ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังสรุปมหากาพย์ข้อสอบTU : by. BiwTigerPisces

    ลำดับตอนที่ #49 : [งานแปล] สรุป The Smuggler ver.หยาบโลนยิ่งกว่า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.06K
      7
      18 ธ.ค. 57

    [งานแปลThe Smuggler ver.หยาบโลน

    By.BiwTigerPisces

    ข้อมูลเบื้องต้น

    ผู้แต่ง : Piers Plowright

    เกริ่นนำ : หนังสือนอกเวลาแนวแอคชั่นผจญภัยลับสมองนิดๆ ปืนจ่อกันหน่อยๆ เกี่ยวกับการตามหาสมบัติ ไม่สิ การไล่เช็ดไล่แก้ปัญหาที่พระเอกไม่ได้ก่อไว้เองต่างหาก เนื้อเรื่องใช้ตัวละครไม่กี่ตัว และตัวประกอบเกือบทุกตัวก็มีชื่อเป็นของตัวเอง มีฉากการใช้จิตวิทยาข่มขู่กันไปกันมาบ่อยถึงบ่อยมาก เรียกได้ว่า คอแอคชั่นผจญภัยลับสมอง (อาจจะ)สามารถ(ทน)อ่านได้โดยไม่เบื่อนัก และนี่คือ version แปลไทย ใส่อรรถรสผงชูรสสิบช้อน ความหยาบโลนกระแดะดัดจริตมีให้ตามเคย เรื่องจะเป็นอย่างไร ไปดูกัน
     

    Characters

    ตัวละคร

    ทีมพระเอก (แก๊งลักลอบของเถื่อน 1)

    John Samuel  Fame

    พระเอกประจำเรื่อง ชายหนุ่มรูปร่างค่อนไปทางผอม แต่งชุดสูทพร้อมทำธุรกิจตลอดเวลา เป็นหนึ่งในแก๊งลักลอบคนของหนีภาษีไปขาย ซึ่งที่ Fame ทำเป็นหลักคือ ธุรกิจ(ลักลอบ)ส่งรถ… เห็นว่า ต้องส่งรถ ผ่านด่านตรวจอย่างระทึกใจ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ (อ้างอิงตามหน้า 10)

    Emil Harker

    ตัวต้นเรื่องทุกอย่าง เป็นหัวหน้าของพวก Fame ที่เป็นคนตัวตั้งตัวตีขโมย 
    The golden head of the Pharaoh Chefren IV หรือ หัวฟาโรห์ทองคำ แล้วดันตั้งใจจะฮุบเป็นของตัวเอง แต่โดนฆ่าซะก่อน ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนที่ทิ้งลายแทงเป็นกลอนไว้ให้ Fame สืบหาต่อเรียบร้อย

    Zara

    ชะนีเพียงหนึ่งเดียวของเรื่อง เป็นคนในแก๊งเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจาก Harker ตาย นางก็เป็นคนเข้าประจำการตำแหน่งหัวหน้าแทนทันที

    Don

    หนึ่งในแก๊งของพระเอก ดูจากลักษณะการแต่งตัวน่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องการช่างดีกว่าใครเพื่อน และที่อยู่ของ Don ก็เป็นอีกแหล่งกบดานของแก๊งพระเอกด้วย

    ทีมตัวร้าย (แก๊งลักลอบของเถื่อน 2)

    Ezra

    อดีตคนในแก๊ง ที่แตกหักออกจากแก๊งเพราะ เขาก็เป็นคนที่ช่วยขโมยหัวฟาโรห์ แต่ดันโดนมุบมิบส่วนแบ่ง เลยจัดการฆ่า Harker ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ที่ซ่อนสมบัติ จึงหันมาบีบหาที่ซ่อนจาก Fame แทน

    Guido

    ลูกน้องของ Ezra น่าจะเป็นคนอิตาเลียน พูดสำเนียงอิตาเลียน รูปร่างผอมสูง ตัวคล้ำ

    Robert

    ลูกน้องของ Ezra ชอบพูดเสียงนุ่มลึกดุจพระเอกวิทยุ รูปร่างอ้วนเตี้ย

    Skull

    ลูกน้องของ Ezra รูปร่างถึกบึกบึน จุดเด่นคือ …หัวล้าน และรอยแผลเป็นบนแก้มซ้าย

    ทีมราชการ บุรุษในuniformชุดดำ (MIB) ผู้ผดุงพิทักษ์กฎหมาย

    Inspector
    Francis Roland

    ผู้ตรวจการมือฉมังประจำกองตำรวจ ได้รับมอบหมายในการตามหาสมบัติหัวฟาโรห์ทองคำคืนสู่พิพิธภัณฑ์ Darna เป็นอีกหนึ่งรายที่พยายามเค้นหาที่ซ่อนสมบัติจาก Fame

    Silver

    เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ลักษณะรูปร่างผอม หน้าผากสูง หูใหญ่

    Rank

    เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ลักษณะรูปร่างอ้วนกว่า Silver ไว้หนวดจิ๋มด้วยนะ

    แถมด้วย Professer K. Tan : The director of the Museum.

    Story

     

    เนื้อเรื่องย่อ

     

                เรื่องราวว่าด้วยแก๊งลักลอบขนของหนีภาษีเป็นอาชีพ ซึ่ง Fame พระเอกของเราเป็นหนึ่งในแก๊งนั้น เรื่องเกิดขึ้นที่ว่าหัวหน้าของเขาดันโดนฆ่าตายHaเพราะมีเรื่องขัดแข้งกับอดีตในคนแก๊ง โดยเรื่องขัดแข้งที่ว่าก็คือ อีหัวหน้ามันไปขโมยไปหัวฟาโรห์ทองคำ (แน่นอนว่ามูลค่ามหาศาลมาก) แต่ดันไม่ยอมแบ่งให้อดีตคนในแก๊งที่อุตส่าห์ช่วยกันขโมยมาด้วยกัน ก็เลยโดนจัดการซะ (สมควรอยู่) ซึ่งก่อนที่จะตาย หัวหน้าผู้น่ารักได้เอาสมบัติไปซ่อนไว้ พร้อมเขียนลายแทงสมบัติเป็นกลอนปริศนา ประเด็นคือ ไอ้กลอนที่ว่าจ่าหน้าถึง Fame ให้เป็นผู้ไขความลับ เวรกรรมทุกอย่างจึงตกอยู่ที่ Fame แม้เขาจะไม่อยากรู้ไม่อยากยุ่งเกี่ยว แต่ด้วยอิทธิพลจากทั้งอดีตคนในแก๊ง กับ ฝ่ายตำรวจนักสืบ ที่บังคับให้เขาตามหาหัวฟาโรห์นั่นเพื่อเป็นการชดใช้ความผิดแทนหัวหน้าตนเอง ลงเอยแล้ว Fame (และผองเพื่อนในแก๊งที่เหลือ) จึงต้องระหกระเหิน หนีไปด้วย แก้ปริศนาไปด้วย ตามหาสมบัติที่ถูกซ่อนไว้ไปพร้อมๆ กัน  ..ในตอนจบเมื่อเขาตามหาสมบัตินั่นเจอ Fame ก็ได้คืนสมบัติให้ฝ่ายตำรวจนักสืบ เขาจึงได้รับโอกาสกลับตัวเป็นคนทำมาหากินสุจริต เลิกซึ่งอาชีพลักลอบของหนีภาษี มีชีวิตอันแสนสงบสุขต่อไป

     

    เนื้อเรื่องยาว

    บทที่1 A Man in a Hurry

            Emil Harker นักธุรกิจเงินหนา หากตอนนี้เขากำลังอยู่ในสภาวะกระวนกระวายเต็มที่ คล้ายๆ คนใกล้ชะตาขาดประมาณนั้น ในตอนนั้นนั่นเอง โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังกริ๊งขึ้นสนั่นกระท่อม

             ‘ฮัลโหลววว Harker ใช่มะ’ เสียงจากปลายสายทำเอาHarkerหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

             ‘Ezra แกต้องการอะไร

             ‘นิวคอลเลกชั่นบ็อกเซตตุ๊กตาบาร์บี้มั้งอิดอก’ Ezra เอ่ยเสียงเย็น เตรียมพร้อมจะเค้นข้อมูลจาก Harker เต็มที่

             ‘สิ่งที่แกโกงมาจากฉัน แล้วเอาไปซ่อนไว้ไง

             ‘ซ่อนอะไรรรร้? ฉันไม่ได้ซ่อนนนนน’ คนโดนรีดข้อมูลตอบเสียงสูงอย่างมีพิรุธ

             ‘ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะเดลิเวอรี่ไปหาถึงบ้านเลยละกัน

            ทันทีที่จบการสนทนาทางโทรศัพท์ Harker รีบเขียนบทกวีที่ปกติร้อยวันพันปีเขาไม่น่าจะเขียนขึ้นมา (ซึ่งนี่คือ ลายแทงสมบัตินั่นเอง) จ่าหน้าถึงลูกน้องที่ตนเองไว้ใจมากที่สุด… ‘John Samuel Fame’

            หากไม่ทันจะเก็บซ่อนบทกลอนลายแทงไว้ที่ไหน เสียงเคาะประตูสะบั้นชีพก็ดังขึ้นรัว

             ‘บา บา ดุค

            เอ่อไม่ใช่ๆ เอาใหม่นะ

             ‘ยู้ฮูวววววววว ฉัน Ezra ไง Do you want to build a snowmannnnnn? เปิดประตูให้หน่อยสิตัวเองงงงงง

     

    บทที่2 At the Fronteir

            ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ขอเรียกง่ายๆ ว่า ป้อมยาม) เวลาเดียวกันกับบทที่1

            เสียงโทรศัพท์ภายในเพิงป้อมยามดังขึ้น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง …เอ่อ ยามหัวเถิกหูกางนาม Silver รับโทรศัพท์ขึ้นมา ทางปลายสายก็จัดแจงรายงานว่า

             ‘Inspector Roland ไงล่ะเธอ’ นักสืบประจำเรื่องกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน

             ‘อ้อๆ มีธุระอะไรเหรอครับ?’ ฝ่ายยามเองก็รับคำสั่งตามหน้าที่ ‘อ๋อ ตรวจรถของคนที่ชื่อ John Samuel Fame อย่างละเอียด ได้สิครับ โอเคๆ สวัสดีครับ

            สิ้นสุดประโยคสนทนา Rank ยามอ้วนไว้หนวดจิ๋มที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็ถามขึ้นว่าใครโทรมาตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น พอบอกว่าเป็นคุณนักสืบที่รู้จัก Rank ก็หมดข้อสงสัย นั่งปัดแมลงวันต่อไปอย่างเซ็งๆ

            ครั้นมีรถคันหนึ่งมาถึงด้านหน้าป้อมยาม ทั้งสองก็ออกไปตรวจรถตรงหน้าอย่างละเอียด

            ใช่แล้ว เจ้าของรถคันนี้คือ ‘งาน’ ที่คุณนักสืบย้ำนักย้ำหนาได้ปรากฏตัวมาเกยถึงที่แล้ว

            John Samuel Fame พระเอกของเรานั่นเอง

            ตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง Fame เป็นนักธุรกิจที่มีลับลมคมใน ขับรถผ่านด่านตรวจเป็นว่าเล่น ประมาณ 2-3 อาทิตย์ต่อครั้ง อีกทั้งมีความเกี่ยวข้อง Harker รอบนี้เขาจึงถูกค้นตรวจรถเป็นพิเศษ หากเจ้าตัวก็ดูจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร สิ่งที่พบจากท้ายรถมีเพียงแค่ขวดสีชาใส่ยาอันใหญ่ ได้รับคำตอบจากเจ้าของรถง่ายๆ ว่า ‘อ๋อ ขวดยาไงเพ่ คิดว่าอะไรล่ะ

            สุดท้าย รถของFameก็ไม่มีของผิดกฎหมายหรืออะไรที่น่าสงสัย ผ่านด่านตรวจไปอย่างง่ายดาย

     

    บทที่3 Strange Meeting

            แม้สีหน้าจะดูสบายใจ แต่ที่จริง Fame กำลังร้อนใจอย่างมาก

            ไม่ใช่เรื่องที่โดนค้นรถอย่างละเอียดหรอก เรื่องที่เขากำลังจะไปนัดสาย นัดพบกับ Harker เจ้านายของเขาซะด้วย

            เลทไปเกือบจะ 45 นาทีแล้ว งานนี้ Fame โดนเฉ่งหูชาแน่ Fame เอ๋ย

            Fame ลัดเลี้ยวรถไปตามถนนอันแสนยาวย๊าวยาว เลี้ยวขึ้นเข้าหุบเขา กระทั่งถึงโซนป่าที่รถบุกเข้าไปไม่ได้ก็รีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปก็ถึงหน้ากระท่อมของ Harker

            Fame เป่าปากสามครั้งเป็นสัญญาณประจำแก๊งให้เจ้าของบ้านออกมารับ ทว่า …ไม่มีสัญญาณตอบกลับใดๆ

    จนแล้วจนรอด Fame ก็รอ Harker ออกมาปูพรมแดงต้อนรับไม่ไหว เขาค่อยๆ เดินเข้าไปในกระท่อมอย่างเสียมิได้

            Fame กวาดสายตามองไปรอบๆ ของของ Harker ยังอยู่ครบทุกสิ่งอัน แต่เจ้าของดันหายไปไหนก็ไม่ทราบได้ เขาค่อยๆ ย่างก้าวไปอีกมุมหนึ่งของกระท่อม …ก่อนที่จะพบกับร่างของ Harker ที่กำลังต่องแต่งเล่นเป็น Hangman อยู่อย่างน่าสะพรึง

            ….กรี๊ดดดดด…. – คนทำสรุปกรี๊ดเองค่ะ อีFameไม่ได้กรี๊ด

     

    บทที่4 A Narrow Escape

            Fame นับหนึ่งสองสามปลาฉลามขึ้นบกสี่ห้าหกเรียกขวัญกำลังใจ อันดับแรกก็ต้องให้ศพกลับมานอนดีๆ ก่อน มีดเล่มเล็กถูกหยิบออกมาตัดให้ร่างของ Harker ลงมานอนสบายๆ แล้วจึงเริ่มจัดการเข้าไปสำรวจศพได้

            ศพยังตัวอุ่นๆ …น่าจะเพิ่งโดนฆ่าเมื่อไม่นานมานี้

            รอบข้างมีขวดแก้วแตกอยู่ตรงริมประตู

            ศพไม่มีรอยแผลอะไรเลย แต่กลับมีเลือดติดอยู่เป็นคราบบนเสื้อบรีสเอกเซลเอาไม่อยู่ แต่เท่าที่ดูก็น่าจะเป็นเลือดของคนอื่น …คนที่มาฆ่าHarkerนั่นแหละ ซึ่งมันก็เท่ากับว่า Harkerโดนฆ่า ไม่ได้ฆ่าตัวตายเองแน่นอน

            ก่อนหน้าคงเกิดการปะทะต่อสู้กันขึ้น แล้ว Harker ก็เลยโดนจับแขวนคอซะ จะได้ดูเหมือนฆ่าตัวตาย

            Fame หันมาหาของที่ดูจะใช้เป็นหลักฐานได้ เริ่มจากกระเป๋าเสื้อของศพ  ก็ไม่พบอะไร ครั้นหันไปมองตรงพื้นใกล้ๆ โต๊ะของ Harker เขาก็พบอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นของสำคัญ

            บทกลอนที่จ่าหน้าถึง Fame นั่นเอง

            โดยมันมีเนื้อหาว่า

    Great men

    Do not walk easy roads.

    Tall men

    Strain under heavy loads.

    They bend beneath the weight,

    Get tired beneath the load.

    They go in pain and hate

    They wonder down that road,

    But then against the wall they stand

    And near one rock they rest their hand.

    Emil Harker.

     

             ‘เชี่ยอะไรวะ’ Fame อาจจะอุทานออกมาแบบนี้ เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจกลอนที่ Harker เขียนเลยแม้แต่นิดเดียว

            Harker เจ้านายผู้เห็นแต่เรื่องเงินและงานเป็นสำคัญ อยู่ๆ ทำไมเกิดคึกสุนทรีย์แต่งกลอนขึ้นมาล่ะเนี่ย ทว่า แม้จะสงสัยเท่าไร Fame ก็คิดว่าบทกลอนนี้น่าจะมีใจความอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ เขาจึงเก็บมันไว้

            ขณะนั้นเอง เสียงคนโหวกเหวกโวยวายสองคน คนนึงสาดสำเนียงอิตาลี คนนึงเสียงทุ้มนุ่มลึกดุจพระเอกละครวิทยุ เสียงทั้งสองเข้าใกล้ขึ้นทุกที เหมือนกำลังโหวกเหวกประมาณว่า

           'เหยชแหม่ กลอนกูห้าย' สำเนียงอิตาลี ??? ลอยมาแต่ไกล

           'กูขอโทษ กูเก็บมาแล้ว แต่กูทำหล่นเอง' เสียงพระเอกละครเวทีตอบกลับอย่างสำนึกผิด

           'โอ้ย อีงึ่ด กลับไปห้าเลย อ้าวแหล่วๆๆๆ มีใคร่มาดึ้งศพหว่ะเนี่ยะ'

            ณ จุดนี้
     สิ่งที่ Fame คิดได้อย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ

            โกยแน่บสิครัชมรึง!!

     

    บทที่5 A Night in Darna

            แม้จะหนีพ้นจุดอันตรายมาแล้ว Fame ก็ยังเสียวสันหลังไม่หาย

            ไม่ต้องเดาก็รู้ พวกนั้นต้องเป็นพวกที่ฆ่า Harker แน่ๆ และถ้าเมื่อกี้ Fame หนีพวกมันไม่ทัน เขาอาจจะได้ไปเล่นบท Hangman เป็นเพื่อนกับเจ้านายที่น่ารักของเขาเป็นแน่

            ตอนนี้ Fame มาอยู่ที่เมือง Darna พอเหลือบมองเวลาก็เห็นว่าตอนนี้เลยเที่ยงคืนแล้ว ข้ามผ่านวันอังคารสู่วันพุธเป็นที่เรียบร้อย รถของ Fame เลี้ยวเข้า Garden Hotel โรงแรมอันแสนคุ้นเคยของ Fame

            เมื่อ Fame ได้ห้องเรียบร้อย Fame ก็มานั่งพินิจพิเคราะห์บทกลอนจาก Harker อีกรอบ.....แต่สุดท้ายแล้ว.... 

            

           
            ลงเอยแล้วเขาก็ยังไม่เข้าใจ

            Fame นึกขึ้นได้ว่าควรจะแจ้งข่าวการตายของ Harker ให้เพื่อนร่วมทีมที่เหลือรู้ ใครดีล่ะ

            Zara สุดสวยของ Fame ละกัน!

             ‘โทรมาปลุกไก่เหรอคะสัส’ Zaraรับโทรศัพท์ด้วยเสียงงัวเงีย หากพอฟังเรื่องการตายของHarker ตาของนางก็สว่างในบัดดล ‘แล้วนี่จะทำไงต่อ

             ‘ตอนนี้ผมอยู่ที่ Garden Hotel มาเจอกันที่ห้องอาหารของโรงแรม เวลาก็ตอนเช้า แถวๆ แปดโมงละกัน’ เมื่อนัดหมายเสร็จเรียบร้อย Fame ก็หันไปเปิดวิทยุอัพเดทข่าวหัววันตามกิจวัตรปกติ

             ‘กลับมาว่ากันต่อเวลาสองนาฬิกา ยี่สิบนาที ดึกดื่นป่านนี้แมร่งก็ยังไม่หลับไม่นอนกันนะฮะ ในส่วนของคดี The golden head of the Pharaoh Chefren IV ถูกขโมยหายสาบสูญไปจาก Darna Museam โดยเหตุเกิดเมื่อเย็นวันอังคารที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครค้นพบสมบัติชิ้นนี้ ซึ่งคดีนี้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ตรวจการมือฉมัง Inspector Francis Roland และคาดว่าคงจะสามารถหาพบในเร็วๆ นี้ นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม เอ้ย ฟัง ..ช่วงหน้ามาว่ากันต่อ มาดูการเมืองเข้มข้นกันนะฮะ

            Fame ที่ขี้เกียจฟังข่าวการเมืองจึงเอื้อมมือไปปิดวิทยุ แล้วเข้าสู่ภวังค์นิทรารมณ์ด้วยความเหนื่อยอ่อน

     

    บทที่6 On the Terrace

            ณ ลานระเบียงห้องอาหารของโรงแรม Zara สาวสวยชะนีเพียงหนึ่งเดียวของเรื่องได้ปรากฏตามนัด ก่อนมา Fame ได้ทำสำเนาของบทกลอนเก็บไว้กับตัวเองอีกฉบับเพื่อความปลอดภัย

            ทั้งสองพูดคุยถึงการตายของ Harker พร้อมคีย์เวิร์ดเพียงหนึ่งเดียวที่มีในตอนนี้ บทกลอนที่หาสาระไม่ได้เลย นั่นแหละ ซึ่งแม้แต่ Zara เองก็ไม่เข้าใจ (ความจริงคือ นางน่าจะขี้เกียจคิดมากกว่า)

            ประเด็นถัดมาก็เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของแก๊งลักลอบของเถื่อน

            ถ้าHarkerตาย ใครจะขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าแทนล่ะ?

             ‘เดี๊ยนเอง’ Zaraกล่าวด้วยความมาดมั่น ‘หมดยุคตัวผู้แล้วย่ะ อ้าวๆ อย่ามาทำหน้าไม่ไว้ใจกันแบบนั้นสิยะ

            และเมื่อ Zara ได้เป็นหัวหน้าเสร็จสรรพ นางก็เริ่มออกคำสั่งกับลูกน้องตรงหน้าทันที ‘ตอนสายๆ เรามีนัดกับ Don นะ ถ้ากินเสร็จก็ไปกันเลยนะเออ

            ถัดจากนั้น ทั้งสองก็วกกลับมาคุยเรื่องการตายของ Harker อีกครั้ง Zara ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแค่ว่า คนฆ่าHarkerน่าจะเป็น Ezra อดีตเพื่อนร่วมแก๊ง เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานนัก Ezra เพิ่งจะมีปากเสียงอะไรบางอย่างกับ Harker ซึ่งทั้งสองทะเลาะกันเรื่องอะไร เจ๊แกก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน

            จังหวะนั้นเอง บ๋อยชายหัวล้านหน้ามีรอยแผลเป็นผิดลุคบริกรชายที่ควรประจำอยู่ในโรงแรมเดินเข้ามาหา Fame โดยตรง

             ‘คุณFameสินะครับ มีโทรศัพท์มาหา เชิญไปรับสายที่เคาน์เตอร์หน่อยนะครับ

            Fame ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ตามที่บ๋อยหัวล้านบอก

             ‘ฮัลโหล เฮ้ ฮัลโหล??’

            เอาแล้วไง สายว่าง

            หรือว่าเขาจะโดนหลอก?

            Fame รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะของเขา ทว่า Zara รวมถึงไอ้บ๋อยหัวล้านนั่นไม่อยู่แล้ว เขารีบหันไปถามบ๋อยอีกคนที่อยู่ในจุดนั้น ก่อนจะได้รับคำตอบชวนสะพรึงว่า

             ‘ห๊ะ บ๋อยคนที่สอง ที่หัวล้าน มีรอยแผลเป็นตรงแก้มซ้ายเหรอครับ? โรงแรมเราไม่มีบ๋อยหน้าตาอย่างนั้นแน่ๆ ครับ โดยเฉพาะกะเช้าก็มีผมแค่คนเดียวนี่ครับ??’

            Holy Shit ขี้ศักดิ์สิทธิ์

            Fame ไม่มีเวลาจะมาอุทานมาก เขารีบวิ่งออกไปตรงลานถนน ก่อนจะพบรถอเมริกันคันยาวสีดำกำลังขับแล่นออกไป และคนขับหาใช่ใครไม่ ไอ้บ๋อยหัวล้านเมื่อกี้นี่เอง
       
           อย่ามาลักพาตัวอาเจ๊ของกูว และบทกวีของกูวไปนะโว้ยยยยย

     

    บทที่7 Keeping an Appointment

            Fame ไม่รอช้า ทำปฏิบัติการ Fast & Fur***s ไล่ตามรถของไอ้หัวล้านนั่นไป แต่สุดท้ายก็คลาดสายตา สิ่งที่เขาจำได้แม่นมีเพียงเลขทะเบียนของรถ คือ ZX 425 แค่นั้นเอง

            ระหว่างขับรถอยู่บนทาง เขาก็หา Zara เจอ นางอยู่ในสภาพหน้าขาวซีด แถมมีรอยช้ำนิดหน่อยตรงแก้ม Zara รีบขึ้นรถก่อนจะหวีดร้องแบบแทบสติแตกว่า

             ‘มันเอากลอนของ Harker ไปแล้วอ่ะตัว

            Fameถอนหายใจก่อนจะกล่าวปลอบว่า ‘ไม่เป็นไร ผมทำอันสำเนาเก็บไว้อีกอันแล้ว ..ตอนนี้เราไปหา Don ก่อนเถอะ

            ว่ากันว่า โรงเก็บของกึ่งบ้านของDon เป็นสถานที่ ‘กบดาน’ ประจำแก๊ง และเมื่อทั้งสองมาถึง บุรุษร่างหนา เคราครึ้ม คาดผ้ากันเปื้อนสีฟ้า ผู้เป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมแก๊งนามว่า Don ก็เดินออกมาต้อนรับทั้งสองเข้าไปในบ้าน แล้ว Fame ก็แจ้งข่าวการตายของ Harker ให้ Don ฟัง

            ในจังหวะนั้นนั่นเอง ก็มีรถตำรวจแล่นเข้ามาโดยไม่ได้นัดหมาย ตำรวจนับสี่นายเดินลงจากรถเข้ามาหาทั้งสาม แต่คนที่เด่นที่สุดท่ามกลางวงตำรวจก็คือ.. Inspector Roland

     

    บทที่8 Inspector Roland

            เฟดเฟ่ ชื่อตอนอย่างกับซีรี่ส์ Horm**es

            หากแม้นชื่อตอนคล้ายว่าจะย้อนบริบทเกี่ยวกับ Inspector Roland แต่ความจริงคือ

             ‘Well Well บ่อน้ำ บ่อน้ำ’ Inspector Roland บุกเข้ามาด้วยความเฉิดฉาย ‘หลบกันอยู่ตรงนี้นี่เอง

             ‘หยุดอย่าขยับ!’ ปากกระบอกปืนชี้มาที่แก๊งลักลอบทั้งสาม ‘จ่า เข้าค้นของในแถบนี้ซิ

            ตำรวจร่วมทีมไปค้นรถที่มีอยู่ในอู่ของ Don ซึ่งตอนนี้มีสองคัน แต่ก็เหมือนว่าจะไม่พบอะไร

            Don ที่กำลังเมื่อยแขน ค่อยๆ ลักไก่เอามือลง ก่อนจะเลื่อนไปที่โต๊ะเพื่อจะเอาซิการ์อันใหม่

             ‘ใครให้ขยับ!’ Inspector Roland ว้ากใส่เยี่ยงเป็นพี่แสตนด์ในช่วงใกล้วันกีฬาสี

             ‘เอาล่ะ ทีนี้มาคุยกันดีๆ ดีกว่า… หัวฟาโรห์ อยู่ที่ไหน?’

            …นั่นแหละ ทั้งบทมีแค่นี้

     

    บทที่9 The Photograph

            Inspector Roland ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดเดาไว้ Roland รู้ว่า Fame เป็นลูกน้องของ Harker

            ..ความจริงถ้าจะสืบเรื่องฆาตกรรม ทำไมพวกเขาต้องตกอยู่ในสถานะเหมือนคนร้ายอย่างนี้ล่ะ?

             ‘ดูหนังสือพิมพ์นี่’ หนังสือพิมพ์เนื้อหาเดียวกับในวิทยุเป๊ะๆ โดนวางไว้ข้างหน้า ‘แล้วดูรูปภาพนี้

            ภาพที่วางไว้ตรงหน้า เป็นภาพงานรับรองและฉลองการนำสมบัติล้ำค่า หัวฟาโรห์ เข้าบรรจุในพิพิธภัณฑ์ Darna ซึ่งสต๊าฟในงานได้ถ่ายไว้ และ Harker ก็ได้ขอมา

            ประเด็นคือ ในภาพนั้น มีผู้หลักผู้ใหญ่ล้อมวงดูสมบัติอันแสนล้ำค่าอย่างหัวฟาโรห์อยู่มาก และหนึ่งในนั้นก็คือ Harker

            …Harker ในภาพนี่ตากำลังมันวาวด้วยความอยากเลยทีเดียว คนที่ขโมยหัวฟาโรห์นั่นก็คงไม่ใช่ใคร Harker ชัวร์ป้าบ

            ครั้นพลิกดูด้านหลังรูปภาพ ก็พบโค้ดรหัสลับ(อีกแล้ว) ว่า C 304 MONDAY

             ‘ทางเราตอนไปตรวจค้นบ้าน ‘หัวขโมย’ ก็พบภาพนี้ แต่น่าเสียดายที่หัวขโมยที่ว่าดันไม่อยู่ซะละ เลยเอามาให้คุณ Fame ดู เผื่อว่าจะรู้เห็นเป็นใจอะไรบ้าง’ Inspector Roland อธิบายเสียงเรียบ

            Fame ได้แต่ประหลาดใจที่ว่า เรื่องขโมยหัวฟาโรห์ มันไม่น่าจะมีหลักฐานอะไรที่จะสืบสาวถึงตัวคนขโมยได้ไวขนาดนี้นี่นา แล้วทำไมตอนนี้ Inspector Roland ถึงสืบมาถึงจุดนี้ได้แล้วล่ะ?

            …อ้อ ต้องมีหนอนบ่อนไส้ไปแจ้งข่าวให้กับตำรวจแน่ๆ ใครซักคนที่อยากประทุษร้าย Harker

            Fame ประมวลผลในใจอีกครั้งจากคำว่า ‘หัวขโมยที่ว่าดันไม่อยู่ซะละ

            ดูท่าทีมตำรวจตรงหน้าจะยังไม่รู้ว่า Harker ตายไปแล้วแน่ๆ เท่านั้นเอง แผนเอาตัวรอดก็แว้บขึ้นมาในหัวเขาทันที

            ‘ขออภัยมณีศรีสุวรรณนะ Inspector Roland แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่า Harker เขาไปก่อเรื่องอะไร เอางี้ ผมจะเป็นคนไปตามตัวเขามาแทน แค่คุณปล่อยพวกเราไป…’

             ‘เสียใจด้วยนะ เราต้องมีตัวประกันไว้เป็นเครื่องต่อรองว่า นายจะไม่อันตรธาน หายจ้อย

            Fame ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว ‘งั้นปล่อย ผม กับ Zara ไปหา Harker (กูไม่ได้บอกน้าาาา ว่ากูจะไปหาหัวฟาโรห์มาให้) นะ ส่วนตัวประกันก็….Donละกัน

             ‘อ้าว อิHere’ Donคงอยากตะโกนอย่างงี้ใส่

             ‘เอาน่าๆ ไว้ฉันจะรีบกลับมาไถ่ตัวนายนะ’ Fame ผงกหัวขอโทษล่วงหน้า ‘เอาล่ะ ปล่อยเราไปได้รึยัง คุณผู้ตรวจการ

            Inspector Roland ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจในทันทีว่า

             ‘โจรจับโจรน่าสนุกดีนี่ จ่า ปล่อยตัวพวกเขาไป right now’

     

    บทที่10 Room 304

            ผู้รอดตัวทั้งสองคือ Fame กับ Zara ยังมีคุณธรรมพอที่จะเล่นตามกฎกติกา เพราะ Harkerจะตายไปแล้ว ของที่จะไถ่ตัวพวกเขาให้เป็นอิสระจริงๆ ก็คงจะเป็น หัวฟาโรห์นั่น

            ถ้าเขาหามาคืนตำรวจได้ เรื่องก็จบ กลับไปใช้ชีวิตสงบสุขดังเดิมได้

            แต่ตอนนี้ กองทัพควรเดินด้วยท้อง Fame จึงเลี้ยวรถเข้าไปที่ร้านอาหารริมทะเลสาบ แต่ตอนนั้นพวกเขาก็เหลือบเห็นรถหน้าตาคุ้นๆ ทะเบียน ZX 425

            รถของไอ้หัวล้านที่มาแย่งบทกลอนนั่นไปนี่หว่า!

            แต่ความหิวชนะทุกสิ่ง Fame มั่นใจว่า ในเมื่อมันได้คีย์เวิร์ดอย่างบทกลอนนั่นไปแล้ว พวกมันคงไม่เอาอะไรอีก อีกอย่าง ถือโอกาสเป็นฝ่ายแอบดูท่าทีพวกมันบ้างก็น่าจะเวิร์ค Fame กับ Zara จึงเดินเข้าร้านอาหารโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ

            หลังจากที่กินข้าวมื้อหนักเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็มานั่งพิจารณาโค้ดที่อยู่ข้างหลังภาพ(ไม่ใช่ชื่อหนังสือรางวัลซีไรต์นะ)

            สิ่งที่ทั้งคู่ตีความออกมาได้ มีดังนี้

    C

    The golden head of the Pharaoh Chefren IV

    304

    หมายเลขห้องของโรงแรมที่มีขนาดใหญ่มากกว่า300ร้อยห้อง ในDarna “The Imperial Hotel”

    Monday

    วันที่หัวฟาโรห์ถูกขโมยไป

     

            จังหวะนั้นเอง ไอ้หัวล้านที่ทั้งสองจับตาดูอยู่ก็ลุกขึ้นทักทายกับคนที่มาใหม่อีกสองคน คนนึงตัวสูงผิวคล้ำ หน้าตาเหมือนเป็นคนอิตาเลียน กับคนอ้วนเตี้ยเดินเข้ามากินข้าวด้วยกัน พอเสร็จธุระ ทั้งสามก็ขึ้นรถขับออกไป

            Fame กับ Zara ไม่รอช้า รีบเช็คบิลแล้วขับรถตามไปเรื่อยๆ

            รถทั้งสองคันขับผ่านแถบย่านการค้า Parliament Square ไปทางย่านคนรวยที่เรียกว่า The Park (เพราะแถบนั้นมีสวนประดับประดาเยอะมาก) ซึ่งในย่านนั้นนี่เองก็ถึงหน้า Imperial Hotel ตามที่ทั้งสองเดาไว้เป๊ะๆ

             ‘รออยู่นี่นะ’ Fame หันไปย้ำกับ Zara ก่อนจะกระโจนลงไปแอบสังเกตการณ์

            สามหน่อที่เขาตามมาจากร้านอาหารพักอยู่ในห้อง 303 …และแล้ว คนที่ถือกุญแจห้อง 304 ก็มาถึง

            Ezra นี่นา

            เดี๋ยวดิ.. ถ้าตามมาแล้วรู้ทุกอย่างซะขนาดนี้ จะถอดรหัสหลังภาพไปทำไมวะเนี่ย

     

    บทที่11 Return Journey

            ตามบรรทัดบน เนื่องจาก โค้ดด้านหลังภาพนอกจากจะชี้ตัวศัตรูกลุ่มใหม่ มันก็ไม่ได้ช่วยให้การตามหาหัวฟาโรห์คืบหน้าแต่อย่างใด Fame จึงพักเรื่องบ้าๆ บอๆ นี่ไว้ก่อน และถือคติตามหัวหน้าที่ตอนนี้ตายHaไปแล้วใจความว่า

             ‘Keep the business going. The business must Go on. Business First ต่อให้ชั่วฟ้าดินสลาย อย่าให้อะไรมาขัดขวางการทำมาหากินของเราได้ เข้าใจ๋?’

             ‘..แล้วกูล่ะ….ลืมกูไปแล้วใช่มั้ย’ เสียงDonหวีดร้องลอยมาแต่ไกล

            Fame หาได้แคร์ไม่ เขาขับรถผ่านด่านตรวจเพื่อลักลอบ ‘ของ’ มาทำมาหากินกันต่อไป แน่นอนว่ายามสองคนก็ตรวจรถอย่างมุ่งมั่นตามสเต็ป

            ใครสั่งให้ตรวจรถอย่างละเอียดอีกล่ะ? ก็ Inspector นั่นแหละ

             ‘รถคุณมีรอยเหมือนไปชนอะไรมาก่อนด้วยนะเนี่ย เลยมีรอยทาสีด้วย ท่าทางจะเก่า’ ยามSilverออกความเห็น ‘ตรวจแล้วไม่มีอะไร ผ่านได้

            Fame ค่อยๆ แล่นรถออกไป ก่อนจะหันมายักคิ้วหลิ่วตาว่า ‘เดี๋ยวผมจะกลับมาให้ตรวจอย่างละเอี๊ยดดดดละเอียดอีกนะฮ๊าฟฟฟฟว์

     

    บทที่12 Ambush

             ‘ตรวจรถหน่อยค้าบบบบ

            นั่นแหละ เวลารุ่งเช้าที่รถของFameย้อนกลับมาที่ด่านตรวจอีกครั้ง ยามทั้งสองยังทำหน้าที่ได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่รถของ Fame ผ่านไปได้สบาย งานนี้ยามSilverกับRankอาจจะบ่นกันเองว่า ‘อิตา Roland มันจะให้กรูตรวจรถFame อย่างละเอียดบ่อยๆ ทำไมวะสัส

            Fame เลี้ยวรถเข้าแวะร้านกาแฟ ซึ่งกำลังมีวิทยุเปิดไว้ และกำลังบรรยายข่าวล่าสุดอยู่

             ‘แปดนาทีกลับมาว่ากันต่อกับเรื่องเสือกเผือกเช้านี้นะฮะท่านผู้ชม พบศพนักธุรกิจรายใหญ่ชื่อ Emil Harker นะฮะ ซึ่งพบศพอยู่ในกระท่อมของเขาเอง น่าตกอกตกใจเลยทีเดียว…’

            Fame ยังทำท่าตื่นตระหนก …เขาไม่ได้ตระหนกเรื่องการตายของ Harker

            แต่เพิ่งนึกได้ว่า อย่างนี้โควตาออกมาร่อนข้างนอกที่เพิ่งต่อรองกับ Inspector Roland ก็คงจะหมดลงแล้วล่ะสิเนี่ย

             ‘อิดอกกกกกกกก กลับมาช่วยกูเร็วเข้า!!’ ภาพ Don หวีดร้องในสภาพโดนล็อคด้วยกุญแจมือ แถมกำลังโดนดันเข้าคุกเข้าตะรางได้ผุดขึ้นมาในหัวของ Fame อีกหน เขาจึงรีบบึ่งรถไปยังบ้าน Zara ทันที

            ระหว่างที่ Fame ขับรถอยู่นั้นได้มีรถสีฟ้าคันใหญ่ไล่ตามประกบหลัง แต่เขาก็ไม่ได้สังเกต เพราะมัวแต่ดูสารคดีสัตว์โลกเนชั่นนอลจีโอกราฟฟิก ตอน นกอินทรีทองบินโฉบกระต่ายป่า(ไม่ก็หนู) อย่างเพลิดเพลินเกินห้ามใจ

            กว่าจะรู้ตัวอีกที เสียงปืนก็ดังลั่นขึ้น รถของเขาเสียการควบคุมจนต้องหยุดลงตรงข้างทาง Fame รีบตั้งสติกระโดดออกมาหลบเข้าที่พุ่มไม้ตามสัญชาตญาณเอาตัวรอดส่วนตัว แต่จังหวะนั้นเอง เสียงเหี้ยมอำมหิตที่ Fame น่าจะคุ้นหูดีก็ดังขึ้น พร้อมปากกระบอกปืนที่จ่อมาทางตัวเขา

             ‘อย่าคิดจะหนีนะไอ่Fame ออกมาจากพุ่มไม้นั่น แล้วยกมือขึ้นซะ’ Ezra อีกแล้วจ้า

     

    บทที่13 Another Journey

            บทนี้ไม่มีอะไร เป็นบทที่ Fame ได้ทำความรู้จักกับสามหน่อที่เขาเคยแอบสะกดรอยตามไปถึงโรงแรมห้อง 303-304

            ไอ้หัวล้าน หน้ารอยแผลเป็นที่พบเจอกันมาหลายรอบ ชื่อ Skull

            ไอ้คนสำนวนอิตาเลียน ตัวผอมสูง ชื่อ Guido

            ไอ้คนตัวอ้วนเตี้ย เสียงนุ่มทุ้มลึกดุจพระเอกละคร ชื่อ Robert

            Fame ระลึกชาติได้ว่า เสียงคนที่เถียงกันสองคนตอนที่เขากำลังหลบหนีจากกระท่อมนั่น ก็คือไอ่คู่ผอมสูง Guido Robert นี่เอง

            ทั้งบทได้ข้อสรุปเพียงแค่ว่า ‘จับมันไว้ เอารถมันไปด้วย แล้วพามันไปนอนเล่นในห้องใต้ดินละกัน

     

    บทที่14 Ezra’s Place

            Fame ได้รับสิทธิ์นอนเล่นในห้องใต้ดิน cellar ของบ้าน Ezra เรียบร้อย

            ขณะนี้ Fame กำลังอยากจะชุบ Harker ขึ้นมาบีบคอด้วยความจงรักภักดีสักร้อยตลบ ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ EzraกับHarkerมีเรื่องอะไรกัน Ezraต้องการอะไรจากเขา โอ้ยตายแล้ว Don จะเป็นยังไงบ้าง กลอนนั่นมีอะไรซ่อนอยู่ หัวฟาโรห์นั่นเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน อ๊ากกกกกกกกกก

            Fame หวีดร้องกับตัวเองไม่นาน ลูกน้องทั้งสามของ Ezra ก็ลากตัวเขาขึ้นไปพบ Ezra ที่ห้องทำงาน

            ครั้นได้พูดคุยกัน คำถามที่ Fame กำลังอยากรู้ก็ไขข้อข้องใจได้ไปหนึ่ง

             ‘ที่ฉันมีเรื่องกับไอ่Harker ก็เพราะว่า เราสองคนรวมหัวกันขโมยหัวฟาโรห์นั่นแท้ๆ ตอนที่ขโมยได้ เราก็เอาหัวฟาโรห์มาซ่อนไว้ในห้อง 304 จุดเปลี่ยนมาอยู่ตรงนี้แหละ Harkerกะจะฮุบสมบัติเอาไปซ่อนไว้ที่อื่น ฉันก็เลยต้องบุกถึงบ้านไปเค้นถาม แล้วมันก็ยียวนกวนบาทาไม่ยอมบอก แล้วไง? ฟิวส์ขาดไงล่ะ ผมนี่ถึงกับยกพวกไปแขวนคอมันเลยครับ

            Fame ฟัง Ezra พร่ำพรูเรื่อง สัจจะไม่มีในหมู่โจร อยู่ได้ระยะหนึ่ง จึงยิงคำถามกลับไปว่า

             ‘บทกลอนที่แกขโมยมานั่นออกจะเด่นแท้ๆ ทำไมแกไม่เอาไปแต่แรกล่ะ?’

             ‘ช่วยเก็บกลอนของฉันทีเพราะไอ้เบื๊อก Robert ทำมันหล่น~ ถุ๊ย!!’ Ezraชี้แจงกลับมาเป็นเมโมโลดี้ ‘เอาล่ะ กลับเข้าเรื่อง… เพราะว่านายเป็นคนที่Harkerจ่าหน้าถึง นายคงจะแปลกลอนนี้ออกสินะ

            Fameหันซ้ายแลขวา สูดลมหายใจหนึ่งยก ก่อนจะตัดสินใจตอบกลับไปด้วยความมั่นใจเต็มร้อยว่า

             ‘ไม่อ่ะ

            ตุ้บ ตั้บ ตุ้บ ตั้บ ตุ้บ ตั้บ ผัวะ ผัวะ กรี๊ด โอ๊ย ผัวะ กรี๊ด แอ้ก เอ๋ง เอ๋ง แฮ่ก แฮ่ก ตุ้บ ตั้บ

     

    บทที่15 Escape

            Fameฟื้นขึ้นมาในสภาพมึนๆ ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือ Teenนับ6Teen กำลังรุมสกรรมเขาไม่ยั้ง มือของเขาถูกมัดเยี่ยงนักโทษ Fame รู้สภาพของตนดีว่า ถ้าถึงเวลาที่เขาต้องกลับไปพบกับ Ezra อีกรอบเมื่อไหร่ มันก็จะต้องให้เขาแปลอีกรอบ ซึ่งเขาก็คงจะตอบไม่รู้ และโดนสหบาทายำตามเดิม ไม่สิ รอบนี้ลูกตะกั่วร้อนจี๋คงแล่นผ่านกบาลได้ไปนอนเป็นเพื่อน Harker เป็นแน่

            ทางรอดทางเดียวตอนนี้…. หนีไงล่ะ

            Fame ค่อยๆ คลานไปตรงเตียงเหล็กเก่าๆ ที่ตั้งไว้ เขาหันหลังเอาเชือกถูๆ ไถๆ แสบๆ คันๆ กับขอบเตียงที่เป็นเหล็ก สีไปสีมาเชือกก็ขาดออก มือเป็นอิสระ อะไรๆ ก็ง่ายขึ้นเยอะ

            จุดที่น่าจะเป็นทางออกมีอยู่ทางเดียว คือ หน้าต่างบานเล็กเท่าไส้ครีมในยูโร่คัสตาร์ดเค้ก

             ‘ยังจะมีลวดกั้นอีกชั้นอีกนะ’ Fame สบถออกมา พลางหา bent nail (รูปทรงคล้ายๆ ตะปูงอๆ) มางัดให้ลวดนั่นหลุดออก

            Fameรอดูสถานการณ์ด้านนอกว่า ทุกคนเข้าบ้านไปกินข้าวเย็นกันหมดแล้ว เขาจึงใช้จังหวะนี้ ปีนลอดหน้าต่างวิ่งไปที่รถของตน และพระเจ้าก็ยังเข้าข้างเขา พวกมันกุญแจยังเสียบคารถ พร้อมสตาร์ทตัวออกทุกเวลา

            สงสัยไอ่ Skull จะลืมไว้

            'ขอบใจนะไอ้หัวโซล่าร์เซลล์'

            Fameไม่รอช้า สตาร์ทรถ เหยียบเกียร์ตีนผีรถเมล์สายแปดซิ่งหนีตามงานถนัด แต่ว่าคนด้านในก็เริ่มรู้ตัวว่า Fame กำลังหนีไป

            ปฏิบัติการ Fast and Fur**s ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง หากคราวนี้ Fameเป็นฝ่ายหนี Fameขับรถมาถึงเขตสลัมของเมือง แล้วดันไปเข้ามุมที่เป็นทางตันซะได้

             'Guido ไปตามมันกับชั้นหน่อยเด๊ะ!'  Ezra หวีดร้อง


    บทที่16 Trapped!

            มันเป็นทางตัน ไม่สิ กำแพงที่มาจุดให้ผ่านเพียงประตูชนิดตัวคนผ่านต่างหาก

            เขาไม่รอช้า รีบลงจากรถเปิดประตู แล้วลงกลอนล็อคจากด้านใน

            ในที่สุดเขาก็หนีพ้นจากแก๊งโจรได้ซะที แต่เพื่อความปลอดภัย Fame พยายามลากสังขารเดินหาที่ซ่อนที่ดีกว่านี้

            เขาเดินลัดเลาะมาถึงสวนสวนหนึ่งที่มีกลิ่นมะนาวคละคลุ้ง ตรงกลางของสวนนั้นมีอาคารตั้งอยู่ กล่องสองสามใบถูกตั้งเรียงกันเพื่องานถนัดของFame แอบปีนเข้าไปแมร่งเลย!

             ‘บ่อน้ำ บ่อน้ำ Well Well Mr.Fame’ พูดทีบ่อน้ำมาสองบ่ออย่างงี้มีคนเดียว..

             ‘ขุ่นพระ Inspector Roland!’ Fameแทบจะอุทานว่า หนีโจรปะตำรวจ เอ้ย หนีเสื้อปะจระเข้ชัดๆ ‘งั้น ท..ทีนี่คือ..?’

             ‘Police Headquaters สำนักงานตำรวจไงล่ะตะเอง

     

    บทที่17 Plans

             ‘นั่นสินะครับ’ Fameในสถานะลูกไก่ในกำมือตอบกลับด้วยหน้าตาใสซื่อ ประมาณว่า อะไยเหยอ? ‘ผมกลับมาเพราะจะมาพบคุณผู้ตรวจการนี่แหละครับ แหะๆ..’

             ‘ก็ดี๊’ Roland ทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะลากตัวFameมานั่งเก้าอี้สารภาพบาป ‘ได้อะไรกลับมาบ้างล่ะทีนี้?’

             ‘มีแน่ครับ Harkerตายแล้ว

             ‘อันนั้นGuก็รู้แล้วจ้ะ'

            หากก่อนที่ Roland จะเริ่มมีน้ำโห ประมาณว่า  แหมมมมม ถ้าตอนแรกกูรู้ว่ามึงรู้แต่แรก(??) กูไม่น่าปล่อยมึงไปหาเล้ย จับFameใส่กุญแจมือยัดตะราง Fame รีบบอกข้อมูลที่น่าจะทำให้เขา รอด ขึ้นมา

             ‘แต่ผมรู้มากกว่าคุณ ผมรู้ว่าใครเป็นฆาตกร รวมถึงจุดประสงค์ในการฆ่าของเขาด้วย

            ได้ผล Roland ทำท่าสนอกสนใจ เมื่อได้โอกาส Fame ก็เริ่มเล่าปมฆาตกรรมทั้งหมดตามที่เขารู้ให้ผู้ตรวจการตรงหน้าฟัง

             ‘เข้าใจแล้วล่ะแต่ว่า’ เหมือนว่า Fame จะยังอยู่ในสถานะลูกไก่ในกำมือเช่นเดิม ‘นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ หัวฟาโรห์ อยู่ที่ไหน

            แมร่งถามคำถามเดียวกับที่ Ezra ถามเลยนะอิHa – Fame อาจจะสบถอย่างนี้ในใจ

            โอ้ย อิHarker อิหัวหน้าถั่วเน่าเกาลัดต้มเปื่อย เพราะมรึงคนเดียว จะเขียนจ่าหน้าหากรูทำพระแสงอะไรวะเนี่ย - Fameน่าจะสบถอย่างนี้อีกเช่นกัน

             ‘ผมรู้ว่าคุณรู้ และถ้าไม่ยอมบอกที่ซ่อนของสมบัติล่ะก็ ถึงจะจับพวกคุณในฐานะสมรู้ร่วมคิดไม่ได้ก็จริง แต่อาชีพธุรกิจลักลอบของเถื่อนอะไรสักอย่างของแก๊งคุณ ก็เอามาเป็นข้อหาโยนลงตะรางได้นะขอบอก

             ‘ก็…’ สภาพของ Fame ในตอนนี้คือ ไม่รู้ก็ต้องรู้แล้วล่ะ

             ‘ก็…?’ Roland เลิกคิ้วสูง

             ………………..

            Inspector Roland โยนบทกลอน(ฉบับสำเนา)ที่ริบมาจาก Zara ให้ Fame ก่อนจะสั่นกระดิ่งให้สัญญาณเอาตัว Zara กับ Don เข้ามารวมญาติกับ Fame อีกครั้ง

             ‘รวมหัวกันถอดรหัสจากบทกลอนนี้ซะ และอย่าคิดจะหนีให้ยาก เพราะทางเราได้ประจำการเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เฝ้าจับตามองพวกคุณอยู่ตลอดเวลานะจะบอกให้

     

    บทที่18 Poem

            หลังจากทักทายด้วยความคิดถึ๊งงงงคิดถึงกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็มีความเห็นตรงกันว่า ถ้าอยากจะจบเรื่องบ้าๆ นี่ได้ ทางออกมีเพียงทางเดียวคือ ถอดรหัสจากกลอนนี่ แล้วตามหาสมบัติให้พบ

             ‘มาเริ่มถอดรหัสกันเถอะ

    ครั้งที่1และ2 : ลองเอาตัวอักษรตัวแรกของทุกบรรทัดมาเรียงกัน ส่วนรอบสอง ให้ลองรีเวิร์สกับครั้งแรก

    Great men

    Do not walk easy roads.

    Tall men

    Strain under heavy loads.

    They bend beneath the weight,

    Get tired beneath the load.

    They go in pain and hate

    They wonder down that road,

    But then against the wall they stand

    And near one rock they rest their hand.

    ผลลัพธ์ครั้งที่ 1                      = GTSTGTTBA       = ไม่ใช่เลย
    ลองรีเวิร์ส ได้เป็นผลลัพธ์ครั้งที่
     2  ABTTGTSTDG      = ก็ยังไม่ใช่

     

    ครั้งที่3และ4 : บรรทัดเลขคี่ เอาตัวอักษรจากตัวหน้าสุด บรรทัดเลขคู่ เอาตัวอักษรจากตัวท้ายสุด ทั้งแนวตรงและรีเวิร์ส

    Great men

    Do not walk easy roads.

    Tall men

    Strain under heavy loads.

    They bend beneath the weight,

    Get tired beneath the load.

    They go in pain and hate

    They wonder down that road,

    But then against the wall they stand

    And near one rock they rest their hand.

    ผลลัพธ์ครั้งที่ 3              = GsTsTdTdBd       = ไม่ใช่
    ลองรีเวิร์ส ผลลัพธ์ครั้งที่
     4  = dBdTdTsTsG        =  ยังไม่ใช่

     

    ครั้งที่Zaraเป็นคนเสนอ : หลักการจำนวนบรรทัด ตำแหน่งตัวอักษร เช่น บรรทัดที่เอาตัวอักษรตัวที่บรรทัดที่เอาตัวอักษรตัวที่2…

    Great men

    Do not walk easy roads.

    Tall men

    Strain under heavy loads.

    They bend beneath the weight,

    Get tired beneath the load.

    They go in pain and hate

    They wonder down that road,

    But then against the wall they stand

    And near one rock they rest their hand.

     

    ผลลัพธ์ = Golabridge  =  Gola Bridge  = ใช่แล้ว


             ‘น่าจะเป็น สะพาน Gola สะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำ Gola ใช่มั้ยน่ะ!’ โค้ดที่ Harker ซ่อนไว้ นั่นคือตำแหน่งสถานที่ที่ใช้ซ่อนหัวฟาโรห์ และมันก็คือ สะพานGola นั่นเอง

            Zara และ Don มองตา Fame ก็รู้ใจ และแล้วแผนการแอคติ้งก็เริ่มขึ้น

            ชะนีนางเดียวในเนื้อเรื่องเดินไขว้ขาเข้าไปหาตำรวจนายที่พลางทำท่าแดดิ้นกระดกลิ้นขึ้นลงพัวพันกันในปากตัวเองด้วยความอยากน้ำ ‘ขุ่นตำรวจคะ ดิฉันขอแห้งงงงงงงงงงงงงงงมากกกกกกกกกก จะเป็นผุยผงธุลีเศษอยู่แล้ว ขอน้ำแก้วนึงหน่อยสิคะ

            ตำรวจนายที่1นั้นแสนสุภาพบุรุษจุฑาเมพ เขาพยักหน้าก่อนจะเดินตรงเข้าหลังครัวไปหยิบน้ำตามสิ่งที่ประชาชนรีเควส

             ‘ขุ่นตำรวจครับ มาช่วยดูกลอนนี้หน่อยสิ’ Fameทำทีขอความช่วยเหลืออีกราย และทันทีที่ตำรวจนายที่เดินเข้ามาก้มอ่านกลอนตรงหน้า Donก็แสดงสกิลคาราเต้เลเวลตันโช๊ะลงกลางท้ายทอยเรียบร้อย

             ‘เผ่น!!’ แก๊งสามนักลักลอบขนของเถื่อน(ทำไมยศมันยาวงี้วะ) ก็กระโจนลงหลังสวน วิ่งปรู๊ดออกไปขึ้นรถของFameหนีไปเรียบร้อย

             ‘คุณผู้หญิงครับ นี่น้ำของ…’

            สิ่งที่ตำรวจนายที่พบ คือเพื่อนของตัวเองในสภาพนอนสลบเหมือด แล้วเศษกระดาษไขปริศนาคำว่า ‘Gola Bridge’

     

    บทที่19 The Search

            รถของFameลุยมาถึงสะพาน Gola และพวกเขาก็เริ่มลงมือที่จะตามหา หัวฟาโรห์

             ‘ลองดูในกลอนอีกรอบมั้ย อาจจะมีเบาะแสในนี้อีกก็ได้นะ

            Do not walk easy roads.

            Fame แปลให้ว่า = อย่าไปตามทางเรียบๆ ให้ไปในทางที่เข้ายากๆ …ตรงนั้นมีเหมืองอยู่ตรงช่วงเขา เข้ายากแน่ๆ

            Strain under heavy roads

            Zara แปลให้ว่า = หัวฟาโรห์ต้องซ่อนอยู่ภายใต้อะไรที่หนักแน่นแข็งแกร่ง ก็เหมืองนั่นไงล่ะ

            But then against the wall they stand
            And near one rock they rest their hand.

            Don แปลให้ว่า = ในเหมืองต้องมีผนังหิน ตรงผนังหินจะมีก้อนหินก้อนหนึ่งอยู่ ลองใช้ประโยชน์จากมันดู ของที่ตามหาจะอยู่แค่เอื้อม

            เมื่อทั้งสามตีความได้เรียบร้อย พวกเขาก็รีบลงจากรถ เข้าไปในเหมืองที่อยู่ไม่ไกลจากตัวถนน Fame สังเกตเห็นผนังจุดหนึ่งที่มีก้อนหินก้อนใหญ่ตั้งอยู่ เขาใช้มันเป็นบันไดช่วยให้เขาปีน พอชะโงกดูอีกที พลางเปิดไฟฉายส่องดู Fame ก็เห็นแสงแวววาวออกจากโพรงที่เหมือนเจาะไว้ตรงด้านบน เขาตัดสินใจเอื้อมมือเข้าไปหยิบของที่อยู่ในนั้นออกมา

             ‘เจอแล้ววววววว!’

            หัวฟาโรห์ทองคำที่ทุกคนตามหา แท้จริงแล้วอยู่ในเหมือง(quarrel)ใกล้สะพาน Gola Bridge นี่เอง
       
            และตอนนี้ หัวฟาโรห์อยู่ในมือของ
    Fameเรียบร้อย

             ‘แล้วจะทำไงกันต่อดีล่ะ?’ Donถามขึ้นมา และFameก็ตอบโดยแทบไม่ต้องคิดว่า

             ‘ส่งให้ตำรวจอยู่แล้ว ก็เราไม่ได้อยากเอาสมบัตินี้มาแต่ต้นนี่นา ป้ะ กลับกันเหอะ

             ‘แหมๆ คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกมั้ง’ เสียงที่คุ้นเคยมากๆ ดังไล่หลังมาอีกหนหนึ่ง

             ‘หอยป้ามรึงหล่น!’ Zaraอุทานออกมาดังลั่น ‘พวกEzraอีกแล้วโว้ย!!!’

     

    บทที่20 Shot Dead

            ตามสเต็ปของตัวร้าย โผล่มาทีปืนจ่อที Ezra ต่อรองให้ส่งหัวฟาโรห์ทองคำนั่นมา แล้วพวกเขาทั้งสามก็จะรอด

    หากเมื่อFameส่งหัวฟาโรห์ให้อย่างจำยอมแล้ว ปากกระบอกปืนจากเหล่าตัวร้ายก็ยังไม่ลดลง

             ‘นี่แกตามมาได้ยังไงน่ะ?’ หนึ่งในพรรคพวกที่โดนปืนจ่ออยู่ถามขึ้นมา อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาไว้ก่อนเป็นยอดดี

             ‘ก็แกดันจอดรถไว้ที่เดิมไงล่ะ พวกฉันก็เลยซุ่มรออยู่ตรงนั้นจนพวกแกกลับมา การแอบตามมาที่นี่ก็เลยโคตรง่าย

             ‘แล้วที่ทำอย่างนี้นี่ ต้องการอะไรจากสังคม?’ Fameถามต่อไปอย่างเหลืออด

             ‘เพราะฉันเหม็นขี้หน้าพวกแกไง"

             "เอ๊าอิห่า"

            "ก็แหม จะปล่อยไปง่ายๆ มันก็ไม่สาแกใจฉันน่ะสิ ไป
    กลับไปที่รถของแกแล้วขับไปตามที่ฉันบอก

            สภาพรถก่อนที่พวกเขาจะขึ้นมา ถูกGuidoเปลี่ยนทิศทางให้เตรียมตัวแล่นไปทางริมสะพาน พร้อมตกเหวลงสู่แม่น้ำได้ภายในชั่วอึดใจ

            Fame Zara และ Don กลับไปอยู่ในรถของ Fame ในสภาพที่โดนปืนจ่อหัวจากด้านนอกตลอดเวลา

             ‘เอ้า แล่นออกไปเลยสิ ไม่งั้นหัวเป็นรูทั้งแก๊งนะเหวย’ Ezraยังขู่ต่อไปไม่เลิก Fameต้องเป็นคนตัดสินใจแล้วว่า จะยอมหัวพรุน หรือจะเล่นบันจี้จัมป์(ในสภาพขับรถ) อย่างไหนน่าจะต่อลมหายใจได้ยาวกว่ากัน

            เอาวะ บันจี้จัมป์ยังพอจะมีโอกาสรอด! Fame ตัดสินใจอย่างผู้ไม่มีทางเลือก

            …รถค่อยๆ แล่นออกไปภายใน สาม สอง หนึ่ง..

             ‘สู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้...’

            ปัง!

            เสียงคนลั่นกระสุนดังสนั่นไปทั่วสะพานgola ไม่ใช่ปืนของ Guido Robert หรือ Skull

            ไม่ใช่ของ Ezra ด้วย

             ‘คิดถึงกันมั้ยตะเอง’ Inspector Roland ยักคิ้วให้หนึ่งที มือของเขายังถือปืนในมือที่ควันขึ้นจากเขม่าดินปืนหมาดๆ

            Fameไม่รอช้า รีบดริฟต์รถด้วยสกิลขับรถเมล์สาย 8 กลับเข้าทางสามัญชน ก่อนจะใส่เกียร์หมาเหยียบคันเร่งของรถอันตรธานไปจากฉากภายในชั่วอึดใจ

            อิสรภาพพพพพพพพพพพพ พวกกูรอดแล้วโว้ยยยย

            เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาพร้อมกับ Roland เข้าจับกุมเหล่าลูกกระจ๊อกของ Ezra ทั้งหมด ส่วนผู้ตรวจการก็ย่างสามขุมไปใกล้ๆ ร่างของ Ezra ที่ตอนนี้นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น เช่นเดียวกับหัวฟาโรห์ทองคำที่อยู่ข้างตัวของเขา

            Roland เก็บหัวฟาโรห์ทองคำขึ้นมา ภารกิจนี้เสร็จสิ้นด้วยความร่วมมือจากแก๊งของ Fame

            เขากล่าวปิดท้ายอย่างเท่ว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับนะ

    มาถึงจุดนี้ ประเด็นที่ว่า : เรื่องก็น่าจะจบไปแล้วถ้าหากว่า พวกFameเอาคำว่า GolaBridge ไปส่ง Inspector Roland โยนภาระที่เหลือให้ทีมตำรวจไป ไม่เห็นต้องลงแรงแหกตำรวจออกมาตามหาของเองอย่างนี้
    แล้วทำไมเขาต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเองแบบนี้
    ?

    คำตอบที่อิฉันหารือกับผองเพื่อน ตีความออกมาได้สองเหตุผล

    เหตุผลที่1 : อยากช่วยยยอยากทำผลงานให้ Inspector Roland ชื่นใจ… เพื่อเป็นการเมคชัวร์ว่า Roland จะไม่โกรธย้อนหลัง ไม่เอาความคดี ‘ธุรกิจเถื่อน’ ย้อนหลังแน่ๆ

    เหตุผลที่2 : Fame มั่นใจอยู่แล้วว่า Ezra จะสะกดรอยตามตนเองมา พอเป็นแบบนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง ทีมตำรวจก็ควรตามมาจับโจรด้วย เขาจึงจงใจทิ้งคำว่า Gola Bridge ไว้ในสำนักงานตำรวจเพื่อให้ฝ่ายตำรวจตามมาประกบหลังเป็นพรรคที่สอง(หลักการแบบฮันเซลเกรเทลทิ้งเศษขนมปังไว้) โจรกับตำรวจจะได้ป๊ะกัน (ระหว่างรอตำรวจตามมาก็ต้องพยายาม ถ่วงเวลา ไว้ก่อน ไอ่ประโยคจำพวก แกตามฉันมาได้ยังไงน่ะ? ก็คงเป็นแอ็คติ้งล้วนๆ)

    แน่ะ ได้ทั้งผลงาน ได้ทั้งกำจัดศัตรูอีกพวก ยิงนกนัดเดียวได้นกสองตัวเลยจ้า

     

    แต่ว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลแบบไหน วิธีการไหน จุดประสงค์ก็คือ จะเอาไปคืนฝ่ายตำรวจแล้วจบๆ เรื่องไปซักที
    ส่วนที่เหลือนั้น ในหนังสือไม่ได้บอกไว้เลยส่วนนี้คงไม่ออกข้อสอบหรอกมั้ง


    บทที่21 A Long Time Later

            นับจากเหตุการณ์วันนั้น หัวฟาโรห์ทองคำได้กลับคืนสู่พิพิธภัณฑ์ Darna ทำให้ Roland ได้รับความดีความชอบที่บรรลุภารกิจในครั้งนั้นได้สำเร็จ ก็ได้เลื่อนยศเป็น Chief Inspector Roland หรือ หัวหน้าผู้ตรวจการ อย่างสง่างาม ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะไล่จับพวก Fame อะไรอีก เพราะว่า ถ้าขาดพวก Fame ไป คงจะไม่มีใครช่วยหาหัวฟาโรห์ทองคำกระทั่งเจอแน่ๆ ด้านพวก Fame เองก็เลิกซึ่งอาชีพนักลักลอบขนของข้ามแดนเลี่ยงภาษีโดยเด็ดขาดเช่นกัน

            เวลาผ่านไป 5 ปี ขณะนี้ Roland ได้รับฟูลคอร์สวันหยุด เขาใช้เวลาว่างมานั่งตกปลาริมทะเลชิลๆ ขึ้นมานั่งดริ้งค์กาแฟชีวิตสงบสุข และตอนนั้นนั่นเองที่เขาได้พบกับ Fame และ Zara อีกหน

            พวกเขาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน ย้อนนึกถึงวันวานอันแสนระทึกแอคชั่นสุดมันส์

            ร่างของ Harker กับ Ezra ได้ฝังไว้ใกล้ๆ กันบนยอดเขาของเมือง Darna คงจะให้ไปเคลียร์สะสางกันต่อในภพนู้นก็ว่าได้

            Guido Robert และ Skull หลังจากออกจากคุกก็กลับตัวกลับใจประกอบอาชีพสุจริต

            ส่วน Fame กับ Zara ก็ตกล่องปล่องชิ้นแต่งงานมีลูกสองแล้วเรียบร้อย แหม่ น่ายินดีจริงๆ

            ทั้งสามพูดคุยกันนานพอตัว กระทั่ง Fame ขอตัวกลับก่อน ตอนนั้นนั่นเองที่ Roland เอ่ยถามคำถามที่ติดค้างสงสัยในใจมานาน

             ‘ธุรกิจสมัยที่คุณยังทำงานอยู่กับ Harker ที่ว่าน่ะ มันคืออะไรเหรอ?’

             ‘ส่งรถ

             ‘โห ตอบอย่างกับแท็กซี่ไทย’ Roland ทำตาลุกวาวด้วยความ amazing ‘แล้วทำไงล่ะเนี่ย ถึงรอดด่านตรวจมาได้ทุกครั้ง หนักกว่านั้น ทุกครั้งที่นายผ่านด่านตรวจ มันก็เป็นคันเดิมตลอดไม่ใช่เหรอ แล้วรถคันที่เอาไปส่งขายจะเอามาตอนไหน ยังไงล่ะ?’

             ‘ไม่ยาก แต่ก็ซับซ้อนเอาการอยู่’ Fameค่อยๆ เริ่มอธิบายวัฏจักรการทำ ‘ธุรกิจ’ ของเขา ให้เพื่อนยากอย่าง Roland ฟัง

            ประเทศที่ Fame อยู่อีกฟาก เป็นประเทศที่มีอะไหล่ผลิตรถเยอะ รถนี่คือราคาถูกมาก การลักลอบขนรถผ่านด่านตรวจให้มีสภาพเหมือนว่าเขาใช้รถคันเดิมผ่านด่านตรวจนั้นง่ายนิดเดียว แค่ทาสี ทำทะเบียน ให้เหมือนกับรถประจำตัวของเขา

            ทีนี้ พอรถใหม่ไปเทียบท่าถึงอู่ของ Don Don ก็จะรับไปแต่งสีโมเครื่องเพิ่มก่อนจะส่งขายเป็นทอดถัดไป

             ‘อ้าว คุณก็ต้องลงจากรถคันใหม่น่ะสิ แล้วขากลับที่จะไปเอารถคันใหม่มาส่งอีกที นี่นั่งอะไรไปเรอะ?’

            ตามที่ทราบ บ้านDonเป็นคล้ายๆ อู่ มีอะไหล่เก่าเยอะแยะ การประกอบรถมือสองไม่ใช่เรื่องยาก ทุกครั้งที่ Fame ส่งรถใหม่ให้เรียบร้อย เขาก็จะเอารถมือสองยกให้ Fame ใช้ขับกลับประเทศอีกฟาก แล้วดำเนินธุรกิจต่อไป

             (ตามที่อิฉันเดานะคะ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป มันน่าจะมีรถมือสองผลิตขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เอาทิ้งไปเรื่อยๆ เพราะอะไรคะ เพราะสำหรับพวกนาง รถคันใหม่ราคายังถูก รถมือสองอะไหล่เก๊อย่างงี้คงจะมีสถานะเหมือนกระดาษทิชชู่เลยก็ว่าได้)

             ‘เพราะพวกคุณหาแต่ของที่มีพิรุธ จนลืมไปว่า ไอ้พาหนะที่เอาไว้บรรจุของมีพิรุธที่ว่า นั่นแหละ ของเถื่อนตัวจริง ต่างหาก’ Fame อธิบายเสร็จแล้ว ก็หันหลังควง Zara เดินออกจากร้านไปด้วยออร่ารู้สึกฉลาดระดับสิบ

            Chief Inspector Roland ยังคงนิ่งอึ้ง พลางอุทานกับตัวเองว่า

             ‘ผมนี่เรียกคนอ่านมางงด้วยกันเลยครับ

     

    จบบริบูรณ์

     

    Gallery

    Item ที่ปรากฏในเรื่อง

    The golden head of the Pharaoh Chefren IV : ของกลางประจำเรื่อง แต่เดิมจะต้องตั้งไว้ในพิพิธภัณฑ์ Darna แต่ดันโดน Harker ร่วมมือกับ Ezra ขโมยไปซะอย่างงั้น

    Harker’s Poem : กลอนรหัสลับของ Harker เป็นลายแทงของสมบัติ

    ‘C304 Monday’ photograph : รูปถ่ายจากทางทีมตำรวจ ถ่ายในวันงานเปิดกรุฟาโรห์สู่พิธพัณฑ์ Darna ของวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งรูปนี้ Harker ไปขอมาจากฝ่าย Reception ในงาน พร้อมเขียนคำว่า C 304 Monday ไว้หลังภาพ พอถัดมาเมื่อตำรวจเข้าค้นกระท่อมของ Harker เลยเก็บรูปนี้เป็นหลักฐานสืบคดีอีกชิ้น

    Long black American car : รถของ Skull ทะเบียนรถคือ ZX 425

    Big blue car : รถของ Ezra

     

    Vocab

    moustache

    หนวด

    beard

    เครา

    forehead

    หน้าผาก

    bald – headed

    หัวล้าน

    scar

    รอยแผลเป็น

    sweat

    เหงื่อซก

    shed

    โรงเก็บของ

    cellar

    ห้องใต้ดิน

    parliament

    รัฐสภา

    frontier

    ด่านตรวจคนเข้าเมือง

    boot

    ท้ายรถ

    hostage

    ตัวประกัน

    cypress

    ชื่อต้นไม้ ต้นไซเปรส

    hare

    กระต่ายป่า

    arpon

    ผ้ากันเปื้อน

    wire

    ลวด

    torch

    ไฟฉาย

    shone

    ส่องประกาย

     
    โอเค จากที่อ่านมาแล้วคุณผู้อ่านทุกท่านน่าจะสบถเป็นคำเดียวกันว่า อีลำต้น หยาบโลนยิ่งกว่า Brat Farrar อีก
    ขอน้อมรับว่าเป็นความจริงค่ะ (ห้าห้าห้าบวก=_=) หวังเช่นเคยว่าสรุปนี้จะช่วยทำให้ทุกท่านสามารถตะลุยข้อสอบ Sum ได้อย่างมั่นใจ
    พบกับงานหนังสือนอกเวลาได้ตอน ชั้น ม.6 ค่ะ จุ๊บๆ (แต่ตอนต่อไป ยังเป็นวิชาไทย + วรรณคดีมรดก เช่นเคยนะจ๊ะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×