแล้ว ครบสิบสองคนเหมือนเดิม วุ่นวายจนนายลืมเหงาแน่ ๆ”


    ชานยอลหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ผมคิดว่าเขาคงกำลังจินตนาการถึงช่วงเวลาวุ่นวายที่ผ่านมาอยู่ โดยเฉพาะเวลาอยู่ในหอพัก ผมผ่อนคลายขึ้นเมื่อเขาดูโอเคขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่มีเสียงถอนใจหนัก ๆ ลอดมาให้ได้ยิน ถ้าให้เดา ที่ชานยอลออกอาการงอแงขนาดนี้ วันนี้เขาคงเหนื่อยมาก หรืออาจจะไม่มีใครคอยตามใจและยอมให้แกล้งอย่างที่ผมทำมาหลายวัน

     

     

    “สักวัน ฮยองก็คงแต่งงานกับผู้หญิงน่ารัก ๆ สักคน แล้วผมก็คงโทรหาฮยองกลางดึกแบบนี้ไม่ได้แล้ว จริงไหม”

    จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาแบบนั้น และผมจับความหมายใดใดในน้ำเสียงนั้นไม่ได้เลย

    “ก็โทรมาคุยตอนกลางวันสิ” 

    แสร้งตีมึนไม่เข้าใจความหมาย เสียงฮึดฮัดขัดใจจึงดังลอดตามมา

    “กลางวันก็ไม่ได้ คริสฮยองเข้าใจรึเปล่าเนี่ย”

    ผมยิ้มอยู่คนเดียวในความมืด รู้สึกขันขื่นขึ้นมาจาง ๆ ในอก

    “นายเองก็ไม่เข้าใจ”

    และชานยอลก็เงียบไปหลังจากคำนั้น เงียบไปนาน จนผมต้องเอ่ยปากไล่ให้ไปนอน เด็กที่เหมือนจะโตแต่ตัวอิดออดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยอมไปนอนแต่โดยดี

     

    นาฬิกาบอกเวลาตีห้า ที่เกาหลีก็หกโมงเช้าแล้ว ผมลุกไปที่หน้าต่าง แหวกม่านออกมองท้องฟ้า สีดำสนิทของเวลากลางคืนกำลังถูกแสงรุกไล่จนกลายเป็นสีฟ้าจาง อีกไม่นานแสงแรกของวันก็จะปรากฏขึ้น

     

     

     

    วันใหม่มาถึงแล้ว อีกวันผ่านพ้น ความรักยังอยู่

     

     






     

     

    วูบหนึ่ง ผมคิดว่าปาร์คชานยอลเป็นเด็กผู้ชายที่โง่ที่สุดในโลก

    ก่อนจะคิดได้ว่า ผมต่างหากคือคนคนนั้น

     

     

     

     

    you’ll never know dear,

    how much I love you.





     

    To be continued.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×