คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฟิคสั้นขนาดยาว: krischanyeol - you are my sunshine - 02.
.
.
.
you are my sunshine
kris x chanyeol
hopeless romantic
stoty by กาแฟ
: รู้สึกพาร์ทนี้เขียนแปลก ๆ พิกล
เขียนแบบใช้ความรู้สึกนำทางมันวายป่วงเช่นนี้เอง
ทักทายกันได้ที่ @BKAFFEE ค่ะ
02.
the other night dear, as I lay sleeping.
I dreamed I held you in my arms.
ผมไม่เคยพยายามบอกเล่าความในใจ แต่ก็ไม่เคยฝืนต้านความรู้สึกตัวเอง ผมปล่อยให้ตัวผมจมลงไปในความคิดถึงเสมอ เราแยกกันทำงานบ่อยครั้ง แน่นอนว่าช่วงเวลาเหล่านั้นความคิดถึงถั่งโถมใส่ผมจนซวนเซ กัดกินมุมหัวใจและทำให้ผมหวนหา
ผมวาดภาพว่าผมกอดเขาเอาไว้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรคิดกับเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าสามปี ไม่ใช่สำหรับเด็กที่รักเราแบบพี่ชายอย่างสนิทใจ ไม่ใช่ความรู้สึกสำหรับคนที่เป็นไอดอล แต่ผมก็ห้ามความคิดแบบนั้นไม่ได้
มีบางวูบที่คิดไปว่า ต้องทำยังไงถึงจะได้เขามากอดไว้ในอ้อมแขน ทำยังไงถึงจะมีสิทธิกดจูบลงไปที่แก้มยุ้ย ๆ นั่น ต้องทำยังไง ถึงจะสัมผัสริมฝีปากที่เจื้อยแจ้วอยู่เสมอนั่นได้สักครั้ง ผมคิดจนว้าวุ่น คิดซ้ำย้ำไปย้ำมาจนฟุ้งซ่าน แล้วก็ต้องปัดวูบความคิดเหล่านั้นทิ้งไปให้หมดจด แทบจะต้องเตะมันออกไปไกล ๆ ให้พ้นทาง
ต้องสอนตัวเองให้เข้าใจอยู่เสมอ ว่าวิธีจะคว้าอะไรก็ตามที่ความปรารถนาล้ำลึกมันเรียกร้อง มันไม่มีอยู่จริง
He’s too good to be true.
ชานยอลทำให้ผมมีความสุขจนเหมือนสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่ใช่ความจริง
ผมไม่ใช่เมมเบอร์ที่เขาสนิทด้วยที่สุด แต่ก็อยู่ในลำดับต้น ๆ ที่เขานึกถึง คิดถึง ยิ่งถ้านับเฉพาะเมมเบอร์ฝั่งเอ็มแล้ว ผมมีความสุขจนอธิบายไม่ได้ที่เขาติดผมแจเหมือนหมาตัวโต ๆ คอยวิ่งตามเจ้าของ
ผิดเพี้ยนไปก็เพียงผมไม่ใช่เจ้าของเขา และไม่มีวันเป็นได้
สติกเกอร์เด็กผมสีเขียวมัดจุกนอนหันหลังปรากฏขึ้นบนหน้าจอแชท ที่เกาหลีใกล้เช้าแล้ว แต่เจ้าของสติกเกอร์ตัวนั้นยังไม่หลับไม่นอนอีกหรือ ผมกำลังจะพิมพ์ถามว่าทำไมยังไม่นอน ข้อความจากอีกฝ่ายก็เด้งขึ้นมาซะก่อน
'เมื่อไรพวกฮยองจะกลับอ่าาาาา
ที่หอเหลือแค่หกคนมันโล่ง ๆ ยังไงไม่รู้'
แล้วก็ตามมาด้วยสติกเกอร์จากเซ็ตเดิม แต่เป็นรูปใหม่ คราวนี้เป็นเด็กผมเขียวมัดจุกนั่งคุกเข่ากับพื้น หน้าจ๋อยจนน่าสงสาร
'มะรืนนี้ก็กลับแล้ว นอนได้แล้วน่า พรุ่งนี้นายต้องเข้าบริษัทก่อนเที่ยงนะ'
'คริสฮยองรู้ได้ไง'
เขาพิมพ์สวนกลับมาทันที คงสงสัยอยู่ไม่น้อยที่ผมรู้ตารางงานของฝั่งโน้น ความจริงไม่ใช่ตารางงานของฝั่งเคหรอกที่ผมรู้ แต่เป็นตารางงานของเขาคนเดียวต่างหากที่ผมจำได้ขึ้นใจ
'ก็แล้วทำไมจะไม่รู้ล่ะ'
'คริสฮยอง'
'อือ'
'ผมโทรหาได้ไหม'
โดยไม่ได้เอ่ยปากอนุญาต แต่ผมโทรทางไกลหาเขาทันทีเดี๋ยวนั้น สัญญาณดังเพียงอึดใจเดียวเขาก็รับสาย ทว่าต่างคนต่างเงียบ ผมเงียบเพราะรอให้ชานยอลพูดก่อน แต่รายนั้นเงียบไปเพราะอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
น่าจะเป็นเวลาหลายนาที ที่ผมได้ยินแค่เสียงลมหายใจดังลอดออกมา และก็เหมือนทุกครั้ง เพียงแค่เสียงลมผะแผ่ว ผมกลับรู้สึกอุ่นอย่างประหลาด หัวใจยังเต้นเป็นจังหวะปกติ แต่กลับดูหนักแน่นจนแปลบในอก ปวดยอกขึ้นมาดื้อ ๆ ไม่ใช่ด้วยความทุกข์เศร้า แต่เป็นความสุขที่มากเกินไป
เหมือนไม่มีทางถอยกลับเอาซะเลย ผมคิดขึ้นมาในใจ
น่าตลกเป็นบ้า ผมหลงรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตกหลุมรักเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้ผมเป็นตัวเองแต่ก็ไม่ใช่ตัวเอง ความรักที่ไม่รู้จะหอบพาผมไปตกตรงไหน เป็นความรักที่เกิดขึ้นรวดเร็วแต่หนักแน่นยาวนานมาหลายปี ผมรู้สึกมากกว่าที่เคยรู้สึกกับใครทั้งหมดที่ผ่านมา
กับเด็กผู้ชายอายุยี่สิบสองที่ชื่อปาร์คชานยอล
นึกอายตัวเองขึ้นมาครามครัน เขาหลงรักเด็ก ยังไม่พอ ซ้ำยังเป็นเด็กผู้ชาย
เด็กที่ทำให้เขายิ้มได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมเผลอตัวยกยิ้มมุมปากเสมอ ๆ เมื่อยืนข้างเขา เป็นไปโดยธรรมชาติ เหมือนไวรัสความสุขแพร่กระจายมาในอากาศ แค่หายใจอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ผมก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“คิดถึงพวกฮยองชะมัด คิดถึงคริสฮยอง ลู่หานฮยอง มินซอกฮยอง เลย์ฮยอง คิดถึงจงแด คิดถึงจื่อเทา”
“อ่า...” ผมลังเลเล็กน้อยที่จะพูดตามที่คิด “ชานยอล... เหงาเหรอ”
เสียงถอนใจหนักดังมาให้ได้ยินชัดเจน ไม่รู้มันดีรึเปล่า ที่เขามักจะเปิดเผยด้านที่แฮปปี้ไวรัสไม่เคยทำต่อหน้ากล้องและแฟนคลับให้ผมเห็นเสมอ ผมได้เห็นทุกด้านทุกมุมของเขา แต่อีกมุมหนึ่งของเด็กที่ยิ้มร่าตลอดเวลามันทำให้ผมเป็นห่วงแทบบ้าทุกครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ไกลกันคนละประเทศแบบนี้
“ฮยองยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่ไหม”
“นายคิดถึง?”
“เปล่า ก็ไม่เชิง ก็... ผมก็คิดถึง... แต่มันไม่ใช่แบบนั้น มันนานมากแล้ว ผมคิดถึงช่วงเวลาดี ๆ แต่...”
“นายเหงา...”
“ผมก็ไม่แน่ใจ ไม่รู้ทำไม... ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากโทรหาพี่”
ต้องกัดปากตัวเองแน่นไม่ให้ยิ้มกว้างจนเกินไปนัก มันไม่มีอะไรเลย ก็แค่เขาสนิทใจที่จะพูดคุยกับผม เขาสนิทกับผมที่สุดในบรรดาฝั่งเอ็มทั้งหมด และเขาก็แค่อยากคุยกับผมตอนใกล้เช้า เพราะว่าเราสนิทกันมาก แต่นั่นก็ทำให้ผมอดยิ้มกว้างด้วยความดีใจไม่ได้
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว ครบสิบสองคนเหมือนเดิม วุ่นวายจนนายลืมเหงาแน่ ๆ”
ชานยอลหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ผมคิดว่าเขาคงกำลังจินตนาการถึงช่วงเวลาวุ่นวายที่ผ่านมาอยู่ โดยเฉพาะเวลาอยู่ในหอพัก ผมผ่อนคลายขึ้นเมื่อเขาดูโอเคขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่มีเสียงถอนใจหนัก ๆ ลอดมาให้ได้ยิน ถ้าให้เดา ที่ชานยอลออกอาการงอแงขนาดนี้ วันนี้เขาคงเหนื่อยมาก หรืออาจจะไม่มีใครคอยตามใจและยอมให้แกล้งอย่างที่ผมทำมาหลายวัน
“สักวัน ฮยองก็คงแต่งงานกับผู้หญิงน่ารัก ๆ สักคน แล้วผมก็คงโทรหาฮยองกลางดึกแบบนี้ไม่ได้แล้ว จริงไหม”
จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาแบบนั้น และผมจับความหมายใดใดในน้ำเสียงนั้นไม่ได้เลย
“ก็โทรมาคุยตอนกลางวันสิ”
แสร้งตีมึนไม่เข้าใจความหมาย เสียงฮึดฮัดขัดใจจึงดังลอดตามมา
“กลางวันก็ไม่ได้ คริสฮยองเข้าใจรึเปล่าเนี่ย”
ผมยิ้มอยู่คนเดียวในความมืด รู้สึกขันขื่นขึ้นมาจาง ๆ ในอก
“นายเองก็ไม่เข้าใจ”
และชานยอลก็เงียบไปหลังจากคำนั้น เงียบไปนาน จนผมต้องเอ่ยปากไล่ให้ไปนอน เด็กที่เหมือนจะโตแต่ตัวอิดออดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยอมไปนอนแต่โดยดี
นาฬิกาบอกเวลาตีห้า ที่เกาหลีก็หกโมงเช้าแล้ว ผมลุกไปที่หน้าต่าง แหวกม่านออกมองท้องฟ้า สีดำสนิทของเวลากลางคืนกำลังถูกแสงรุกไล่จนกลายเป็นสีฟ้าจาง อีกไม่นานแสงแรกของวันก็จะปรากฏขึ้น
วันใหม่มาถึงแล้ว อีกวันผ่านพ้น ความรักยังอยู่
วูบหนึ่ง ผมคิดว่าปาร์คชานยอลเป็นเด็กผู้ชายที่โง่ที่สุดในโลก
ก่อนจะคิดได้ว่า ผมต่างหากคือคนคนนั้น
you’ll never know dear,
how much I love you.
To be continued.
ความคิดเห็น