คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : [คู่มือ] สรุปดีเทลของ The Jewel That was Ours
The Jewel That Was Ours
สืบอัญมณีหาย เจือกมีคนตายเพิ่ม
*อัพเดทแล้ว Part คำศัพท์ สถานที่ และ เนื้อเรื่องแปลแบบละเอียด*
เป็นงานที่ท้าทายที่สุดที่ดิชั้นเคยเจอค่ะ เพราะปกติไม่ใช่คนที่ชอบอ่านแนวสืบสวนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นภาษาอังกฤษยิ่งอี๋ แต่อย่างที่บอก งานนี้ท้าทายมากจนต้องลองดู ใช้เวลาเรียบเรียงนานมาก เพราะข้อมูลกระจัดกระจาย บางส่วนอาจจะผิดพลาดต้องขออภัย (และถ้าเห็นจุดผิดโปรดทักแชท คอมเม้น แจ้งมาให้ไวเลยค่ะ) หวังว่าจะเก๊ทฟีล สามารถเข้าใจเนื้อเรื่องได้ทั้งหมดนะคะ
*หมายเหตุ : งานอันนี้ดิชั้นทำสรุปลงเด็กดีตามกิจวัตร ไม่ได้ก๊อปมาจากรายงาน เข้าใจตรงกันนะคะ
สรุป+แปล by. Biw TigerPisces
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
เกี่ยวกับเนื้อเรื่องโดยรวม
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=972189&chapter=44
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
ตัวละคร
*หมายเหตุ : ภาพประกอบนี้เป็นภาพในมโนที่อิฉันได้วาดขึ้นเอง ตัวละครทั้งหลายสภาพเหมือนได้กินยาลดอายุเยี่ยงโคนั*
และไปยกกระชับขึ้นเขียงที่เกาหลีมาแล้ว ทั้งนี้ เพื่อความโสภาในจินตภาพยามอ่านนะก๊ะ
(หากต้องการความเป็นจริง(อันโหดร้าย) โปรดเปิดดูเอาในหนังสือ)
แผนผังตัวละคร By.Nicha Roj
Chief Inspector Morse
“ทุกคนมีโอกาสเป็นคนร้าย ดังนั้นเราต้องไม่วางใจใคร”
*พระเอกต้องหล่อเป็นพิเศษค่ะ ฮิๆๆๆ
ตัวละครตัวเอกของเรา เป็นนักสืบที่มีชีวิตอยู่กับคำว่า Perhaps และ Someone / Somebody / Who เมื่อฮีสามารถตั้งสันนิษฐานได้ว่าใครต้องสงสัย ฮีก็พร้อมจะบุกลุยไปถามได้ สกิลทางจิตวิทยา Morse ค่อนข้างสูง(ถ้านับตามบทบรรยายในเรื่อง) เอาไว้ใช้จับสงสัยพิรุธได้ดี อุปนิสัยส่วนตัวนอกจากนั้นคือ เวลาที่ฮีกลุ้มใจ หรือเฟล ฮีจะชอบฟังดนตรี ไม่ก็ไปนั่งดริ้งค์กินยาดองเผื่อจะนึกอะไรดีๆ ออก
จุดที่น่าชื่นชมอีกอย่างของตัว Morse คือ ตอนเฉลยคดี Morse จะไว้หน้าคนที่ สำหรับคนที่เคยให้การเท็จด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการปกปิดเรื่องส่วนตัว(ในเรื่องนี้คือ John Asenden ส่วนปิดเรื่องอะไรไว้ ลองเลื่อนไปอ่านที่ตัวJohnเลยละกันนะ) Morse ก็จะไม่ยุ่ง ไม่เอามาแฉ เรียกได้ว่าเป็นคนที่ ไว้ใจได้ ก็ว่างั้นเหอะ
ในทางกลับกัน ข้อเสียของฮีคือ ความเป็นนักสืบมีสูงHereๆ จนสงสัยแมร่งทุกอย่าง เพราะฮีถือคติที่ว่า ทุกคนล้วนแต่มีโอกาสเป็นฆาตกร กัดไม่ปล่อยว่างั้นก็ได้นะ
Sergeant Lewis
“จ่าหัวล้านโลกสวย”
จ่าLewis บัดดี้นักสืบ Morse ไปไหนไปด้วยกัน เกือบจะเป็นคู่จิ้นกับ Morse ได้แล้วถ้ามันไม่มีภาพประกอบในเล่ม Lewisเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่จะคอยช่วยรวบรวมข้อมูลให้ Morse อีกแรงหนึ่ง แต่ข้อเสียคือ ฮีไว้ใจคนง่ายเกินไป และมักจะตีความชาวบ้านด้วยการมองเพียงผิวเผิน กลับกัน ในข้อดีของฮีก็จะเป็นเรื่องความสุขุมกว่า ใจเย็นกว่า คอยปรามความบ้าสงสัยของ Morse อยู่เป็นระยะ
Dr. Theodore Kemp
“อิHere อิเลว อิทำลายเพศแม่ อิเห็นแก่ตัว อิชั่ววววว”
แค่นิยามตัวละครตัวนี้ก็มาวินแล้วค่ะ Dr.Kemp เป็นหนึ่งในวิทยากรให้แก่ทัวร์เที่ยวอังกฤษ ซึ่งฮีจะรับผิดชอบส่วนเกี่ยวกับ Wolvercate Tongue (แน่นอนว่า พออัญมณีหายไป ก็เท่ากับงานของฮีหายไปด้วยเช่นกัน) ความสำคัญของตัวละครนี้คือ เป็นศพในคดีที่แทรกขึ้นมา ใช่แล้ว ฮีโดนฆ่าด้วยเหตุผลบางอย่าง สิ่งที่ดิชั้นสามารถเล่าให้ในตอนนี้ได้ คือ
- Kemp มีภรรเมียหลวงชื่อ Marion Kemp
- Kemp เคยเมาแล้วขับ แล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน คนที่ขับรถอีกคนที่มาชนด้วยตายคาที่ ภรรเมียแท้งลูกบวกขาพิการ แต่Kempเจือกรอดปลอดภัยอ่ะนะ
- Kemp เป็นกิ๊กกับ Sheila Williams แต่ตอนนี้กำลังจะสลัดทิ้งแล้ว
- Kemp โดนเม้าท์ เป็นข่าวลือว่า กำลังจะไปกิ๊กใหม่กับ Lucy Downes เมียของเพื่อนร่วมงาน...
ลองคิดดูก่อนละกันว่า คุณสมบัติทั้งหมดนี้ มีข้อไหนที่ทำให้ฮีโดนฆ่าได้บ้าง
Cedric Downes
“แพะประจำเรื่อง”
หนึ่งในวิทยากรด้านสถาปัตยกรรมของทัวร์เที่ยวอังกฤษ เป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับหู ต้องใช้เครื่องช่วยฟังตลอด มีภรรเมียแสนน่ารักชื่อ Lucy Downes ความสำคัญของตัวละครตัวนี้คือ เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ1 ในคดีที่ Kemp ตาย ด้วยมูลเหตุที่สันนิษฐานจากข่าวลือที่ Kemp ไปเป็นกิ๊กกับ ภรรเมีย Lucy
แต่สรุปคือ Cedric คือแพะจ้ะ เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวกันเลย....
ดังนั้น ความโดดเด่นของตัวละครนี้คือ เป็นคนที่มีอุเบกขาสูงมาก ขนาดโดนจับแบบงงๆ ไปรอบนึง ฮีก็ไม่เอาเรื่องอะไร
Sheila Williams
“แฟนเก็บอยู่แบบเจ็บๆ อย่างคนเป็นน้อย”
วิทยากรสาวอีกคนของทัวร์นี้ มีความสัมพันธ์ลับๆ กับ Kemp แต่แน่นอนว่า นางกำลังจะโดนเขี่ยทิ้ง นางจึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่ Kemp ถูกฆ่าอีกรายหนึ่ง
แต่สรุปคือ นางไม่ใช่คนร้ายจ้ะ
Marion Kemp
“เมียหลวงขาเสีย ละเหี่ยผัวตัวเอง”
อย่างที่บอก เป็นภรรเมียพิการของ Dr.Kemp ชีวิตพังตั้งแต่ผัวเมาแล้วขับ ทั้งแท้งลูก ทั้งกลายเป็นคนพิการ ผัวก็ชอบไปมีเมียน้อย อย่าคิดว่าไม่รู้ล่ะ ก็..อยู่ในสถานะทั้งรักทั้งแค้นผัวของตัวเอง
สรุปคือ นางนี่แหละ หนึ่งในคนที่เอื้อเฟื้อสถานที่ฆาตกรรม เต็มใจให้ผัวถูกฆ่า จากเหตุผลแรงจูงใจข้างต้นนั่นแหละ
แต่จุดจบของนางคือ กินยาฆ่าตัวตายตามนั่นแหละหนอ...
Lucy Downes
“ผ้าม่านหนูมันไม่พอดี ขอหนีไปเปลี่ยนถึงต่างเมือง”
อย่างที่บอก เป็นภรรเมียที่ถูกต้องของ Cedric Downes เป็นคนน่ารัก เสน่ห์แรง ชนิดที่ Lewis เห็นครั้งแรกก็ปักใจเชื่อว่า นางไม่ใช่คนร้าย แต่นางก็ถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัย ว่ามีส่วนสมรู้ร่วมคิดทำลายหลักฐานคดี
แต่สรุปแล้ว นางบริสุทธิ์ แต่เริ่มจนจบจ้า
(หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเกี่ยวกับผ้าม่าน เดี๋ยวได้รู้กัน)
John Asenden
“เพื่อนจ๋า เราคิดถึงนายนะ Fab Fab Fab Fab Fab Fab”
นิยามตัวละครนี้น่ากลัวมาก... John เป็นหัวหน้าทัวร์ที่คอยดูแลทุกอย่างกับทัวร์นี้ ฮีตกเป็นหนึ่งผู้ต้องสงสัยทั้งสองคดี ทั้งคดีอัญมณีหาย และคดีKempถูกฆ่า เพราะชอบหายไปในเวลาเกิดเหตุ และให้การเท็จตลอดศก
แต่ความเป็นจริงแล้ว การที่ฮีให้การเท็จทุกครั้ง เพราะเป็นการปกปิดเรื่องส่วนตัวของฮี ไม่ใช่ให้การเท็จเพื่อหนีคดีเลยแม้แต่น้อย แล้วเรื่องส่วนตัวของฮีคืออะไรล่ะ... ก็ ฮีเป็นประเภทแบบว่า... ติดหนังโป๊...อ่ะนะ....
สุดท้ายตัวละครนี้ก็บริสุทธิ์จ้า
Laura Stratton
“ไฮโซถังแตกผู้ตายในหน้าที่”
คุณนายผู้ครอบครองอัญมณี Wolvercote Tongue ซึ่งเป็นสมบัติที่ได้มาจากผัวเก่า Cyrus Palmer และที่มาทัวร์รอบนี้ ก็เพื่อทำตามคำสั่งเสียของผัวเก่าว่า อยากให้เอาสมบัติประจำตระกูลอันนี้ มอบให้แก่ Ashmolean Museum ไปประดิษฐานไว้ในพิพิธภัณฑ์นั่นแหละ
แต่ความเป็นจริงคือ นางกำลังจะเป็นไฮโซถังแตก เพราะค่าทำศพของผัวเก่าแสนไฮโซ ก็แหกกระเป๋าไปจนจะไม่เหลือมาเลี้ยงสามีใหม่ เลยจงใจจัดฉากทำอัญมณีหาย แต่ความจริงจะฮุบไว้กับตัว
อีเนี่ยแหละ ผู้สมรู้ร่วมตัวยงในคดีที่1
จุดที่พีคของนางคือ นางเจือกตายด้วยโรคหัวใจ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนยิ่งคิดว่า อัญมณีถูกขโมยไปจริงๆ ไม่ได้จัดฉากขโมยเองแน่ๆ (ซะอย่างนั้น)
บทบาทสุดท้ายของ Laura คือ เป็นเครื่องมือในการขนส่งตัวอัญมณีกลับไปสู่อเมริกาได้สำเร็จ (เอาอัญมณีซ่อนไว้ใต้ศพ)
Eddie Stratton
“หึ ไม่ได้แอ้มกูหรอก”
สามีใหม่ของ Laura มากับทัวร์นี้ด้วยเพราะโดนภรรยาลากมา
คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของ Eddie คือ เคยมาเป็นทหารรบในอังกฤษช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนานพอตัว (จุดนี้ทำให้ถูกสงสัยว่าเป็นคนร้ายในคดีที่ 2 )
Eddie คือคนร้ายอีกคนในการจัดฉากว่าอัญมณีถูกขโมย
ฮีเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงพอตัว การให้การของฮีไม่ถึงกับโกหก ก็แค่ ‘ไม่บอกความจริงทั้งหมด’ รวมถึงในช่วงเกิดเหตุ ฮีก็จะใช้กลยุทธ์รีบปลีกตัวไปอยู่ในที่ที่พ้นการโดนต้องสงสัยที่สุด จึงทำให้จัดการส่งอัญมณีกลับอเมริกา แคร์ลิฟอร์เนีย บ้านของฮีได้สำเร็จ
จุดจบของ Eddie จบไว้แค่ที่ว่า โดนลากตัวกลับมาโดนสอบสวนต่อ
Janet Roscoe
“ผู้ควบตำแหน่ง : มนุษย์ป้า และมนุษย์แม่”
นางเป็นลูกทัวร์ที่ เยอะ ที่สุดในบรรดาทุกคน ไม่มีอะไรที่นางพอใจ ไม่มีอะไรที่นางจะไม่ขวางโลก (มีตอนนึงที่นางเถียงกับหัวหน้าTourตั้งนาน ในเรื่องการใช้ศัพท์..)
แต่ความจริงนางคือ คนบงการทุกอย่างในคดีฆ่า Kemp
นางเป็นกุนซือผู้คิดแผนสารพัดในการฆ่า Dr.Kemp ซึ่งก็มีมูลเหตุมาจากที่ว่า นางเสียลูกสาวคนหนึ่งไป
นึกออกรึยังว่า ลูกสาวของนาง น่าจะเป็นใคร
อ้อ.. นางเป็นดาราเก่า และเป็นภรรเมียกับ Phil Aldrish ด้วยแหละ
Phil Aldrish
“ลูกกรูววววววววววว อิHaaaaaaaaaaaaaa”
คุณสมบัติอย่างแรงคือ Philบอกว่า เคยเป็นทหารร่วมรบในอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอยู่ระยะหนึ่ง แล้วในช่วงที่อยู่อังกฤษ ก็ไปได้กับผู้หญิงคนนึงที่สามีไม่อยู่ (ไปเล่นชู้น่ะเอง) จนมีลูกด้วยกันคนนึง แต่ในจังหวะที่ลูกคลอด คุณพ่อมือใหม่ก็โดนส่งกลับอเมริกา ทีนี้ พอสามีจริงๆ ของผู้หญิงคนนั้นกลับมา เฮียแกก็นึกว่าเป็นลูกจริงๆ ของเฮียแก Phil ที่เป็นพ่อที่แท้จริง จึงได้แค่แอบมองลูกสาวคนนี้อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
ซึ่งการให้การตรงบรรทัดบนนั่น นอกจากเรื่องเคยมารบ นั่นเป็นเท็จทั้งนั้น
สรุปแล้ว Phil คือฆาตกรคนที่ลงมือ ลวง Kemp ไปฆ่าทิ้งจริงๆ นั่นเอง ด้วยมูลเหตุเดียวกับ Janet
ลองปะติดปะต่อดูนะคะว่าทำไม ฮีถึงทำ
Howard Brown
“แค่ชอบไปๆ มาๆ ระหว่างเมกากะอังกฤษ นี่มันผิดขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณนักฉืบ..?”
เป็นตัวละครชาวเมกา แต่มักจะมีเหตุไปๆ มาๆ ระหว่างเมกากับอิ้ง จนติดนิสัยคนอังกฤษมาหลายอย่าง อันนึงที่เด่นสุดคือ การเขียนเลข 7 แบบอังกฤษ ซึ่งนั่นทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งไปซะอย่างนั้น
ความจริงแล้ว ไม่เกี่ยวเลย อีนี่แมร่งโคตรตัวประกอบ ไม่มีในเรื่องก็ยังได้
มุมตัวประกอบ
Shirley Brown
เมียของ Howard อภิมหาตัวประกอบ ไม่มีบทอะไรเลย นอกจากถูกใช้เป็นเครื่องมือกลบพิรุธของEddieตอนก่อเหตุจารกรรม
Betty Fowler
นางเป็นรักแรกของ Howard ตั้งแต่สมัยนั้น ทั้งคู่เกือบจะเป็นแฟนกัน แต่เพราะสงครามจบเสียก่อน ทั้งสองเลยพรากจากกัน แต่ความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดก็ยังคงมีอยู่
Dr.Swain
หมอชันสูตรศพของ Laura เป็นคนที่บอกว่า Laura ตายด้วยโรคของนาง ไม่ใช่โดนฆ่าชิงทรัพย์ และเป็นคนมือไว จัดการย้ายศพเสร็จสรรพไม่รอขั้นตอนตำรวจ จึงได้ดีเบตดวลวาทะกับ Morse แถมโดนพระเอกของเราด่าว่า ‘อิดอก ใครใช้ให้แสลนเคลื่อนย้ายศพ ก่อนที่จะมีการสืบสวนวะ’ .....สุดท้าย Dr.Swain พูดถูกทุกอย่าง อิMorse นี่แหละมโนไปเอง
Sergeant Dixon
จ่าอีกคนหนึ่งที่คอยช่วยรวบรวมข้อมูลหลักฐานในคดีที่ Kemp ตาย
Max
หมอชันสูตรศพในสถาบันนิติเวช เป็นคนให้ข้อมูลเกี่ยวกับศพว่า น่าจะตายยังไง
James Bowden
เพื่อนที่ตายไปแล้วของ John Ashenden หลุมฝังศพของเขาตั้งอยู่ที่ Hollywell Cemetary
Cyrus Palmer
สามีเศรษฐีเก่าของ Laura Stratton และเป็นเจ้าของเก่าของอัญมณีตัวต้นเหตุด้วย
Philippa Mayo (ชื่อหลังแต่งงาน) / Philippa Janet Aldrish (ชื่อจริงๆ) / Pippa (ชื่อเล่น)
ตัวละครมูลเหตุในการฆาตกรรม
ใช่แล้ว นางคือ รถอีกคนที่ถูกรถของ Kemp ชนจนตายคาที่
และนางคือลูกสาวของ Janet และ Aldrish
ภาพของpippa(ในมโน)
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
เฉลยคดี
คดีที่1 คดีอัญมณีหาย
|
|
|
|
|
|
|
1.) Laura แกล้งทำเป็นวางกระเป๋าไว้ตรงใกล้ๆ ประตูห้องพักของนาง แล้วเข้าไปอาบน้ำ 2.) Janet ที่นัดแนะกันมาแล้ว เดินผ่านแล้วหยิบอัญมณีออกจากกระเป๋า 3.) Eddie ทำเป็นเดินไปคู่กับ Shirley Brown (เมียของ Howard) ในช่วงก่อคดี เพื่อทำให้เห็นว่า ไม่มีทางเกิดกรณีที่ผัวเมียคู่นี้จะจัดฉากให้อัญมณีหายเองแน่ๆ 4.) Janet แอบเอาอัญมณีให้ Eddie โดยตลอดเวลา Phil Aldrish เป็นคนดูต้นทางให้
5.) Eddie รู้ว่าไม่น่าจะซ่อนอัญมณีได้ จึงสร้างความมั่นใจในการซุกซ่อน *อ้างอิงจากหน้า94* ด้วยการแอบไปโยนลงไปในแม่น้ำ Cherwell ตรง Wolvercote Village(หมู่บ้านใกล้ๆ Oxford)
7.) Morse ไขคดีทัน จึงให้ตำรวจกงสุลในอเมริกาจับ Eddie กลับมาอังกฤษ ระหว่างอยู่ในการควบคุม Eddie สารภาพเรื่องขว้างอัญมณี ผ่านโทรศัพท์
ส่วนศพLaura ก็ปล่อยไปพักไว้ที่ อเมริกาก็แล้วกัน |
|
6.) เนื่องด้วย ศพLaura ผ่านการพิสูจน์ศพโดยDr.Swainไปแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นจำเป็นต้องตรวจสอบศพอีก ศพก็ผ่านด่านขึ้นเครื่องกลับได้สบาย
7.) อัญมณีกลับไปซ่อนที่อเมริกา แบบไม่มีใครหาเจอ เรียบร้อยแล้วจ้า |
คดีที่2 คดีการตายของ Dr.Theodore Kemp
วาระที่1 อันนี้ผิด ผิด ผิด Morse มโนไปเอง
|
|
|
|
|
Dr.Theodore Kemp มากิ๊กกับ Lucy ภรรเมียของ Cedric แต่ Cedricจับได้ พบว่าเมียตัวเองกำลังกกอยู่กับชู้ในบ้านตัวเอง จึงฆ่าชู้ตายด้วยความโทสะ |
|
1.) ในตอนบ่ายนั้น Cedric ขอตัวกลับไปเอาเครื่องช่วยฟังที่บ้านก่อนจะมาทำหน้าที่วิทยากร(ไอ้กิจกรรมที่แยกเป็น3กลุ่ม ช่วงบ่าย3) 2.) Cedric เห็นเมียกำลังนัวเนียอยู่กับ Dr.Kemp ในสภาพเปลือยเปล่า จึงฆ่าทิ้งสดๆ ตอนนั้น 3.) Cedric บังคับให้เมีย(Lucy)ไถ่ความผิดด้วยการทำลายหลักฐานเอาเสื้อไปทิ้ง
4.) Cedric บ้านอยู่ติดริมแม่น้ำ ก็เอาศพไปทิ้ง ส่วน Lucy ก็เอาเสื้อผ้าของKempใส่ลงในกระเป๋าเดินทาง |
|
สรุปแล้ว Cedric Downes บริสุทธิ์นั่นเองจ้า |
วาระที่2 อันนี้ถูกต้องละ
|
|
|
เอื้อเฟื้อสถานที่ฆาตกรรม |
|
|
|
1.) ในช่วงเที่ยงเวลา 12.35 Kemp ยังอยู่ในสำนักพิมพ์ Babbington เพื่อเคลียร์งาน ที่แน่ๆ คือ ขึ้นรถไฟเที่ยว 12.45 กลับโรงแรมไปทำหน้าที่วิทยากรในบ่ายวันศุกร์ไม่ทันแน่ๆ จึงโทรหา John Ashenden บอกว่าจะนั่งรถไฟเที่ยว 13.30 มาแทน และ Janet ก็ได้ยินพอดี เป็นการตัดริบบิ้นว่า เริ่มแผนได้! 5.) คู่Janet Aldrish รีบกลับไปรวมกับทัวร์ ทิ้งศพDr.Kemp ฝากไว้กับ Marion ที่นั่งอยู่ในนั้นอยู่แล้ว
6.) Marion นั่งเฝ้าศพสามีตัวเองกระทั่ง Eddie กลับมาจาก Didcot(เมืองที่กำลังมีเทศกาลโชว์รถไฟเก่าที่เมืองข้างๆ ฮีไปดูด้วยความติ่ง) มาเอาศพไปทิ้ง หลังจากนั้น..
7.) Eddie เอาเสื้อผ้าออกทั้งหมด (เพื่อตบตาให้พวกนักสืบตีความกันว่า Kempน่าจะไปเล่นชู้กับใครจนโดนฆ่า)
9.) ในคืนนั้น 9.30 คู่วัยรุ่นที่กำลังไปสวีทวีดวิ้วริมแม่น้ำในตัวมหา’ลัย ก็พบศพลอยมาเซย์ฮัลโหล |
|
*อ้างอิงจากประโยค Who had attacked Kemp with the walking stick? Was it Phil Aldrish? Was it his wife Janet? Or was it Marion Kemp herself? Morse never found out which of them had done it. (หน้า99)
|
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
คำศัพท์ + สถานที่
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=972189&chapter=44
(เลื่อนไปด้านล่างนิดนึง)
แบบฝึกหัดVocab แหล่งข้อมูลby.Nicha Roj
http://www.vocabtest.com/vocabulary_word_test.php?tid=209450
*วิธีการใช้ จิ้มที่ลิ้งค์แล้วเข้าไปตรง Learning Definitions ไม่ก็ Reverse Definitions
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
ข้อคิดจากเนื้อเรื่องนี้คือ Jewel ในความหมายโดยนัย = ลูกๆ หัวแก้วหัวแหวนของพ่อแม่ทุกคน
อย่างในเรื่อง Pippa คืออัญมณีสำคัญของคนเป็นพ่อแม่ อย่าง Aldrish และ Janet นั่นเอง
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
จบกันไปแล้วนะคะสำหรับหนังสือนอกเวลา The Jewel that was ours
เป็นเรื่องที่ผู้เขียนสรุปยากที่สุดค่ะ เพราะไม่มีสรุปที่ไหนมาก่อน ไม่มีการแปลสปอยล์มาก่อน ทุกอย่างอ้างอิงจากการเปิดหนังสืออ่านสดๆ ทั้งนั้น จุดผิดพลาดน่าจะมีแน่ๆ ยังไงถ้าเจอก็รีบส่งข้อความแก้ไขมาด้วยนะคะ หวังว่า สรุปนี้จะช่วยให้ทุกคนเก๊ทเรื่องราวของ The Jewel ได้ดีขึ้นนะจ๊ะ
ความคิดเห็น