คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #51 : [Sum ม.5 เทอม2] เก็งข้อสอบ 'อิลราชคำฉันท์' วรรณคดีมรดก
[ม.5 เทอม2 Sum] เก็งข้อสอบ อิลราชคำฉันท์
By.Biw TigerPisces
Special Thanks ที่ปรึกษาชั้นดี : Pump Vate Yanawut & Benny Ben
ต้องขออธิบายไว้ก่อนว่า ในข้อสอบวรรณคดีมรดก สุดท้ายแล้ว ข้อที่จะใช้ ‘ความรู้และทฤษฎี’ ที่เตรียมมาจริงๆ มีเพียง 30% ส่วนอีก 70% จะเป็นโจทย์ที่ใช้กับแรงมโนของแต่ละคนเป็นหลักทั้งนั้น แต่ยังไงเราก็อยากจะเก็บคะแนนประมาณ 30% ไว้ใช่มั้ยล่ะพรรคพวก ดังนั้นวันนี้ ดิชั้นจะมาเก็งว่า อี 30% พวกที่ใช้ความรู้ทฤษฎีมาช่วยเป็นหลักมากกว่าการวิเคราะห์(มโน) จะมีแนวทางการออกโจทย์แบบไหนบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
เคส1 : หักมุม ถามแบบแฟนพันธุ์แท้ ประวัติวรรณคดี แต่งที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร เพราะอะไร
ประวัติผู้แต่ง
พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ)
พ.ศ. 2424 – พ.ศ. 2466 เกิด 24 มิถุนายน พ.ศ. 2424 เป็นบุตรของ พระยาศรีสุนทรโวหาร(พระยาศรีภูริปรีชา[กมล สาลักษณ]) สมุหพระอาลักษณ์
ท่านผัน สาลักษณ เริ่มศึกษา ในโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ แล้วบวชอยู่ ณ วัดบวรนิเวศ เมื่อ พ.ศ. 2438 ได้ลาสิขาบทเมื่อ พ.ศ. 2443 เข้าทำงานเป็นเสมียนเอกในกรมราชเลขานุการ ได้ชื่อว่า หลวงสารประเสริฐ และย้ายไปรับราชการเป็นนายอำเภอ
และในช่วงปี พ.ศ.2456 ได้รับการแนะนำจากรัชกาลที่ 6 ให้แต่งหนังสือ จึงแต่งเรื่องงอิลราชคำฉันท์ถวาย เป็นที่โปรดแด่พระองค์มาก จึงได้รับการเลื่อนยศเป็น พระยาศรีสุนทรโวหาร ต่อมากลับเข้าทำงานในกรมอาลักษณ์ จนได้เป็นเจ้ากรมพระอาลักษณ์ ใน พ.ศ. 2459
ไทม์ไลน์ การได้ยศ(ในสายอาชีพกวี) |
ผัน สาลักษณ ==> หลวงสารประเสริฐ ==> พระยาศรีสุนทรโวหาร |
งานนิพนธ์ที่ปรากฏชื่อ : ปัญจสิงขรคำกลอน (เป็นงานที่ทำให้ ร.6 เห็นแววความเป็นจินตกวี) และ อิลราชคำฉันท์
ประวัติเนื้อเรื่อง
เริ่มจากที่ว่า ท่านรัชกาลที่ 6 รำพึงรำพันว่า กวีตั้งแต่ รัชกาลที่ 5 ยันปัจจุบัน มีแต่พวกมีความคิดแบบฝรั่งจ๋ามากเกินไป เอะอะก็ครีเอทคำประหลาดๆ มาใส่ให้ดูวิลิศวิไลยากเกินกว่าจะอ่านไหว จึงเกิดความคิดจะเสาะหา จินตกวี ที่ยังมีสเต็ปในการประพันธ์ที่สละสลวยแบบโบราณ มาแต่งเรื่องสักเรื่องให้จารึกไว้ว่า สมัยรัชกาลที่ 6 ก็ยังมีจินตกวีฝีมือดีอยู่นะเอ้อ
และกวีที่เข้าพระเนตรของรัชกาลที่ 6 ในครั้งนี้ก็คือ หลวงสารประเสริฐ ผัน สาลักษณ (ตอนนั้นยังเป็นยศนี้) นั่นเอง
ถัดจากที่ท่านผันได้รับคำแนะนำจาก รัชกาลที่ 6 ให้แต่งงานประพันธ์สักเรื่องเพื่อบันทึกลง พงศาวดารในรัชสมัย ก็ได้พบนิทานเรื่องอิลราช จากหนังสือพระราชนิพนธ์ บ่อเกิดรามเกียรติ์ (ของรัชกาลที่ 6 นั่นแหละ) ซึ่งเนื้อหาอยู่ในอุตตรกัณฑ์แห่งรามายณะ เห็นว่าเอามาแต่งเป็นคำฉันท์ได้ จึงเขียนเรื่องขึ้นมาด้วยความอุตสาหะ โดยมีรัชกาลที่ 6 เป็นผู้ตรวจสอบ และคอยให้คำแนะนำในจุดที่ต้องใช้ข้อมูลในการแต่ง เช่น บทบรรยายพิธีอัศวเมธ
อ้างอิงจาก : ๏ ใช่ปราชญ์อาจปรุงปรับสาร เฉลิมเกียรติ์ภูบาล ธิเบศวร์กษัตริย์ฉัตรชัย
(ที่รัชกาลที่ 6 คุ้นชินกับท่านผัน เพราะว่า ท่านรัชกาลที่ 6 เอง สนิทคุ้นเคยกับ พระยาศรีภูริปรีชา[กมล สาลักษณ] ผู้เป็นพ่อของท่านผันมาตั้งแต่ก่อนหน้า)
ตลอดเวลาการแต่งหลวงสารประเสริฐก็รับคำแนะนำไปใช้เขียนเรื่องได้เป็นอย่างดี ครั้นแต่งจบ จึงได้เลื่อนยศเป็น พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ) ตามที่ปรากฏในหนังสือที่ทุกคนกำลังเรียนอยู่นี่เอง
สรุปข้อมูลเบื้องต้นของเนื้อเรื่อง
โอเค มาทำความเข้าใจกันอีกทีนะว่า สรุปแล้วอิเรื่องอิลราชคำฉันท์ มันอยู่ในมิติวรรณคดีที่เท่าไหร่
อิลราชคำฉันท์นับเป็นนิทานที่ซ้อนอยู่ในนิทานอีกที (ประมาณว่า พวกแกอ่านแฮร์รี่พ็อตเตอร์ แล้วในแฮร์รี่พ็อตเตอร์ก็มีช็อตที่เฮอร์ไมโอนี่ได้หนังสือนิทานเรื่องราวสามพี่น้องที่ได้ของสามสิ่งอ่ะ)
ซึ่งรอบนี้ก็หมายความว่า ถ้าคุณเปิดอ่านเรื่อง บ่อเกิดรามเกียรติ์ part อุตตรกัณฑ์แห่งรามายณะ คุณก็จะเจอเรื่องอิลราช(ที่ยังเป็นร้อยแก้ว) อยู่ในนั้น
แล้วพอดี๊…ที่ท่านผัน สาลักษณ เป็นคนเปิดเรื่องบ่อเกิดรามเกียรติ์ เจออิลราช เสร็จปุ๊บ ก็เอามาอะแด็ปเรื่องให้เป็น อิลราชคำฉันท์ ที่เรานั่งอ่านสอบกันในวันนี้นี่แหละ
จุดมุ่งหมายที่แต่ง : ตามบัญชา(การแนะนำ)ของรัชกาลที่ 6 ที่อยากให้มีบทประพันธ์ดีๆ ไว้ใน Hall of Fame
ผลพลอยได้ที่กวีได้จากการแต่ง : เลื่อนยศเป็นพระยาศรีสุนทรโวหาร (กวีไม่ได้คาดคิดไว้ด้วยซ้ำ)
ประเภท : นิทาน
รูปคำประพันธ์ : คำฉันท์ 17 แบบ จำนวน 329 บท
สมัย : รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 6
ปีที่แต่ง : พ.ศ. 2456
เคส2 : “เหตุผลอะไรที่ต้องใช้ พิธีอัศวเมธ”
จำได้มั้ยว่า พระพรตที่เป็นคนแย้งว่า ไม่ควรใช้พิธีราชสูยะ(ราชสูโยดม) โชว์พาวนะครัชท่านพี่พระราม แล้วพระลักษมณ์ก็เสนอต่อเลยว่า เอางี้ดีมั้ย มันยังมีวิธีที่จะแสดงบารมีแบบไม่มั่นหน้าเกินไป นี่เลย พิธีอัศวเมธ
… ก็อาจจะถามราวๆ ว่า ‘มีเหตุผลอะไรที่ ทำไมต้องใช้พิธีอัศวเมธล่ะจ๊ะ’
ตอบ :
1. เพราะว่า พระรามมีบารมีกว้างไกลมากๆ ไม่ต้องทำพิธีโชว์พาว เจ้าพวกเมืองขึ้นมันก็ยอมสิโรราบอยู่แล้วน่า
๏ พระองค์ผู้ทรงอวตาร ตราบจบจักรพาล
โผอนมกุฎเกรงรณ
๏ ฤาควรกวนราชกังวล มละด้าวมาดล
ดำแหน่งทุเรศรัถยา
2. เพราะว่า พิธีอัศวเมธ เป็นพิธีที่เป็นที่นิยม ป็อปปูล่าร์มาช้านาน
๏ เป็นที่นิยมแก่ปวง เทพทั่วแมนสรวง
สรรเสริญประเสริฐสาธร
ระวัง :
อินทรรอนพฤตาสูร เอิบอิศร์อันพูน บำเพ็ญตบะบารมี
พระผลาญมารมอดชีวี วชิรปาณี คะนึงในโทษอันทำ
อวยอัศวเมธพลีกรรม เกลื่อนบาปบ่มบำ- รุงบุญระบอบบำบวง <=== อันนี้หมายถึง ที่มาและประวัติของพิธีอัศวเมธ เป็นการเล่าว่า ทำไมพระอินทร์(ผู้เริ่มทำพิธีอัศวเมธองค์แรก)ตัดสินใจทำพิธีอัศวเมธ แล้วก็มีคนทำตามต่อๆ มา ไม่ใช่ เหตุผลที่พระรามจะเลือกใช้ (เพราะพระรามคงไม่เกี่ยวอะไรกับพระอินทร์โดยตรง)
เคส3 : “ประวัติของพิธีอัศวเมธ คืออะไร”
ตามข้อก่อนหน้าเลยค่ะ
อินทรรอนพฤตาสูร เอิบอิศร์อันพูน บำเพ็ญตบะบารมี
พระผลาญมารมอดชีวี วชิรปาณี คะนึงในโทษอันทำ
อวยอัศวเมธพลีกรรม เกลื่อนบาปบ่มบำ- รุงบุญระบอบบำบวง
เรื่องมันเริ่มที่ว่า พระอินทร์ได้ไปปราบยักษ์ตนหนึ่งตายHa แต่ยักษ์ตนนั้นเป็นยักษ์ที่กำลังบำเพ็ญตบะบารมี พระอินทร์รู้สึกผิดบาปในใจเป็นอย่างมากที่กีดขวางทางสว่างของยักษ์ตนนั้น(เพราะถือว่าเป็นการฆ่านักบวช) ด้วยความร้อนใจ จึงเลือกทำพิธีอัศวเมธ (มีอีกชื่อว่า ปล่อยม้าอุปการ) แด่พระศิวะ (ที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย) เพื่อความสบายใจ และพิธีนี้ก็ดันถูกใจพระศิวะพอดี พระศิวะเลยช่วยยืนยันอีกหนึ่งเสียงว่า บาปของพระอินทร์ได้ถูกชำระล้างด้วยพิธีอัศวเมธแล้ว
(เมื่อทำพิธีอัศวเมธแล้ว ทำให้บาปกระเด็นไป 4 แห่ง คือ 1.น้ำป่า ทำให้น้ำท่วม 2.ดินเค็ม ทำให้ปลูกอะไรไม่ได้ 3.ผู้หญิงที่มีกำหนัดครบ3วัน กลายเป็นประจำเดือน 4.ผู้ที่ฆ่าพราหมณ์อันหาผิดมิได้)
นี่คือคำพูดสรุปเรื่องราวเหตุการณ์ทั้งหมดในตำนาน พิธีอัศวเมธ เขียนโดยเพื่อนอิชั้น
พระอินทร์ทำบาป ไปฆ่ายักษ์บำเพ็ญตบะ
พระศิวะ : เรื่องของมึง กุไม่เกี่ยว
//พระอินทร์ทำพิธีอัศวเมธ
พระศิวะ : เหยแก มันเริ่ดมาก ชั้นจะช่วยยกบาปให้แก
ประมาณนี้
เกร็ดความรู้ รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ได้ : มีความเชื่อว่า ถ้าทำพิธีอัศวเมธครบ 100 ครั้ง เจ้าภาพของงานจะได้กลายเป็นพระอินทร์ จึงจะเกิดปรากฏการณ์พระอินทร์มาขัดขวางพิธีอยู่บ่อยๆ //แย่งชิงตำแหน่งกันมันส์เลยทีเดียว
เคส4 : “ตรงนี้ โวหารอะไรเหรอจ๊ะ?”
บรรยายโวหาร : เจอเกือบทุกบทเท่าที่มีค่ะ ให้สังเกตตรงที่มั่นใจแน่ๆ ว่า ไม่ใช่บทเจรจาของตัวละคร และไม่ใช่บทลงดีเทลอลังการงานดาวล้านดวง ทำให้เนื้อเรื่องดำเนิน / ผู้อ่านเก๊ตว่าเรื่องถึงตรงไหนแล้ว ณ จุดจุดนั้น ก็นับเป็นบรรยาย เช่น
๏ อิลาสำเริงสู่ พุธคู่บคืนคาม
ก็ทรงพระครรภ์ตาม ปฏิพัทธ์กำหนัดเชิง
๏ ณ คราวพระเป็นหญิง ธ ก็ยิ่งละเลิงเหลิง
ตปาเถกิงเริง ขณะเป็นบุรุษรม
ฯลฯ
พรรณนาโวหาร : อีบทไหนที่เน้นเขียนให้เห็นภาพสุดอลังการงานสร้างดาวล้านดวง แต่เนื้อเรื่องไม่ขยับ บทนั้นแหละพรรณนา
เรืองรองพระมนทิรพิจิตร กลพิศพิมานบน
ก่องแก้วและกาญจนระคน รุจิเรขอลงกรณ์
ฯลฯ
เทศนาโวหาร : เท่าที่ปรากฏในเรื่อง จะเป็นฉากที่พระดาบสปลอบท้าวอิลราชเรื่องที่เสียลูกน้องไป และก็ตรงกับหลัก ไตรลักษณ์ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีสิ่งใดแน่นอน คงอยู่กับเราเสมอไป
๏ อันเกิดมาเป็นสภาพลัก- ษณะมนุชก็จัก
ตายแหล่ะแน่นัก นะราชา ฯ
สาธกโวหาร : บทที่การยกตัวอย่างประกอบ จะปรากฏตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ใน Part รามเกียรติ์ของช่วงแรก ที่พระลักษมณ์ยกเรื่องพิธีอัศวเมธมา และเริ่มเล่าประวัติของพิธีนี้
๏ เผยเผชิญพิชิตเชษฐ์ชักนำ น้อมเกล้ากล่าวคำ
คดีดำนานในบูรพ์
๏ อินทรรอนพฤตาสูร เอิบอิศร์อันพูน
บำเพ็ญตบะบารมี
๏ พระผลาญมารมอดชีวี วชิรปาณี
คะนึงในโทษอันทำ
๏ อวยอัศวเมธพลีกรรม เกลื่อนบาปบ่มบำ-
รุงบุญระบอบบำบวง
เคส5 : “ตรงนี้ มีความงามวรรณศิลป์ / โวหารภาพพจน์อย่างไรเหรอจ๊ะ?”
เช่น ตรงไหนมีอุปมา ตรงไหนมีอุปมานิทัศน์ ฯลฯ
อุปมา
อันที่จะเป็นอุปมาของจริง ข้อความหลังคีย์เวิร์ดต้องเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่โคจรตรงนั้น แบบ ภาพครุฑดูมีพลังราวกับจะกระโจนออกมาได้ สมัยนั้นยังไม่มี 4D Max ค่ะ อีคำที่อยู่หลังคำว่า ราวกับ แมร่งไม่ใช่เรื่องจริง ณ จุดนั้น ถึงจะเป็นอุปมาได้
คีย์เวิร์ด |
อุปมา |
อุปมา หลอก(ระวังไว้) |
เปรียบ |
๏ ปราการก็ปรากฎสุเม- รุสิเนรุเปรียบสม |
๏ อวยพรพิพัฒน์พ้น ภยเวทวราคม
(มันแปลว่า ไม่สามารถยกภูเขาลูกใดมาเปรียบเทียบประชันความงามกับภูเขาลูกนี้ได้ เปรียบเทียบครั้งนี้จึงแปลว่า compare ไม่ใช่ as if ) |
เพียง |
๏ เพียงนารายณ์อวตารบำราญอริบำราบ |
(เพียงในที่นี้แปลว่า ขอกล่าวเพียงแค่ว่า และ |
ดุจ / ประดุจ |
๏ พลม้าพลาหกผยอง ดุจล่องจะลอยสวรรค์ |
๏ ลาพุธเข้า เนาพระนคร
|
ปาน |
๏ แง่งเงื้อมชะง่อนงาม ก็วะวามวิไลปูน |
๏ แผ่พระกฤษฎาภินิหาร ใดราชฤาปาน |
เล่ห์ / ประเล่ห์ |
๏ รักษ์ราษฎร์ก็เล่หปิยบุตร นรสุดประสาทสม
(หยาดน้ำกระเซ็นระยิบระยับ ราวกับ เป็นประกายที่สะท้อนจากทองคำ) |
|
ราว |
๏ คณะสาวสะคราญผู้ บริพารก็ห้อมมา |
|
เช่น |
๏ จงกินรีเป็น พิศเช่นสุรางค์สวรรค์ |
|
ดัง |
|
๏ เงินทองของเสวยเนยนม ทักษิณาปรารมภ์ |
พ่าง |
๏ ล่องล่องมาลุตแล่นพาน พ่างแข่งคัคนานต์ |
|
อุปลักษณ์ (เปรียบเป็น เปรียบคือ)
อุปลักษณ์จริง |
อุปลักษณ์ หลอก |
๏ คือป่าผิไร้คณะพยัคฆ์ จะพำนักอะไรครอง
๏ ริมทางโรงทานคั่นเคียง อะคร้าวกล่าวเพียง
๏ พระคุณพระคือสายชล ชื่นแช่มชมผล
|
๏ ปาง ราชปรารภกิจใน พลีกรรม์อันไกร
๏ พลคชก็คือสุรคเชน- ทรไอยราอินทร์
๏ เป็นที่นิยมแก่ปวง เทพทั่วแมนสรวง
๏ บมิเป็นอิลราช วิปลาสอิลา
๏ ขณะเป็นกษัตรีย์ กิจที่กระทำปวง
๏ จงกินรีเป็น พิศเช่นสุรางค์สวรรค์
๏ อันเกิดมาเป็นสภาพลัก- ษณะมนุชก็จัก
๏ ณ คราวพระเป็นหญิง ธ ก็ยิ่งละเลิงเหลิง |
บุคคลวัต / บุคลาธิษฐาน
๏ หอยุทธ์ก็เย้ยริปุประยุทธ์ อริยลณพาเหียร
เหือดเหี้ยมกำแหงหิริระเมียร มลฮึกอหังการ
(หอปราการไปเย้ยฝ่ายศัตรูว่างั้นเหอะ=_=)
๏ แม่นกก็ปกโป- ดกป้อนผลาหาร
ปีกป้องประคองปาน จะประเล้าประโลมเป็น
(นกทำกิริยา เล้าโลม แบบคนได้ด้วยนะคะ)
//ความจริงอันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นอุปมาหรือไม่ แต่ตามหลักการออกข้อสอบ บทนี้จะโดดเด่นด้านบุคคลวัตมากกว่า ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นอุปมาหรือไม่นะจ๊ะ
สัญลักษณ์
๏ ผาณิตผิชิดมด ฤจะอดบอาจจะมี
แม่เหล็กฤเหล็กดี อยยั่วก็พัวก็พัน
อธิพจน์
๏ เริงร้องคะนองนิกรพล ผิวเพิกไผทเอียง
เอิกอึงอุฆษสุรก็เพียง ปฐพีถล่มลาญ
๏ เพียงผลาญแผ่นพื้นภพพัง นฤโฆษอันดัง
ในแดนในด้าวดงดอน
๏ พื้นภพอำเภอภพ ก็ประสบเสมอสวรรค์
อยู่ชั่วนิรันดร์กัลป์ อวสานประมาณประเมิน
อุปมานิทัศน์ (การเปรียบเทียบแบบยาววว…)
๏ กรรมร้อนบห่อนกรุ่น เพราะพิรุณประโปรยประปราย
กองเพลิงเถกิงกราย ติณแห้งบแหนงบหนี
๏ ผาณิตผิชิดมด ฤจะอดบอาจจะมี
แม่เหล็กฤเหล็กดี อยยั่วก็พัวก็พัน
๏ พื้นภพอำเภอภพ ก็ประสบเสมอสวรรค์
อยู่ชั่วนิรันดร์กัลป์ อวสานประมาณประเมิน
ปฏิพากย์ (คำที่มีความหมายตรงข้ามมาอยู่ด้วยกัน)
๏ จะทุกข์ฤสุขดัง ดนุยังผดุงผะดา
จอมนาฏสนมผา- สุกใจไฉนมี
๏ ทุกเหล่าจะเร่าร้อน อุระข้อนและโศกี
มิรู้จะร้ายดี จรล่านิรารมย์
๏ จำกุประกอบเกื้อ อิลเอื้อและอุดหนุน
ละบาประบายบุญ บุรรูปดำรงคง
เคส6 : “ตรงนี้ รสวรรณคดีอะไรเหรอจ๊ะ”
ถามแบบนี้แมร่งอย่างกะจะซื้อป๊อปคอร์นหน้าโรงหนัง…
เสาวรจนี (ชมความงาม) จะมีชมความงาม 3 รอบ ได้แก่
1.ชมปราสาท (ยกมาแค่ตัวอย่างนะ)
เรืองรองพระมนทิรพิจิตร กลพิศพิมานบน
ก่องแก้วและกาญจนระคน รุจิเรขอลงกรณ์
ช่อฟ้าก็เฟื้อยกลจะฟัด ดลฟากทิฆัมพร
บราลีพิไลพิศบวร นถศูลสล้างลอย
2. ชมธรรมชาติ
สลาบโรยก็หล่นลอย กระแสสร้อยสลายพวง
สะพราดพันธุปลาปวง ประเนืองน่านเฉนียนนอง
ฉวัดว่ายเฉวียนวน กระโดดพ่นละอองฟอง
ระเมียรมัจฉะคลอครอง บคลาดคู่คระไลลอย
3. ชมความงามนางอิลา
๏ อิลาเลอพิลาสลักษณ์ พิมลพักตรโสภางค์
จำเริญจิตบจืดจาง ประจักษ์เนตรประเจิดนวล
๏ เสน่ห์หนักสลักจิต กำเริบฤทธิเรรวน
พระพรหมจรรยรัญจวน จำนงแนบถนอมโฉม
๏ ตระบัดจรประจากห้วง ละหานล่วงประลองโลม
สมรแม่เสมือนโสม สำรวยร่างสำอางค์องค์
นารีปราโมทย์
ไม่มีตรงๆ…คือ พระดาบสเขาเน้นการกระทำมากกว่าคำพูด….มีแต่บทอัศจรรย์ไปเลย….
เพราะ นารีปราโมทย์ มีความหมายว่า บทโอ้โล้ม บทอัศจรรย์ก็อาจจะนับเป็นหนึ่งในบทเกี้ยวนางได้เช่นกัน
เอาเป็นว่า ถ้าถามหาบทนารีปราโมทย์จริงๆ ก็เอาบทอัศจรรย์ไปประเคนเลยละกันค่ะ
พิโรธวาทัง
ฉากพระอิศวรกริ้วเมื่อเห็นนางอิลามาสารภาพว่า เมื่อกี้…ฉากที่ท่านสวีทวี้ดวิ้วกัน เห็นหมดเลย…
๏ องค์อิลาก็คลาประณตพระเพ็ญ
สวัสดิ์ประสบพระเนตรพระเห็น ก็กริ้วกราด
๏ เหม่อิลาชะล่าไฉนประพาส
บ กลัว บ เกรงกระทำอุอาจ อหังการ์
๏ เราแหละสาปและสรรฉะนี้แหละสา
กะใจละเจ้าแน่ะนางอิลา จะทำไฉน ฯ
สัลลาปังคพิไสย
ฉากที่พระดาบสคิดไว้ว่า แย่ละ ถ้าพูดตามจริงว่า เอ็งน่ะ โดนสาปให้สลับเพศอยู่นะ ส่วนบริวารเอ็งก็กลายเป็นกินรีไปมีปั๋วกันหมดแล้ว ท้าวอิลราชคงจะเศร้ามาก ไม่บอกตามจริงดีกว่า…
๏ คงโศกเหลือแสนพิลาปครวญ ทุมนสอุระหวน
เราจะอำยวน ยุบลลวง
ฉากที่ท้าวอิลราชได้ฟัง(เรื่องที่พระดาบสเมคขึ้น)ว่า ทหารของตนโดนหินถล่มทับตายเรียบไปแล้ว
๏ เสียดายทหารหาญ รณชาญอมาตย์มวล
และเสวกาควร ฤจะมามลายชนม์
๏ ทุกเหล่าจะเร่าร้อน อุระข้อนและโศกี
มิรู้จะร้ายดี จรล่านิรารมย์
๏ มิวายสบายบาน สุขศานต์เสน่ห์สนม
พรั่งพร้อมประนมคม คณะนาฏบำเรอเสนอ
๏ แรมเวียงนิเวศน์เนา พนเขาขนัดเฌอ
เคราะห์กรรมกระทำเออ ก็อเนจอนาถใจ
ฉากที่ชาวเมืองเริ่มหวีดร้องว่า เจ้าเมืองกูหายยยย โฮฮฮฮ
๏ ปางราชนิราศวรนิเวศน์ ทิววาระนานครัน
ชาวกรุงละลุงจิตรำพัน พจน์ถึงคะนึงครวญ
๏ จมนาฏสนมนิทรละล้า ก็พะว้าพะวังหวน
หวังเห็นพระเพ็ญพิภพรวน อุระร้าวผะผ่าวใจ
๏ ต่างหวังและตั้งกมลคอย ก็ละห้อยคระโหยหลวง
สร้อยเศร้าและเหงาหทยปวง นรปราศธิราชครอง
ฉากที่ท้าวอิลราช(ในสภาพยังติดคำสาป) เห็นบรรดาม้าที่จะต้องมาเป็นเครื่องสังเวยเพื่อทำพิธี ก็รู้สึกขอโทษ
๏ องค์อิลราชา ทศนาดุรงค์เรือง
คร่าวในหทัยเคือง มนครุ่นและขุ่นตรอม
เคส7 : “บทบูชานี้ คุณสมบัติแบบนี้ เป็นใครกันแน่”
ยิ่งกว่าแฟนพันธุ์แท้ค่ะ
ในเรื่องอิลราชคำฉันท์ จะมีบทบูชา สรรเสริญ สดุดีกลอรี่ออฟก็อดอยู่หลายจุดมาก ไม่ว่าจะบทนำ บทเปิดตัว ช่วงทำพิธีอัศวเมธ และบทส่งท้ายของเรื่อง และด้วยภาษาอันแสนอลังการ ถ้าลองเอาบทบูชาทุกจุดมาคละรวมกัน คุณอาจจะเดาไม่ออกเลยว่า นี่บูชาใครอยู่วะ… ดังนั้น เรามาดูกันเลยดีกว่าว่า ในแต่ละบทบูชา มีสิทธิ์เป็นใครบ้าง
ลำดับ |
พระนาม |
ตัวอย่างกลอนบูชา |
ตำแหน่งที่ปรากฏ |
1 |
พระรัตนตรัย |
๏ ข้าขอเทิดทศนัขประณามคุณพระศรี
สรรเพชญพระผู้มี พระภาค
๏ อีกธรรมาภิสมัยพระไตรปิฏกวากย์
ทรงคุณคะนึงมาก ประมาณ
๏ นบสงฆ์สาวกพุทธ์พิสุทธิ์อริยญาณ
นาบุญญบุญบาน บโรย |
บทเปิดเรื่อง |
2 |
พระบาทสมเด็จ |
๏ อีกองค์อาทิกวีพิรียุตมโดย
ดำรงดำรับโปรย ประพันธ์
๏ ผู้เริ่มรังพจมานตระการกมลกรรณ
ก้มกราบพระคุณขันธ์ คเณศ
๏ สรวมชีพอัญชลินาถพระบาทนฤเบศ
มงกุฎกษัตริย์เกษตร สยาม
๏ ที่หกรัชสมัยก็ไกรกิตติพระนาม
ทรงคุณคามภี- รภาพ
๏ เพียงนารายณ์อวตารบำราญอริบำราบ
เถลิงรัชทวีลาภ วิไล (ระวังอันนี้ไว้)
๏ เปรื่องปรีชาวิทยุตมาภรณ์ไท
ธารสัตย์กระพัดใน กมล
๏ บำรุงรัฐสุขวัฒนานิกรชน
ทั่วรัฐมณฑล บำเทิง
๏ สรวมเดชไตรรตนาวรากรเถกิง
เกินโกฏิประกายเพลิง พิโรจน์
๏ รังรักษ์ไทอธิราชพระบาทนฤโทษ
เสพสิ่งประเสริฐโสต- ถิผล
๏ จุ่งเจริญด้วยสุขนันท์พระพรรณก็ถกล
ทีฆายุเพิ่มพล พิบูล
๏ ข้าบาทรังรจนานิทานอิลทูล
แทบบาทบดินทร์สูร สราญฯฯ
๏ ข้าบาทบพิตรมหิศร สัตยาสาทร
ภักดีต่อใต้บทมาลย์
๏ ใช่ปราชญ์อาจปรุงปรับสาร เฉลิมเกียรติ์ภูบาล
ธิเบศวร์กษัตริย์ฉัตรชัย
๏ พระมงกุฏเกล้าเกศไทย ที่หกรัชสมัย
มหิทธิเดโชผล
๏ พระคุณพระคือสายชล ชื่นแช่มชมผล
พระชุบพระย้อมย่อมเย็น
๏ พระการุณภาพบำเพ็ญ แผ่หล้าเล็งเห็น
ประจักษ์แก่จิตนิจกาล
๏ เดชะสุจริตไตรทวาร จุ่งพลันบันดาล
ได้เสพแต่สรรพ์สวัสดี ฯฯ |
บทเปิดเรื่อง |
3 |
พระราม |
๏ แถลงปางรามจันทราวตาร เสร็จมล้างเหล่าพาล
พินาศด้วยพระบารมี
๏ มลายเข็ญเย็นทั่วธาตรี ถวัลยรัชรมย์ชัยศรี
อยุูธเยศเกศกรุง
๏ สมภาร พระเอื้ออำรุง สมโภชผดุง
พระเดชกระเดื่องแดนไตร
๏ ปาง ราชปรารภกิจใน พลีกรรม์อันไกร
คือราชสูโยดม
๏ โดยเบื้องบรมราชนิยม ขัตติยสมาคม
ร้อยเอ็ดมาเอื้อเอาภาร
๏ แผ่พระกฤษฎาภินิหาร ใดราชฤาปาน
ฤาปูนพระเดชนฤบดี
๏ พระองค์ผู้ทรงอวตาร ตราบจบจักรพาล
โผอนมกุฎเกรงรณ
๏ ฤาควรกวนราชกังวล มละด้าวมาดล
ดำแหน่งทุเรศรัถยา |
ช่วงบทเปิดของเรื่อง |
4 |
ท้าวอิลราช |
๏ ยังมีบรมนฤปนาถ อิลราชสมัญขาน
ทรงพลหิรัฐสุรฐาน สุประเทศสถาพร
๏ โอรสพระกรรทมประชา ปติพรหมบุตรขจร
เจิดคุณธรรมมิกบวร ทศพิธเพียบเพ็ญ
๏ เมตตาประชากรสโม- สรสุขสลายเข็ญ
ทั่วรัฐมณฑลก็เย็น สิรราษฎร์สเริงรมย์
๏ รักษ์ราษฎร์ก็เล่หปิยบุตร นรสุดประสาทสม
ซ้องศัพท์เกริกกิติอุดม วรเดชกระเดื่องแดน
๏ ปราบได้ณไกวลประเทศ ทศทิศก็เกรงแกลน
กลอกเกล้าและหนาวภยมิแคลน วรฤทธิเรืองรณ |
ช่วงแนะนำเมือง |
เคส8 : เน้นคำสรรพนาม “กลอนบทนี้ หมายถึง ตัวละครตัวใด”
ไม่ต้องมานั่งบูชาละ ถ้ามาในรูปแบบนี้จริงๆ รอบนี้จะเน้นคำสรรพนามล้วนๆ มาดูกันดีกว่าว่าใครเป็นใคร
ชื่อตัวละคร |
คำสรรพนามแทนตัว |
|
พระอิศวร หรือ พระศิวะ |
อิศเรศ
พระศุลี |
|
พระอุมาเทวี |
ชาย |
|
พระนารายณ์ |
หริรักษ์
พระศรีสังขกร |
|
พระอินทร์ |
วชิรปาณี |
|
ท้าวอิลราช |
โพธิสุภาร |
|
นางอิลา |
กษัตรีย์ |
|
พระมหามุนีกรรทมพรหมบุตร |
พระบิดา |
|
สสพินทุ์ |
ปิ่นพระกุมาร |
|
ปุรุรพ |
พระชายชม |
|
พระราม |
รามจันทราวตาร |
|
ยักษ์ |
พาล |
เคสอื่นๆ ที่แนะนำให้อ่านจากในหนังสือเอง (หนังสือสรุปไว้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว)
๏ คำศัพท์ ที่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที โดยเฉพาะคำที่แปลว่า ช้าง ม้า (เห็นว่าน่าจะออกนะ)
เช่น
คำไวพจน์ ช้าง | |||
|
|
|
|
คำไวพจน์ ม้า | |||
|
|
|
|
|
๏ ทฤษฎี ฉันทลักษณ์แห่งฉันท์ 17 แบบ (มีข่าวมาว่ามีโอกาสออกสูง ท่องสัมผัส พยางค์ ครุลหุมาให้ครบละกันนะ …แต่ถ้าอันนี้ออกคงจะหวีดร้องกันทั่วบ้านทั่วเมืองกันเลยทีเดียว)
๏ ความเหมาะสมของฉันท์ กับอารมณ์ในฉากนั้น (เช่น วสันตดิลกฉันท์ ใช้ชมธรรมชาติ)
หรือถ้าอยากจะจำว่า กลอนบทนี้ แปลออกว่ามาถึงช็อตนี้ของเรื่อง มันจะใช้ฉันท์อะไร(วะ)มีสูตรจำที่อิชั้นคิดขึ้น(แบบสุกเอาเผากิน)อยู่ค่ะ ซึ่งด้วยความหยาบโลนของสูตรจึงขอแปะเป็นลิ้งค์แทนนะจ๊ะ
สูตรจำหน้า 1 : สูตรจำหน้า 2 : สูตรจำหน้า 3
ขอให้ทุกท่านรอดพ้นจากวรรณคดีสุดอะเมซิ่ง นามว่า อิลราชคำฉันท์ ไปด้วยกันนะคะ
ปล.สรุปนี้จะออกมาไม่ได้เลยถ้าขาด ปั๊ม ละก็ เบนนี่ ที่ช่วยให้ข้อมูล + ตรวจสอบ ขอบใจแกสองคนมากๆ =/\=
ขอขอบคุณ
เพื่อนๆ TU76 ที่ช่วยตรวจสอบกัน
หนังสือประกอบการเรียน วิชา วรรคดีมรดก เทอม2
http://soi-yuedee.blogspot.com/2013/02/blog-post_6342.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/W2188995/W2188995.html
https://sites.google.com/site/khruphrphili/
http://www.tlcthai.com/education/knowledge-online/15903.html
ความคิดเห็น