ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังสรุปมหากาพย์ข้อสอบTU : by. BiwTigerPisces

    ลำดับตอนที่ #66 : [ม.6 Sum2] สรุปหนังสือนอกเวลา : The Enemy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.86K
      7
      16 ธ.ค. 58

    สรุปหนังสือนอกเวลา : The Enemy

    By. Biw TigerPisces
    และเพื่อนๆ ทุกคนที่ช่วยกันตรวจสอบนะคะ //โค้งขอบคุณรัวๆ

    ขอเม้าท์ก่อนนิดนึง

    คือ เป็นเทอมที่ปั่นหนังสือนอกเวลาแบบว่องไวไวว่องมากที่สุดเท่าที่เคยทำมา เพราะกีฬาสีก็ต้องทำ 9 วิชาสามัญก็ต้องสอบ
    ดังนั้น มุกฮา หรือสำนวนอาจจะไม่ตะลุ่งตุ้งแช่ปังครืนแบบตอนก่อนหน้า (แหงสิ ใครจะมีเวลามานั่งคิดมุกยะ)
    รวมถึง ความถูกต้องในเนื้อหา ส่วนนี้ไม่ชัวร์ 100% อยู่แล้ว มันคงจะมีจุดผิดแหละ
    แต่ถ้ามันมีจุดผิดแบบที่ไม่สำคัญ ไม่ได้ทำให้เนื้อเรื่องพลิก หรือพิมพ์ผิดชีวิตเปลี่ยน
    เช่น เห้ย พิมพ์ตกไปตัวนึง เห้ย ตัวละครมันกินข้าวก่อนแล้วค่อยคุยกันไม่ใช่เหรอ เห้ย ฉากนี้มันไม่ได้โกรธ แค่ตัดพ้อเฉยๆ ฯลฯ

    รอบนี้ขอว่า อย่าส่งมาเลยค่ะ... ต่อให้ส่งมาก็ไม่แก้หรอกนะคะ (เพราะเจ้าตัวไปอ่าน 9 วิชาฯ อยู่)

    แต่ยังไง ก็ค่อนข้างมั่นใจว่ารอบนี้ก็ยังคุณภาพคับถ้วย เพราะผ่านมือ(ผ่านการอ่านตรวจ)หลายคนอยู่
    ขอขอบคุณ เก็ต พี่หมีไอซ์ แตแต้ ณิชวย และคนอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยกันตรวจสรุปครั้งนี้นะคะ


    ผู้แต่ง : DESMOND BAGLEY

    ตารางตัวละคร

    ชื่อตัวละคร

    บทบาท

    Malcolm Jaggard

    พระเอกของเรื่อง ทำงานในองค์กรบริษัทที่ชื่อว่า McCulloch and Ross ที่มีส่วนเอี่ยวกับความมั่นคงของรัฐบาลอย่างจริงจัง

    George  Ashton
    (Aleksandr Chelyuskin = ชื่อตอนอยู่รัสเซีย)
    (Fyodr Koslov = ชื่อตอนเข้าสวีเดน)

    อดีตนักคณิตศาสตร์ชาวรัสเซีย ที่ชุบตัวใหม่ให้กลายเป็นชาวอังกฤษ เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พลาสติก เป็นพ่อของ Penny และ Gillian อายุ 56 มีงานอดิเรกคือ การต่อรถไฟโมเดล

    Penny (Penelope) Ashton
    (Dr  Ashton = ชื่อในวงการวิทยาศาสตร์)

    ลูกสาวคนโตของ Ashton เป็นนักวิทยาศาสตร์ เน้นการวิจัยงานด้านศึกษาแบคทีเรีย ไวรัส ที่สามารถนำมาต่อยอดเป็นยาต้านมะเร็งได้

    Gillian Ashton

    ลูกสาวคนเล็กของ Ashton แม่ศรีเรือนงาม เข้าโบสถ์ใฝ่ในศาสนา แต่เคราะห์ร้าย ถูกคนคลั่งศาสนาสาดน้ำกรดใส่ผิดตัว (ความจริงจะสาดใส่ Penny)

    Howard  Benson

    พ่อบ้านแห่งบ้าน  Ashton อายุ 64 (ข้อมูลจากหน้า 65) แท้จริงแล้ว เป็น Spy ของ Lord Cregar ที่มาตามติด Ashton ทุกฝีก้าว

    Joe Harisson

    หัวหน้าของแผนกพระเอก ที่แทบจะไม่มีบทอะไรเลย

    Ogilvie

    หัวหน้าของหัวหน้าฝ่ายพระเอกอีกที ชายตัวเตี้ย อ้วน เป็นผู้ที่คอยสั่งการ และบงการพระเอกในหลายๆ เรื่อง

    Lord Cregar
    (James Pallton = ชื่อเก่า)

    เอาเป็นว่าเป็นคนที่ใหญ่มากในองค์กร ฉากหน้าเป็นนักการเมือง
    ที่ดูเป็นคนดี อุทิศเพื่อประชาชน แต่อีนี่แหละ ตัวร้ายสูงสุดของเรื่อง

    Larry Godwin

    เพื่อนร่วมงานพระเอก มีความสามารถพิเศษในการเลียนแบบสำนวน Russian ได้อย่างคล่องแคล่ว

    Jack Brent

    เพื่อนร่วมทีมพระเอก ไม่มีบทบาทอะไรเท่าไหร่นัก

    Peter Michaelis

    ทีมพระเอก ผู้สนใจฝักใฝ่ในรถไฟโมเดลของ Ashton และสุดท้ายก็ตกหลุมรักกับ Gillian และแต่งงานกัน

    Henty

    ทีมพระเอก ที่สังกัดอยู่ตรงประเทศสวีเดน เป็นคนที่ยิง Benson ตาย โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันตัว

    Professor Lumsden

    หัวหน้างานวิจัยของ Penny โดยหลัก เน้นการวิจัยงานด้านการตัดต่อ GMO เพื่อผลิตอาหารคุณภาพแก่มวลมนุษย์

    Archie Ferguson

    ชาวพื้นเมืองของหมู่บ้าน Ullapool ที่มาเป็นพวกกับพระเอกในตอนจุด climax ที่ลุยกับพวกตัวร้ายของเรื่อง

    Robbie Ferguson

    พี่ชายของ Archie

    Inspector Honnister

    ตำรวจที่รับหน้าที่คอยตามเรื่องคดีสาดน้ำกรด รวมถึงเรื่องที่ Ashton หายตัวไป

    Inspector Crammond

    ตำรวจที่ตามคดีสาดน้ำกรด และเป็นคนที่เข้าถึงตัว Mayberry (คนร้ายที่สาดน้ำกรด) ได้สำเร็จ

    Dr (Chief Scientific Officer) Carter

    นักวิทยาศาสตร์ในงานวิจัยลับของ Lord Cregar

    Max

    ลูกกระจ๊อกของ Lord Cregar

    Peter Mayberry

    คนงมงายศาสนา เป็นคนร้ายที่สาดน้ำกรด(ผิดตัว) ไม่ได้มีผลประโยชน์ร่วมกับสองคนด้านบนอะไร

    ตัวประกอบ

    Ashton คนก่อนหน้า

    ทหารชาวอังกฤษที่ตายด้วยอุบัติเหตุทางท้องถนน

    Benson คนก่อนหน้า

    ทหารชาวอังกฤษที่ตายด้วยโรคหัวใจตั้งแต่ 1946

    Peter Kapitza

    นักฟิสิกส์ชาวรัสเซีย ผู้ที่ดันให้ Ashton (สมัยที่ยังชื่อ Chelyuskin) เรียนในสายฟิสิกส์เพื่อจะได้กลับมาเป็นทีมพัฒนาอาวุธชั้นโปร

    John Franklin

    เพื่อนร่วมธุรกิจของ Ashton (สมัยเพิ่งเข้าอังกฤษใหม่ๆ) เป็นพ่อของ Maryและกลายเป็นพ่อตาของ Ashton ในที่สุด

    Mary

    แม่ของสองสาว ภรรเมียของ George Ashton

    Mary

    (ชื่อเดียวกันกับคุณนายเลย) สาวใช้ในบ้าน  Ashton

    Kerr

    คนในองค์กรที่ดำรงตำแหน่งรองจาก Ogilvie (ประมาณว่า ถ้า Ogilvie เป็นหัวหน้า Kerr คือรองหัวหน้า)

    Cutler

    เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ที่เหวี่ยง ไม่ช่วยทีมพระเอกเท่าไหร่นัก (ต้องให้ Ogilvie มาคุยถึงจะยอมช่วยส่งคนมาช่วยทีมพระเอก)

    Lucas Hartman

    เศรษฐีที่จะมาประมูลโมเดลรถไฟของ Ashtonไป (แต่ก็อดนะจ๊ะ)

    Dr Sharkie

    หมอที่รักษาพระเอกกับนางเอกจากอาการติดพิษ

    Mr Joliffe

    เจ้าของอู่ที่ให้ Mayberry เช่ารถคันที่เอาไปก่อเหตุ

    Mrs Jackson

    ป้าเจ้าของแฟลตที่ Mr Mayberry (คนร้ายสาดน้ำกรด) อาศัยอยู่

    Nellie

    ชื่อของระบบ AI คอมพิวเตอร์ขององค์กรพระเอก
    (อารมณ์ประมาณ จาร์วิส ใน
    Iron Man อะไรทำนองนี้)

     

    ถ้าใครอยากจะเปิดตารางดูควบคู่ไปกับการอ่านเนื้อเรื่อง (จะได้ไม่ต้องลากขึ้นมาดูไปๆ มาๆ ให้เสียเวลา) ดิชั้นโพสตารางซ้ำอีกรอบไว้ที่ The Enemy Database ได้เลยนะคะ

    หมายเหตุ :
    ถ้าดิชั้นพิมพ์คำว่า Ashton เดี่ยวๆ นั่นคือหมายถึง George Ashton
    เพราะอิงตามที่ในหนังสือใช้เรียก และข้อสอบก็คงจะใช้อย่างนี้เช่นกัน

    ยกเว้น Dr Ashton เพราะมันย่อมาจาก Dr Penny Ashton ซึ่งก็คือ ตัวลูกสาวคนโตจ้ะ

     

    บทที่ 1 An interesting woman

                    Malcolm พบกับ Penny Ashton นักวิทยาศาสตร์สายชีวะแสนสวย ที่งานดินเน่อร์ปาร์ตี้ พระเอกของเราก็ตกหลุมรักแต่แรกเห็น อาสาไปส่งถึงสถานีรถไฟ ทำความรู้จัก และนัดแนะให้มาเดทกันอีก ไม่ถึงหน้า แมร่งก็รักกันแล้ว พาไปถึงบ้านของนาง คือ บ้าน Ashton ที่ประกอบด้วย คุณพ่อที่ยังคงฟิตปึ๋งปั๋งนาม George Ashton และน้องสาวที่เป็นแม่ศรีเรือน เป็นกุลสตรีประดุจผ้าที่พับไว้ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่ชื่อว่า Gillian Ashton

                    ว่าที่ลูกเขย และว่าที่พ่อตาก็ตีเทนนิส สนทนาพาทีกันตามปกติ ในตอนนั้นเองที่เขาพบสมาชิกคนที่ 4 ของบ้าน คือ คุณพ่อบ้านเจ้าของใบหน้าที่เหมือนผ่านอะไรมาเยอะ เจ็บมาเยอะ คำพูดคำจาดูมีการศึกษา มีชื่อว่า Howard Benson


    เกร็ดแฟนพันธุ์แท้

                    - George Ashton บอกว่า เขาทำโรงงานพลาสติก

                    - Malcolm บอกว่า เขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ที่ทำงานอยู่ในบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนทั่วไป (ตอแหล)

     

    บทที่ 2  Acid in the eyes

                    ระหว่างที่ Penny กำลังคุยกับ Malcolm ว่า งานที่เธอวิจัยอยู่ยังเป็นความลับ แต่ที่แน่ๆ ถ้าทำสำเร็จ ก็จะมียารักษาโรคมะเร็งตัวใหม่ออกมาเป็นประโยชน์ทางการแพทย์เป็นแน่ ส่วน Malcolm ก็มีแผนในใจว่าอยากจะขอแต่งงานกับ Penny แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังจากหน้าบ้าน เมื่อเข้าไปดูก็พบว่า มีคนสาดน้ำกรดใส่หน้า Gillian และหลบหนีไปแล้ว

                    หลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาล ก็มีตำรวจเข้ามาดำเนินคดี คือ Inspector Honnister ที่จะคอยตามสืบคดีนี้ให้ถึงที่สุด ซึ่งตอนนั้นนั่นเองที่ Malcolm เอาบัตรแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในองค์กรรัฐให้คนอื่นดูครั้งแรก

                    การสันนิษฐานถึงแรงจูงใจคนร้ายก็เริ่มขึ้น โดยข้อสันนิษฐานอันดับหนึ่ง(จากทีมตำรวจ) คือ George Ashton นี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

                    ประมาณว่า ตัวพ่ออาจจะมีศัตรูทางธุรกิจ แต่ตัวศัตรูหาทางทำร้ายตัวพ่อไม่ได้ ก็เลยมาลงที่ลูกสาวแทน

                    ข้อสันนิษฐานนี้ทำให้ George Ashton เริ่มระแวง และรีบบอกกับว่าที่ลูกเขยว่า ตูยกลูกสาวคนโตให้เลยจ้ะ รีบๆ ไปขอ Penny แล้วย้ายหนีไปที่ Australia กันเลย จะได้ไม่ต้องมีใครมารับเคราะห์ หรือเดือดร้อนเพราะพ่อคนนี้อีก

                    นั่นยิ่งทำให้ Malcolm ยิ่งสงสัยว่า ถ้าร้อนรนขนาดนี้ แสดงว่า พ่อ George Ashton คงจะมีสิ่งสำคัญอะไรสักอย่างที่เป็นความลับ + ล่อให้ศัตรูเข้ามาหาตัวเองแน่ๆ

                    แล้วไอ้สิ่งที่ปิดไว้สิ่งนั้น มันคืออะไรกันล่ะ?

     

    บทที่ 3 The Mysterious George Ashton

                    แท้จริงแล้ว Malcolm ทำงานสังกัดอยู่กับองค์กรบริษัทที่ชื่อว่า McCulloch and Ross เป็นองค์กรบริษัทที่ดีลการจัดการส่วนเศรษฐกิจ การอุตสาหกรรม ที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของรัฐ และต้องกุมความลับระดับประเทศไว้ก็หลายเรื่องอยู่ องค์กรนี้จึงนับเป็นองค์กรลับเพื่อความมั่นคงของประเทศก็ว่าได้

                    ทันทีที่ Malcolm ก้าวเหยียบเข้าในสำนักงานของตัวเอง คุณหัวหน้า Joe Harrison ก็ออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น

                    ‘อีลูกน้องเวร! ใครใช้ให้ไปป่าวประกาศตัวเองกับตำรวจว่า แกเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรนี้! คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่า มันควรจะเก็บเป็นความลับน่ะ

                    Malcolm แก้ตัวไปว่า ก็มันจะทำให้การสืบคดี flow ขึ้นไง และไม่ว่างานไหนๆ เราก็ควรจะร่วมมือกับฝ่ายตำรวจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?

                    แต่คำแก้ตัวนี้ฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเอาจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่องค์กรพระเอกจะมาเอี่ยว Malcolm เลยเผลอหลุดปากตรงๆ ว่า ก็เค้าอยากช่วยน้องเมียนี่นา

                    หลังจากการโดนเฉ่ง Malcolm เดินกลับห้องทำงาน ก็พบกับเพื่อนร่วมงานผู้แสนน่ารัก Larry Godwin สิ่งแรกที่ทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน คือ ควรจะสืบเรื่องของ George Ashton ว่าเป็นใคร มีประวัติยังไง ถึงโดนจ้องประทุษร้ายอย่างนี้

                    ทั้งสองลงมือเข้าสู่ระบบที่เรียกกันว่า Nellie เพื่อสืบค้นฐานข้อมูลบุคคล โดยก่อนจะเสิร์ชในแต่ละขั้น ก็ต้องระบุขอบข่ายก่อนว่า จะเสิร์ชในเลเวลไหน

                    เลเวลที่ระบบตั้งไว้ จะแบ่งเป็นสีๆ ดังนี้

    Green

    ทั่วไป

    Yellow

    ข้อมูลหายาก

    Red

    ข้อมูลลับ

    Purple

    ข้อมูลโคตรลับ

    Black

    ข้อมูลโคตรๆๆๆๆ ลับ

                     ตามที่คาด พระเอกกดเลือกเลเวล แล้วเสิร์ชชื่อ George Ashton ไปเท่าไหร่ก็ยังไม่พบ ขนาดเสิร์ชถึง Level Red ที่                พระเอกพอจะใช้ ID ตัวเองเสิร์ชก็ยังไม่เจอข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น

                    อีคุณพ่อตา George Ashton ต้องเป็นบุคคลที่สำคัญมากๆ แน่

                    ทีนี้ พอจะเสิร์ชเลเวล Purple มันก็ลับเกินกว่าที่อำนาจของตำแหน่ง Malcolm จะหยั่งถึง

                    การเสิร์ชคอมพิวเตอร์ด้วยชื่อซ้ำๆ ของ Malcolm ทำให้ Malcolm และ Harrison ถูกหัวหน้าสูงสุดของฝ่ายในองค์กรนี้ คือ Ogilvie เรียกไปพบ ซึ่งในห้องนั้น นอกจาก Ogilvie  แล้ว ยังมี Mr นิรนามอีกคนนั่งอยู่ (ความจริงชื่อว่า Lord Cregar) แทนที่จะถูกด่า Ogilvie กลับทำหน้าเหมือนมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น

                    ‘ออกไปได้ละ Harrison’ แล้ว Harrison ก็ถูกเชิญออกจากห้อง รวมถึงไม่มีบทอีกเลยในหนังสือ.. ก่อนจะเข้าเรื่อง อ๋อ ล่าสุดนายอัพเดทสถานะเป็นว่าที่ลูกเขยของ George Ashton สินะ ดีเลย เราจะได้มี spy เข้าไปสืบข้อมูลในบ้านหลังนั้นโดยสะดวกโยธินเสียที

                    ‘และนี่เป็นคำสั่ง อย่าขัด’ Mr นิรนาม (Lord Cregar) กล่าวเสียงแข็ง             

                    เรื่องราวเริ่มเลยเถิดกว่าที่ Malcolm คาดไว้ เขาสงสัยว่า แล้วทำไมองค์กรของเขาต้องสนใจในตัว George Ashton ขนาดยัดเยียดหน้าที่ Spy ให้เขาเสียขนาดนี้

                    รู้ตัวอีกที Malcolm ก็ต้องเริ่มทำหน้าที่ ทั้ง Spy ทั้งผู้พิทักษ์ของบ้าน Ashton ไปเสียแล้ว

     

    บทที่  4 Family Problems

                    การสันนิษฐานเรื่องสาดน้ำกรดเริ่มเลยเถิดไปว่า Gillian อาจจะแรดเงียบ แอบไปเป็นเมียน้อยใคร แล้วเมียหลวงมาคิดบัญชี

                    Penny ก็เลยบอกว่า

                   

                    เพราะ น้องสาวGuไม่มีทางแรดอย่างนั้นได้แน่นอน (และก็อย่างที่คิด Gillian ไม่ได้แรดจริงๆ)

                    ตอนนี้ Malcolm พยายามสืบข้อมูลในบ้านของ Ashton แต่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจาก Benson ที่มักจะกีดกันเหมือนหมาหวงก้าง ส่วนเรื่องที่โรงพยาบาล หมอรายงานว่า ตาทั้งสองข้างของ Gillian บอดไปเสียแล้ว แต่ถึงอาการจะย่ำแย่ขนาดไหน การสอบสวนคดีก็ยังต้องทำต่อ Penny เลยได้รับหน้าที่ให้เป็นคนถามข้อมูลในวันที่เกิดเหตุจากตัวผู้เสียหาย เพราะในฐานะที่เป็นพี่น้องกัน ก็น่าจะยอมพูดให้ฟังกันมากที่สุด

                    และ Penny ก็ได้เบาะแสจากปากของ Gillian ว่า ตอนนั้นมีรถคันหนึ่งมาจอด เธอคิดว่ารถเขาเสียเลยเดินออกไปช่วยดูตามประสาคนโอบอ้อมอารี ผู้ชายแปลกหน้า ผิวขาวซีด อายุราวๆ 40 ปี ที่เป็นเจ้าของรถก็เดินลงมา ยิ้มให้หนึ่งช็อต ก่อนจะสาดน้ำกรดใส่เธอ แล้วหลบหนีไป

                    จากกรณีที่ได้เห็น Gillian นี้ Malcolm ก็นึกถึงคำที่พ่อตา George บอกไว้ว่า รีบแต่งงานกับ Penny แล้วพาไปหลบในที่ปลอดภัยเถอะ เขาเลยออกปากไปว่า จะดีมั้ย..ถ้าเราแต่งงานกันน่ะ

                    Penny เหมือนจะงอนนิดหนึ่งที่ความคิดนี้เกิดขึ้นเพราะพ่อตาช่วยเสี้ยม แต่เธอก็พยายามตอบไปตามเสียงหัวใจว่า

                    ‘ฉันก็อยากแต่งเสียพรุ่งนี้เลย แต่เรื่องคดีของน้อง Gillian มันควรมาก่อน จนกว่าคดีจะปิด เราค่อยแต่งงานกันดีไหม?

                    Malcolm ก็โอเค และเสนอว่า ยังไงก็ควรจะบอกเรื่องนี้(ที่ว่า ขอเคลียร์เรื่องน้องสาวก่อน แล้วค่อยแต่งงานกัน) ซึ่ง Penny ก็บอกว่า จะไปบอกพ่อให้

                    ….ว่าแต่ มีใครเห็น คุณพ่อ Ashton บ้างมั้ย?

     

    บทที่ 5 Ashton disappears

                    เพื่อการปกป้องครอบครัว(รวมถึงสืบความลับ)บ้าน Ashton แล้ว Ogilvie จึงทุ่มทุน อัดฉีดลูกทีมให้ ถึง 8 คน แถมรถ แถมวิทยุสื่อสาร รวมถึงปืน (ความจริงตอนแรกจะไม่ให้ พระเอกเลยสวนไปว่า ผมเห็นอี Benson พกปืนก็เลยได้ปืนด้วย)ให้ทีมพระเอกตามที่รีเควส

                    สิ่งที่น่าตกใจคือ พอลองเสิร์ชชื่อ Benson ก็ไม่พบข้อมูลเหมือนกับ George Ashton เป๊ะๆ แสดงว่า พ่อบ้านคนนี้ก็ต้องกุมความลับอะไรอยู่เหมือนกัน

                    Malcolm พยายามนึกถึงคนที่สามารถจะลองดูข้อมูลในเลเวล Purple ได้ ก็เห็นจะมีแต่ Lord Cregar ผู้มีตำแหน่งระดับบิ๊กจากทางรัฐบาลโดยตรง ที่น่าจะเสิร์ชข้อมูลในเลเวลนี้ได้

                    ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก อีพ่อตา George Ashton กับ Benson หนีไปพร้อมกับทิ้งจดหมายต่างหน้าไว้ให้เพียงแค่นั้น

                    เนื้อความจดหมายคือ
    ถึง ลูกเขยที่น่ารัก Malcolm
                    เธอน่าจะฉลาดเกินกว่าที่จะไม่เข้าใจว่า ฉันต้องการจะสื่ออะไร = มรึงน่าจะเข้าใจสิ่งที่กรุบอก
                    ฉันอยากบอกมาตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วว่า มันมีสำนวนฝรั่งเศสเคยกล่าวไว้ว่า
    --คนที่ได้ลูกเขยที่ดี
                    ก็เหมือนได้ลูกชายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน แต่คนที่ได้ลูกเขยที่ทำตัวแย่ ก็เหมือนต้องเสียลูกสาว
                    ไปให้กับผู้ชายคนนั้น
    -- ดังนั้นแล้ว แต่งงานกับ Penny ทำให้เธอมีความสุข และเป็น ลูกเขยที่ทำตัวแย่ ซะ

                    ซึ่งที่บอกว่า ให้เป็น ลูกเขยที่ทำตัวแย่ มันจะตรงกับคำที่ว่า ก็เหมือนต้องเสียลูกสาวไปให้กับผู้ชายคนนั้น

                    = พ่อยอมสละให้ลูกเขยคนนี้ครอบครองและดูแลลูกสาวของตน

                    //อันนี้เดาล้วนๆ ค่ะ

     

    บทที่ 6 A bad son-in-law?

                    ตามที่คาดเลย คุณพ่อตาคงคิดว่า ตัวเองคงจะเป็นตัวดึงดูดศัตรู แล้วก็คงไม่อยากให้ลูกสาวมารับเคราะห์แทนตัวเองอีก ผลก็คือ Ashton กับ Benson หนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้จ้า

                    ในเมื่อแกไม่พาลูกสาวฉันหนีไป ฉันนี่แหละที่จะหนีไปเองพ่อตาอาจจะกล่าวแบบนี้ก็ได้

                    เช่นเดียวกับที่มีจดหมายถึงตัวลูกสาวอย่าง Penny เช่นกัน โดยเนื้อความจะมีแค่ว่า พ่อขอโทษที่ต้องออกเดินทางกะทันหัน แต่งงานกับเจ้า Malcolm แล้วอยู่กินด้วยกันอย่างมีความสุขนะลูกนะ

                    Penny หวีดร้อง Penny ไม่เข้าใจ

                    อีคุณพ่อคะ ทำอะไรเคยคิดจะปรึกษาบ้างมั้ยคะ

                    ไหนๆ ก็ไหนๆ Malcolm ที่เพิ่งได้รับอนุญาตมาจาก Ogilvie ว่า บอกว่าที่เมียแกได้เลยนะ ว่าตัวตนจริงๆ ของแกคือใคร

                    นอกจากจะบอกตัวตนที่แท้จริง Malcolm ก็ยังบอกไปถึงว่า ตอนนี้ทางการกำลังสืบเรื่องพ่อคุณอยู่นะ มีคอมพิวเตอร์ชื่อ Nellie นะ มีเจ้านายบงการผมอีกทีนะ เดี๋ยวจะมีคนมาคอยล้อมบ้านดูแลนะ ทันทีที่บอกข้อมูลไปจบ Penny ทำท่าเหมือนจะเย็นชาใส่ แต่ไม่กี่นาที นางก็เข้าใจได้ว่า ที่ Malcolm เจตนานั้น ไม่ใช่มาเพื่อล้วงลับข้อมูลในบ้านของเธอ แต่เพื่อปกป้องคนในบ้านเธอต่างหาก

                    พอเข้าใจตามนี้ ทั้งสองก็ปรับความเข้าใจกันได้อย่างง่ายดาย

                    เมื่อ Penny เข้าใจ และไม่มี Benson เป็นหมาหวงก้าง บ้าน Ashton จึงสามารถเข้าสืบค้นได้

                    สิ่งที่พวกเขาได้พบคือ ห้องลับที่ซ่อนอยู่หลังตู้ในห้องนอนของ Ashton ซึ่งถูกกั้นไว้ด้วยประตูเหล็กหนาราวกับประตูเซฟธนาคาร ซึ่งก็ต้องมารองัดกันอีกทีว่าด้านในจะมีอะไร

                    แต่ก่อนหน้านั้น หนึ่งในทีมพระเอก คือ Peter Michaelis พบโมเดลรถไฟขนาดกว้างเท่าห้องอยู่ตรงห้องใต้หลังคา Malcolm แอบจะหัวเสียนิดหนึ่งและค่อนขอดไปว่า มันก็แค่ โมลเดลรางรถไฟเด็กเล่นไซส์บิ๊ก จะมามัวเล่นอะไรแบบนี้ได้ยังไง รีบกลับเห๊อะ

               

                          //ภาพประกอบรางรถไฟเด็กเล่นที่ว่า (ไม่ใช่ละ) 

                    แต่ Michaelis ยังคงเริงร่า และตั้งเป้าว่าจะกลับมาเล่นในห้องนี้บ่อยๆ 

                    Penny เองก็หัวเสียที่สุดเมื่อมีคนมาค้นห้องนอนตัวเอง ห้องอื่นพอทน แต่ค้นห้องฉันนี่มันอะไรกันยะ

                    ในนั้นก็มีแต่หนังสือหนังหาวิชาการ จะมีอะไรเป็นหลักฐานได้รึไงนางเหวี่ยงใส่เจ้าหน้าที่ รวมถึง Malcolm อย่างรุนแรง

                    นั่นเป็นครั้งแรกที่คู่นี้ไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ในทันที

     

    บทที่ 7 Ashton and the Russian scientist

                    Ogilvie มาเล่าให้ Malcolm ฟังว่า ฝั่ง Lord Cregar เหมือนจะไม่พอใจที่ทีมเราได้ดูแลและสืบเรื่อง George Ashton แต่ยังไงก็คงได้แต่ดิ้นพล่าน ยังทำอะไรเราไม่ได้หรอก

                    Malcolm ได้ที ก็ลองขอให้ Ogilvie ช่วยอนุญาตให้เขาสามารถเสิร์ชข้อมูลในระดับ Purple หน่อย

                    ไม่’ Ogilvie ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะบอกความจริงที่ทำให้ช็อคยิ่งขึ้นไปอีก และต่อให้นายเข้าเลเวล Purple ได้ก็ไม่เจอหรอก เพราะ George น่ะ เขาอยู่ในเลเวล Black !!’

                    ‘งั้น ป๋า Ogilvie จะเปิดให้ใช่ม๊า

                    ‘มั่ยย์

                    ‘เคร งั้นกุลาออก

                    ‘ก็ได้ๆๆๆๆสุดท้าย Ogilvie ก็จัดการเข้าเลเวล Black เผยเฉพาะข้อมูลของ George Ashton ให้ Malcolm ได้ยล

                    เมื่อเข้าไปดูฐานของมูลของ Ashton ได้ เขาก็พบว่า Ashton ตัวเดิม เป็นแค่ชื่อทหารที่ตายไปแล้วด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้น Asthon ที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้แท้จริงแล้วคือ Aleksandr Chelyuskin ชาวรัสเซีย นักคณิตศาสตร์ขั้นโปร ที่ถูกส่งไปเรียนเปลี่ยนสายเป็นสายฟิสิกส์ (ภายใต้การสนับสนุนของ Peter Kapitza) แล้วเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมพัฒนาขีปนาวุธของฝ่ายรัสเซียในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย

                    แต่ Chelyuskin ไม่ชอบวิถีรัสเซีย เลยจัดฉากฆ่าตัวตาย แกล้งว่าโดนไฟคลอกตายไปแล้ว เพื่อลบตัวเองออกจากสารระบบรัสเซีย ก่อนจะกบดานมาที่อังกฤษ (ด้วยความช่วยเหลือของ ทีม Lord Cregar หรือสมัยนั้นยังใช้ชื่อว่า Pallton) ซึ่งอังกฤษมีหรือจะยอมปล่อยไปง่ายๆ พยายามรบเร้าให้ Chelyuskin มาเป็นนักวิทยาศาสตร์ของฝ่ายตน หาก Chelyuskin ก็ยืนกรานว่าจะขอเป็นคนที่ทำอาชีพทั่วไปปกติ สุดท้ายเขาก็ได้รับสิทธิ์นั้น แถมช่วยให้สวมรอยแทน George Ashton (ตัวเดิม) อีกด้วย

                    Chelyuskin ในคราบ George Ashton เริ่มทำงานในร้านขายของเล็กๆ และพบกับเพื่อนร่วมงานชื่อ John Frankin ก่อนจะแต่งงานกับลูกสาวของ John คือ Mary มีลูกสาวด้วยกันสองคน สองปีต่อมา Mary ก็สิ้นใจลง เขาจึงดูแลลูกสาวทั้งสองเพียงลำพัง ขณะเดียวกัน Chelyuskin ก็ขยับขยายธุรกิจเปิดเป็นโรงงานผลิตเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์พลาสติก และร่ำรวยขึ้นมามีฐานะอย่างเช่นที่เห็นในทุกวันนี้

                    ตามที่ Malcolm คาด ที่ฝ่ายอังกฤษยอมอ่อนโอนผ่อนปรนตาม และคอยจับตาดู George Ashton คนนี้ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาจะได้ใช้ประโยชน์จากตัวนักวิทยาศาสตร์คนนี้ที่อาจจะกุมข้อมูลของรัสเซียไว้ ซึ่งคนที่ดูจะมีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องนี้ที่สุดคงเป็น Lord Cregar และพอไม่ได้รับสิทธิ์ให้ดูแลเคสของ George Ashthon ก็ถึงกับสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว

                    กลับมาที่บ้าน  Ashton การดำเนินการสะเดาะกลอน งัดประตูเหล็กสารพัดที่ขวางกั้นห้องลับนั่นไว้ก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทุกคนต่างวาดภาพในหัวว่า ในนั้นจะต้องซ่อนสุดยอดการทดลองที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของมวลมนุษยชาติไว้เลยก็เป็นได้

                    ในที่สุด เมื่อสามารถงัดปลดล็อคประตูบ้านเหล็กที่กั้นห้องลับไว้ได้ สิ่งที่พบก็คือ……!

                    ความว่างเปล่า โบ๋เบ๋

                    ทุกคนต่างหวีดร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่มันอัลไลกันนนนนน

                   

    บทที่ 8 The man who threw the acid

                    Malcolm กับ Penny ยังทำสงครามเย็นใส่กัน (ก็เรื่องที่ Malcolm ให้คนไปค้นห้องนอนของ Penny อ่ะแหละ) ผิดกันกับคู่ Michaelis , Gillian ที่ล่าสุด ฝ่ายชายอาสามาเป็นคนที่คอยช่วยดูแลเทคแคร์ และเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้นเรื่อยๆ

                    คดีสาดน้ำกรด Gillian ใกล้ถึงไคลแมกส์ เมื่อทีมตำรวจได้พบร่องรอยน้ำกรดหลังรถคันที่ใช้ก่อเหตุ พบว่า เป็นรถที่เช่ามาจากอู่ของ Mr Joliffe แน่นอนว่าเจ้าของอู่นี่ก็ต้องมีข้อมูลของคนที่เช่ารถคันไปก่อเหตุ

                    Inspector Crammond เป็นคนที่รับช่วงต่อ ทำหน้าที่ไปสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่ทราบชื่อแล้วก็คือ Peter Mayberry ผู้เช่ารถคนนั้น ซึ่งมีรูปพรรณสันฐานตามที่ Gillian เคยบอกไว้เป๊ะ ซึ่ง Inspector Crammond ถึงกับเปรยๆ ออกมาว่า ‘Mayberry ก็ดูเป็นคนติ๋มๆ ดูใฝ่ในศาสนาเข้าโบสถ์ตลอด ไม่น่าจะทำร้ายใครได้ แต่เมื่อเบาะแสแน่นขนาดนี้ การสอบสวนจึงยังดำเนินต่อไป

                    ทีมตำรวจเดินทางไปถึงแฟลตที่อยู่ตรงตอนเหนือของ London เข้าตรวจค้นห้องของผู้ต้องสงสัยที่เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับศาสนา โดยตัวเจ้าของห้องก็ดูจะร้อนรนพยายามจะเชิญทีมตำรวจออกเป็นพิเศษ

                    ตอนแรกเจ้าตัวพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็จนตรอก เผลอหลุดปากว่า ตัวเองเป็นคนเคร่งศาสนา และเชื่อว่าวิทยาศาสตร์จะทำให้โลกปั่นป่วน ไม่เป็นไปตามสิ่งที่พระเจ้าลิขิตไว้ เขาเลยจงเกลียดจงชังนักวิทยาศาสตร์ แล้วก็พอดี๊พอดีที่ไม่รู้ว่าทีมนางเอกกำลังทำการทดลองเกี่ยวกับการตัดต่อพันธุกรรรม (คาดว่าน่าจะรู้จากหนังสือพิมพ์อืม หนังสือไม่ได้บอกละเอียดเท่าไหร่) ก็เลยถ่อมาจัดการสาดน้ำกรดใส่ ‘Penny Ashton’ เพราะรู้ว่านางเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังทำ project ชีวมวลที่แสนจะอันตรายอยู่

                    อีดอก มรึงสาดผิดคน คนที่มรึงไปสาด คือ น้องสาวของนางที่ชื่อ Gillian Ashton โว้ยMalcolm ชี้แจงแถลงไข และเผลอหลุดปากไปว่า แถมผู้หญิงคนนี้ เพิ่งจะกลับมาบ้านจากการไปโบสถ์แท้ๆ

                    ‘ไปโบสถ์งั้นก็คือคนรักศาสนาเหมือนกันงั้นรึ’ Mayberry ถึงกับช็อคที่ลงมือประทุษร้ายผิดตัว ไปทำร้ายคนที่รักศาสนาเหมือนกันอีก ก็เลยช็อคจนเป็นลมล้มพับไปเสียดื้อๆ ซะงั้น

                    สุดท้าย Mayberry แม้จะฟื้นมา แต่ก็กลายเป็นคนบ้าไปแล้ว คงพูดอะไรด้วยไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ ซึ่งก็ต้องปิดคดีสาดน้ำกรดไว้แต่เพียงเท่านี้

     

    บทที่ 9 Lord Cregar again

                    Penny ที่รู้เรื่องนี้ก็ถึงกับทรุด และโทษตัวเองว่า เป็นเพราะตัวเองแท้ๆ น้องสาวเลยต้องมารับเคราะห์แทน ซึ่งจุดนี้ ยิ่งทำให้ Malcolm นึกไปถึง George Ashton ที่ลี้ภัยไปเพราะความเข้าใจผิดแท้ๆ

                    Malcolm พบกับ Professor Lumsden ที่เป็นหัวหน้างานวิจัยของ Penny ทำให้รู้ว่า สิ่งที่พวกเขากำลังทำ ก็คล้ายๆ การตัดต่อพันธุกรรม GMO และต้องทดลองกับแบคทีเรีย ก็นับว่ามีความเสี่ยงพอตัว แต่ฝ่ายนั้นก็รับรองว่า ถ้าทำสำเร็จล่ะก็ มันจะเป็นประโยชน์ต่อโลกใบนี้มากเลยทีเดียว

                    สิ่งที่รู้ถัดจากนั้นคือ Penny มาบอกว่า Lord Cregar เข้ามาพบ หัวหน้าของตัวเอง Professor Lumsden นั่นอาจจะมีนัยยะแฝงอะไรก็ได้ ให้จับตาดูให้ดี

                    ส่วน Gillian ก็ตัดสินใจจะไปรักษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งอาการบนใบหน้าของเธอคงจะดีขึ้นในไม่ช้า

     

    บทที่ 10 Tragedy in Sweden

                    ข่าวดีกว่านั้นคือ มีคนขององค์กรที่ประจำการอยู่ที่ Sweden ชื่อ Henty ถ่ายรูป Ashton กับ Benson ที่เมือง Stockholm ประเทศ Sweden เตรียมส่งทีมไป เพราะเชื่อว่า สองคนนี้ต้องอยู่ตรงนั้นแน่

                    (เห็นว่า Ashton ปลอม passport ตัวเองใหม่ให้มีข้อมูลว่า เขาชื่อ Fyodr Kolsv)

                    Malcolm Michaelis , Henty , Larry ถูกส่งตัวไปถึงที่สวีเดน แม้จะต้องเจอกับเจ้าหน้าที่สถานทูตที่เหวี่ยงวีน แต่สุดท้ายก็สามารถทำเรื่องขอเบิกคนช่วยเหลืองานนี้เพิ่มได้ ภารกิจการตามติดชีวิต Ashton ก็ได้เริ่มขึ้น เพื่อคอยเฝ้าดูว่า สองคนนี้ทำอะไรแปลกๆ บ้างหรือไม่

                    สิ่งที่แปลกอย่างเดียวของทั้งสองคนนี้คือ พวกเขาไม่ทำอะไรที่น่าแปลกใจเลยไงล่ะ =___=”

                    สิ่งที่แย่กว่านั้นคือ พวกเขาพบว่า ก็มีทีมที่ติดตามตัวเป้าหมายสองคนนี้เหมือนกัน แต่ประเด็นคือ มันเป็นฝั่งของรัสเซียนี่สิ

                    ทีแรก Malcolm โทรไปปรึกษากับ Ogilvie โดย Malcolm เสนอว่า เราควรไปบอกสองคนนั้นเลยว่า มีรัสเซียตามตัวแกอยู่โว้ย กลับกับเราเห๊อะ

                    แต่เมื่อ Ogilvie เซย์โน ทั้งทีมก็ตระหนักได้ว่า ถ้าทำแบบนั้น สองคนนั้นก็จะหันกลับมาแล้วบอกว่า แล้วมรึงมาที่นี่ได้ไงอ่ะ อ๋อ มาสตอล์กเกอร์พวกฉันเรอะ!!’ แล้วเป้าหมายก็จะบินหนีออกจากกรงไป มันก็คงไม่คุ้ม

                    Malcolm นึกออกว่า Larry เพื่อนรัก มีความสามารถพิเศษติดตัวคือ พูดได้หลายสำนวน หนึ่งในนั้นคือ รัสเซีย แผนง่ายๆ ก็คือ ให้ Larry เดินเข้าไปใกล้ แกล้งพูดภาษาสเวดิช สำเนียงรัสเซียดังๆ แล้วเป้าหมายทั้งสองก็จะได้เข้าใจว่า มีแก๊งจากรัสเซียสะกดรอยตามอยู่ แล้วตัดสินใจตีตั๋วกลับไปที่อังกฤษ ที่ปลอดจากรัสเซียนี่

                    ได้ผล ทั้งสองดูจะเชื่อจริงๆ ว่ามี แก๊งรัสเซีย กำลังติดตามอยู่ใกล้ๆ

                    แผนการดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนทีมพระเอกเซ็งทั้งทีม แต่ก็ยังต้องทำต่อไป (เพราะ Ogilvie ไม่ยอมให้ถอย) สุดท้าย Malcolm ก็ตัดสินใจพอกันทีกับแผนการแบบนี้ เขาบอกให้ Larry เข้าไปประชิดตัว Ashton แล้วบอกตามตรงเลยว่า มามะ กลับอังกฤษกับเราเถอะ

                    แต่ก้างขวางคอชิ้นโตที่มีชื่อว่า Benson ที่ดึงตัว Ashton ให้หนีออกมาชนิดที่ว่ายังไม่ทันได้พูดกันซักคำ

                    ทั้งสองหนีเข้าไปในโซนป่า และโซนนั้นก็ดันเป็น สถานฝึกกองทัพทหารสวีเดนที่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ใครเผลอทะเล่อทะล่าเข้าไป อาจจะตัวเป็นรูเป็นของสมนาคุณได้ ซึ่งทั้ง Ashton กับ Benson ไม่ได้นึกถึงข้อนี้เลย ทั้งสองวิ่งปรู๊ดเข้าไป ทีมพระเอกก็หวีดร้องวิ่งไล่ตาม

                    ปัง

                    กระสุนจากไหนก็ไม่รู้

                    ลอยมาเจาะร่าง George Ashton จ้ะ

                    ม่ายยยยยยยยยยยยยย

               

                    ทั้งหมดหวีดร้อง Malcolm รีบเข้าไปดูใจว่าที่พ่อตา Ashton ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะสั่งเสีย จึงมอบหยิบกระดาษชิ้นเล็กๆ ออกมาให้พระเอกไว้ ก่อนจะสิ้นลมเด๊ดสะมอเร่ตรงนั้น

                    ซึ่งกระดาษแผ่นนั้นคือ ตารางการออกตัวของรถไฟจาก Stockholm ไปสู่ Göteborg (กูเตนเบิร์ก)

                    ความอลหม่านยังไม่จบสิ้น เพราะเสียงปืนยังดังขึ้นอีกนัด และเหยื่อของนัดนี้ก็คือ Benson

                    ‘ผมยิงเองแหละ’ Henty สารภาพเพราะอะไรรู้มั้ย เพราะไอ่ Benson นี่แหละ ที่ยิง Ashton แถมจะยังยิงผมอีก ผมก็ต้องป้องกันตัวสิ

                    และแล้ว ทีมพระเอกก็ถูกส่งกลับอังกฤษทันที

                   

    บทที่ 11 More mysteries and new dangers

                    คำถามในใจของ Malcolm ตอนนี้คือ ทำไม Benson ต้องยิง Ashton ?

                    (คำตอบอยู่ในบทท้ายๆ เฉลยว่า เพราะ Benson เข้าใจผิดคิดว่า แก๊งรัสเซีย(คืออี Larry ที่แกล้งพูดสำนวนรัสเซีย) จะมาลากตัว Ashton ไป ก็เลยยิง Ashton ทิ้งแมร่งเลย จะได้ไม่ต้องมีใครได้ตัว Ashton ไป)

                    เมื่อปัญหาเกิด Ogilvie ก็หาทางกลบ โดยต่อหน้า สำนักข่าว หนังสือพิมพ์ ธารกำนัลทั้งหลาย Ogilvie ก็บอกข้อมูลไปว่า เหตุสลดที่สองคนนี้ George Ashton และ Howard Benson ตาย ก็เพราะ ด้วยกระสุนปืน ที่ยิงออกมาจากสถานฝึกกองทัพทหารสวีเดน เพราะมีการเข้าใจผิดว่า เป็นผู้บุกรุก

                    ( ถ้ากองทัพสวีเดนรู้ เขาคงพูดว่า เกี่ยวไรกับกุวะ…’ )

                    นอกกลบได้ แต่ยังไงวงในเขาก็รู้ ดังนั้น ปัญหาต่อไปคือ จะแก้ตัวต่อหน้าที่ประชุมยังไง โดยเฉพาะ อี Lord Cregar ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามต้องกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อยแน่

                    และตามที่คาด เมื่อถึงเวลาประชุม Lord Cregar กล่าวโทษทีมพระเอกเรื่อยๆ ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนนั้นตายตรงสวีเดน ไปๆ มาๆ Malcolm พูดสวนออกไปว่า ที่ Ashton ตายก็เพราะ Benson ยิงทิ้งเอง

                    (ความจริงแล้วพวกแกนี่แหละ ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจยิงเลยจ้ะ)

                    หลังจากนั้น  Malcolm ก็เตรียมใจถูกลงโทษ Ogilvie จัดการปลด Malcolm ออกจากตำแหน่งเดิม แล้วย้ายให้เขาไปทำตำแหน่ง messenger แต่นั่นก็แค่ตำแหน่งบังหน้า เพราะแท้จริงแล้ว Ogilvie มอบภารกิจลับอันใหม่ให้

                    และภารกิจครั้งนี้ ก็คือ สืบว่าทำไม Benson ถึงต้องฆ่า Ashton

                    Penny รับรู้ถึงสถานะของพ่อตัวเอง และงานใหม่ของว่าที่สามีตน นางเข้าใจ และพยายามมองแง่บวกว่า อะไรหลายๆ อย่าง มันคงจะดีขึ้น แม้จะยังเป็นปมปริศนาให้แก้ไขกันต่อก็ตามที ก่อนที่จะแจ้งว่า ถัดจากไปส่งน้องที่อเมริกา (และดูงานที่นั่นไปพลางด้วย) เดี๋ยวหลังจากนั้นสักพัก นางจะมีคิวเดินทางไปที่ Scotland ละนะ

                    เหตุที่นางต้องไป ก็คือ ไปดูสถานที่ที่จะทำงานวิจัยเพื่องานใหม่ ซึ่งนางบ่นนิดหน่อยว่า

                    ความจริงงงานวิจัยรอบเนี้ย ควรจะจัดเป็นระดับ P4 (ขั้นเสี่ยงอันตรายมาก) แต่พวกเขาให้งบได้มากสุดแค่ทำห้องทดลองแบบ P3 (แค่ขั้นเสี่ยงอันตราย) เพราะให้เหตุผลว่า รอบนี้จะวิจัยแบคทีเรีย E. coli ซึ่งมันไม่เป็นอันตรายต่อตัวคน แต่ฉันว่านะ ถ้าเกิดเหตุผิดพลาดในการตัดต่อแค่นิดเดียว มันก็จะเกิดเป็นสารพิษที่อันตรายได้เหมือนกัน แต่ไงได้ล่ะเรื่องงบประมาณมันสำคัญที่สุดอยู่แล้วนี่เนอะ

                    พอได้ฟังแบบนี้ Malcolm ก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้เลยทีเดียว

     

    บทที่ 12 The secret computer

                    Malcolm พยายามเริ่มจะหาข้อมูลของ Benson ว่าเป็นใคร มายังไง ซึ่งข้อมูลเริ่มต้นที่มี Malcolm มี รู้แค่ว่า Benson เคยเป็นทหารในช่วงสงครามโลกมาก่อน

                    พอเข้าไปสืบค้นในทะเบียนทหาร เขาก็พบว่า George Ashton (คนที่ถูกสวมรอย) กับ Howard Benson บังเอิ๊ญบังเอิญ ปลดประจำการออกจากกองทัพอังกฤษ ณ วันที่ 4 มกราคม 1947 พร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่ความจริง Benson ถูกกำหนดว่า จะต้องรอปลดตอนวันที่ 21 มีนาคม 1947

                    ข้อมูลบอกอีกว่า ที่ Benson ออกก่อนกำหนด เพราะ มีอาการเจ็บแปลบที่แขนข้างซ้าย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 1946

                    เมื่อโทรไปถามเพื่อนที่เป็นหมอ รายนั้นก็ตอบกลับมาว่า นี่มันอาการของคนเป็นโรคหัวใจนี่ แถมเป็นตั้งแต่ปี 1946 แต่แกบอกว่า Benson เพิ่งจะตายไปสดๆ ร้อนๆ ไอ้การที่จะไม่ตายตอนนั้น แล้วอยู่หนังเหนียวมาถึงปัจจุบันเนี่ยมันก็เป็นไปได้อยู่หรอก ถ้าเขาเป็นประเภทฟิตปั๋ง ดูแลร่างกายดีเลิศ…’

                    Malcolm นึกออกไปอีกว่า แต่ Benson เป็นคนทำงานนั่งโต๊ะ แถมสูบบุหรี่อีก

                    ‘อย่างนี้ไม่มีทางรอดมาถึงปัจจุบันหรอกเพื่อนหมอขอยืนยัน

                    คนถัดมาที่ Malcolm ได้คุยด้วยคือ หมอคนล่าสุดที่ดูแล Benson

                    ‘Benson ไม่มีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจเลยนะครับ

                    ใช่ ทุกอย่างมันดูเหมือนถูกจัดฉากมาให้มากเกินไป Benson ตัว จริง น่าจะตายไปตั้งนานแล้ว

                    ข้อสรุปก็คือ Benson (คนที่เพิ่งโดนยิงตายไปสดๆ ร้อนๆ) ก็ไม่ใช่ Benson ตัวจริง แต่แรก หากใช้วิธีสวมรอยแบบ George Ashton เพราะ Benson ตัวจริงแท้ดั้งเดิม ตายด้วยโรคหัวใจตั้งแต่ราวๆ ช่วงหลังวันที่ 18 ธันวาคม 1946 ถึง 4 มกราคม 1947 ในแถบนี้ แล้วก็มีอี Benson คนนี้นี่แหละที่มาสวมรอย แล้วขอปลดประจำการตอนต้นปี 1947

                    สุดท้าย ก็ได้รู้แค่ว่า Benson ก็เป็นคนสวมรอยเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า ทำไมต้องฆ่า Ashton ทิ้ง

                    ประเด็นถัดมาคือ เมื่อไม่มีใครอยู่ในบ้าน Ashton แม่นาง Penny ก็เลือกจะเซ้งบ้าน ประจวบเหมาะที่มีเศรษฐีชื่อว่า Lucas Hartman จะมาขอประมูลโมเดลรางรถไฟไป ทำเอา Michaelis หัวเสียพอตัว

                    กำลังพยายามไขปริศนาการเดินขบวนรถไฟ(จำลอง)นี่อยู่แท้ๆ ว่ามีระบบการปล่อยตัวยังไง จะปล่อยแบบสถานีในอังกฤษก็ไม่ใช่ จะที่ไหนก็ไม่เชิง’ Michaelis ผู้คลั่งไคล้ในรางรถไฟบ่นงอมแงม แต่มันกำลังจะถูกประมูลแล้วนี่สิ เฮ้อ จะทำยังไงดี

                    วินาทีนั้นที่ Malcolm เกิดปิ๊งในสมองว่า บางที ระบบการเดินของรางรถไฟนี่ อาจจะเป็นตามตารางการออกตัวรถไฟของสวีเดน ที่ Ashton ให้ไว้ก่อนตายก็เป็นได้

                    Malcolm ตัดสินใจไปกู้เงินเพื่อประมูลรางรถไฟ ในจำนวนเงิน 20,000 - 25,000 ปอนด์ เพื่อมาสืบไขปริศนากันต่อ (เพราะ Malcolm คิดจะไปเบิกกับป๋า Ogilvie อยู่แล้ว อุฮิ)

                    สุดท้าย Malcolm ก็ประมูลมาได้ในราคา 31,000 ปอนด์

                                   

    บทที่ 13 Ashton’s work and Benson’s secret

                    Penny กลับจากการไปส่งน้องสาว(รวมถึงแวะดูงานตามมหาวิทยาลัย)ในอเมริกา นางมาเม้าท์ว่า โครงการที่เด่นที่สุดตอนนี้ คือ การทดลอง PV40 เป็นไวรัส การเม้าท์ตรงนี้ทำให้ โยงไปว่า Penny มักจะคุยเรื่องวิทยาศาสตร์กับพ่อบ่อยๆ

                    Malcolm ค้นพบว่า ระบบการปล่อยตัวของรางรถไฟเด็กเล่นของ Ashton มีระบบการออกตัวอัตโนมัติ และมีความลึกลับซับซ้อนมากๆ เพราะมันถูกเซตให้สุ่มด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (น่าจะเป็นเรื่องเว่อร์วังมากในสมัยนั้น)

                    ส่วนเรื่องระบบการออกตัวรถไฟที่สวีเดน(ที่ Ashton เอาให้พระเอกก่อนสิ้นลม) ในหนังสือไม่บอกว่า มันมีความสำคัญยังไง อาจจะเป็นตัวอย่างแพทเทิร์นเริ่มต้นในการแกะโค้ด หรือแค่เป็นการบอกใบ้ว่า ความลับอยู่ในการออกตัวของรถไฟจำลองนี้น่ะแหละ (ซึ่งส่วนนี้ไม่ต้องรู้หรอกค่ะ เพราะข้อสอบคงไม่ออกถึงส่วนนี้ ถ้าออกนี่ตบกันดีกว่า)

                    ซึ่งในจุดนี้คำถามก็จะโผล่ตามมาสองจุด คือ

                    หนึ่ง -  แล้วอีที่บอกว่า แอบศึกษาผ่านหนังสือของลูกสาวซึ่งก็น่าจะมีแต่หนังสือชีวะ มันเกี่ยวอะไรกับการประดิษฐ์รางรถไฟนี่ เพราะมันก็น่าจะใช้หลักคณิตศาสตร์ + ฟิสิกส์ มากกว่าหนิ?

                    สอง -  สรุปแล้ว อีรถไฟเด็กเล่นนี่ มันมีอะไรอลังการถึงขนาดต้องแย่งกันขนาดนั้นเลย?

                    ตอบรวมกันได้ว่า :

                    จากการที่ทีมของรัฐบาลที่มาเซ้งงานวิจัยไปวิจัยต่อ(ด้วยการเอาระบบการออกตัวของรถไฟจำลองไปแกะโค้ด คีย์ลงคอมพิวเตอร์)ก็พบว่า รางรถไฟนี้ มีความลับเป็น สุดยอดผลการทดลอง เป็นข้อมูลทางพันธุศาสตร์อะไรก็ไม่รู้(หนังสือไม่ได้เฉลย) ซ่อนไว้ (จากตรงที่ว่าคุณลูกสาว Penny ทำงานเกี่ยวกับยีนส์อยู่ แล้ว George เองก็สามารถทำงานวิจัยนี้ได้โดยอาศัยหนังสือพันธุศาสตร์ของลูก โดยไม่ให้คนภายนอกสงสัยว่าทำงานวิจัยอะไรอยู่) แถมคนเขียนก็ยอไว้นักหนาว่า ถ้าตกไปอยู่ในมือคนชั่ว มันอาจจะกลายเป็นโคตรอาวุธชีวภาพทำลายล้างโลกได้

                    ซึ่งอีข้อมูลที่ว่า มันแกะมาได้ยังไง อีท่าไหนถึงรู้ แล้วจะมีผลต่ออะไร จะเอาไปทดลองอะไรต่อ หนังสือไม่มีเขียนบอกจ้า จบดื้อๆ เป็นปริศนาอย่างนั้นเลย

                คนอ่าน : อีดอก

                    Malcolm เองก็อยากจะลองบอกข้อสันนิษฐานนี้กับ Penny แต่ Ogilvie ก็ห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้นางรู้อะไรมากเกินไป นั่นทำให้ Malcolm เริ่มจะไม่ไว้ใจในตัวหัวหน้าของตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ

                    ในขณะที่ Lord Cregar ก็ชอบมาป้วนเปี้ยน วนเวียนตรงที่ทำงานของ Professor Lumsden ประจำ ทำให้ Malcolm มั่นใจว่า เขาต้องมีส่วนเอี่ยวกับโครงการใหม่ของทีมวิจัยนี้แน่ๆ

                    วันต่อมา Penny ก็ตีตั๋วไปเริ่มงานวิจัยที่ Scotland พร้อมภาระที่ต้องไปต่อรองให้ยกระดับความเสี่ยงห้องทดลองเป็น P4

                    ส่วน Lord Cregar ก็ยังไปหารัฐมนตรีของรัฐบาลให้โอนงานดูแลเรื่อง รางรถไฟจำลองของ Ashton ให้ตกอยู่ในกำมือเขา เท่าที่รู้ Lord Cregar ใฝ่จะผลิตอาวุธจากชีวะ และเคมีมาก บางทีสิ่งที่ Ashton ประดิษฐ์อาจจะต่อยอดอะไรบางอย่างให้สิ่งที่ Lord Cregar วางแผนไว้

                    ขืนตกไปอยู่ในมือคนพรรค์นั้นล่ะก็ สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้อุบัติแน่

                    ระหว่างนั้น Malcolm ได้มีโอกาสไปค้นกระเป๋าของ Benson (ที่ถูกส่งกลับมาจากสวีเดน) และพบกระเป๋าตังค์ของ Benson ที่ซ่อนกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ เป็นจดหมายที่ทำให้ทราบความจริงว่า Benson เป็นลูกน้องของ Lord Cregar (เหมือนเขียนไว้เพื่อเป็นเครื่องป้องกันให้ Benson ไม่โดนคนของ Lord Cregar ด้วยกันเองจัดการทิ้ง) มาตั้งแต่สมัยที่ Lord ยังใช้ชื่อ James Pallton

                    สรุปแล้ว ก็เป็น Benson นี่เองทำหน้าที่เป็น spy ที่คอยส่งข้อมูลของ Ashton ให้กับ Lord Cregar มาตลอด

                    แต่มีหนึ่งสิ่งที่ Benson ไม่เคยล่วงรู้ นั่นคือ รางรถไฟจำลอง ที่มีความพิเศษมากกว่าจะเป็นแค่ของเล่นเด็กๆ

                    Malcolm รอร๊อรอว่าเมื่อไหร่ Penny จะกลับมาจากวิจัย กระทั่งเลยกำหนดกลับ เขาก็เริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ Penny รึเปล่า เลยไปถามกับ Professor Lumsden ต้องตื๊ออยู่นานสองนานกว่าฝ่ายศาสตราจารย์จะยอมโทรไปถาม แต่ก็พบว่า ห้องวิจัยไม่ได้อยู่บนตัวเมืองหลวง แต่ไปอยู่บนเกาะที่ชื่อว่า Cladach Duillich

                    หนักกว่านั้นคือ โครงการวิจัยนี้ อยู่ภายใต้การควบคุมของ Lord Cregar อีก

                    งานนี้ Penny ตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ แล้วเจ้าประคุณเอ๋ย

     

    บทที่ 14 Trouble in Scotland

                    Malcolm ตีตั๋วไปถึง Scotland เพื่อตามตัว Penny กลับบ้าน เขามาถึง Ullapool หมู่บ้านชายฝั่งที่ใกล้กับเกาะ Cladach Duillich ที่ทำการวิจัยนั่นมากที่สุด เขาพยายามโทรติดต่อไปที่เกาะนั่น และคนรับสายคือ Dr Carter ซึ่งพยายามบอกว่า

                    อ๋อ Penny เหรอ นางต่อเรือออกไปถึงที่ Ullapool แล้วจ้ะ

                    เขาได้พบกับ Archie Ferguson และ Robbie Ferguson สองพี่น้องพื้นเมืองที่ช่วยบอกข้อมูลว่า ไม่มีเรือไหนมาเทียบหมู่บ้านเลยในช่วงนี้

                    อี Dr Carter ตอแหลชัวร์

                    งานนี้ Malcolm ยอมไม่ได้ รีบแจ้งว่า ตรงเกาะนั่นอาจจะมีการทำวิจัยที่อาจจะทำให้เกาะกลายเป็นเกาะที่สุมไปด้วยมลพิษ คนในหมู่บ้านจึงโอเค ตกลงเป็นพวกเดียวกัน และยกพลขึ้นเรือไปถึงเกาะ Cladach Duillich

                    (ที่คนในหมู่บ้านมีอิมแพคในเรื่องนี้มาก เพราะก่อนหน้านี้ มีเกาะหนึ่งที่ชื่อว่า Gruinard โดนใช้เป็นที่ทดลองขององค์กรรัฐ และเกิดเหตุสารพิษรั่วไหล จนกลายเป็นเกาะที่ปนเปื้อนมลพิษ ไม่สามารถเข้าไปได้อีก ซึ่งก็คงไม่อยากให้ใครมีกรณีนี้ซ้ำสอง)

                    เมื่อไปเทียบท่าถึงเกาะ Malcolm เริ่มดำเนินแผนเอาตัวเองเข้าล่อก่อน แล้วค่อยให้กลุ่มชาวบ้านมาตลบทีหลัง ก็มีลูกกระจ๊อกของ ชื่อ Max ออกมาห้าม และลากตัว Malcolm ไปเจอ Lord Cregar ทำให้รู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังงานวิจัยสุดอันตรายครั้งนี้ทั้งหมด คือ อี Lord Cregar  ก่อนจะโดนเอาตัวไปขัง เตรียมตัวจะโดนเชือด

                    หาก Malcolm ต่อรองว่า เฮ้ รู้ไหม ฝ่ายฉันน่ะ ได้จดหมายของแก ที่เขียนว่า Benson เป็นสายสืบให้แก และตอนนี้มันก็อยู่ที่ Ogilvie พร้อมจะโชว์ให้ท่านรัฐมนตรีดูได้ทุกเมื่อ

                    เป็นที่รู้ๆ กันว่า ถ้าความลับนี้ถูกแฉ Cregar ก็จะเดือดร้อน (เพราะมันจะทำให้รัฐบาลรู้หมดว่า ลอร์ดแกมีแผนจะกั๊กตัว Ashton มาเป็นของทีมตัวเองดื้อๆ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ว้าย เสียภาพลักษณ์หมด) Lord Cregar จึงอกสั่นขวัญแขวนไปตามคำขู่นี้มากๆ จึงเลือกที่จะพา Malcolm ไปขังในห้องดำเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน

                    #ไม่ใช่ห้องดำใน The Face นะคะ อย่าเข้าใจผิด

                    ผ่านประมาณเกือบชั่วโมง Malcolm โดนเรียกไปอีกห้อง เป็นห้องใหญ่ที่มีกระจกใสกั้น ส่วนอีกด้านของห้องก็เป็นที่เก็บสารวิทยาศาสร์ทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในกระจกก็คือ

                    โอ้ว Penny ยอดยาหยี!!’ Malcolm อุทานเยี่ยงพระเอกหนังบอลลีวูด เมื่อเห็นสภาพคนรักของตนนอนต่อทอสายยางรุงรังลำไยเต็มตัวแบบไม่ได้สติ บอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                    แล็บระเบิด’ Lord Cregar ตอบ

                    Malcolm นึกไปถึงสิ่งที่ Penny เคยบ่นว่า เฮ้อ ทางนั้นก็ขี้เหนียว ไม่ยอมให้งบมาทำแล็บขั้น P4 ทำแค่ P3 ลงอีหรอบนี้ มันก็เสี่ยงอันตรายอยู่นะเนี่ยมันทำให้เขากระจ่างแจ้งถึงสาเหตุที่แล็บระเบิดทันที

                    เข้าเรื่องดีกว่า’ Lord Cregar ไม่รอให้คุณพระเอกด่า รีบพูดเสนอทันที

                     ในตอนนี้ก็มีสองคนที่รู้ความลับที่ฉันใช้ Benson ไปจับตา Ashton รวมถึงเรื่องการทดลองจนแล็บระเบิดที่นี่ หนึ่ง Ogilvie ซึ่งฉันดีลกับมันเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าน้ำร้อนน้ำชานิดๆ หน่อยๆ มันก็ยอมปิดปากสนิทละ อิอิ

                    ณ จุดนี้ Malcolm ลั่นในใจเลยว่า อีป๋า Ogilvie กลับไปได้เห็นดีกันแน่

                     และสอง ก็คือแก…. ซึ่งฉันเพิ่งจะนึกออกเมื่อกี้ว่าควรจะทำกับแกยังไง ฟังนะ นี่คือข้อต่อรอง ถ้าหากว่าแกยอมตกลงปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ฉันจะยอมส่งแม่นี่ไปรักษาที่โรงพยาบาล แล้วแม่นี่ก็จะรอด

                    Lord Cregar หันไปบอก Max ลูกกระจ๊อกของตนให้เอาเอกสารทำสัญญาปิดปากมา แต่จังหวะนั้น เหล่าชาวบ้านจากหมู่บ้าน Ullapool ก็ตัดสินใจแห่ลงจากเรือ ความอลหม่านที่เกิดขึ้นทำให้ Malcolm อาศัยจังหวะนี้ต่อยท้องอี Lord แมร่ง

                    Lord Cregar คว้าปืนได้ก็ยิงสวน แต่พลาดเป้า กระสุนยิงไปโดนกระจกของตู้ที่เก็บสารชีวะและเคมี ถาดเพาะเชื้ออะไรพวกนี้ พอตู้แตก ของที่อยู่ด้านในก็ตกลงมาแตกระเนระนาดบนพื้น

                    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด’ Lord Cregar แทบจะกรี๊ดเป็นภาษาสก็อตแลนด์ อกอีแป้นแล่นเข้าตึก สารทดลองแตก!! ห้องนี้กำลังจะกลายเป็นห้องรมพิษแล้ว!!’

                    

                              //ภาพประกอบการกรี๊ดอย่างมีระดับ

                    Malcolm ตวาดกลับทันใดว่า มรึงหยุดกรี๊ด แล้วรีบโทรให้เฮลิคอปเตอร์มารับตัว Penny บัดเดี๋ยวนี้!!’ 

                    แต่ Lord Cregar ไม่ฟังอะไรแล้ว จะกุลีกุจอวิ่งออกจากห้อง จน Malcolm หมดความอดทน ทุบท้ายทอยจนอีลอร์ดสลบลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้น

     

    บทที่ 15 Biological disaster

                    Archie (หนึ่งในชาวบ้าน) วิ่งมาถึงหน้าห้องตรงจุดที่เป็นกระจกใส Malcolm รีบคว้าโทรศัพท์สื่อสารออกไปว่า ห้ามเปิดห้องนี้เด็ดขาด เพราะจะทำให้เชื้อมันแพร่กระจาย

                    Malcolm โชว์บัตรที่แสดงถึงตำแหน่งของตัวเองที่มีต่อรัฐบาล ในนามของรัฐบาล นายสามารถไปจับกุมคนที่มีส่วนรู้เห็นกับการทดลองในเกาะนี้ และรีบอพยพคนทั้งหมดออกให้ไวที่สุด

                    Malcolm เลือกจะไม่ออกจากห้องนี้ เพราะกลัวสารพิษจะรั่วไหลออกไปแล้วตาย Ha กันทั้งเกาะ เขาเลือกที่จะให้ Archie ช่วยติดต่อหาป๋า Ogilvie เพื่อให้ส่งเฮลิคอปเตอร์พร้อมทีมพยาบาลที่มีอุปกรณ์ป้องกันเชื้อมารับคน 3 คนไปโรงพยาบาล ด่วนสุดคือ Penny ต่อมาคือ Malcolm และ Lord Cregar ที่น่าจะติดเชื้อกันแล้ว

                    ระหว่างที่รอ Lord Cregar ก็ฟื้นมาแบบปลงตก ยอมเล่าสารภาพตามฉบับตัวร้ายที่ต้องเฉลยคดีด้วยตัวเองในตอนจบ และจุดนับจากนี้เป็นจุดเฉลยว่า เขาส่ง Benson ให้ติดตามเพื่อความชัวร์ว่า Ashton จะไม่กลับไปเป็นพวกรัสเซีย รวมถึงให้สืบว่า Ashton จะประดิษฐ์หรือค้นพบอะไรที่เป็นประโยชน์มั้ย ซึ่งที่เดากันก็คือ จะต้องมีสิ่งประดิษฐ์หรือการทดลองอะไรในห้องลับนั่นแน่ๆ !’ แต่ประเด็นคือ ห้องลับนั่นกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย

                    ใครจะไปรู้ล่ะว่า ความลับทั้งหมดจะอยู่ในรางรถไฟที่ดูเหมือนเป็นแค่โมเดลของเล่นนั่น

                    น่าเสียดายที่สุดท้าย Ashton ต้องเตลิดไปเพราะเข้าใจเรื่องมีคนจ้องทำร้ายตัวเอง เลยไปลงกับลูกสาวจนต้องเตลิดไปสวีเดน แล้วก็มาตายด้วยน้ำมือ Benson เพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่า รัสเซีย (อี Larry ที่แกล้งพูดสำเนียงรัสเซีย) จะมาลากตัวกลับไปแล้ว ก็เลยตัดสินใจยิง Ashton ทิ้งด้วยคติที่ว่า - ถ้าฉัน(อังกฤษ)ไม่ได้ ใคร(รัสเซีย)ก็ต้องไม่ได้โว้ย

                    เรื่องทั้งหมดแมร่งกิดจากความเข้าใจผิดล้วนๆ เลยนี่หว่า

                    ซึ่งก็ลงท้ายด้วยแรงจูงใจที่ Lord Cregar ต้องทำแบบนี้ (ทั้งส่ง Benson ไปติดตาม Ashton ทั้งไม่ยอมอนุมัติ Lab P4 ก็เพื่อยักยอกทรัพย์จน Lab ระเบิด) ก็คือ ความโลภ นั่นเอง

                    คนอ่าน : อี Ha กูอุตส่าห์อ่านมาทั้งเล่ม แรงจูงใจแมร่งแค่นี้เอง

                    จบตอนด้วยการมีทีมพยาบาลสวมชุดป้องกันสารพิษเข้ามาช่วยทั้งสาม และนับจากนั้น Malcolm ก็ไม่ได้พบ Lord Cregar อีกเลย

                   

    บทที่ 16 My new job

                    Penny เข้ารับการรักษากับ Dr Sharkie จนอยู่ในระยะปลอดภัย

                    แล้วก็มีข่าวดีจาก Michaelis กับ Gillian ว่า สองคนนี้ตกลงปลงใจจะแต่งงานกันแล้วจ้า

                    ข่าวที่แย่ก็คือ Ogilvie มาบอกอย่างหน้าชื่นตาบานว่า รางรถไฟโมเดลมหัศจรรย์ของ Ashton ตอนนี้รัฐบาลถูกตาต้องใจมาก ขอฮุบไปวิจัยต่อเอง และสั่งให้เรื่องการฮุบผลประโยชน์นี่เป็นความลับทั้งหมด

                    นี่ Malcolm จำคนที่ชื่อ Kerr ได้มั้ย คนที่ดำรงตำแหน่งใหญ่รองจากฉันอ่ะ (สมมติ Ogilvie เป็นหัวหน้า Kerr ก็เป็นรองหัวหน้า ประมาณนี้) เขาจะเกษียณละ’ Ogilvie ร่ายยาวเป็นฉากๆ ว่า จะให้ Malcolm เข้าเสียบตำแหน่งของ Kerr รอไว้ก่อน แล้วพอตัวเองเกษียณ Malcolm ก็จะได้เลื่อนขึ้นมาแทนตัวเองในที่สุด

                    ไม่เอาโว้ย’ Malcolm ปฏิเสธทันควัน แล้วเรื่องก่อนหน้า อย่านึกว่าผมจะลืมง่ายๆ นะ

                    ‘เรื่องอะไร?

                    ‘ก็เรื่องที่ดีลกันซะเรียบร้อยเลยนะว่าจะไม่แฉเรื่องห้องทดลอง จะไม่แฉเรื่องใช้ Benson’ Malcolm ด่ากลับไปตรงๆ แล้วไม่ต้องมาสตอเลยนะว่าเพื่อให้มีเฮลิคอปเตอร์ Penny รับสินบนจากไอ่ Cregar ไง แหม แค่นี้ทำเป็นลืม

                    ลงท้ายทั้งสองก็แตกหักกัน Malcolm ไม่ยุ่งกันอีกเลย

     

    บทที่ 17 The future

                    Penny รักษาจนหายสนิท สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่ Gillian กลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูดียิ่งกว่าก่อนจะเกิดเหตุกับนางเสียอีก ก่อนจะวางแพลนว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ จัดงานแต่งงานแบบคู่พร้อมกันไปเลยสิ โรแมนติกดี

                    ในขณะที่หนังสือพิมพ์ The Times ก็ลงข่าวของ Lord Cregar ด้วยหัวข้ออันแสนน่าขนพองสยองเกล้าว่า ข้าราชการคนดีศรีอังกฤษ ผู้อุทิศตนเพื่อแผ่นดินนี้มาตลอด ได้จากไปอย่างสงบแล้วแหงล่ะ โดนสารพิษพร้อมกันซะขนาดนั้น รอดก็แปลกแล้ว

                    อี๋ สตอเบอร์รี่ยันวินาทีสุดท้ายจริงๆ นะ อี Lord Cregar

                    ข่าวร้ายมาถึง Malcolm คือ Dr Sharkie มาบอกว่า หมอตรวจพบว่า คุณเป็นมะเร็ง

                    ไม่ต้องสงสัยเลย มะเร็งจากเหตุแล็บระเบิด สารพิษรั่วไหลในเกาะทดลองมหันตภัยนั่นไงล่ะ ตัวต้นเหตุมะเร็งเลย

                    ส่วนที่ Penny ยังรักษาให้หายได้ เพราะสารพิษที่นางได้รับเป็นแบคทีเรียอีกตัวที่ยังรักษาได้ แต่ไม่ใช่ Malcolm ที่โดนตัวที่ร้ายแรงกว่า จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งอย่างที่เห็น

                    Malcolm กลับไปบอกข่าวร้ายกับ Penny ว่า เขาเป็นมะเร็ง และคงจะอยู่ได้อีกเพียงแค่ครึ่งปี ก่อนจะวางแพลนไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่บ้านพักตากอากาศกลางขุนเขา ณ ทางใต้ของ Ireland

                    Penny ตอบตกลง และย้ายไปอยู่ดูแลสามีตัวเองที่นั่นด้วยความเต็มใจ

                    เมื่อได้อยู่กลางธรรมชาติที่ดี ถึงแม้อาการของ Malcolm จะไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แต่ก็ทรุดช้าลงกว่าที่คาด จากที่เคยบอกว่าน่าจะอยู่ได้แค่ 6 เดือน ตอนนี้ก็เดือนที่ 9 แล้ว แต่ในเดือนนี้นี่เองที่อาการของเขากลับมาทรุดหนัก จนรู้ตัวว่าครั้งนี้คงไม่รอดแล้ว Malcolm จึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดในชีวิตให้ Penny ศรีภรรยา ฟัง

                    Penny ตัดสินใจนำเรื่องราวของสามีตัวเองมาเขียนเป็นหนังสือ เพื่อเสียดสีการเมือง ตีแผ่ให้รู้ว่าในสภาที่ทุกคนลั่นวาจาว่า ทำเพื่อประชาชนนั้น มีคนที่สวมหน้ากากอย่าง Lord Cregar มากมายยิ่งกว่า copy แล้ว paste  รวมถึงเป็นการบอกเล่าแก่สาธารณชนว่า ผลงานหลายอย่างที่รัฐบาลคิดค้น มันเป็นของ George Ashton ต่างหาก

                    มีประโยคหนึ่งของนักเขียนชาวอเมริกันที่กล่าวไว้ว่า ‘We have met the enemy, and he is us’

                    Malcolm หัวเราะหึ และคิดว่า ‘He is wrong’

     

                    จบเรื่อง

     

                    ปล. มั่นใจว่า อีประโยคสุดท้ายต้องกลายมาเป็นคำถามในข้อเขียน ที่ถามว่า นักเรียนสามารถตีความประโยคนี้ได้อย่างไร แน่ๆ

                    …ถ้าให้ดิชั้นตอบ คงตอบว่า ศัตรูที่แท้จริงของเราก็คงจะเป็น.. กิเลสของตัวเราเอง มั้งคะ

     

                    จบเหอะ

     


     ตอนต่อไป (ไม่นับตอน Database) พบกันกับหนังสือนอกเวลาเรื่อง The Joy Luck Club นะคะ

                   

                   

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×