ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังสรุปมหากาพย์ข้อสอบTU : by. BiwTigerPisces

    ลำดับตอนที่ #68 : [ม.6 Sum2] สรุปหนังสือนอกเวลา : The Joy Luck Club

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.18K
      10
      19 ธ.ค. 58

    สรุปหนังสือนอกเวลา The Joy Luck Club

    By. Biw TigerPisces

    ผู้แต่ง : AMY TAN

    เม้าท์ก่อนนิดนึง

    ตามที่เคยบอกเหมือนตอนที่แล้วเลยค่ะว่า สรุปรอบนี้เป็นรอบที่เป็นงานด่วน และเนื่องจากอยู่ในช่วงสอบ 9 วิชาสามัญ
    ถ้าไม่ใช่จุดผิดใหญ่ๆ แบบพลิกเรื่องไปเลย หรือไม่ได้พิมพ์ผิดแบบชีวิตเปลี่ยน ไม่ต้องแจ้งมานะคะ... เอ่อ...ไม่มีเวลาแก้ให้
    โดยเฉพาะบทสุดท้าย ที่ทั้งตอน ต้นฉบับจะเขียนแนวอุปมาอุปไมยเยอะ ทำให้ดิชั้นไม่กล้าตีความไปตรงๆ
    ใครที่สามารถตีความออก แนะนำให้คอมเม้นท์ไว้ใต้ตอนเลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องทักมาหลังแชทอย่างเดียว
    ยังไงก็ อ่านให้สนุก และรอดพ้นการสอบครั้งนี้ไปด้วยกันนะทุกคน จุ๊บๆ

    เกริ่นนำ + ผังตัวละคร            

        เรื่องราวของแม่ลูกหลายๆ คู่ ที่แม่เป็นคนจีนแท้ ส่วนลูก(ส่วนใหญ่จะ)เป็นลูกครึ่งจีน - อเมริกา มีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ชนิดที่แบบนอกจะต้องแปลให้เป็นภาษาไทยแล้ว ก็ยังต้องแปลให้เป็นภาษาคนอีก แถมระหว่างตอน ก็มีเรื่องสั้นที่เขียนแทรกมาติ่งอะไรก็ไม่รู้อีก! เอาเป็นว่า เนื้อเรื่องนี้จะประกอบด้วยแม่ลูกจำนวน 4 คู่ด้วยกัน และเพื่อไม่ให้งง แนะนำให้จำตัวละครให้ได้ก่อนว่า ใครแมร่งแม่ใคร ใครแมร่งลูกใคร


    ภาพขนาดเต็ม : The Joy Luck Club Character (จิ้ม)


    //น้ำตาจะไหล ตารางนี่นั่งทำนานมากกกกก ทำเป็นวันเลยค่ะ

                  ในด้านการจัดเรียงของหนังสือ จะจัดให้ตัวแม่ มีตอนของตัวเองสองตอน และของลูกหนึ่งตอน และเว้นกันไว้ห่างมาก เรียงสลับกันไปกันมา ดิชั้นเองก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เขียนให้จบไปเลยใน chapter เดียว (อีกทั้งยังมีเรื่องสั้นคั่นระหว่างตอนให้งงเล่นเพิ่มไปอีก) ดังนั้นดิชั้นขอแบ่งลำดับเนื้อเรื่องตามตัวละครคู่แม่ลูกไปเลยนะคะ


     

    Suyuan Woo & Jing Mei Woo
    <แม่เซียนไพ่ ลูกเอื่อยเฉื่อยแต่กลับใจไปตามหาพี่สาวแฝด>

                    ตอนที่ปรากฏเรื่องของแม่ลูกคู่นี้

                    Chapter 1 : The Joy Luck Club

                    Chapter 8 : Best Quality

                    Chapter 12 : A pair of Tickets

                    Jing - Mei (หรือมีชื่อเล่นว่า June) มีแม่ชื่อ Suyuan Woo ที่เพิ่งจะจากไปอย่างกะทันหันด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก นั่นทำให้ Jing - Mei นึกถึงแม่ของตัวเองว่า เป็นคนที่ชอบโม้เรื่องในอดีตของตนให้ฟังบ่อยมาก (แต่ตอนจบแต่ละครั้งไม่เคยซ้ำกัน) กระทั่งครั้งล่าสุด ที่ตอนจบดูจะเป็นเรื่องจริงที่สุด จึงทำการโทรวแบ็คไปว่า ขุ่นแม่มีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง

                    Suyuan Woo ช่วงสมัยสาวๆ นั้น นางย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ที่ Kweilin แต่ก็ประจวบเหมาะที่เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จีนถูกญี่ปุ่นรุกราน ผู้คนในนั้นต่างมีชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว แต่ไม่ใช่กับเจ๊ Suyuan ค่ะ นางรวมพลพรรคแก๊งสาวๆ ในนั้นอีกสามสี่คน เอาโต๊ะไม้งามของตนมาตั้งวงเล่นไพ่มาจอง (Mahjong) กันอย่างสนุกสนานหวานชื่นรื่นรมย์ โดยมีชื่อเรียกวงไพ่ยามลำเค็ญนี้ว่า ‘Joy Luck Club’


               

                ภาพประกอบ ไพ่มาจอง (Mahjong) เครดิตตามภาพ


                    แต่สุดท้ายเมื่อไฟสงครามลามมาถึงจริงๆ สามีชื่อ Fuchi ก็ต้องไปรบ นางจึงต้องอพยพข้าวของด้วยตัวคนเดียว นางหอบโต๊ะมาจองตัวงามขึ้นหลังเกวียน พร้อมทรัพย์สินที่มี มือก็แบกลูกแฝดทารกไว้กับตัว ก่อนจะออกเดินทางลี้ภัย และตลอดเส้นทาง Suyuan ต้องค่อยๆ ทิ้งทรัพย์สินไปทีละอย่าง เพื่อให้ตัวเองเดินต่อไปได้ จนสุดท้ายก็ต้องตัดใจทิ้งลูกแฝดของตัวเองไว้กลางทาง เพราะถ้ากระเตงกันต่อไป คงต้องตายทั้งสามแม่ลูกแน่ๆ แต่นางไม่ได้อยู่ๆ ก็เขวี้ยงทิ้งนะ นางวางลูกทั้งสองลง จัดแจงเอาทรัพย์สินมีค่าติดไว้กับตัวลูก ลงท้ายด้วยภาพของตัวเองกับสามีที่ด้านหลังเขียนข้อความไว้ว่า

                ‘ดูแลเด็กสองคนนี้ให้ดี และถ้าสงครามสงบแล้ว ช่วยนำเด็กสองคนนี้มาส่งที่ Shanghai 9 Weichang Lu กับครอบครัว Li จักมีรางวัลตอบแทนให้อย่างงาม

                 แล้วนางก็ออกเดินทางต่อ เพื่ออย่างน้อยจะได้ไปเจอกับสามีตนตามจุดที่นัดกันไว้ แต่สุดท้ายก็หมดซึ่งเรี่ยวแรง ล้มรอความตายอยู่กลางทาง แต่โชคดีที่มีนางพยาบาลชาวอเมริกันมาหอบไปส่งที่โรงพยาบาลที่ Chungking สิ่งแรกที่ได้รู้คือ สามีนางตายไปตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว Suyuan เหมือนสูญเสียทุกสิ่ง เป็นการเดินทางที่ไร้ค่าสิ้นดี

                    หากระหว่างที่ Suyuan กำลังจะตรอมใจตาย นางก็พบนายคนที่ชื่อ Canning ซึ่งก็คือ พ่อของ Jing-Mei ทั้งสองแต่งงานกันแล้วพากันย้ายไปที่ San Francisco ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะตั้ง ‘Joy Luck Club’ รุ่น 2 ขึ้นมาตามเจตนารมณ์ส่วนตัว โดยระหว่างนั้น Suyuan ก็พยายามตามหาลูกแฝดของตัวเองอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่พบเสียที

                    กระทั่งมีลูกชื่อ Jing Mei ลูกคนนี้โตมาแบบถูกทางบ้านคาดหวังให้เป็นเด็กอัจฉริยะ โดยสิ่งที่ถูกบังคับให้เป็นมากที่สุดคือ การเล่นเปียโน ถึงกับทุ่มทุนจ้าง Mr Chong ครูสอนเปียโนมาสอนกันเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความเอื่อยเฉื่อยของ Jing-Mei นางก็ฝึกแบบขอไปที (แล้วอีครูฝึกก็ดั๊นนนน เป็นสายอวย จะเล่นเพี้ยนอะไรยังไงก็ชมว่า ไพเราะจังเลยยย) จนถึงคราวที่มีงานแสดงโชว์ Jing-Mei ที่มั่นใจมาตลอดว่า เฮ้อ แค่ของกล้วยๆ พอถึงเวลาโชว์ ความพินาศก็บังเกิด นางเล่นเปียโนได้เพี้ยนชนิดที่ว่า ถ้านางเล่น audition คงโดน miss ไปหลายทีอยู่ ก็เลยกลายเป็นเหตุดราม่าในบ้านไปในที่สุด

                    สงครามเย็นระหว่างนางกับแม่ ดำเนินมานานมาก กระทั่งฝ่ายลูกอายุ 30 ปี Suyuan ก็เอาเปียโนกลับมาให้อีก นั่นทำให้ Jing-Mei เริ่มคลายทิฐิลง ซึ่งทิฐิความมั่นหน้าที่เหลือในตัวนางได้สลายไปทั้งหมดเมื่อตอนใกล้ตรุษจีน ที่นางได้นั่งร่วมกินข้าวกับครอบครัวของ Waverly (ลูกสาวของ Lindo ซึ่งจะปรากฏสตอรี่หลักในตอนถัดไป) เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด

                    เรื่องมีอยู่ว่า นางเคยช่วยพิมพ์งานโฆษณาอะไรสักอย่างให้คุณเพื่อน  Waverly (ซึ่งได้ข่าวมาอีกว่า Jing-mei เป็นฝ่ายเสนอหน้าไปทำเองนะจ๊ะ เขาไม่ได้ขอ) แล้วประเด็นคือ ฝ่ายเจ้าของบริษัทอย่าง Waverly ไม่ยอมจ่ายตังค์ให้ ความจริงปรากฏว่า ที่คุณเพื่อน Waverly ไม่ยอมจ่ายตังค์ เพราะงานของนางกากซากอ้อยมากๆ นี่เอง

                    จากเคสนี้ แทนที่ Jing-Mei จะโกรธเพื่อน นางก็สำนึกในตัวเองว่าต่อไปนี้ไม่ควรจะมั่นหน้าเกินควร หรือทำตัวเอื่อยเฉื่อยอีกต่อไป เพราะเวลาจะทำอะไร ก็ควรจะทำให้มันสุดทาง ให้ออกมามีคุณภาพที่ดีที่สุด และคืนนั้นนั่นเองที่ Suyuan มอบสร้อยคอต่างหน้าให้ลูก เพื่อแสดงให้เห็นว่า ตลอดมา แม่รักลูกเสมอนะ

                    กระทั่งปัจจุบันล่าสุด ที่ Suyuan จากไปไม่นาน ก็ได้ข่าวว่าพบสองแฝดแล้ว

                    ประเด็นเรื่องฝาแฝดที่พลัดพราก ความจริงทั้งสองไม่ได้ตายไปไหนนะจ๊ะ คือ ย้อนกลับไปตอนนู้นนนนนน มีหญิงชาวบ้านใจดีคนหนึ่งชื่อว่า Mei Ching มาเจอเด็กหญิงแฝดสองคนนี้ แล้วเก็บไปเลี้ยง ทั้งนางกับสามีนางต่างดูแลทะนุถนอมเด็กแฝดอย่างดี แต่ประเด็นคือ ไม่มีใครอ่านหนังสือออกเลย ไม่รู้ว่าข้อความที่ฝากไว้ด้านหลังคืออะไร และกว่าจะเริ่มตระหนักว่า ควรเอาไปตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง แต่ว่า สมัยนั้น ตำบล หมู่บ้าน ฯลฯ ก็เปลี่ยนชื่อกันหมดละ การจะนำไปส่งคืนตามที่เขาบอก ไม่ใช่เรื่องง่าย แฝดทั้งสองก็ยังคงอยู่กับ Mei Ching และในที่สุด พอทราบแหล่งที่อยู่ชัดเจน เหล่าป้าๆ Lindo , An-mei , Ying-Ying ที่เป็นแก๊ง Joy luck club 2 ก็มาบอกให้ตัว Jing-Mei เดินทางไปพบพี่สาวทั้งสอง Jing-Mei ที่อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อแม่

                    สุดท้าย Jing-Mei ตัดสินใจออกเดินทางไปพบพี่สาวทั้งสอง เพื่อสานเจตนารมณ์ของแม่ให้ถึงฝั่งฝันเสียที สุดท้าย สามพี่น้องก็ได้พบกัน เม้าท์มอยถึงแม่ตัวเองที่ไปอยู่บนสวรรค์แล้วอย่างมีความสุข

                    เกร็ดแฟนพันธุ์แท้

                    - The Joy Luck Club (รุ่น the next gen …เอ่อ รุ่น2 ที่มาตั้งในอเมริกาแล้ว) ประกอบด้วยคุณแม่ทั้งสี่ คือ Suyuan(ตัวตั้งคลับ) , An-mei , Lindo และ Ying-Ying

                    - Canning เป็นชื่อพ่อ Jingmei จากหน้า 50 บรรทัดแรกของ ย่อหน้าที่ 2

                    - Suyuan มักจะนั่งตรงทิศตะวันออกเสมอ เพราะเชื่อว่า East is also "where things begin."

     

    An-mei Hsu & Rose Hsu Jordan
    <รุ่นยายเป็นเมียน้อยเจ้าสัว (แม่ก็ไปอยู่ด้วย) รุ่นลูกก็โคตรช้างเท้าหลัง>

                    ตอนที่ปรากฏเรื่องของแม่ลูกคู่นี้

                    Chapter 2 : Scar

                    Chapter 7 : Without Wood

                    Chapter 9 : Magpies

                    An-mei Hsu (รุ่นแม่) เกิดมาท่ามกลางความสับสนวุ่นวายดราม่าบัลลังก์เมฆของคนในบ้าน An-mei พ่อก็ตายจากไปตั้งแต่ก่อนจะจำความได้ เธอกับน้องชาย(ท้องเดียวกัน)อาศัยอยู่ในบ้านตรง Ningpo ซึ่งในบ้านประกอบด้วย ลุง ป้า และก็ Popo (ไม่ย่าก็ยาย นับแล้วก็เป็นทวดของ Rose) ซึ่งเหล่าผู้ใหญ่ในบ้านก็จะเสี้ยมสอนสองพี่น้องมาเสมอว่า แม่แกน่ะ (นับแล้วเป็นยายของ Rose) เป็นนังผีงามไส้ ทิ้งความอับอายขายหน้าไว้ แล้วระหกระเหินไปเป็นเมียน้อยนางบำเรอคนที่3 (Third Concubine) หรือถ้านับเมียหลวงแล้ว นางก็จะถูกจัดให้เป็นคุณนายที่4 (Fourth Wife)

                    โดยในตอนที่ An-mei อายุ 4 ขวบ ตอนที่แม่(โดนไล่ตะเพิด)ออกจากบ้านAF (ไม่ใช่ละ) เหล่าผู้ใหญ่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง ฝ่ายแม่ก็พยายามจะเรียกให้ลูกสาวไปด้วยกัน แล้ว An-mei ก็เข้าไปเสนอหน้าตรงโต๊ะอาหาร อีท่าไหนไม่รู้ น้ำซุปร้อนๆ พลาดมาเทใส่หลังคอของแม่หนูน้อย An-mei กลายเป็นแผลเป็นที่ฝังใจไปอีกนาน

                    พออายุ 9 ขวบ ตอนที่ Popo ตายไปแล้ว ขุ่นแม่คัมแบ็คกลับมาที่บ้านอีกรอบ คืนนั้นแม่ก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติอันแสนมหัศจรรย์ของตน ประมาณว่า สมัยแม่อายุเท่าลูกนะ แม่เคยร้องไห้ แล้วก็มีเต่ามหัศจรรย์ในบ่อหน้าบ้านขึ้นมาอ้าปากกินน้ำตาของแม่ไป และสอนแม่ว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะร้องไห้ แล้วเต่าตัวนั้นก็คายน้ำตาที่แปรรูปแล้วออกมาเป็นไข่ 6-7 ฟองที่ฟักตัวออกมาเป็นนกกางเขน (Magpies) พวกมันร้องเพลงอย่างสำราญใจ คุณเต่าก็เลยสอนต่อไปว่า

                    เห็นมั้ย น้ำตาที่มาจากความเศร้าของเรา มีแต่จะทำให้คนอื่นยิ่งมีความสุขบนความทุกข์ของเรา ดังนั้น เราต้องอดทน กล้ำกลืนน้ำตาให้เป็น

                    พอเช้าต่อมา An-mei ก็เห็นแม่ตัวเองกำลังขอร้องที่จะพาลูกสาวไปอยู่ด้วยกันที่บ้านใหม่ โดนลุงกับป้าสาปส่งไปเยอะพอตัว และวันนั้น An-mei เลือกที่จะไปกับแม่ และทิ้งน้องชายของตนไว้กับลุงและป้าที่ Ningpo

                    สองแม่ลูกไปโผล่ที่สถานที่ที่เรียกว่า Tientsin ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ ตอนนั้นเองที่ An-mei ได้พบกับพ่อเลี้ยงของเธอ เป็นเจ้าสัวพุงใหญ่ตามภาพที่อิมเมจไว้ ชื่อว่า Wu Tsing รวมถึงพบกับคนใช้ใจดีชื่อ Yan Chang ชีวิตตอนต้นก็ดูสงบสุขดี แต่พอไปเรื่อยๆ ความดำมืดในคฤหาสน์หลังใหญ่ก็ยิ่งปรากฏได้ชัดจากปัญหา เมียๆ ของเจ้าสัว

                    เมียหลวง : มีลูกสาวสองคนที่พิการ นางเลยปลงตก วันๆ เอาแต่หันหน้าเข้าศาสนาจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว

                    คุณนายที่2 หรือเมียน้อยคนที่1 : เป็นนักร้องเต้นกินรำกินในโรงน้ำชามาก่อน ทำตัวหรูหรา ไฮโซ มีลูกชายที่อุ้มมา 1 คน

                    คุณนายที่ 3 หรือเมียน้อยคนที่2 : ผู้หญิงหน้าตาใจดี สวยเรียบๆ มีลูกสาวอีก 3 คนติดแจ

                    คุณนายที่ 4 หรือเมียน้อยคนที่ 3 : แม่ของ An-mei นั่นเอง

                    คุณนายที่ 5 หรือเมียน้อยคนที่ 4 : สาววัยรุ่นอายุสิบกว่าๆ เพิ่งเข้ามาเป็นเมียเจ้าสัวสดๆ ร้อนๆ

                    แม่ของ An-mei บางทีก็เผลอระบายความเศร้ากับลูก อย่างเช่น เรื่องเมียน้อยคนล่าสุดบ้างล่ะ หรือหนักสุดคือเรื่องคุณนายที่2 ที่เป็นอีนังจิ้งจอก ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อ An-mei โดยตรงด้วย เพราะว่าแรกที่ได้พบกัน นังคุณนายที่2 ก็จัดการเอาสร้อยมามอบให้ An-mei เป็นการตีซี้ แต่ที่ไหนได้ นั่นเป็นสร้อยปลอม เหยียบเปราะเดียวก็แตกสลายแล้ว

                    นอกจากนี้ สกิลสตอของนางก็เป็นเลิศ พอเวลานางอยากได้อะไรแล้วเจ้าสัวไม่ให้ นางก็จะส่งคนใช้ไปบอกว่านางกำลังจะตาย จะเป็นผีมาทวงแค้น เจ้าสัวที่กลัวเรื่องผีขึ้นสมอง ก็เลยรีบสมนาคุณให้ทันที

                    แต่จะยังไงก็ตาม วีรกรรมที่ร้ายที่สุดของอีคุณนายที่2 ก็คือ มันขโมยน้องแกไปนะ An-mei!!

                    เห็นเด็กที่นางอุ้มมั้ยล่ะ? ความจริงนั่นคือลูกที่เกิดจาก ขุ่นแม่กับเจ้าสัว Wu Tsing (ไม่ใช่น้องชายที่อยู่กับลุงกับป้านะ) เด็กคนนี้ชื่อว่า Syaudi แต่นางก็ใช้ทริคอะไรสักอย่างหลอกขุ่นแม่ (คือ แม่ออกจากบ้านตอน An-mei 4 ขวบ แล้วค่อยกลับมารับตอน  An-mei 9 ขวบใช่มะล่ะ ดังนั้น ระหว่างอายุ 4-9 ขวบของ An-mei นางก็ตั้งท้อง+คลอดลูกชายอีกคนในช่วงนี้นี่แหละ) แล้วเอาเด็กชายคนนั้นไป claim ว่านี่เป็นลูกของตัวเอง เพราะตัวเองเป็นหมัน มีลูกให้ไม่ได้ไงล่ะ

                    สองวันก่อนจะถึงวันปีใหม่ อยู่ๆ แม่ของ An-mei ก็นอนลมหายใจรวนเร พอหมอมาตรวจก็บอกว่า เธอได้รับสารพิษเข้าไปในร่างกาย และมันก็คงสายเกินไป สุดท้าย แม่ของ An-mei ก็สิ้นลม

                    จะเพราะนางฆ่าตัวตายเอง หรือมีใครฆ่านาง หนังสือไม่ได้บอก แต่ที่แน่ๆ คือ นางวางแผนไว้แล้วว่าการตายของนางจะต้องมีผลตามมาที่ยิ่งใหญ่ และก็เป็นตามที่คาด ในวันปีใหม่ เจ้าสัว Wu Tsing ที่กลัวผีขึ้นสมอง ก็สัญญากับวิญญาณของขุ่นแม่ว่า จะยกให้ An-mei และ Syaudi เป็นลูกตามทะเบียน เป็นลูกหัวแก้วหัวแหวนของบ้าน

                    และวันนั้นเอง ที่ An-mei ได้เอาซากสร้อยคอปลอมๆ ที่เคยได้รับ มาขยี้ใต้ Teen ให้นังคุณนายที่2 ดูอีกรอบ

                    และวันนั้นเอง ที่ An-mei รู้จักเป็นฝ่ายตะโกนด่าออกไปบ้าง

                    พอ An-mei โตเป็นสาวเป็นแส้ นางตัดสินใจออกจากคฤหาสน์หลังนั้น ย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกา แต่งงานมีลูก แต่ชะตาของนางก็ยังรันทด จนนางต้องเอาศาสนาคริสต์เป็นที่พึ่งทางใจ ตอนที่ An-mei มีลูกทั้งหมด 5 คน ได้แก่ Rose , Matthew , Mark , Luke และ Bing วันหนึ่งที่ไปเที่ยวทะเลกัน Bing ก็ตกน้ำทะเลโดนซัดไปไหนไม่รู้ นางจึงลาก Rose มายืนเป็นเพื่อน ในการทำพิธีบูชาพลัง nengkan (มันคืออะไรไม่แน่ใจ แต่น่าจะเป็น พิธีตามที่เขียนไว้ในไบเบิ้ลเล่มที่ An-mei ถือ) ร่ายคาถาไบเบิลบนโขดหินทะเล ทำพันธะสัญญาโดยการมอบสิ่งที่มีค่า คือ แหวนที่นางสวมติดนิ้วตลอดเวลา โยนลงทะเลลงไป เพื่อขอให้ลูกชายคนเล็กกลับคืนมา

                    แต่ Bing ก็ไม่กลับมา

                    ทุกวันนี้คัมภีร์ไบเบิลที่มีชื่อยาวดิบดีว่า ‘The Twenty-Six Malignant Gates’ ก็กลายมาเป็นฐานรองโต๊ะกินข้าวไปเป็นที่เรียบร้อย

                    มาสมัยปัจจุบัน Rose โตเป็นสาวแล้ว แต่แม้ An-mei จะพยายามสอนให้ลูกสาวคนโตเป็นคนเข้มแข็ง แต่ความอ่อนแอเปรียบประดุจ DNA รุ่นยาย รุ่นแม่ เป็นยังไง รุ่นลูกเป็นเช่นนั้น Rose เป็นผู้หญิงที่เป็นโคตรแห่งช้างเท้าหลัง นางเหมือนพืชที่ไร้ไม้ค้ำ โอนอ่อนไปทุกเรื่อง จะทำอะไรก็ต้องมีคนคอยตัดสินใจให้ ไม่เคยมีความคิดเด็ดขาดเป็นของตัวเองเลยก็ว่าได้

                    หลายครั้ง Rose ก็สงสัยว่า อะไรคือจุดยึดเหนี่ยวของชีวิต? ไม่ใช่ศาสนาแน่ๆ (จากเคสน้องชายตัวเอง) จนกระทั่งมีสามีชื่อ Ted ด้วยความโลเลของนาง ผัวก็จะหย่ากับนาง เพราะรำคาญข้อเสียข้อนี้ของนางเต็มทน ขนาดใบเซ็นหย่ามาเกยถึงที่ นางยังต้องใช้เวลาตัดสินใจเป็นวัน

                    สุดท้าย Rose ตัดสินใจทำตามเสียงหัวใจตัวเอง คือ ไม่หย่า อยู่กับกู อีดอก Ted

                    นั่นแหละคือ ครั้งแรกในชีวิตของ Rose ที่ได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญด้วยตัวของตัวเอง

                    เกร็ดแฟนพันธุ์แท้

                    - ในหนังสือ ไม่บอกว่า แม่ของ An-mei (ยายของ Rose) มีชื่อว่าอะไร เพราะบรรยายไว้ว่า ตัวลุงป้าละก็ Popo ไม่อยากให้รู้  //คนอ่าน : ให้กรูรู้หน่อยก็ดีนะ

                    - Rose ทำงานที่บ้านเป็น Designer

                    - ตรงเฉลยคำตอบด้านหลัง (ในเว็บ) บอกว่า Anmei มีลูกถึง 7 คน = ไม่ได้เอ่ยนาม 3 คน

     

    Lindo Jong & Waverly Jong
    <แม่ผู้ถูกคลุมถุงชน ลูกเซียนหมากรุก>

                    ตอนที่ปรากฏเรื่องของแม่ลูกคู่นี้

                    Chapter 3 : The Red Candle

                    Chapter 5 : Rules of the Game

                    Chapter 11 : Double Face

                    เรื่องของหญิงสู้ชีวิตนามว่า Lindo ที่บ้านแตกสาแหรกขาดเพราะน้ำท่วมที่นา พ่อแม่เลยส่งนางไปฝากไว้กับ Huang Taitai คนรู้จักที่เคยมั่นหมายกันตั้งแต่ 2 ขวบว่าจะให้ลูกแต่งงานกัน คือ แต่งกับลูกชายของอาซิ่ม Huang Taitai ที่มีชื่อว่า Tyan-Yu

                    Lindo ที่ถูกส่งเข้าบ้านนั้นก่อนกำหนด จึงถูกเอามาโดนฝึกหนักเพื่อให้เป็นแม่ศรีเรือนที่ดี (โดยเมนเทอร์ Huang Taitai นั่นเอง) กระทั่งถึงวันที่ต้องแต่งงาน ก็ดันอยู่ในช่วงสงครามที่ญี่ปุ่นบุกพอดี แขกเหรื่อจึงหรอมแหรมเต็มกำลัง แต่งานก็ยังถูกจัดต่อไป มีทีมงานแม่สื่อเข้ามาทำพิธีจุดเทียนสองเล่ม เล่มหนึ่งของเจ้าสาว เล่มหนึ่งของเจ้าบ่าว คือ ต้องคอยเฝ้าดูว่า ถ้าเทียนเผาละลายตัวเองจนหมดเล่มโดยที่ไม่ดับกลางเล่ม จะมีผลผูกพันให้ทั้งคู่เป็นคู่กันตราบจนวันตาย ซึ่ง Lindo ไม่ได้ต้องการเล้ยยยย

                    Lindo พยายามลุ้นให้เทียนดับกลางทาง แต่สุดท้าย แม่สื่อก็รายงานผลว่า เทียนทั้งสองเล่มดับตรงจุดที่ละลายตัวเทียนของมันเองหมดพอดี การแต่งงานจึงสัมฤทธิ์ผล นับแต่วันนั้น Lindo ระแวงมากกว่าสักวันหนึ่ง อี Tyan-Yu จะต้องอยากเตะบอล มาทำมิดีมิร้ายเธอเป็นแน่ แต่กลายเป็นว่า ฮีกลับผลักไส ไม่ยอมมีอะไรกับนาง และโกหกแม่ Taitai ตลอดว่า เราโซเดมาคอมกันไปแล้วนะม๊า คงจะมีหลานเร็วๆ นี้อย่างที่ม๊าอยากได้แน่ๆ

                    Lindo ทราบเหตุผลในภายหลังว่า Tyan-Yu ไม่ได้อยากมีอะไรกับเธอ และบางที อาจจะรวมถึงผู้หญิงทั้งโลกก็เป็นได้ จากตอนแรกที่เกลียดกัน Lindo ก็รัก Tyan-Yu เหมือนเป็นน้องชาย(หรือว่าน้องสาว)ของตัวเองเลยทีเดียว

                    วันหนึ่ง Lindo รู้ใจตัวเองว่า ควรจะออกไปจากที่นี่ นางสังเกตว่ามีสาวใช้คนหนึ่งที่แอบกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มส่งของ นางจึงรอถึงวัน Pure Brightness หรือที่เรียกกันว่า วันเชงเม้ง (วันไหว้บรรพบุรุษ) นางทำทีเป็นสะดุ้งโหยงตื่นจากฝันร้ายกรี๊ดแตก แล้วแกล้งบอกอุบายว่า มีผีบรรพบุรุษมาขู่ว่า ถ้า Lindo ยังเป็นเมีย Tyan-Yu ต่อไป Tyan-Yu จะอายุสั้น ต้องเปลี่ยนเป็นคนที่เหมาะสม

                    อย่างอีสาวใช้คนนั้น

                    Lindo ได้หย่ากับ Tyan-Yu สมใจ ส่วนสาวใช้ก็ได้อัพเกรดเป็นเมียของ Tyan-Yu และคลอดหลานชายออกมาให้อาซิ่ม Taitai ได้เชยชม (คาดว่าน่าจะเป็นลูกของนางกับคนส่งของ เพราะ Tyan-Yu คงไม่พึงปรารถนาอิสตรี) เมื่อทุกอย่างลงล็อค นางก็เก็บเงินตีตั๋วเรือไปอเมริกาโดยไม่คิดจะหวนกลับมาอีกเลย

                    แต่ก่อนจะไปอเมริกา นางแวะที่ Peking และได้พบกับสาวจีนนิรนามที่เติบโตในอเมริกา Lindo ไม่รอช้า รีบไปถามทริคว่า ทำยังไงเราถึงจะได้อยู่ในอเมริกาอย่างสะดวกโยธินได้

                    แม่นางคนนั้นตอบกลับมาง่ายๆ ว่า

                    1. ถ้ามีคนถามว่า มาเมกาทำไมให้อายบ้านนาล่ะนวลน้อง ต้องตอบว่า อ๋อ มาเรียนค่ะ แล้วพอเรียนจบ ก็จะเอาความศิวิไลนี้กลับไปเผยแผ่ที่ประเทศตัวเองค่ะ

                    2. ถ้าโดนถามอีกว่าเรียนอะไรก็ตอบไปว่า มาเรียนศาสนาค่ะจะทำให้ดูเป็นคนดีศรีคริสต์ศาสนา + 73.2131%

                    3. หลังจากนั้น ก็รีบหาผัวเป็นคนอเมริกา แล้วมีลูก แล้วใช้เหตุผลว่า ต้องอยู่เป็นแม่บ้านดูแลลูก

                    แค่นี้ แกก็จะได้อยู่ในอเมริกาสวยๆ แล้วค่ะ

                    พอ Lindo ไปถึงอเมริกา นางก็ได้พบกับ An-mei Hsu (แม่นางผู้สู้ชีวิตในตอนก่อนหน้า) ที่โรงงานเบเกอรี่ ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ An-mei เป็นคนใฝ่ศาสนา ก็เลยพากันไปโบสถ์ แล้วก็ได้เจอกับ Tin Jong ซึ่งเป็นคนจีน (แต่อยู่คนละภาคกันประมาณว่า คนนึงจีนแต้จิ๋ว คนนึงจีนกวางตุ้ง ไรงี้) แล้วภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ ทั้งคู่ เลยสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ทั้งคู่ก็ค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนช่วงความรักผลิบาน  An-mei ก็ยุให้เขียนข้อความที่ว่า ‘A house is not a home when a wife is not at home’ สุดท้าย ทั้งสองก็แต่งงาน มีลูกด้วยกัน 3 คน ได้แก่ Winston Vincent และ Waverly

                    นางมีลูกสาวอย่าง  Waverly ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านหมากรุกชนิดเทพมาจุติ ได้เป็นรางวัลหมากรุกระดับนานาชาติตั้งแต่ 9 ขวบ ซึ่งตั้งแต่ Lindo ได้เป็นแม่คน นางก็เริ่มออกอาการมนุษย์แม่มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่นวีรกรรมสำคัญคือ พอลูกไปแข่งชนะตลอด นางก็จะเที่ยวอวดว่า

                    เนี่ยยยย ลูกฉันนนน อัจฉริยะแห่งหมากรุกกกกกก

                    จนทำให้ Waverly เบื่อ และบ่นไปตรงๆ ว่า แม่อย่าเอาหนูไปอวดอย่างงั้นสิคะ อยู่เงียบๆ น่ะ ทำเป็นมั้ยคะแล้วก็วิ่งเตลิดไป ทำให้แม่ Lindo ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด ทำสงครามเย็น เงียบใส่ตามที่ลูกรีเควส

                    Waverly เลือกจะเล่นสงครามประสาทโดยการบอกว่า จะเลิกเล่นหมากรุกแล้ว ขุ่นแม่ก็สั่นหวีดร้องเป็นเจ้าเข้าตามที่นางคาดไว้ ซึ่งเอาจริงก็คงไม่ถึงกับตัดขาดไปเลยหรอก เพราะพอนางพลาดแมทช์สำคัญหลายๆ แมทช์ นางก็รู้สึกเสียดาย และอยากกลับไปเล่นอีกรอบ ทีนี้ Lindo ก็เอาบ้าง ยืนยันนอนยันว่า ในเมื่อแกเลือกจะเลิกเล่น ก็เลิกไปเลยสิยะ!!

                    ไม่กี่ปีต่อมา พอ Waverly ได้มีโอกาสกลับมาเล่นอีกรอบ นางก็พบว่า สกิลหมากรุกอัลติเมทเทพเจ้าประทับทรงของนาง ได้อันตราธานหายจ้อยไปเสียแล้ว

                    Waverly จึงโตมาในสภาพตั้งแง่กับแม่ตัวเองตลอด คิดว่าแม่เป็นคนจู้จี้ขี้บ่น ขี้จับผิด เรื่องเยอะ เจ้าอารมณ์ และชอบทำให้เธอรู้สึกแย่ จะมีสามีอเมริกันทีนึง ก็ต้องคอยระแวงว่า แม่จะรังเกียจมั้ย ความระแวงสารพัด ทำให้เธอต้องเลิกกับสามีคนแรก (ชื่อว่า Marvin Chen)  แล้วพอมีคนที่สอง คือ Rich Schields นางก็ระแวงเหลือเกินว่า แม่จะกีดกัน ไม่ให้แต่งงานกัน

                    เรื่องจบลงง่ายๆ ที่ว่า Waverly ได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับแม่ (ประมาณว่า แม่นอนแหมะในห้อง นางคิดว่าแม่เป็นอะไรไป เลยเข้าไปร้องห่มร้องไห้ และแม่ก็ตื่นขึ้นมาบอกว่า อ้าว มีอะไรเหรอลูก) แล้วตระหนักได้ว่า เป็นตัวเองนั่นแหละที่ตั้งแง่กับแม่มากเกินไป  จบเรื่อง

                    เกร็ดแฟนพันธุ์แท้

                    - Lindo พยายามจะเลี้ยงลูกให้มีอากัปกิริยาสไตล์คนจีน(เรียบร้อย ไม่โวยวาย รู้จักคิด เป็นช้างเท้าหลัง) แต่ให้มีสถานภาพภายนอก(รู้จักใช้สิทธิ / ศึกษาเล่าเรียน)เป็นแบบอเมริกันชน  แต่ความจริงคือ นางเป็นสาวหมวย ที่หัวใจ และคตินิยมประจำตัวเป็นอเมริกันจ๋าเลยจ้ะ

                    - Lindo ชอบบ่นบ่อยๆ ว่า Waverly เป็นคนที่ดื้อ ไม่รักษาสัญญา หัวสมัยใหม่เกินไป

                    - Waverly มีเพื่อนบ้านชื่อ Lau Po ที่เล่นหมากรุกได้เก่ง และมีประสบการณ์พอตัว นางจึงไปครูพักลักจำจากคนนี้ ถัดจากพี่ชายของตัวเอง (Vincent)

                    - ลูกของ Waverly กับ Rich Schields เป็นเด็กผู้หญิง ชื่อ Shoshana

                    - ความจริงจากตอน Double Face จะเป็นเรื่องที่ Waverly จะไปทริปจีน + ให้แม่ไปพบแฟน อะไรทำนองนี้แหละ ก็เลยพาแม่ไปทำผม //ซึ่งมันไม่มีแก่นสารอะไรเลยนอกจากว่า หน้าเหมือนกันจังแม่ลูกคู่นี้… (ก็เลยไม่ได้เขียนลงในเนื้อเรื่องหลัก)

     

    Ying-ying St Clair & Lena St Clair
    <แม่หลอน ลูกทะเลาะกับผัวเรื่องแชร์เงิน>

                    ตอนที่ปรากฏเรื่องของแม่ลูกคู่นี้

                    Chapter 4 : The Moon Lady

                    Chapter  6 : The Voice from the Wall

                    Chapter 10 : Waiting Between the Trees

                    เป็น story ที่อ่านแล้วยังคงงงมากที่สุด และบอกไว้เลยว่า ไม่สามารถจะจับใจความทั้งหมดได้ เพราะเนื้อเรื่องเหมือนกระโดดไป กระโดดมา ก็พอจะลองงมๆ แล้วสรุปได้ดังนี้ค่ะ

                    Ying-Ying เกิดในบ้านที่ค่อนข้างมีฐานะ ตอนเด็กนางทำวีรกรรมตกน้ำพลัดหลงกับครอบครัว วิ่งไปหาเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ Chang-O (น่าจะออกเสียงว่า ฉางเอ๋อ) เพื่อขอพรตามที่อาม่าเคยเล่าไว้ แต่นางก็พบความจริงว่า เจ้าหญิงนี่เป็นผู้ชายแปลงมาแสดงหน้าฉากเท่านั้น และพอนางอายุ 16 ปี นางก็เริ่มมีพลังเบิกเนตรที่ทำให้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ (รวมถึงเห็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติด้วย) นางรู้ว่านางต้องแต่งงานกับ เพื่อนของลุงเขย นางก็ต้องแต่งตามที่เห็นจริงๆ ชีวิตนางแย่นับแต่นั้น สามีแก่คราวลุงนอกจากจะทำตัวแย่ ยังทิ้งนางไปมีเล็กมีน้อยไปทั่ว พอนางท้องกับผัวคนนี้ นางเลยจัดการทำแท้งตัวเอง จากนั้นก็รอจนผัวคนแรกตาย ก็ย้ายไปอยู่ที่อเมริกา ได้เจอกับ Clifford St. Clair ที่รักเธอมาก แต่ตอนนั้นนางเริ่มจะด้านชา ไม่ค่อยรู้สึกรู้สมอะไรแล้ว แล้วหลังจากนั้น นางก็ตั้งท้องเป็นลูกชาย แล้วก็แท้งอีก Ying-Ying เลยยิ่งตายด้านอย่างกับซอมบี้เดินดินเข้าไปอีก

                    ทั้งสองมีลูกด้วยกัน คือ Lena ซึ่งชีวิตของ Lena ผูกไว้กับแม่ที่ประหลาดๆ ใกล้ประสาทกิน อย่าง Ying-Ying อย่างเช่น อย่าเข้าไปในห้องใต้ดิน เพราะมีผีอยู่ในนั้น , ถ้ากินข้าวไม่หมดจะทำให้เกิดภัยตามมา , ทำนายว่า Lena จะได้ผัวไม่ดี มีปัญหา ซึ่งข้อนี้ทำให้ Lena เข้าใจว่า Arnold เพื่อนชายนิสัยไม่ดีใกล้ตัวจะมาเป็นสามีในอนาคต นางก็เลยแกล้งกินข้าวไม่หมด แล้วโอนความวิบัติให้ Arnold แล้วก็เจือกตายขึ้นมาจริงๆ จนกลายเป็นตราบาปในใจของ Lena เสมอมา (นี่มันอะไรวะ)

                    จุดที่เยียวยา Lena ว่า เออ ชีวิตกุก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะมีคนแย่กว่า คือครอบครัว Sorcis เพื่อนข้างบ้านที่จะได้ยินเสียงแม่ทะเลาะกับลูกทุกคืน (บางเว็บเห็นว่าลูกชื่อ Tereza) จนคิดว่าลงมือฆาตกรรมยำแกงกันไปแล้ว ที่ไหนได้ พอถึงเวลาจริง Lena ก็เห็นว่า สุดท้ายแม่ลูกก็ปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด

                    (Lena : กูเปิดดูวงเวียนชีวิตแทนก็ได้ ชิชะ)

                    พอ Lena โต นางได้แต่งงานกับ Harold ที่เป็นเจ้านายของนาง และเริ่มมีปัญหาชีวิตคู่เกี่ยวกับการเรื่องการหารเงินจริงๆ (ประมาณว่า ไม่ว่าจะซื้ออะไร เราจะต้องหารครึ่งด้วยกันเสมอ แม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่บริโภคก็ตาม)

                    Ying-Ying ยังคงหวีดร้องในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น ห้องของลูกสาวกับลูกเขยจัดมาเหมือนห้องเก็บศพ โต๊ะขาไม่แข็งแรงเลย ถ้าวางแจกันต้องตกลงมาแตก ฯลฯ เกินกว่าที่ใครจะเข้าใจไหว

                    Ying-Ying บ่น(เพ้อ)ต่อไปว่า นางเห็นอนาคตขนาดเห็นฉากที่ตัวเองตาย จะมีเสียงของแตกดังลั่น จนลูกสาววิ่งขึ้นมาดูและพบว่าแม่ตัวเองจากไปแล้ว

                    ลงท้ายจบเรื่องว่า Ying-Ying เปรียบตัวเองเป็นดั่งเสือ เสือที่มีสองด้านในตัวเดียวกัน

                    ด้านสีทอง ดุร้าย พร้อมต่อสู้ให้ศัตรูดับดิ้น

                    ด้านสีดำ สงบนิ่ง สุขุมนุ่มลึก

                    Ying-Ying ในตอนนี้ก็เป็นดังเช่นเสือ ที่หลบอยู่ระหว่างต้นไม้ คอยจับตาเฝ้ามองลูกสาวอยู่ด้วยความห่วงใยก็เท่านั้นเอง

                   

                   

                   //……… คนทำสรุปก็งงเหมือนกันค่ะ #กลอกตา

                    เกร็ดแฟนพันธุ์แท้

                    - บางเว็บบอกว่า ตอน Ying-Ying เข้ามาอเมริกา นางได้ชื่อใหม่ว่า Betty

                    - เป็นบทที่สะท้อนค่านิยมสตรีพอตัว เพราะ ตอนที่ Ying-Ying (สมัยเด็ก) เจอกับ(คนที่แสดงเป็น)เจ้าหญิงดวงจันทร์ ได้ยินบทว่า ผู้หญิงเหมือนด้าน หยิน (ดำ) ต้องรอให้ผู้ชายที่เป็นด้าน หยาง (ขาว) มาส่องแสงสว่างให้ตัวเอง

                   

    เรื่องสั้นคั่นระหว่างตอน

    Feathers from a Thousand Miles Away

                    เรื่องราวของหญิงชาวจีนคนหนึ่งที่ซื้อเป็ดมา แต่ก็พบว่าแท้จริงมันคือ หงส์ ที่สวยสง่า หากตอนที่นางจะเข้าประเทศอเมริกา เขาไม่ให้เอาสัตว์เข้า เลยยึดหงส์ตัวนั้นไป ทิ้งไว้เพียงขนนกต่างหน้า พอนางแต่งงานมีลูก แก่ชรา นางก็เอาขนนกอันนี้มอบไว้เป็นของต่างหน้าแก่ลูกสาว

    The Twenty-Six Malignant Gates

                    แม่ที่ศรัทธาในไบเบิลที่มีชื่อว่า The Twenty-Six Malignant Gates เตือนลูกสาวว่า อีดอก อย่าแร่ดขี่จักรยานโลดโผนรอบบ้านสิ เพราะเดี๋ยวจะล้มตามที่ไบเบิลเตือนนะ แต่ลูกสาวไม่เชื่อ รีบแว้นออกไป แล้วก็ล้มตามที่แม่บอกไว้จริงๆ..

                    ว้าย.. สม

    American Translation

                    แม่ที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมาก มาหวีดร้องว่าทำไมลูกติดกระจกไว้ตรงปลายเตียง มันจะทำให้ชีวิตแต่งงานพังพินาศ ต้องแก้ด้วยการเอากระจกแขวนไว้ตรงเหนือหัวเตียง กระจกสะท้อนกระจก ก็จะช่วยให้มีโชค มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองได้ ลูกสาวก็เออออ เป็นที่เรียบร้อย แล้วก็จบเรื่อง

    Queen Mother of Western Skies

                    เป็นเรื่องของยาย(อาหม่า)กับหลานวัยทารก ยายเห็นหลานหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับทุกเรื่องก็แซวว่า หลานนี่เหมือน Syi Wang Moo (Queen Mother of Western Skies) จริงๆ เลย ก่อนจะรำพึงว่า คนเราน่ะ พอยิ่งโต เราก็จะยิ่งจำเป็นที่จะโยนทิ้งความใสซื่อ และมีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้น เพื่อต่อสู้กับโลกอันโหดร้ายใบนี้ (หลานยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากต่อไป) ยายเลยรำพึงทิ้งท้ายว่า อาหม่าล่ะอยากให้หนูไปปสอนแม่หนูว่า แม้เราจะต้องทิ้งความใสซื่อไป เราก็ไม่จำเป็นต้องทิ้ง ความหวัง และเราก็ควรจะหันหน้ายิ้มและหัวเราะสู้ได้กับทุกเรื่อง เนอะ หลานรัก

     

    Vocab

    Abort = (v.) ทำแท้ง

    Interpretation = (n.) การตีความ

    Disguise = (v.) อำพราง

    Grudge = (n.) ความขุ่นแค้น เสียใจ พยาบาท

    Held = (v.) กุม

    Sewn = (v.) เย็บ

    Trespass = (n./v.) (ก.)บุกรุก

    Rickshaw = (n.) รถลาก

    Courtyard = (n.) ลานบ้าน

    Terror = (n.) ความหวาดกลัว

    Declaration = (n.) แถลงการณ์ การยืนยัน การเปิดเผย

    Matchmaker = (n.) แม่สื่อ พ่อสื่อ เถ้าแก่ ซินแส

    Immerse = (v.) จุ่ม / ปรับตัวให้เข้ากับ

    Scold = (v.) ดุ ด่า ตำหนิ

    Bracelet = สร้อยข้อมือ

    Struck = (v.) โขก ทำให้นิ่งไป

    Wives = Wife

    Relieve = (v.) บรรเทา

    Frown = (v.) ขมวด(คิ้ว)

    Effortless = (adj.) ที่ง่ายดาย

    Disapprove = (v.) ไม่พอใจ ไม่อนุญาต

    Vanquish = (v.) กำราบ

    Chore = (n.) งานบ้าน

    Dialect = (n.) ภาษาถิ่น

    Scheme = (n./v.) (ก.)วางอุบาย

    Couch = (n.) ม้านั่ง

    Consummate = (adj.) สมบูรณ์ (v.) บรรลุผล

    Groom = (n.) เจ้าบ่าว

    Underneath = (prep.) ภายใต้

    Beneath = (prep.) ใต้

    Shallow = (adj.) ตื้น

    Bitterness = (n.) ความขมขื่น

    Apparently = (adv.) อย่างเด่นชัด

    Magpies = (n.) นกกางเขน

    Scold = (v.) ดุ

    Smack = (v.) หยิก ตี

    Privilege = (n.) สิทธิพิเศษ

    Curative = (adj.) ที่ใช้บำบัดโรค

    Flesh = (n.) เนื้อ

    Concubine = (n.) นางบำเรอ เมียน้อย นางสนม

    Disgrace = (n.) ความอับอายขายหน้า (v.) ทำให้อับอายขายหน้า

    Owe = (v.) เป็นหนี้

    Swollen = (adj.) บวม พอง

     

    จบเท่านี้ละกันนะคะ ใครที่อยากรู้ละเอียดๆ แนะนำให้ลองไปอ่านเองค่ะ
    จะได้ซาบซึ้งในรสหนังสือนอกเวลาเช่นเดียวกับดิชั้น

    ♥ ♥ ♥ โชคดีกับการสอบ ทั้ง Sum และ 9 วิชาสามัญ นะคะ 
    ♥ ♥ ♥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×