ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังสรุปมหากาพย์ข้อสอบTU : by. BiwTigerPisces

    ลำดับตอนที่ #48 : [งานแปล] สรุป Brat Farrar ver.หยาบโลน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.81K
      36
      17 ธ.ค. 57

    [งานแปล] หนังสือนอกเวลา Brat Farrar ver.หยาบโลน

    By. BiwTigerPisces

    ผู้แต่งเรื่องนี้ : Josephine Tey

    เกริ่นนำ

    Characters

    Characters

    ชื่อตัวละคร

    คำอธิบาย

    Brat Farrar

    พระเอกประจำเรื่อง แต่เดิมนั้นเป็นเด็กกำพร้าสู้ชีวิต ทำงานนั่นนู่นนี่มามากมาย แต่ที่ชอบที่สุดคือ งานเกี่ยวกับฟาร์มม้า ซึ่งก็เพราะว่า Bratนั้นชื่นชอบการขี่ม้าเป็นอย่างมาก แต่โชคชะตาก็เล่นตลกให้เขามีเหตุต้องออกจากงานที่ชอบไปซะอย่างนั้นทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เขาร่วมมือกับ Alec Lodingทำเรื่องเวรๆ เอ้ย ยุ่งเหยิงนี่ขึ้นมา
    นอกจากการขี่ม้าแล้ว
    Bratยังเป็นมนุษย์ผู้มีงานอดิเรกสุดล้ำ คือ เม้าท์มอย with his ด้านมืด
    (คุยกับตัวเองว่างั้นเหอะ)

    Aunt Bee

    ยัยป้าทึนทึกวัยห้าสิบผู้คุมบังเหียนฟาร์ม Latchetts คนปัจจุบัน นางเข้ามาทำหน้าที่นี้แทนน้องชายของตนเองที่ตายไป รวมถึงเป็นคนที่ชุบเลี้ยงดูแลเด็กๆ ในฟาร์มให้เติบใหญ่ซึ่งความจริงนางเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆ ใจดี เพียบพร้อมด้วยหลักพรหมวิหารสี่ โอบอ้อมอารีสุดๆ

    Patrick

    พี่ชายคนโตแห่งตระกูล Ashby แฝดพี่ของ Simon เป็นผู้ที่ถูกพระเอกคนดีของเราสวมรอยแทนตลอดเรื่อง เพราะตัวจริงนั้นตายไปแล้วตั้งแต่อายุสิบสาม (แปดปีก่อนหน้า)
    เป็นคนที่เงียบๆ มีเหตุผล คิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง งานอดิเรกคือการส่องนกชิลๆ

    Simon

    น้องชายฝาแฝดของ Patrick ความHereทุกอย่างลงไว้ที่ตัวนี้ ทั้งนิสัยเสีย ขี้เมา หน้าเนื้อใจเสือ เห็นแก่ตัว หน้าเงิน โลภ ทำตัวเหมือนอ่อนแอ(ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็พึ่งพาตัวเองได้) หนักสุดคือ เกลียดพี่ชายตัวเองเข้าไส้
    งานอดิเรกของเขาคือ การทำงานตีเหล็ก

    นับจากต้นเรื่อง Simonจะมีอายุ20ปี10เดือนโดยประมาณ อีกแค่หกสัปดาห์ก็จะถึงวันเกิดอายุ 21 ปี และจะได้รับมรดกเป็นการขึ้นเป็นเจ้าของฟาร์มโดยสมบูรณ์เสร็จสรรพแล้วถ้าไม่มีใครบางคนเข้ามาขวางอ่ะนะ

    Eleanor

    พี่สาวคนโตประจำตระกูล แต่ถ้านับตามลำดับก็เป็นหลานคนที่สามประจำตระกูล อายุแถวๆ 18-19เจ๊แกเป็นนางเอกฉบับผงชูรส ทำงานเก่ง ดูแลฟาร์มได้ เป็นครูสอนขี่ม้าได้ พึ่งพาได้ รักครอบครัวมากๆ พูดง่ายๆ ว่า ถอดแบบมาจากป้าBeeเลยก็ว่าได้
    และความเป๊ะเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้
    Brat ตกหลุมรักนางเข้าอย่างจังซึ่งนางก็โอเคด้วย
    อ้าว
    พี่น้องแดรกกันเองซะแล้ว

    Jane and Ruth

    ขอกล่าวเป็นแพ็คคู่ หลานคนเล็กประจำตระกูล ด้วยวัยเพียง 9 ขวบเท่านั้น
       Jane นิสัยทะมัดทะแมง ชอบลุย ชอบเล่น ขี่ม้าเก่งแต่เด็ก มารยาทไม่ค่อยจะมี หัวแข็ง มักจะเข้าข้างSimonพี่ชายคนโปรดเสมอ
       Ruth เป็นภาคตรงข้ามกับแฝดตัวเอง สุภาพเรียบร้อย กุลสตรี ไม่ชอบอะไรที่ผาดโผนทุกชนิด ขี้อ้อน พี่ชายคนโปรด(โปรดปรานถึงขั้นติ่งเลยก็ว่าได้)ของนางก็คือPatrick(ความจริงคือ Brat)

    (และน่าเศร้าที่ว่าบทพวกนางค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ไม่มีในเรื่องเลยก็ยังได้)

    Bill and Nora

    พ่อแม่ของเด็กๆ ที่เด๊ดสะมอเร่ไปแล้ว และทิ้งลูกๆ ทั้งห้าไว้ให้พี่สาว(Bee)ตนเอง

    Charles

    ผู้อาวุโสประจำตระกูล Ashby ผู้ชื่นชอบการเดินทางด้วยเรือ แอนตี้เครื่องบินทุกชนิด มีฐานะเป็น Bee's Uncle นั่นหมายความว่าเป็นรุ่นปู่ของเด็กๆ ใน Ashby เลยก็ว่าได้

    Walter

    ญาติที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อของป้า Bee ตอนนี้หายสาบสูญไปไหนก็ไม่รู้ และความจริงแล้ว
    เป็นพ่อที่แท้จริงของ
    Brat

    Mary Woodward

    แม่ที่แท้จริงของ Brat เห็นว่าเคยเป็นกุ๊ก(น่าจะกุ๊กในฟาร์ม) เปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ปลายจวัก แล้วเปลี่ยนอาชีพเป็นพยาบาล จึงต้องทิ้งBratไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก่อนจะหายตัวไปอย่างปริศนา

    Nancy Peck

    ชื่อเก่าคือ Nancy Ledingham เป็นเพื่อนบ้านคนสนิทของป้าBeeเข้านอกออกในบ้าน Ashby เป็นประจำและนั่น ก็ทำให้เธอตกเป็นวิกิพีเดียบ้าน Ashby ที่ถูก Alec หลอกเสิร์จข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    ข้อมูลเสริม
    : เป็นกาแฟaholic ชอบแดรกกาแฟต่างน้ำเป็นชีวิตจิตใจ

    Alec Loding

    ชื่อเก่าคือ Alec Ledingham อาชีพนักแสดงตัวรอง ตัวประกอบ เป็นตัวต้นความคิดแผนแชร์สมบัติ Ashby โดยใช้วิธีที่ให้ Brat สวมรอยเป็น Patrick
    มีศักดิ์เป็นพี่ชายของ Nancy จึงทำให้ฮีสืบข้อมูลตระกูล Ashby แห่งฟาร์ม Latchetts ผ่านทางNancyได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ Alec สามารถถ่ายทอดวิธีการปลอมตัวเป็น Patrick แก่ Brat ได้เป็นอย่างดี

    George Peck

     

    สามีของ Nancy เป็นบาทหลวงชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาตัวยงประจำเรื่อง
    ดูเหมือนจะมีสโลแกนประจำตัวว่า
    ขี้ไม่ออก บอกGeorgeละกันนะ

    Mr. Sandal

    ทนายความประจำตระกูล Ashby

    Sheila Parslow

    สาวเจ้าในหมู่บ้าน Clare ที่อยากท้าทาย ค้นหาอะไรบางอย่างในตัว Simon จึงใช้วิธีที่มั่นหน้าเท่านั้นที่จะทำได้ คือ พยายามอ่อยหลายๆ รอบ (มีค่าเท่ากับเป็นฝ่ายไปรุกเขานั่นเอง) แต่ผู้เขาก็ไม่เปิดตกหลุมอ่อยเลยแม้แต่นิด นางจึงเซ็งๆ ไป 
    *แก้ไขเรียบร้อย ขอบคุณค่ะ*

    Mr.Gates

    เจ้าของฟาร์มม้า Wigsell ที่ตั้งรกรากเช่าอยู่ในพื้นที่ของฟาร์ม Latchetts อีกที

    Peggy

    ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ Mr.Gates เป็นนางในฝันของ Simon
    หากเพราะความจุ้นไม่เข้าเรื่องของพ่อสื่ออย่างMr.Gates จึงทำให้เส้นทางความรักของทั้งคู่(ความจริงคือของ Simon คนเดียว)สะบั้นลงโดยมิได้เจตนา….

    Roger Clint

    ชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มขนาดใหญ่ในเมืองBures ซึ่งRuthเข้าใจผิดว่ากำลังอินรีเลชั่นชิฟ
    เป็นหวานใจกับเจ๊
    Eleanor พี่สาวตนเองทั้งๆ ที่ความจริง ฮีมีเมียมีลูกแล้ว

    Tim Concell

    ลุงของ Roger เห็นว่าเป็นเจ้าของฟาร์มม้าอันแสนโด่งดังอีกที่ นามว่า Kilbarty
    ซึ่งเหมือนว่ากำลังประสบปัญหาขาดคนมาสืบต่อกิจการอยู่

    Abel Tusk

    คนงานในฟาร์ม(ฟาร์มไหนไม่ทราบ)พยานคนสุดท้ายที่เห็น Patrick ก่อนจะเกิดเรื่องที่ Patrick ไปกระโดดหน้าผานั่น

    Mr.Pilbeam

    ช่างตีเหล็ก(ส่วนใหญ่หลอมพวกเกือกม้าขาย)ที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ภูเขา Tanbitchesโดยเมื่อแปดปีก่อน Simon มักจะมาเล่นกับเขาในร้านตีเหล็กเป็นประจำ

    Lana Adams

    แม่บ้านประจำบ้าน เข้าทำงานหลังจากที่เกิดเรื่อง Patrick เมื่อนับตามเวลาในเนื้อเรื่องจึงนับเป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับแฝดคนพี่ อุปนิสัยขี้เม้าท์ และดูเหมือนจะหมั่นไส้ Simon มาตลอด

    Macallan

    นักข่าวไฟแรงจากสำนักข่าว Westover Times

    Arthur

    คนงานในคอกม้า

    Felix

    นายพรานจับม้ามาเพาะพันธุ์ชั้นโปรแต่โดนม้าตัวงามชื่อTimberตบตายซะงั้น

    Timber                     ม้าเกรด S แต่ค่อนข้างพยศและอันตราย
    Smoky                     ม้าคู่ใจตัวแรกของ Brat สมัยอยู่US
    Fourposter กับ Rajah  ลูกม้าของ Jane
    Riding Light              ส่วนใหญ่จะเรียกกันว่า Dick Pope’s
                                  เป็นม้าเกรด S เทียบเท่า Timber ที่Mr.Gates ซื้อให้ลูกสาวตัวเอง
    Chevron                   ม้าของป้า Bee ที่ให้ Brat ยืมไปแข่งในงานแข่งม้าที่ Bures

     

    Story

    เนื้อเรื่องย่อ

    เนื้อเรื่องย่อ Brat Farrar

    Brat Farrar ชายหนุ่มผู้กลับมาจากอเมริกามาเยือนแดนอังกฤษ เขากำพร้าตั้งแต่อายุสิบสาม แม้จะอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า แต่ชะตาก็ลงเอยให้เขาหนีออกมา แล้วไปเริ่มใช้ชีวิตอยู่ที่ western US เขาทำงานประทังชีพในทุ่งนาอยู่หลายปี กระทั่งได้เลื่อนขั้นเป็นคนคุมม้า หากชะตาไม่เข้าข้าง เขาตกจากม้าจนขาเสียไปสักพักหนึ่ง

    กลับมาในปัจจุบัน เป็นช่วงที่เขากลับมาที่บ้านเกิด หรือประเทศอังกฤษ เป็นจังหวะพอดีที่ได้พบกับ Alec Loding นักแสดงตัวประกอบตกกระป๋อง และด้วยใบหน้ารูปกายของเขาดันไปเหมือนกับฝาแฝด Patrick กับ Simon หลานชายของบ้าน Ashby เพื่อนบ้านที่เขารู้จักและคุ้นเคยพอดิบพอดี จึงทำให้ฝ่าย Alec เกิดความคิดพร้อมวางแผนว่า จะให้ Brat สวมรอยแทน Patrick ฝาแฝดคนพี่ที่ตายไปอย่างคลุมเครือ กลับคืนสู่บ้าน Ashby เพื่อใช้สิทธิ์ ลูกคนโต ที่จะได้สืบทอดมรดกในปีนี้พอดี โดย Alec จะสนับสนุนให้ทุกทาง (ข้อแลกเปลี่ยนก็คือแชร์รายได้ในฟาร์ม50%ให้Alec) ตอนแรกพระเอกของเราก็ไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็ตกปากรับคำ

    เวลาสองอาทิตย์ในการชุบตัว สามารถทำให้ Brat ตีบท Patrick แตก โดยที่ไม่มีใครในบ้านสงสัย จะมีแต่ Simon ที่ไม่ยินยอมในการปรากฏตัวของพี่ชาย เพราะถ้าปล่อยไว้ มรดกที่กำลังจะเป็นของเขาอยู่แล้วก็จะหลุดมือไป นำมาซึ่งการลงมือฆาตกรรม แต่ก็ย้อนกลับเข้าตัวเองเสียชีวิตในที่สุด ส่วนBratแค่โดนหามส่งไปหยอดน้ำข้าวต้ม และในตอนจบเผยข้อมูลที่หน้าพระเอกเหมือนนนนนPatrick คุณลุงของป้าBeeตอนนี้ก็ทวดแล้ว มาบอกว่า ป้าBeeมีญาติที่ทำตัวเหลวแหลกคนนึง ไปแต่งงานซ้อน ลูกที่เกิดจากการนอกสมรสก็คือ Brat นั่นเอง สุดท้าย ป้าBeeผู้โอบอ้อมอารีก็ตัดสินใจทิ้งเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาไว้ด้านหลัง นับBratเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง พร้อมสร้างอนาคตให้แก่หลานคนใหม่ด้วยการมอบสิทธิ์การสืบทอดกิจการของคนรู้จัก นั่นคือ ฟาร์มม้าที่ Ireland เป็นอันจบเรื่องราวทั้งหมดแต่เพียงเท่านี้

     

    เนื้อเรื่องยาว

    บทที่1 The Ashby Family

              ปฐมบทสดๆ แห่งหนังสือนอกเวลาในมือท่าน เริ่มด้วยฉากที่เปี่ยมล้นไปด้วยความอบอุ่นในครอบครัว

              มึงแดกดีๆ แบบRuthไม่เป็นใช่มั้ยอีดอก Jane ’
              เดี๋ยวๆเนื้อเรื่องไม่ได้เรท ฉ ขนาดนี้ เอาใหม่ๆ

               ‘ทานดีๆ แบบพี่Ruth เขาหน่อยสิ Jane’

              ที่นี่คือ บ้านAshby ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางฟาร์มม้า Latchetts อันแสนกว้างขวาง โดยเจ้าของคนปัจจุบันของที่นี่ก็คือ ป้าBee หญิงสาววัยทองผู้เลี้ยงหลานๆ ถึงสี่คน และใช้ชีวิตอันแสนเรียบง่ายนี้ไปเรื่อยๆ แต่ในเรื่องจำนวนหลาน.. ความจริงแล้ว บ้านนี้ เคยมีเด็กๆ ทั้งหมด 5 คนที่ประกอบมาจาก แฝดสองคู่ และลูกเดี่ยวอีกหนึ่งต่างหาก

              แฝดคู่แรก Patrick และ Simon แฝดชายผู้มีนิสัยต่างกันคนละขั้ว ว่าง่ายๆ คือ Patrickคนพี่เป็นฝ่ายดี ส่วนSimonคนน้องเป็นฝ่ายชาติหมามะระสะบัดช่อ โดยพี่ชายคนโตที่ว่า ตายไปตั้งแต่อายุได้สิบสามแล้ว

              ถัดมา ลูกเดี่ยวเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้อง เจ๊Eleanor สาวชาวไร่ผู้แข็งแกร่ง พึ่งพาได้ทุกยาม โดยตอนนี้เธอทำอาชีพเป็นครูสอนขี่ม้าอยู่

              สุดท้าย แฝดคู่สอง Jane and Ruth แฝดหญิงน้องเล็กประจำบ้านนิสัยต่างกันคนละขั้ว แต่รอบนี้ยังไม่หนัก Janeเป็นฝ่ายห้าว ส่วนRuthเป็นฝ่ายกุลสตรีศรีAshby

              โดยพ่อแม่ผู้จากไปด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินเมื่อแปดปีก่อนพร้อมทิ้งภาระทั้งห้านี้ไว้ให้ป้าBee มีนามว่า Bill and Nora โดยป้าBeeเป็นพี่สาวแท้ๆ ของ Bill

    *นอกเรื่อง* สรุปฟาร์ม Latchetts เป็นมรดกของพ่อหรือของแม่?

    ‘and his mother’s fortune would he is.’ กับ‘Bee had refused to use the money that belonged to Bill’s wife’
    *แก้ไข* เมื่อวินิจฉัยตามประโยคนี้แล้ว มรดกและฟาร์มน่าจะเป็นของ Bill
    ประมาณว่า Nora แต่งงานแล้วก็มีสมบัติเป็นเงินติดมาด้วยแค่นั้น ไม่ได้มีส่วนในกรรมสิทธิ์ของฟาร์มเลยแม้แต่นิด

    นั่นหมายความว่า ป้า Bee ได้คอยจัดการคุมบังเหียนแทนยามที่เธอไม่อยู่บนโลกนี้แล้วในฐานะพี่สาวที่ดีของBill

        

              แต่ฤทธิ์เดชแห่งพ่อแม่ของห้าหน่อยังไม่จบไม่สิ้น ขุ่นแม่Nora และขุ่นพ่อBill ที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมตัวเองก่อนจะเกิดเหตุ นางได้ทำพินัยกรรม(ไม่ก็สั่งเสีย)ไว้กับพี่สะใภ้ตนเองว่า ถ้าลูกอะฮั้นคนไหนอายุแตะถึง 21 ก่อนคนแรก เอาไปเล้ยยยย เงินจากหม่ามี้ สิทธิ์การคุมบังเหียนฟาร์ม Latchetts จากป๊ะป๋า!’

              โดยนางหารู้ไม่ว่า คำสั่งเสียที่คล้ายๆ กับสปอตโฆษณาปุ๊บปั๊บรับโชค จะกลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี่ขึ้นมา

              และเมื่ออ่านตามเงื่อนไข Patrick ผู้พี่ที่Stopอายุตัวเองไว้แค่สิบสาม(เพราะม่องเท่งไปแล้ว) คนที่จะเข้าวินอายุแตะ21ได้คนแรก ก็เห็นจะเป็น Simon ดังนั้น เขากำลังจะได้รับของขวัญวันเกิดเป็นมรดกจากหม่ามี้ของตนภายในอีกประมาณ 6 สัปดาห์เท่านั้น

              ทุกอย่างดูจะลงเอยด้วยดี ผู้พี่ไม่อยู่ ผู้น้องรับช่วงต่อ ดูเป็นครอบครัวอบอุ่น Happy จะตาย ถ้าไอ่น้องที่ว่าไม่ใช่ Simon แหล่งรวมความHereประจำบ้านคนนี้อ่ะนะ

              ในตอนที่ป้าBeeกำลังพะวงเรื่องนี้อยู่นั้น Nancy เพื่อนบ้านคนสนิทก็แวะเข้ามาทักทายและชวนคุยเรื่องที่ป้าBeeกำลังกังวลอยู่พอดี พอคุยไปคุยมา ก็ลากไปถึงเรื่องเด็กชายPatrickในอดีตเข้าอย่างจัง

              การตายของ Patrick สรุปง่ายๆ ตามที่ทุกคนทราบคือ เด็กชายผู้โง่เขลา ที่ฆ่าตัวตายด้วยการวิ่งไปกระโดดหน้าผาTanbitchesที่อยู่ในเขตหมู่บ้าน พร้อมทิ้งดายอิ้งเมสเสจไว้แค่ว่า ‘Goodbye’ และกว่าจะพบศพก็กินเวลาไปนับหนึ่งเดือนหลังเกิดเหตุ เรียกได้ว่า ขึ้นอืดจนจำเค้าเดิมไม่ได้ด้วยซ้ำ

              แม้เรื่องจะผ่านมานาน แต่ป้าBeeก็ยังคงจำฝังใจมาถึงทุกวันนี้ และในใจก็หวังลึกๆ ว่า Patrick อาจจะแค่หายสาบสูญแล้วหนีไปใช้ชีวิตที่อื่น ศพที่พบก็คงเป็นศพใครก็ไม่รู้มากกว่า

              Nancyเบื่อจะดราม่า จึงเปลี่ยนประเด็นไปคุยว่า ครอบครัวAshbyน่าอิจฉ๊าน่าอิจฉา พี่น้องในบ้านไม่งี่เง่าเหมือนบ้านฉัน คนที่งี่เง่าคนนึงก็พี่ชายที่ชื่อ Alec Ledingham…อุ๊ย ไม่สิ ตอนนี้เขาเป็นดาราละ ต้องใช้นามในวงการว่า Alec lodingสิ ป่านนี้ไประเริงอยู่ในเมืองหลวงที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่คิดจะกลับมาบ้านบ้างเลย ชิชะ

              ป้าBee ถอนหายใจยาวก่อนจะปลอบว่า ความจริงฉันก็มีญาติแย่ๆ คนนึงชื่อ Walter นะ ส่วนเรื่อง Alec เดี๋ยวขอที่อยู่ของเฮียแกในตอนนี้แค่นั้นแหละ เดี๋ยวชั้นจะส่งจดหมายไปเชิญเอง

              Nancyทำท่าเหมือนคิดอะไรออกนิดหน่อย จริงสิ ถ้าเป็นงานเกี่ยวกับเรื่อง มรดก เงินๆ ทองๆ บางที Alec อาจจะรีบตีตั๋วกลับมาเลยก็ได้ ว่ามั้ย?

     

    บทที่2 Alec Loding’s Plan

              ไม่ต้องส่งจดหมายไปเชิญ Alec Loding ก็นั่งนับวันรอปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของSimonมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว

              วันหนึ่งกลางเมือง London ขณะที่ Alec กำลังกรีดร้องด้วยความริษยา ที่Simonจะได้มรดก และเมื่อเทียบกับตนเองที่เป็นนักแสดงตกกระป๋อง มันช่างน่าอดสู

               โอ๊ยยยย อยากร่วมด้วยช่วยใช้มรดกนั่นด้วยคนจังเลยยยย’ Alec หวีดร้องซ้ำไปซ้ำมาด้วยประโยคนี้

              จังหวะนั้นเอง เขาก็เจอคนที่หน้าเหมือนSimonเข้าให้

              พระเอกของเรามาแล้วววว Brat Farrar นั่นเอง

              อนึ่ง ถ้าจะแข่งเรื่องโลภมากอยากเงินชนิดตัวสั่น Alec เองก็เป็นคู่แข่งกับ Simon ได้สบาย ดังนั้น แผนชั่วในหัวจึงปรากฏขึ้นมาทันทีที่ได้พบ คน หน้า เหมือน กับSimon

              Alecไม่รอช้า รีบปราดเข้าชาร์จใส่คนหน้าเหมือนด้วยความไวแสง คุณพอจะมีเวลาว่างสักเดือนสองเดือนไหม งานพิเศษ รายได้เป็นฟาร์มม้านามLatchettsแถมแพ็คเกจกินฟรีอยู่ฟรีตลอดชีพ หักค่านายหน้าแค่ 50% จากรายได้ที่ทำจากฟาร์ม สนมั้ยล่ะครัช?

              Brat ที่ได้ยินอย่างงี้ในคราวแรกก็หวีดร้อง ปฏิเสธพัลวัน แต่กระทั่งทวนคำว่า ฟาร์มม้า เท่านั้นแหละ Brat ก็ยอมคุย ฟังการสัมมนาขายฝันต่อได้แต่โดยดี

              แผนการของ Alec ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ก็แค่ให้ Brat สวมรอยเป็น Patrick ที่ตายอย่างคลุมเครือ เข้าไปในฟาร์มและใช้เงื่อนไขปุ๊บปั๊บรับโชคของ Nora ชิงมรดกจาก Simon มาเป็นของตนในฐานะพี่คนโตที่อุตส่าห์ come back กลับสู่อ้อมอกของครอบครัว จากนั้นก็แชร์ส่วนแบ่ง 50% ให้Alecเป็นค่านายหน้า ก็เป็นอันเสร็จครบจบปิ๊ง

              ง่ายมั้ย   ง่ายยยยยย

              ส่วนเรื่องข้อมูลในการปลอมตัว ด้วยความที่Alecมีน้องสาวเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีแห่งบ้านAshby การจะสวมรอยเป็น Patrickก็ไม่ใช่เรื่องยาก และยิ่ง Alec เป็นนักแสดงด้วยแล้ว สกิลด้านการแอ็คติ้งประกอบให้การสวมรอยดูแนบเนียนขึ้นไปอีกก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน

              Brat ชายหนุ่มผู้กำลังว่างงาน และคิดถึงงานในฟาร์มม้าที่ตนชื่นชอบมาตลอดแต่เดิมเขาเป็นเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรม ทันทีที่โตพอจะเผชิญโลกภายนอกได้ เขาก็เริ่มหางานทำ แต่ชีวิตมนุษย์เงินเดือนนั้นไม่ใช่ทางของเขา Bratจึงตีตั๋วหมายจะไปทำงานในประเทศฝรั่งเศส แต่เพราะไร้ซึ่งเอกสารพาร์ทสปอร์ตอะไรเทือกนี้ จึงเบนเข็มไปอาศัยทำงานในเรือที่มุ่งหน้าไปเม็กซิโก หลังจากนั้น เขาก็ทำงานนั่นเปลี่ยนงานนี่ไปเรื่อยๆ กระทั่งออกเดินทางอีกครั้งไปสู่ United States ..ในที่นี้เขาได้ทำงานในฟาร์มม้า ซึ่งมันใช่ มันโดน Bratก่อร่างสร้างตัวอย่างมีความสุข มีม้าชื่อSmokyเป็นของตัวเอง ชีวิตแสนสุขสันต์ดำเนินมากระทั่งอุบัติเหตุตกหลังม้าที่ทำให้เขาขาเป๋ เท่านั้นแหละ ชีวิตอันแสนสุขก็พังทลาย แม้อาการของเขาจะไม่ได้หนักขนาดหมดสภาพการทำงาน แต่Bratก็โดนบีบให้ออกจากงานแล้วกลับมาโซซัดโซเซที่อังกฤษบ้านเกิดของตนในสภาพคนว่างงานอย่างที่เห็นอยู่ในตอนนี้

              และด้วยเหตุนี้ เขาจึงยอมตกลงเข้าแผนการนี้โดยง่ายดาย ราวกับตนเป็นพระเอกนิยายแฟนตาซีที่ตกลงยอมเข้าไปวุ่นกับแก่นเรื่องด้วยคำว่า เจ้าคือผู้ถูกเลือก         

              แต่ก่อนจะเริ่มคอร์สอบรม ไม่ยาก ถ้าอยากสวมรอยเป็นPatrick Ashby by.ครูพี่Alec Loding’
    Alec นั้นก็อยากทำการ Pre-Test ซะก่อน

               ‘ลองต้มเหยื่อรายแรกดูก่อนเป็นไง เอาเป็น… Mr.Sandalทนายประจำบ้านAshby ถ้าต้มหมอนี่ได้ ฉันจะยอมเปิดคอร์สที่พูดไว้ด้านบนให้นายเลยเอ้า

              และแล้ว วิถีชีวิตนักต้มของ Brat Farrar ก็เริ่มขึ้น

     

    บทที่3 Back from the dead

              วันต่อมา Brat ได้บุกเข้าไปที่สำนักงานของ Mr.Sandalและเริ่มการแสดงเดบิวต์เป็น Patrick อย่างแนบเนียน

              ในคราวแรกนั้น Mr.Sandal คิดว่า Simon มาหา แต่พอฟังจากปากคนตรงหน้าว่า

               ผู้พิทักษ์ความรักและความยุติธรรม อัศวินในชุดกะลาสีชื่อของฉันก็คือ เซเล่อร์Patrick!’

              Mr.Sandalก็ถึงกับร้องขุ่นพระ หากเลือดทนายความผู้ผดุงความยุติธรรมแก่ Asbyก็สูบฉีดได้ทัน เขาเรียก Patirckกำมะลอตรงหน้ามานั่งจับเข่าคุย เค้นถามที่มาที่ไป พร้อมกับจับผิดว่าคนตรงหน้าใช่Patrickตัวจริงหรือไม่? ไปพร้อมๆ กัน

              Mr.Sandalเริ่มไต่สวนยกใหญ่ ทั้งคำถามประเภท ถ้าตอนที่คุณตกน้ำไป แล้วคุณว่ายน้ำเอาชีวิตรอดจริงๆ  คุณไปเกาะเรือไหนล่ะ จากนั้นที่ไหนต่อ แล้วเรือที่ใช้ในการเดินทางชื่ออะไร แว้ดๆๆ โดยในใจหวังว่า ถ้าPatrickตรงหน้าเป็นตัวปลอม ข้อมูลต้องผิดเพี้ยนไป(ซึ่งเขาจะไปเช็คในภายหลัง)

              แต่ขอโทษที พอดีว่าชีวิตBratมันระหกระเหินมามาก และช่วงที่เขาระหกระเหิน ก็เป็นช่วงเดียวกับที่Patrickฆ่าตัวตายพอดีเป๊ะ เขาจึงเอาเรื่องการผจญภัยของเขามาใส่เป็นดีเทลการเดินทางของ Patrick ดังนั้น ข้อมูลที่เขากล่าวไป ต่อให้เอาไปตรวจกี่รอบ ผลออกมาก็จะถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

                        หึส์ ไม่ได้แอ้มกูหร๊อก – Bratน่าจะคิดในใจแบบนี้

              ทว่า หากปล่อยงี้ต่อไป Mr.Sandal คงไม่มีทางเชื่อสนิทใจแน่ๆ ว่า เขาคือ Patrick

              และนี่คือการใช้ประโยชน์ข้อมูลที่ได้มาจาก Alec ครั้งแรก

               ‘จำเรื่องงานแข่งม้าที่ Olympia ได้มั้ยตะเอง?

              เท่านั้นแหละ Mr.Sandalถึงกับเงิบมันเป็นเหตุการณ์ระหว่าง Patrick กับ Mr.Sandalโดยเฉพาะ ตอนนั้น.. Patrick กำลังร้องไห้อยู่ และMr.Sandalก็เข้ามาปลอบ

               บทสนทนาพวกนั้นนอกจากเราสองคน ก็ไม่น่าจะมีใครรู้นี่นา’ …จ้ะ ไม่มีใครรู้แน่ๆ แต่ยกเว้นไว้คนนึงด้วยนะ

              อิNancy เพื่อนบ้านตัวดีไงล่ะเบบี๋

              ลงเอยแล้ว Brat ก็กลับมาเล่าผลงานการต้ม Mr.Sandalที่ดำเนินไปได้ด้วยดีให้ Alec ฟัง งานนี้ Brat can do สามารถสวมรอยเป็น Patrick ได้ตลอดกาลแน่นอน

              และเพราะที่พระเอกของเราบรรลุการ Pre-test ได้สวยงาม คอร์สอบรม ไม่ยาก ถ้าอยากสวมรอยเป็นPatrick Ashby by.ครูพี่Alec Loding’ก็เริ่มขึ้นตามสัญญา โดยใช้ Kew Garden เป็นสถานที่ติวเตอร์นานนับสองเดือน

     

    บทที่4 Breaking the news (เป็นสำนวนที่มีความหมายว่า กระจายข่าว แจ้งข่าว ไม่ใช่ทุบทำลายข่าว)

              หลานคนโตของคุณที่จริงยังไม่ตายนะ

              ข่าวจาก Mr.Sandal ทำเอาโลกของป้า Bee พุ่งตลบตีลังกาพลิกคว่ำสามร้อยหกสิบองศาคูณสิบรอบเลยทีเดียว

              ป้า Bee นั้นมีรีแอคชั่นแบบเดียวกับคุณทนายเด๊ะ คือ ระแวงไว้ก่อนดีใจเป็นยอดดี

              นางตั้งข้อระแวงทันทีว่า Patrick คนนี้อาจจะเป็นนักต้มตุ๋นสวมรอยมา ไม่ใช่หลานของนางจริงๆ ซึ่งในฐานะคนที่เลี้ยงหลานๆ มาตั้งแต่เด็กๆ ยังไงซะ นางก็จะต้องเป็นคนที่จำรายละเอียดเกี่ยวกับเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองได้ดีที่สุด อาทิ แค่วิธีพูด ก็บอกได้แล้วว่าคนตรงหน้าใช่หลานตัวเองจริงมั้ย

              Mr.Sandal จึงเสนอว่า งั้นเราบุกไปที่อพาร์ทเม้นท์ที่คุณหลานของทั่นนอนอยู่เลยมั้ยล่ะ อากัปกิริยาแบบไม่ทันตั้งตัวนี่แหละ บ่งบอกตัวตนที่แท้จริงได้ดีที่สุด…!

              …….

               โอ้ว หนูPatrick หลานป้า!!’

              สุดท้าย ป้าBeeก็ตบะแตก.. เผลอเชื่อว่าคนตรงหน้าเป็นหลานตัวเองจริงๆ แล้วซะอย่างงั้น

              ที่เป็นอย่างนี้ได้ ก็เพราะว่า ตลอดการสนทนา Bratสามารถสามารถบริหารสกิลที่ได้ร่ำเรียนจาก Alec ออกมาได้ครบทุกท่วงท่า โดยอันที่เด็ดสุด ออสการ์ตุ๊กตาทองคำสิโรราบที่สุดน่าจะเป็น การแสร้งทำท่าผงะแบบนางเอกฮอลลีวู้ดผู้มีปมในใจ ไม่พุ่งเข้าไปกอดป้าตัวเอง และเมื่อโดนถามว่าทำไมไม่พุ่งเข้ากอด ทั้งๆ ที่ธรรมชาติเวลาญาติมิตรที่ไม่ได้เจอกันนานนนนนนน ต้องพุ่งเข้าชาร์จกัน

              และ Brat ให้เหตุผลว่า ผมกลัวว่าป้าBeeจะยังโกรธที่ผมหนีหายไปแปดปีผมเลยไม่กล้าจะทำอย่างนั้น…’

              เอาไปเลยค่ะ รางวัลเรือสุพรรณหงส์ ไม่ๆ น้อยไปอย่างพระเอกเราต้องเรือไททานิกเลยก็ว่าได้

              หากก่อนที่ป้าBeeจะคล้อยตามไปมากกว่านี้Mr.sandalเป็นคนรั้งไว้ว่า อย่าเพิ่งวางใจไป ตลอดสัปดาห์นี้ เราจะสืบข้อมูลของBratไปเรื่อยๆไว้การวินิจฉัยทุกอย่างเสร็จเมื่อไหร่ ค่อยคืนดีมีทกรีทป้าหลานนะ โอเคร้?

    อีกปัญหาที่ป้าBeeเพิ่งจะนึกออกถ้าหากคนตรงหน้าเป็นPatrickหลานชายคนโตจริงๆ นั่นแปลว่า มรดกที่Simonกำลังจะได้ ก็ต้องเปลี่ยนมือกะทันหันน่ะสิ ไม่ๆ ไอ้กรณีแบบนั้นน่าจะยังพอยอมกันได้ แต่ถ้าคนตรงหน้าดันสวมรอยเนียนมากๆ แล้วดันไม่มีใครจับได้จนรับมรดกแทนไปแล้ว มันก็เท่ากับว่าSimonจะโดนใครที่ไหนก็ไม่รู้มาแย่งสมบัติไปฟรีๆ น่ะสิ

              กระนั้น ป้าBeeก็ยังได้โล่งใจนิดนึงที่ว่า ปาร์ตี้วันเกิดของSimonที่พ่วงพิธีเปิดมรดกปุ๊บปั๊บรับโชค ถูกเลื่อนไปด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องรอลุงของป้าBee หรือปู่ของพวกหลานๆ เป็นเจ้าภาพมาตัดริบบิ้น และตอนนี้ ฮีกำลังเดินทางมาจากฮ่องกงโดยเรือที่มีความเร็วประดุจหอยทากเดินจงกรมรอบนาฬิกาบิ๊กเบนสิบรอบ

              ยังมีเวลาอีกนานที่จะจับผิดผู้ชายคนนี้!

              มาทางด้านสี่พี่น้องในบ้าน Ashby…

               เป็นไปไม่ได้!!!’

              ทันทีที่รู้ข่าว Simon คือคนที่กรีดร้องดังที่สุดในบ้าน

              กล่าวโดยสรุปแล้ว รีแอคชั่นของพี่น้องทั้งสี่เป็นเช่นนี้

    เจ๊Eleanor : งั้นเหรอคะ ฟังแล้วแอบน่าขนลุกเบาๆ นะเนี่ย แบบ คนตายแต่ดันไม่ตาย แต่ถ้าพี่เขามีชีวิตอยู่แล้วกลับมาหาพวกเราก็ดีแล้วค่ะ

    Ruth : กรี๊ดดดดด อปป้าๆๆๆๆๆ พี่ชายๆๆๆๆ หนูอยากเจอจังเลย

    Jane : ยี้ ใครก็ไม่รู้ จะมาสวมรอยรึเปล่าเนี่ย

    Simon : ไม่จริง ม่อนไม่เชื่อ ม่อนรับไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า

              …Simonหวีดร้องซ้ำไปซ้ำมา และลงท้ายด้วยการยืนกรานคำเดิมว่า ผู้ชายคนนี้ ไม่มีทางเป็น Patrick เด็ด ขาด!!

     

    บทที่5 Difficult times

              เป็นบทที่ไม่มีอะไรเท่าไหร่ ป้าBeeแค่เอาข่าวนี้ไปแจ้งแก่สามีของเพื่อนบ้าน หรือบาทหลวงGeorge Peck(เอาจริงมาแนวนักบุญ อุบาสกไรงี้)ผู้ให้คำปรึกษาแก่ทุกคน แม้ว่าจะดีใจที่หลานชายคนโตกลับมา แต่นางก็กังวลกับรีแอคชั่นของหลานๆ ในบ้าน ซึ่งGeorgeก็ให้คำแนะนำแค่ว่า

               ถ้ารู้สึกดีมีความสุขที่ได้พบหน้าหลานอีกครั้ง มันก็ดีแล้วนี่ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย

              ด้าน Brat เอง ช่วงนี้เขาก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะ Mr.Sandal คอยจับตามองตลอด ซึ่งผลลัพธ์ลงท้ายออกมาดีมาก Mr.Samdal เริ่มวางใจมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มให้ชุดสูทกับเจ้าตัวแล้ว และในจังหวะนั้นนั่นเองที่ Brat (ด้านดี) รู้สึกว่าตัวเองถลำลึกมากเกินไปแล้ว

              การกระทำแบบนี้ก็เหมือนไปหลอกเขา จะนำความเดือดร้อนมาทีหลังนะ

              Brat ด้านมืดยิงบทโน้มน้าววันช็อตK.O.ไปง่ายๆ ว่า 

              สรุป ด้านมืดของ Brat ก็ชนะอีกแล้วค่ะพี่น้อง

     

    บทที่6 Welcome home?

              นี่คือวันที่ระทึกใจที่สุดของ Brat

              ถึงจะหลอกทนายได้ หลอกป้าBeeได้ แต่การจะเข้าไปในถิ่นแปลก และรายล้อมด้วยคนที่จ้องจับผิดตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องเดินหน้าลุยอย่างเดียวล่ะวะ

              วันนี้เป็นหน้าที่ของ Eleanor ที่จะขับรถมารับBratที่สถานีรถไฟ Guesgate ทันทีที่ได้เจอ อคติของ Eleanorก็อันตรธานหายไป นางต้อนรับพี่ชายที่ กลับมา เป็นอย่างดี

              ระหว่างทางขับรถผ่าน นางก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ แนะนำหมู่บ้านClareถิ่นของนาง โรงเรียนเอยอะไรเอย(เห็นว่าเป็นโรงเรียนที่ปล่อยเด็กมาก เด็กอยากทำอะไรทำไป อยากเรียนค่อยมาเรียน) ซึ่งเพื่อความเนียน แม้จะทราบข้อมูลมาจากAlecก่อนหน้าแล้ว Bratก็ต้องแกล้งทำเป็น unseen อุว้าว เปลี่ยนไปเยอะเลยเนอะๆๆๆ อเมซิ่งๆๆ ..ต่อไปเรื่อยๆ

              กระทั่งถึงหน้าฟาร์ม พวกเขาก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตในกระโปรงสีฟ้าออกมาเต้นแร้งเต้นกากีดขวางการจราจรวอนจะโดนรถคันงามของเจ๊Eleanorสอยซักรอบ นั่นไม่ใช่ใคร น้องสาวตัวดี Ruth ที่อยากเจอพี่ชายคนใหม่ซะติ่งดิ้นนั่นเอง

              ในขณะที่ Ruth ญาติดีกับ Patrick(Brat) อย่างมากตั้งแต่แรกพบเจอ แต่ฝาแฝดJaneกลับมีท่าทีคนละอย่างกันโดยสิ้นเชิง นางแอนตี้ตั้งแต่แรกเห็น ควบลูกม้า Fourposter ของตัวเองเดินมาเชิดใส่เป็นการทักทาย Bratจึงโชว์กึ๋นด้วยการเข้าไปลูบหัวเจ้าลูกม้าตัวนั้น ที่จริงๆ แล้ว มันจะกลัวคนแปลกหน้ามาก ชนิดที่ว่าไม่ยอมให้ใครแตะตัวมันง่ายๆ แต่ Brat ดันเข้าไปตีสนิทได้ง่ายดายราวกับตนมีสกิลเจ้าหญิงดิสนี่ย์ซะงั้น

              งานนี้ Janeจึงเริ่มยอมลดอคติที่มีต่อพี่ชายคนใหม่ไปนิดหน่อยล่ะนะ (แต่ก็ยังอคติอยู่ดี)

     

    บทที่7 Brat’s first test

              แม้จะผ่านปราการน้องสาวทั้งสามมาแล้ว แต่คนที่ลุ้นที่สุดคือ ฝาแฝดของเขาเอง Simon

              ในตอนที่เข้าบ้านไป Simonยังไม่ปรากฏตัว ทำให้Bratนั่งลุ้นอยู่ในห้องรับแขก แม่บ้านนาม Lana Adams จึงเข้ามาชวนคุย และประเด็นที่ยกมาเม้าท์ก็ไม่พ้นประเด็นสาดเสียเทเสียใส่ Simon นั่นเอง

              พอฟังนิสัยของม่อนจังจากผู้มีประสบการณ์ตรงอย่างขุ่นแม่บ้านตรงหน้าแล้ว Brat ก็ยิ่งรู้สึกเสียวไส้ขึ้นทุกที

              ม่อนจังจะทำยังไงกับเรานะ คงจะแอนตี้เราแน่ๆ เลย

               ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ’ Simonกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน

              !!??

              ทุกคนต่างตื่นตะลึงพรึงเพริดกับท่าทีเฟรนด์ลี่ขี้เล่นเล่นขี้ของ Simon มันทำให้ป้าBeeสบายใจว่าพี่น้องรักกันดี แต่อีPatrickกำมะลอคนนี้ยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ

                    อย่าคิดกูไม่รู้นะว่า เอ็งก็กำลังเฟคอยู่ – Bratผู้ได้รับการถ่ายทอดสกิลแอ็คติ้งจากAlecจิกสายตาใส่ม่อนจัง

              Bratต้องการหาที่ระบาย แม้ว่าการปลอมตัวจะราบรื่น แต่เขาก็รู้สึกอึดอัดอยู่ดี เลยเปรยๆ ออกไปว่า

              เอ่อ ทุกคน ตอนที่พี่ไประหกระเหินด้านนอกพี่ได้ชื่อใหม่เรียกพี่ว่า แพทริเซีย

              ….

              ไม่ใช่ๆ เอาใหม่ๆ

              เรียกพี่ว่า Brat Farrar ตามที่เพื่อนร่วมงานตั้งให้พี่ก็ได้นะ

              Ruthหวีดร้องตามประสาน้องสาวติ่งพี่ชาย บอกว่าชอบชื่อนี้มากๆ และจะเรียกชื่อนี้แทนชื่อ Patrick แน่นอน ซึ่งเมื่อมีคนเปิด ก็ต้องมีคนตาม ทุกคนในบ้านจึงพร้อมใจกันเรียกสมาชิกคนใหม่ว่า Brat โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือชื่อจริงของคนที่กำลังต้มพวกเอ็งอยู่นั่นแหละ

              ในช่วงเวลาแห่งครอบครัวนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มในชุดสีฟ้า(สงสัยช่วงนั้นแฟชั่นสีฟ้ามาแรง) บุกเข้ามาถึงบ้าน เขาคือนักข่าวชื่อว่า Mr.Macallan จากสำนักพิมพ์ Westover Times ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า

               คนเจ็บคนหายคนตายมีทุกวัน น่าเบื่อจะตาย ต้องคนที่คิดว่าตายแล้วแต่ดันกลับมาได้นี่สิ ข่าวข้น สกู๊ปเด็ด!’

     

    บทที่8 Battle Begins

              บทนี้เป็นบทชมนกชมไม้ในฟาร์ม Latchetts แต่มีประเด็นสองประเด็นหนักๆ จากบทนี้

              ประการแรก Simonรื้อฟื้นเกี่ยวกับไอเทมแห่งความทรงจำของพวกเขา ทั้งถ้วยรางวัลจากการแข่งม้ารุ่นจูเนียร์ตั้งแต่ปีมะโว้ และชิ้นถัดมานั้นเป็นสิ่งที่เรียกว่า ม้าของเล่น ของPatrick และSimonในสมัยเด็กมากๆ

               อ๋อ ม้าของเล่นชื่อ Travesty ที่พวกเราช่วยกันตั้งชื่อมันนี่เอง’ Bratกล่าวออกไปตามข้อมูลที่ได้รับจาก Alec โดยไม่ได้คิดอะไรมาก

              จังหวะนั้น Brat เหลือบเห็นสีหน้าของ Simon ผ่านบานกระจกพอดี ม่อนจังกำลังตกตะลึงพรึงเพริดติดสตั้นอยู่ แต่วินาทีต่อมา ม่อนจังก็กลบเกลื่อนสีหน้าตัวเองกลับเข้าโหมดปกติดังเดิม

               นอกจากเราสองคน ก็ไม่น่าจะมีใครรู้ชื่อม้าของเล่นตัวนี้ได้เลยนี่นา’ Simonคิดในใจ

               อ้าว แต๊บหลุดแล้วเหรอ แหม ที่จริงก็คงจะจับผิดกรูอยู่ แต่เลือกที่จะใช้สเต็ปเอาน้ำเย็นเข้าลูบสินะ’ Bratคิดในใจดังกว่า

               (มาถึงจุดนี้ ทุกคนคงจะสงสัยเหมือนดิชั้นใช่มั้ยคะว่า อีAlecมันติดเครื่องดักฟังไว้กับแฝดสองคนนี้ตั้งแต่สมัยสิบกว่าปีที่แล้วรึอย่างไร ทำไมแมร่งรู้แทบทุกเรื่อง จำได้ทุกอย่างอย่างน่าอัศจรรย์ซันไลท์ซุปเปอร์เลม่อนขนาดนี้)

              จบประเด็นแรก มาประเด็นที่สอง ในช่วงที่ป้า Bee , Simon และ Eleanor พาชมฟาร์มอยู่นั่นเอง ในช็อตที่ Simon กับ Brat อยู่กันสองต่อสอง Brat ก็พบม้าสีดำแต่มีลายดาวแสกกลางกบาล นามว่า Timber

              Simon ก็รีบอธิบายทันทีว่า ม้าตัวนี้เป็นม้าติดชาร์จเดอะเบสท์วันของฟาร์มในตอนนี้  พันธุ์สวย อึด ถึก พลิ้ว ใช้แล้วดีเครื่องฟิตสตาร์ทติดง่าย

               มันเป็นม้าของฉันก็จริง แต่ฉันให้พี่ยืมไปลองขี่เล่นได้นะ สนมั้ยล่ะ?

              แน่นอนว่า ด้วยความติ่งม้าจัดจนลืมระแวงคนตรงหน้าไป Brat จึงเซย์เยสแบบไม่ลังเลใดๆ

               ระวังตัวด้วยนะ เจ้าม้าตัวนี้ มันอาจจะชอบเล่น ทริคอะไรบ่อยๆ น่ะ หึหึหึ’ Simonกล่าวเตือนด้วยความหวังดีสุดๆ ก่อนที่ Brat จะควบมันออกไปเซอร์เวย์รับลมด้านนอก

              ถัดจากนั้น Brat ก็ควบม้า Timber ไปเซอร์เวย์รอบๆ หมู่บ้าน กระทั่งถึงหุบเขา Tanbitches จุดเกิดโศกนาฏกรรมเมื่อแปดปีก่อนของคนที่เขากำลังสวมรอยอยู่ Brat ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสำนึกแสดงความเสียใจแทน

               ‘Patrick ขอโทษนะ

              ….แต่ฟาร์มที่นี่เก๋กู้ดจริงอะไรจริง ถ้าฉันขอเป็นนายไปอีกนานเลย ก็คงจะไม่ว่าอะไรหรอก เนอะ

     

    บทที่9 He has his tricks

              Bratขี่ม้ามาจนเหนื่อย จึงย้อนมาพักม้าไว้ แล้วนอนพักใต้ต้นไม้

              ระหว่างที่ Brat กำลังหลับสบาย ก็มีมาผจญมาขวางนิทรารมณ์ ด้วยเสียงดัดจริตสิบระดับ ใจความว่า

              อ๊ะๆ อย่าเพิ่งเปิดตาสิ ตะเองเดาสิว่าเค้าคือครายยย

              อิหอยเสียบ กรุไม่จำเป็นต้องทำตามมรึง’ Bratแกะมือนังผู้ขัดขวางการนอนหลับอหอก และทันใดนั้น นางก็ผงะอุทานระบบเดียวกันกับ Mr.Sandal ไม่มีผิดเพี้ยนจากกัน

              ขุ่นพระ ฉันนึกว่าSimonซะอีก ก็..ปกติ คนที่ชอบมาแถวๆ นี้น่าจะเป็นม่อนจังนี่นา

                     คงใช่มั้งอิดอก - Bratอาจจะอยากกล่าวแบบนี้ก็ได้

              เห็นทีถ้ากระบิดกระบวนความต่อไปคงจะโดนด่าเอาได้ นางจึงรีบแนะนำตัวว่า นางคือ Sheila Parslow มาจากโรงเรียนในหมู่บ้าน Clare ที่เดียวกับที่ที่ Simonเรียน(โรงเรียนไฮโซที่วันๆ ไม่ทำอะไร) แต่พ้อยท์สำคัญคือ นางเป็นสตรีสายล่า แอบเฝ้ามอง Simon(เหยื่อ) ด้วยความตื่นเต้น อยากค้นหา something ในตัวเขามาเนิ่นนาน จึงพยายามอ่อย(รุก)ใส่ Simon รอเหยื่อมาติดกับมานานแสนนาน (ด้วยความสนุกสนานที่ได้บริหารเสน่ห์ตนเอง) แต่อีตา Simon ไม่เคยแม้แต่จะเปิดโอกาส หรือยอมตกหลุมเสน่ห์เลยแม้แต่นิด คงเพราะว่า Simon ก็มีนางในฝันอยู่ในใจแล้ว

              สรุป นอกจากสาธยายชีวิตชะนีผู้เหี่ยวแห้งบนคานทองนิเวศให้ Brat ฟัง และถามชื่อซึ่งกันและกัน ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

               ในตอนที่ Brat กำลังจะกลับเข้าบ้านนั่นเอง แทนที่ เจ้า Timber จะยอมวิ่งเข้าประตูดีๆ มันก็เหมือนจะจงใจหักเลี้ยวตัวเองเอาตัวสีข้างกับรั้วกะทันหัน ซึ่งนั่นเป็นการสะบัดให้คนขี่หลุดออกจากหลังของมัน

               แต่อย่าลืม ว่าใครอยู่บนหลังเอ็ง คนที่ทำงานในฟาร์มม้ามานานแสนนานนาม Brat เลยนะเว้ยเฮ้ย

               Brat จึงรีบชักขาหลบการปะทะกับรั้วได้ทัน ก่อนจะหันกลับคาดโทษกับพาหนะชั่วคราวของตนว่า

                ‘อ้อ นี่แกคงจะจงใจเล่น ทริคอะไรสักอย่าง ตามที่เจ้านายแกกำชับไว้ใช่มั้ยล่ะ?

               ถัดจากนั้น Brat ได้ไปคุยกับ Eleanor เรื่องความอันตรายของเจ้า Timber ซึ่งฝ่ายเจ๊แกก็ตอบกลับมาเสียงเรียบว่า

                ‘อ้าว ไม่แปลกใจเลยเหรอ ว่าทำไมม้าพันธุ์ดีที่ราคาน่าจะแพงกระเป๋าแหกขนาดนี้ แต่ฉันดันซื้อมาได้เจ๊Eleanorเผยความจริงให้ฟัง ม้าตัวเนี้ย เป็นม้าที่โดนFelix นักล่ามือโปร จับมาทำพันธุ์ แต่คิดดูฝีมือขั้น Felix ก็ไม่น่าจะพลาดท่าง่ายๆ แต่มันก็ฆ่าเขาได้ชิลๆ เลยล่ะดังนั้น Timberเลยโดนหาว่าเป็นม้าฆาตกร ไม่มีใครกล้าซื้อ แต่แล้วไง ใครแคร์ ราคาถูกแต่ของดีขนาดนี้ ฉันก็เซ้งมาจาก Lerridge Sale ซะเลย วะฮ่าๆ

               ฟังขนาดนี้แล้ว ก็คงไม่แปลกใจว่าทำไม เจ้า Timber ถึงได้รับขนานนามว่า ม้าอันตราย ตามที่ทุกคนเห็นกัน

                ‘ว่าแต่ ทำไมพี่Simonเอามันให้พี่ขี่ล่ะเนี่ย รู้ทั้งรู้ว่าอันตรายแท้ๆ เชียว’ Eleanor ถามด้วยความสงกะสัย

               ตอนนั้นเองที่ Brat เพิ่งจะหลุดพ้นจากความติ่งม้า และสำนึกได้ว่า จงใจส่งม้าอันตรายมาให้เขาขนาดนี้ นี่คงเป็นหนึ่งในแผนกำจัดเขาออกไปจากฟาร์ม by. ม่อนจังล่ะสิเนี่ย

               ท้ายบท Brat จึงขนานอุปมาอุปไมยอันใหม่ว่า

                ‘Simon นั้น อันตรายร้ายลึกดุจดั่ง Timber’ แค่นี้แหละ

     

    บทที่10 Patrick’s death

               เช้าวันพุธ ป้าBeeได้พา Brat ไปรู้จักกับ Mr.Gates ผู้ที่เช่าที่ส่วนหนึ่งในฟาร์ม Latchetts เพื่อทำฟาร์มเช่นกัน ซึ่งฟาร์มที่ครอบครัวของMr.Gatesทำกินอยู่นั้นก็มีชื่อว่า Wigsell

               พูดแบบนี้เหมือนฮีจะเป็นประเภทกุลีชนชั้นกลางหาเช้ากินค่ำ แต่แท้จริงแล้ว ปัจจุบันฮีขยายสาขา มีฟาร์มและร้านเนื้อเป็นของตัวเองในอีกที่ (ตอนนี้ก็มีฐานะพอๆ กับเจ้าของที่แล้วล่ะมั้ง) หากเพราะผูกพันกับที่ที่ตัวเองทำงานมาตลอดตั้งแต่แก่ยันหนุ่ม จึงยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป

               และMr.Gates ก็มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ Peggy เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ล่าสุดผู้เป็นพ่อก็เพิ่งประเคน Dick Pope’s horse (ม้าตัวนี้น่าจะมีชื่อจริงๆ ว่า Riding light) ม้าพันธุ์ดีเกรดสูงเทียบเท่ากับ Timber ให้หมาดๆ แน่นอนว่า เฮียแกต้องโม้ให้ชาวบ้านชาวช่องรับรู้ถึงความป๋าของตนอยู่แล้ว

               Bratสังเกตว่า ป้าBee ดูจะพลอยยินดีปรีดาเกินหลักพรหมวิหารสี่ แถมทำท่าขำอีกต่างหาก จึงแซวไปว่า

                ‘แหม่ ทำหน้าเหมือนแมวได้นมเลยนะครัช

               ป้าBeeหัวเราะหึ ได้ทั้งนมได้ทั้งปลาเลยต่างหาก

               ….และแล้วBrat ทราบเหตุผลในภายหลังว่าทำไมป้า Bee ถึงดีใจนักหนา มันเกิดจากสมการห้าข้อประกอบกันอ่ะนะ

               สมการที่ว่า ประกอบด้วยด้วย

               1.นางในฝันของ Simon ที่ว่า คือแม่นาง Peggy

               2. Peggyได้รับม้าพันธุ์ดีสุดๆ และเมื่อเทียบกับTimberแล้วอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ

               3. Simonนั้นเป็นคนที่ Here

               4. แม่หนู Peggy เป็นคนดี ป้า Bee เองก็เอ็นดูนาง

               5. Mr.Gates อยากให้ลูกสาวตนเองดองกับSimon

               บวกลบคูณหารไปแล้วผลลัพธ์ก็คือ ทันทีที่ข่าวม้าตัวใหม่เข้าถึงหู Simon ก็เห็นได้ชัดว่าเกิดอาการ อิจฉริษยีซาบีน่า อย่างเห็นได้ชัด Simonก็ประกาศเลิกชอบPeggyอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุผลเพาะความอิจฉาเพียงข้อเดียว ซึ่งป้าBeeก็คิดว่า ดีแล้ว คนดีๆ อย่างหนู Peggy จะได้มีโอกาสคว้าผู้ชายที่ดีกว่าหลานชายHereๆ ของตัวเอง

               ส่วนที่ขำ ก็เพราะสมการข้อที่ห้า การที่ Mr.Gates ซื้อม้าให้ลูก ไม่ใช่เพราะแค่แสดงความรักอยากเทคแคร์ แต่เพราะอยากให้ลูกตัวเองดูมีแบรนด์หรูเทียบเท่าว่าที่ลูกเขยของตัวเอง เด็กทั้งสองคนจะได้ตกล่องปล่องชิ้นกันไวๆ หากสุดท้ายผลลัพธ์ดันออกมาตรงกันข้ามกัน กลายเป็นว่า จากพ่อสื่อนำรักเลยกลายเป็นคนสะบั้นทางรักของทั้งคู่ โดยไม่รู้ตัวซะงั้น

               Brat พักเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไว้ แล้วหันมาขบคิดเกี่ยวกับการตายของ Patrick เมื่อแปดปีก่อน มีคำถามในหัวมากมายว่า Patrickอาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตาย แล้วใครฆ่าเขา? แล้วผู้ต้องสงสัยเบอร์1อย่างSimon ตอนเกิดเหตุม่อนจังทำอะไรอยู่

               สุดท้าย Brat จึงตัดสินใจเริ่มสืบคดีการตายของPatrick ซึ่งมันก็ค่อนข้างประหลาดในสายตาชาวบ้าน ประมาณว่า อ้าว เจ้าตัวสืบเรื่องของเจ้าตัวเอง เพื่ออะไรวะเนี่ยแต่พระเอกของเราก็หาได้แคร์ไม่

               Brat เริ่มต้นด้วยการบุกไปที่สำนักพิมพ์ Westover Times หาหนังสือพิมพ์ที่เคยมีการลงข่าวการสืบคดีของ Patrick

               ในเนื้อข่าวสืบละเอียดถึงงานอดิเรกของทั้งคู่เพื่อนำไปประกอบคดีว่า ในตอนเกิดเหตุแต่ละคนอยู่ที่ไหน

               แปดปีก่อน งานอดิเรกของ Simon คือการไปป่วนร้านตีเหล็ก ส่วน Patrick จะชอบนอนส่องนกชิลๆ

               และคนสุดท้ายที่ได้เห็นตัว Patrick ก่อนเกิดเหตุคือ Abel Tusk

               กระทั่งเกิดเหตุขึ้นมา หลักฐานที่พบตรงหน้าผาของภูเขา Tanbitches มีแค่เสื้อโค้ทของผู้ตาย และดายอิ้งเมสเสจ แต่กลับไม่พบปากกา ‘Stylograph’ ที่ Patrick มักจะพบติดตัว แม้ตอนงมศพขึ้นมา ก็ไม่มีปากกาอยู่กับศพ ทุกคนจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า Patrick คงกระโดดลงไปพร้อมกับปากกาเล่มนั้น แล้วตอนอยู่ใต้น้ำ ปากกาก็คงหลุดหายไปใต้ทะเลแล้ว

               Bratกลับไปที่บ้าน ก่อนจะเริ่มเค้นถาม ป้า Bee ว่าวันนั้นใครทำอะไรบ้าง

               ป้าBeeด่าBratไปว่า เอ็งมันไร้สาระหนึ่งชุด ก่อนจะให้คำตอบเพิ่มก็คือ ในช่วงเกิดเหตุ Simon ก็เล่นอยู่ที่ร้านตีเหล็ก แล้วก็กลับมากินข้าวเย็นปกติ กระทั่งผิดสังเกตว่าพี่ชายไม่กลับมา Simon ในวัยสิบสามอีกแหละที่เป็นคนควบม้าหาตัวพี่ชายของตนเอง ทำให้ม่อนจังยิ่งดูเป็นผู้บริสุทธิ์เข้าไปใหญ่

               แล้วอย่างนี้ Simon จะเป็นฆาตกรจริงๆ รึเปล่าเนี่ย?

                ‘เรื่องมันแล้วไปแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะนะลูกนะป้าBeeกลอกตาอย่างเอือมระอา

     

    บทที่11 Patrick’s Birthday

               ตามที่คาดไว้ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเกิดของฝาแฝดทั้งคู่ก็จริง แต่เพราะลุง Charles ยังไม่กลับมา งานเปิดมรดกก็จะยังไม่เริ่ม Bratจึงยังมีเวลาสืบเรื่องนี้อีกระยะหนึ่ง

               Bratได้พบกับ Abel Tusk ชายชราที่เห็น Patrick เป็นคนสุดท้าย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ช่วยให้คดีคืบหน้าแต่อย่างใด

               Bratเลือกจะเข้าไปที่ร้านตีเหล็กตรงตีนเขา จึงได้พบกับ Mr.Pilbeam ช่างตีเหล็กที่เมื่อก่อนคอยปวดกบาลเวลา Simon มาสิงสถิตเป็นประจำ ซึ่งเมื่อถามไถ่แล้ว ข้อมูลที่ม่อนจังมาเล่นในร้านตีเหล็กช่วงเกิดเหตุก็เป็นเรื่องจริง

               สรุป การไปไล่ถามพยานวันนี้ ก็ไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นมาเลยแม้แต่อย่างเดียว

               ระหว่าง Brat กำลังเดินคอตกงุนงงกับชีวิต สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Jane ก็ปราดเข้ามาขอสงบศึก ซึ่ง Brat ก็โอเค เพราะไม่ได้เหม็นขี้หน้าอะไรกันมากขนาดนั้นอยู่แล้ว

               จังหวะนั้น ป้าBeeก็มาบอกกล่าวกับ Brat ว่า ตอนนี้กำลังจะใกล้ถึงเทศกาลแข่งม้าที่เมือง Bures แล้ว ถ้าสนใจ เดี๋ยวป้าให้ยืมเจ้าม้า Chevron ไปแข่งเอาละกันเนอะ

               เมื่อพูดถึงเทศกาลประจำเรื่อง มันก็จะเป็นงานเทศกาลแข่งม้ารวมถึงเป็นการพบปะสังสรรค์ของชาวไร่ชาวฟาร์ม ซึ่งจะจัดขึ้นทุกปีที่เมือง Bures ทางตอนเหนือของ Westover แน่นอว่าบ้านAshbyก็จะเข้าร่วมแข่งม้าทุกปีเป็นเรื่องปกติ

                ‘แล้ว Timber ล่ะ?’ Bratถามหาม้า(ที่อยากจะให้มาเป็น)คู่หูของตนเอง

                ‘เอ๊า ก็นั่นม้าของ Simon เขา เธอคงไม่มีสิทธิ์ไปขี่หรอก แต่ก็นะ.. ม้าตัวเองทั้งทีดันไม่ดูแลซะเนี่ย ใช้ไม่ได้

               ตามที่ป้าBeeบ่นไว้ Timberเป็นม้าในอาณัติของSimon ซึ่งมันจะยอมรับได้มากกว่านี้ ถ้าSimonเป็นเจ้านายที่ดูแลเอาใจใส่มันจริงๆ บางวันอยู่ๆ ก็แว่บหายไป ปล่อยให้Timberเหงาเปลี่ยวอุราในคอกไป

               Bratผู้พิทักษ์สิทธิแห่งม้า ย่อมทนไม่ได้ เพราะถ้ายิ่งปล่อย นิสัยอินดี้ กูติส กูวิ่งไถรั้ว ช่างหัวคนขี่ ของTimberก็จะฝังรากลึกไปเรื่อยๆ ซึ่ง Eleanor เองก็รู้เห็นเป็นใจ อยากให้ช่วยแก้ปัญหานี้ยู่เนืองๆ Brat จึงยอมเสนอหน้าเข้าไปดูแล Timber เป็นระยะ

                รวมถึงวันนี้ด้วย

                ‘เหยยยยย ใครวะ สาระแนเอาม้าGu ออกไปขี่ แสรสสสสส’ Simonในสภาพเมาได้ที่บรั่นดีล้นกะโหลก เดินตุปัดตุเป๋เข้ามาในคอกม้า พร้อมเห็นภาพ คนนอกอย่างbratมาสาระแนยุ่งกับม้าTimberของตน ม่อนจังจึงออกอาการ หวงก้าง สาดใส่Brat ตามที่ทุกคนคาดเดาไว้

               และในวันนี้อีกนั่นแหละ ที่ฤทธิ์ยาดองทำเอา Simon แต๊บหลุด ภาพพจน์น้องชายฝาแฝดแสนดีอะไรนั่น กูไม่เล่นแล้วสาส Simon จึงบรรจงแร็พคำด่าใส่ Brat ไม่ยั้ง จนมันเริ่มลุกลามจะเป็นการทะเลาะวิวาทรอมร่อ

                ‘พี่น้องกันเองจะกัดกันทำไมวะคะแม้Eleanorจะห้ามก็ไม่มีใครฟัง ทั้งสองยังปะทะคารมกันต่อไป โดยSimonก็ปิดฉากการสนทนา ด้วยประโยคที่ว่า

                ‘Timber เป็นม้าของฉัน แก ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ทั้งนั้น จำไว้ด้วย

               ก่อนเดินสะบัดตูดออกไปออกไปอย่างผู้มีชัย

               //ม่อนจังไม่โดนเกือกม้าฟาดกบาลกลางคอกก็ดีเท่าไหร่แล้ว

     

    บทที่12 The Bures Show

               ตามที่ได้บรรยายไปในบทก่อนหน้า ช่วงนี้คือช่วงเทศกาลแข่งม้า รายละเอียดไม่มีอะไร ก็แค่ตระกูล Ashby กวาดถ้วยรางวัลกันสนุกสนานด้วยความเมพของสามพี่น้องนักขี่ม้า(ตัดRuthและBratออก)นั่นแหละ

               จะมีดีเทลนิดหน่อยตรงที่เป็นการเปิดตัว หวานใจ(?)ของเจ๊ Eleanor ตามคำบอกกล่าวของ Ruth

               Roger Clint ชายหนุ่มอัธยาศัยดี ดีกรีเจ้าของฟาร์มม้าในแถบเมือง Bures ดูท่าสองคนจะกุ๊กกิ๊กกันมากทีเดียวเชียว

               ถามว่าใครเจ็บ …Brat นี่แหละที่เจ็บ

               โถๆๆๆ เป็นพี่ชายที่ดีไปเถอะนะ Brat

               แต่บางที ข้อมูลจากนัง Ruth จะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่มีใครทราบได้หรอกนะ หึๆ

    การแข่งม้ารอบบ่าย เวียนมาถึงสังเวียนของ Brat (ในฐานะ Patrick) ก่อนจะลงแข่งเจ้าของม้าก็จะต้องลงทะเบียนก่อน ซึ่งจังหวะนั้น Simon ก็ปราดเข้ามาเสนอตัวจะคอยดูแลม้า Chevron ของ Brat ให้จนกว่าเจ้าตัวจะกลับมา

               …Brat ที่ไม่ไว้ใจม่อนจังอย่างรุนแรง ครั้นพอกลับมาจากลงทะเบียน ช่วงก่อนเริ่มแข่งก็เลยลงมือเช็คบังเหียน-อานม้าอีกรอบ

               นั่นไง สายบังเหียนกับอานม้า โดนปลดล็อคให้หลวมตามที่คาดไว้ ซึ่งถ้าปล่อยไว้ ความพินาศกลางสนามแข่งก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

               ..ไม่ต้องเดาเลยว่า นี่เป็นผลงานสุดน่ารักฟรุ้งฟริ้งของใคร..

               สุดท้าย การแข่งม้าก็ดำเนินไปได้ด้วยดี และด้วยสกิลพระเอก Brat ก็คว้าแชมป์มาครอง เรียกได้ว่า ปีนี้พี่น้อง Ashby ก็ถือถ้วยกลับบ้านกันคนละถ้วยเลยทีเดียวเชียว

     

    บทที่13 Simon confesses

               จบงานแข่ง ก็ต้องมีงานปาร์ตี้สังสรรค์ Brat ใช้โอกาสนี้เข้าไปเลียบๆ เคียงๆ ถามด้วยความหึงว่า

                ‘ที่คุยกับหมอนั่นทั้งวันน่ะ เรื่องอะไรเหรอ

                ‘ไม่มีอะไรๆ แค่เขามาปรึกษาฉันน่ะ คือ ลุงของ Tim Concell มีฟาร์มม้าชื่อ Kilbarty ที่ Ireland นู่นนนนน แล้วทีนี้ลุงแกก็มาชวนให้ Roger ไปช่วยงานที่นั่น แต่เพราะRoger ยังอยากอยู่ที่นี่ต่อ ทีนี้ก็เลยหนักใจอยู่ว่าจะไปหาคนช่วยงานจากไหนดีน่ะสิ

               หึ เป็นห่วงเป็นใยหนักใจแทนกันได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ ชิชะชิชะมะละกอจิ้มเกลือ

               Bratที่เริ่มจะออกอาการหึงโดยไม่รู้ตัว ก็ถามเลียบๆ เคียงๆ ไปอีกว่า แล้วตอนนี้ Roger เขาไปอยู่ไหนซะล่ะ?

                ‘ตอนนี้เหรอ? ก็อยู่กะเมียเขาไง

                ‘ห้ะ เมีย!?

               พอเป็นอย่างนี้ก็สรุปได้ว่า ข่าวจากนัง Ruth มั่วนิ่มทั้งเพนั่นเอง (คือทั้งคู่เคยจีบกันก็จริง แต่ก็ไม่ได้ลงเอยกัน) และนั่นก็หมายความว่า Eleanor ยังโสดโสดอยู่ทางนี้ให้ Brat พร้อมเกี้ยวพาราสีมีค้ำคอร์กันต่อไป

               แต่ความดีใจอยู่ได้ไม่นาน ความกดดันและตึงเครียดก็เข้ามาแทนที่

               แมลงเจ้ากรรมที่อยู่ๆ ก็มาเกาะหลังของ Brat Eleanor จึงอาสาจะหยิบมันออกให้ และในจังหวะนั้นนั่นเอง นางก็หวีดร้องออกมาลั่นฟลอร์แดนซ์ว่า

                ‘คุณไม่ใช่พี่ Patrick นี่นา!?กว่า Eleanor จะรู้ตัวว่าอุทานอะไรออกไป คนตรงหน้าก็หน้าซีดเป็นไข่ต้มแล้ว

               ที่จริงฝ่ายที่ควรจะสำนึกผิดน่าจะเป็น Brat แต่ Eleanor ดันรีบขอโทษที่พูดจาไม่ดี ต่อไปจะไม่พูดอย่างงี้อีก แต่..ขอเวลากลับไปจูนสมองตัวเองแป๊บนึงนะ

               แล้ว Eleanor ก็วิ่งกรีดกรายเยี่ยงตนเป็นนางเอกซีรี่ส์เกาหลีออกจากฟลอร์แดนซ์ไป

               Brat ถึงคราวอมทุกข์อีกรอบ จึงเกิดเปรี้ยวใจไปนั่งบาร์ในงาน แม้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นจะเป็น Simon ก็ตามทีเถอะ

               การสนทนาแบบยาดองข้องเกี่ยวจึงเริ่มขึ้น และนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้ Simon ยอมคายความลับออกมาให้เราทราบกัน

    **จุดนี้ขออนุญาตแปลยาวเพื่ออรรถรสของเนื้อเรื่อง**

    Simon : แกคงจะเหม็นขี้หน้าฉันใช่มั้ยล่ะ?

    Brat : ก็ใช่ แต่ไม่ขนาดนั้น

    Simon : ทำไมล่ะ?

    Brat : เพราะนายเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมเชื่อว่าฉันคือพี่ Patrick ตัวจริง ก็แค่นี้แหละที่ฉันเซ็งนาย

    Simon : อ้าวไม่ใช่เพราะว่า ฉันเป็นคนเดียวที่ รู้ ว่า ยังไงนายก็ไม่ใช่ Patrick ตัวจริง หรอกเหรอ?

    Brat : …(เงิบ)

    Brat เห็นว่า จะสตอเบอแหลแถไปเรื่อยๆ ก็คงจะไม่มีประโยชน์ สู้กันด้วยความจริงน่าจะเวิร์คกว่า..

    Brat : แกฆ่าPatrick…

    Simon : ยอมรับแล้วสินะ ก็ดี ฉันก็จะยอมรับเหมือนกันว่า ฉันเองนี่แหละที่ฆ่าเขา Patirck น่ะตายไปแล้ว ..อุ๊ย ไม่สิ Patrick ยังไม่ตายหรอก ก็ตอนนี้ยังนั่งก๊งเหล้ากับฉันอยู่เลยนี่นา วะฮ่าๆ

    Brat : อีดอก อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง บอกมาซะ ว่าแกทำแบบนี้ได้ยังไง

    Simon : แบบนี้ที่ว่า คงหมายถึงว่าฉันทำยังไงให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์สินะ ก็ง่ายๆ เลย เพราะฉันสามารถอยู่ถึงสองที่ภายในช่วงเวลาเดียวกันไงล่ะ!

    Brat : หมายความว่าไง?

    Simon : เฉลยทั้งยวงมันก็หมดสนุกน่ะสิบอกมาขนาดนี่ก็ถือว่าเยอะแล้วนะตัวเอง อ้ออย่าคิดเชียวว่า เพราะฉันกำลังเมาเลยยอมคายความลับ ที่จริงน่ะฉันจงใจให้นายรู้อยู่แล้ว อย่าลืมสิ นายเองก็ยังมีเรื่องที่นายไม่ใช่Patrickตัวจริง ที่ต้องปกปิดต่อพวกป้าBeeอยู่เหมือนกัน ส่วนฉันก็มีเรื่องที่ฆ่าไอ่Patrick ตอนนี้เราสองก็เหมือนลงเรือลำเดียวกัน นายไม่บอก ฉันไม่บอก ต่างคนต่างอยู่ ชีวิตก็ดำเนินต่อไปตามปรกติสุข แฮปปี้เอนดิ้งทั้งคู่ ว่าไงล่ะ คู่หู?

    Brat : งั้นที่จงใจจะฆ่าตูโดยการบริการปรับอานม้าน่ะ นั่นเรียกว่าต่างคนต่างอยู่รึไง?

    Simon : นั่นแค่น้ำจิ้มหรอกน่า…. เพราะถ้าฉันเอาจริง นายเสร็จฉันไปแล้ว

    Brat : นั่นสินะ คนที่มีความสามารถระดับแยกเป็นสองร่างได้ตอนก่อเหตุ ถ้าวิธีปรับอานม้าซึ่งๆ หน้าเป็นไม้ตายจริงๆ แล้วล่ะก็ คงจะน่าขำเต็มทีล่ะนะ

    Simon : ถูกต้องนะคร้าบบบและสิ่งที่นายควรจะรู้อีกอย่างก็คือ เมื่อมีครั้งที่หนึ่ง ย่อมมีครั้งที่สอง สาม สี่ ตามมาเตรียมตัวรับมือได้เลย แต่เอาเรื่องตอนนี้ดีกว่า ฉันอุตส่าห์เปิดใจขนาดนี้แล้ว นี่ไม่คิดจะใจดียอมบอกกันหน่อยเลยเหรอ

    Brat : บอกอะไร?

    Simon : บอกว่า นายเป็นใคร

    Brat : ก็ได้ที่จริงแล้ว ฉันคือ

    คนที่ถูกถามค่อยๆ สูดลมหายใจลึก นับ 1..2..3..

    Brat : กรรมที่จะมาสนองมึงยังไงล่ะ อิสาหร่ายสไปรูไรน่าอบกรอบ

               จบฉากการสนทนาแสนดุเด็ดเผ็ดมันส์ที่ฝ่าย Brat ที่เป็นคนวางแก้วแชมเปญ แล้วสะบัดตูดเดินออกจากฉากไปตามสเต็ป

               ในท้ายบท Brat เลือกจะไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่หุบเขา Kenley Vale และตระหนักถึงข้อที่สำคัญที่สุดขึ้นมาได้

               ข้อเสนอ ต่างคนต่างอยู่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ยังไงเสีย Simon ก็จะหาทางกำจัดและรังควานไม่ให้เขาใช้ชีวิตในฟาร์ม Latchetts ได้อย่างสงบสุขแน่ๆ

               เห็นที คงจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ

     

    บทที่14 Priest’s advise

               Bratเริ่มนึกวิธีสืบไม่ออก ฮีเลือกจะไปทวนข้อมูลอีกรอบที่สำนักพิมพ์ Westover Times แต่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี

               เขาย้อนกลับไปที่ฟาร์ม ยืนมอง Timber แล้วนึกถึงวันที่เขาได้ขี่มันครั้งแรก

               วันนั้นที่ว่า เขาขี่ม้าไปที่แถวๆ หุบเขา Tanbitches แล้วก็มีอี Sheila มาปิดตา แล้วบอกว่า ปกติคนที่มานอนตรงนี้น่าจะเป็น Simon นี่นา

               Simon เชี่ยวชาญพื้นที่แถบนี้

               ถ้า Simon ไม่ได้ฆ่า Patrick ด้วยการผลักให้ตกจากเขา แต่เป็นฆ่าที่อื่น แล้วมาจัดฉากพร้อมทำลายหลักฐานที่หุบเขานี้ล่ะ?

               ด้านมืดของ Brat ปรากฏอีกครั้งพร้อมโน้มน้าวว่า

               ‘อิเชี่ย น่ากลัว สยองสัส แมร่งต้องโคตรดิบเลย ฆาตกรรมแล้วอำพรางคดีซ้อนอีก แกไม่ควรสู้กับมันนะเว้ย หนีไปเถอะ อย่าไฝ้ว์กับมันเลย

               หากความเป็นพระเอกของ Brat นั้นมีมากกว่า เพื่อความรักและความยุติธรรม ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์และขัดขวางไม่ให้ Simon ต้มยำทำแกงตระกูล Ashby ได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้น เขาจะต้องยืนหยัดสู้ต่อไปทาเคชิ!

               แต่ก่อนหน้า เขาก็ควรจะหาที่ปรึกษาเป็นการประกอบการตัดสินใจในการเดินหน้าของเขา

               คนแรกที่เขานึกถึงคือ Alec Loding แต่หาตัวไม่เจอว่ะ ตอนนี้ไม่รู้แมร่งหายไปไหนแล้ว..

               แล้วจะเป็นใครดีหนอ

               ขี้ไม่ออก บอก George สิคะสโลแกนคุ้นหูดังขึ้นมาในใจ

               ใช่แล้ว สุดยอด Adviser ประจำเรื่องอยู่ใกล้ตัวแค่นี้เอง!

               ทว่าการไปขอคำปรึกษากับ George นอกจากประเด็นที่ว่าหึ ข้ารู้ตัวจริงของเจ้าตั้งแต่แรกเห็นแล้วล่ะ ..แต่เพราะเห็นป้าBeeของเจ้าสบายใจ ข้าก็เลยไม่ได้บอกใครท้ายสุด Brat ก็ไม่ได้คำแนะนำอะไรดีๆ เพิ่มขึ้น มิหนำซ้ำ ยังถูก George ปรามกลับมาอีกตะหาก

                ‘เป็นไปไม่ได้หรอกที่ Simon จะฆ่าพี่ชายตัวเอง ต่อให้เป็นไปได้ตามที่เจ้าคิดก็จริง เราก็ไม่มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมสำหรับเปลี่ยนรูปคดีเลยไม่ใช่รึ?

               ซึ่งมันมีเหตุมาจากที่ว่า ตอนนี้ในหัวของเขาก็มีความคิดแนวทางเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ใครหน้าไหนก็ขวางไม่ได้หร๊อก

                        แล้วอย่างงี้เอ็งจะมาขอคำปรึกษา เพื่อออ? – George ควรด่าไล่หลังด้วยประโยคนี้

     

    บทที่15 Finding the evidence

               จากการที่โดนด่าเมื่อรอบที่แล้วว่า เราไม่มีหลักฐานเพิ่มเติมเลยนะเว้ยเฮ้ยทำให้ Brat เบนเข็มไปจดจ่อไปกับการหาหลักฐานเพิ่มเติมภายในพริบตา

               ระหว่างนั้นเอง Eleanor ก็มาชวนพี่ๆ น้องๆ เข้าเมือง เพื่อเอาถ้วยรางวัลไปสลักชื่อ ซึ่ง Brat ก็โอเค เพราะจะได้ถือโอกาสหาซื้ออุปกรณ์สำหรับ ลุยในคราวนี้ไปพร้อมๆ กัน

               ของที่ Brat ซื้อเป็นเชือกเก็บใส่กล่องอย่างดี แน่นอนว่า Simon ก็มองด้วยความอยากรู้

               ตอนแรก Brat ก็เลือกไม่บอก แต่พอนึกได้ว่า ตามเสต็ป Simon แล้ว มันอยากรู้อะไร มันต้องรู้ให้ได้ แมร่งต้องรังควานกูจนรู้แน่ๆ สู้บอกตรงๆ ไปเลยดีกว่า

                ‘ก็แค่ซื้อเชือกมาฝึกใช้เฉยๆ น่ะ ไม่มีอะไรหรอกน่า

               ตกค่ำในวันนั้น Brat ก็เริ่มปฏิบัติการเพื่อ หาหลักฐานอีกครั้ง

    *นอกเรื่อง* อ้างอิงจากประโยค : ‘He made his cross away the grass and sat down to make footholds
    Foothold แปลว่า รอยแยกสำหรับวางเท้าเวลาปีนต้นไม้หรือหน้าผา ไม่ใช่ รอยเท้า
    ซึ่งอนุมานได้ว่า
    Brat ไม่ได้จงใจสร้างรอยเท้าให้ใครตามมาได้แต่อย่างใด

     

               Brat เดินทางขึ้นภูเขา Tanbitches จุดเกิดเหตุ จนถึงมุมหนึ่งของหน้าผาในหุบเขา ที่ด้านล่างเป็นเหมืองถ้ำ Brat ค่อนข้างมั่นใจว่าจะต้องมีอะไรอยู่ในนั้นแน่ๆ เขาจึงค่อยๆ โหนเชือกโยนตัวลงไป

                ‘แย่จังเลยเนอะเสียงที่ Brat ไม่อยากที่สุดในตอนนี้ ดังก้องมาจากทางเหนือตัวของเขา ไง คู่หู

               อิม่อนจัง!

               Brat เริ่มคิดหนัก ทำนองว่า มันตามมาได้ยังไงวะ ไม่สิ ไม่ได้ตามมา มันน่าจะดักรออยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วมากกว่า

               Simon พูดจายียวนกวนส้นTeen เป็นการสื่อให้รู้ว่า นี่คือวินาทีสุดท้ายในชีวิตมรึงแล้ว..’ ก่อนจะเงื้อมีดสั้นขึ้นมาเตรียมตัวตัดเชือกที่รั้งตัว Brat อยู่

               แต่วินาทีสุดท้ายที่ว่า Brat ก็ยังเปรี้ยวตรีน ขอด่าอีตัวตรงหน้าสักป้าบ อิโง่ ต่อให้แกตัดเชือกให้ฉันร่วงลงไป ด้านล่างยังไงก็ต้องมีพุ่มไม้คอยรองรับฉันอยู่อยู่ เผลอๆ ถ้าฉันรอด ฉันอาจจะตะโกนเรียกให้คนมาเห็นธาตุแท้ของแกก็ได้นะเลยนะเว้ย

                ‘เหรอจ๊ะ แกคิดว่าคนนอกอย่างแกจะรู้ทางหนีทีไล่ได้ดีกว่าฉันรึไงมิทราบ?’ Simon แสยะยิ้ม หลุมด้านล่าง มันไม่ได้ตื้นอย่างที่ตาแกมองเห็นหรอก มันทั้งลึก ทั้งอันตราย ตกไปทีไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามว่าทำไมฉันรู้..? ก็เพราะว่า มี ใครบางคนหนึ่งในพี่น้องของพวกเราเป็นคนไปทดสอบ Open beta ก่อนใครแล้วไงล่ะ!!’

               ที่ Brat เคยเดาไว้ถูกต้องทุกอย่าง .. ร่างของ Patrick ไม่ได้จมอยู่ใต้น้ำทะเล แต่อยู่ใต้เหมืองในหุบเขานี้ต่างหาก

               แต่วินาทีนี้ Brat เองก็ไม่อยากจะไปนอนเป็นเพื่อนกับคนที่ตัวเองสวมรอยมาตลอด การตบตีชิงเป็นชิงตายตรงหน้าผาสูงชันจึงเริ่มขึ้น

               ทันทีที่Bratใช้สกิลสปีชี่ซอมบี้ Walking Dead ตวัดมือข้างนึงล็อคแขนที่ถือมีด อีกข้างล็อคขาของม่อนจังไว้ ฝ่ายที่โดนพันธนาการโดยไม่ทันตั้งตัวก็แหกปากลั่น

                ‘อิดอก! ปล่อย! มรึงปล่อยกรู๊ว!!’

                ‘อีช่อ! มรึงนั่นแหละทิ้งมีดเดี๋ยวนี้เลย!!’ ทั้งสองยังยื้อยุดฉุดกระชากไปมา และถือคติว่า ‘If กู หล่น มึง หล่น with กู ไอ่ซั๊ส!!’

                แหก!!’

               แตดเลื่อน!!!’

                ‘หอยหลุด!!’

                ‘อ๊ายยยย แม่มึงหล่นๆๆ!!’

               และแล้ว… Simonก็เป็นฝ่ายเสียหลักหล่นไปก่อน แต่ในจังหวะที่หล่นก็กระแทกตัวและเชือกของ Brat เมื่อเชือกขาด ร่างของBrat ก็ร่อนตามกันลงไปยิ่งกว่าเล่นบันจี้จัมป์

               ผลสรุปการต่อสู้ของทั้งคู่ก็คือ ร่วงทั้งคู่นั่นเองจ้า

     

    บทที่16 The past and the future

               ข้ามมาเหตุการณ์ปัจจุบัน Brat กำลังนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่ รพ. ส่วน Simon ก็ตายHa ไปเรียบร้อย

               ตำรวจได้เข้าตรวจพื้นที่ พบทั้งSimonที่เพิ่งตาย คนเจ็บสาหัสอย่างBrat และที่น่าสะพรึงที่สุด พบซากโครงกระดูกที่ด้านข้างตัวนั้น มีปากกา Stylograph อยู่ ไม่ต้องเดาเลยว่าร่างโครงกระดูกนั่นคือใคร

               Patrick นั่นแหละ

               และนี่คือบทสรุปเรื่องราวทั้งหมด ขอไล่มาทีละประเด็น

    1.ใครที่ยังสงสัยเกี่ยวกับประเด็นการตายของ Patrick ในบทสุดท้าย เฉลยมาดังนี้

    เหยื่อ

    Patrick

    ฆาตกร

    Simon

    แรงจูงใจในการก่อเหตุ

    ไม่แน่ชัด
    ทราบแค่ว่า
    Simon เกลียดพี่ชายตัวเองเข้าไส้

    และอีกส่วนอาจจะมาจาก พินัยกรรมปุ๊บปั๊บรับโชคแก่ลูกคนโต ด้วยความอยากชิงมรดก จึงลงมือก่อเหตุเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ลูกคนโต ตั้งแต่สมัยนั้นเลย

    วิธีฆ่า

    ไม่แน่ชัด

    คาดว่าน่าจะใช้ของแข็งอะไรสักอย่างทุบหัวจนน็อคในที่ที่อื่น แล้วรีบเอาศพไปทิ้ง

    จุดทิ้งศพ

    เหมืองใต้หุบเขา Tanbitches

    วิธีอำพรางคดี

    ทำให้ดูเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย

    ก่อนจะทิ้งศพลงในเหมือง Simon ได้ถอดเสื้อโค้ทของศพออก พร้อมเอาปากกาที่ผู้ตายพกติดตัวไว้ขึ้นมาเขียนดายอิ้งเมสเสจ แล้วลงมือโยนร่างผู้ตายลงไปในเหมือง ตามด้วยปากกา stylograph ไปด้วยกัน ก่อนจะนำไปวางที่หน้าผาชายฝั่งทะเล และทุกคนก็เข้าใจผิดเหมือนกันว่า Patrick มากระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย อีกทั้งหนึ่งเดือนให้หลังตอนที่พบศพจากทะเลสภาพเปื่อยยุ่ย แม้จะไม่ใช่ศพPatrick แต่Simonก็ถือโอกาสโน้มน้าวทุกคนว่า นี่แหละ ศพพี่ชายของตนเอง ทุกคนจึงปิดคดีอย่างสนิทใจว่า Patrick ฆ่าตัวตายจริงๆ

    วิธีทำให้ตัวเองดูบริสุทธิ์

    ฉันทำให้ตัวเองอยู่สองที่ ในเวลาเกิดเหตุ

    ตรงนี้ไม่แน่ชัด แต่คาดว่า รีบฆ่าผู้ตายตั้งแต่ตอนบ่าย แล้วก็รีบควบม้าไปทำทีนั่งเล่นในร้านตีเหล็ก แค่นี้ก็ได้พยานปกป้องหนึ่งคนแล้ว

    หนักกว่านั้น ตอนที่เริ่มตาหาพี่ชาย ก็แสร้งทำตัวเป็นน้องที่ดี ควบม้าหาตัวพี่ชายทั้งคืน แน่ะ ดูเป็นคนดีเข้าไปใหญ่


    และประเด็นต่อมาก็คือ

    2.ป้าBeeจะเอาไงกับไอ่คนหน้าเหมือนหลานตัวเองอย่างกับแกะ ที่ตอนนี้นอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ดีล่ะ?

              ถ้าเรื่องที่เขาทำให้ Simon ตายอีกคน เพราะ Simon ก่อกรรมมามาก จะไปโทษใครก็คงแปลก

              แต่จะให้ Brat อยู่ที่ฟาร์มนี้ต่อไป มันจะดรรึเปล่าน้า

              ตอนนั้นเองที่ ลุง Charles ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลด้วยความเร็วหอยทากเดินจงกรมมาถึง ได้มีบทกับเขาสักที

              พ่อหนุ่มคนนี้หน้าเหมือนใครน้าอ้อ Walter’

               ทีนี้ ป้าBeeจึงสรุปได้ว่า Bratคงเป็นลูกชายแท้ๆ ของญาติที่หายไปไหนก็ไม่รู้ของตน ส่วนแม่ของBrat ตามประวัติผู้หญิงที่มีความข้องเกี่ยวกับ Walter นั่นคือ Mary Woodward ผู้หญิงที่เปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ปลายจวัก หากมีใจรักที่จะเป็นพยาบาล และการอุทิศเป็นพยาบาลโดยเฉพาะในช่วงสงครามนั้น มันเอาแน่เอานอนไม่ได้ เธอจึงไปฝาก Brat ไว้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  ถัดจากนั้น นางก็เสียชีวิตในสงคราม เพราะปกป้องคนไข้ในโรงพยาบาลจนตัวตายนั่นเอง

               เมื่อลงเอยว่า Brat นั้นที่แท้จริงก็เป็นญาติคนนึงในตระกูล Ashby เหมือนกัน เมื่อประกอบกับพรหมวิหารสี่อันสูงส่งของป้าBee นางตัดสินใจลืมเรื่องร้ายๆ ทุกอย่าง ปล่อยให้หลานชายคนโตทั้งสองคนไปสู่ภพภูมิที่ดี แล้วเลือกจะให้อภัยคนตรงหน้า อีกทั้งยังรับมาเป็นหนึ่งใน ครอบครัว อย่างเต็มใจ

               ประเด็นคือ เจ๊Eleanorเดินมาบอกกับ ป้าBeeตรงๆ เลยว่า

               

               โอเค ลงอีหรอบนี้ไม่ว่ายังไงก็คงจะไล่ Brat ออกจากตระกูลไม่ได้แล้วล่ะสินะ

               คนอ่าน : เดี๋ยวนะ พี่น้องญาติมิตรแดรกกันเองเนี่ยนะ เดี๋ยวสิ

               ส่วนเรื่องอนาคตของ Brat การจะให้ครองฟาร์ม Latchetts ต่อไปดูจะไม่ใช่สิ่งที่ดีงาม ไม่ว่าจะเหตุผลใดๆ (ถ้าให้เดาคงจะพาดพิงถึง Alec Loding ที่อาจจะกลับมารังควานขอส่วนแบ่ง หรือหนักกว่านั้น Simon อาจจะกลับมารังควานในรูปปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเป็นระยะก็เป็นได้..)

               ทางออกนั้นง่ายนิดเดียว

               จำได้มั้ยว่า ลุง Tim Concell ของอีตา Roger กำลังเผชิญปัญหาว่า ใครจะดูแลฟาร์มม้า Kilbarty ตรง Ireland ต่อจากตนเองดี

               ดังนั้น ข้อเสนอของป้าBeeก็คือ ส่ง Brat ไปสิ ได้ทำงานในฟาร์มม้าตามที่ชอบ ทุกคนโอเค ชีวิตดี แฮปปี้เอนดิ้ง

               Brat ในสภาพเหม่อลอยอันเป็นผลข้างเคียงจากอุบัติเหตุ ถึงกับรู้สึกตัวสติเต็มร้อย หลั่งน้ำตาให้ด้วยความซาบซึ้งใจ

                ‘ดูเหมือนว่า เธอคงจะตกลงกับข้อเสนอของฉันสินะ

     

    จบบริบูรณ์

     

    ปล. Alec Loding หายไปไหนวะ มันไม่มาทวงค่าแชร์สมบัติอะไรเลยเหรอ คนเขียนเขาลืมหรือว่าอย่างไรเอ่อ ..ช่างมันเหอะ

     

    Gallery

    สถานที่

    Latchetts

    ฟาร์มม้าประจำตระกูลAshby และคนในตระกูลเกือบทุกคนก็อาศัยอยู่ที่นี่

    Clare

    หมู่บ้านประจำเรื่อง Latchetts อยู่ในแถบหมู่บ้านนี่

    Westover

    รัฐที่อาณาเขตกินตั้งแต่หมู่บ้านClareยันเมืองBures

    Bures

    เมืองที่อยู่ทางเหนือของรัฐ Westover ทุกปีจะจัดเทศกาลแข่งม้าที่นี่

    Kilbarty

    ฟาร์มม้าของ Tim Concell ลุงของ Roger Clint ตั้งอยู่ใน Ireland

    Lerridge Sale

    ที่ขายม้า

    Tanbitches

    หุบเขาข้างชายฝั่งทะเล

    Westover Times

    สำนักข่าวประจำเรื่อง

    Guessgate

    สถานีรถไฟที่ใกล้หมู่บ้าน Clares ที่สุดแล้ว..
    (สุดท้ายเจ๊Eleanor ก็ต้องขับรถออกมารับอยู่ดี)

    Chequers Hotel

    โรงแรมที่ครอบครัว Ashby แวะพักในช่วงที่เข้าร่วมเทศกาแข่งม้าใน Bures

    Kenley Vale

    ภูเขาอีกลูกในClare เป็นจุดชมวิวของBratในบท13

     

    สิ่งของ
    ม้าของเล่นของPatrick และSimon : Travestry
    ปากกาประจำตัวของ Patrick : Stylograph

     

    (ตัวอย่าง) Vocab

    stud

    ฝูงม้า

    stable

    คอกม้า

    canter

    วิ่งเหยาะๆ

    gallop

    เร่งฝีเท้า(ม้า)

    saddle

    อานม้า

    loosen

    ปลด คลาย ทำให้หลวม

    stab

    ตวัด ปาด (เช่น ตอนที่ใช้มีด)

    suicide

    การฆ่าตัวตาย

    foothold

    ฐานสำหรับปีน / ไต่

    quarry

    เหมือง

    intimately

    อย่างใกล้ชิด

    impersonate

    สวมรอย

    Fall for

    ตกหลุมพรางกลโกง

    imposter

    สิบแปดมงกุฎ

    solicitor

    ทนายความ

    spinster

    ยายแก่ทึนทึก

    estate

    อสังหาริมทรัพย์

    allowance

    เงินกงสี

    inheritance

    มรดก

    inherit

    สืบทอดมรดก

    heir

    ทายาท

    Settle down

    ลงหลักปักฐาน

    presence

    การแสดงตน

    confrontation

    การเผชิญหน้า

    verify

    ตรวจสอบ

    adopt

    รับเป็นลูกบุญธรรม

    Illegitimate (adj.)

    นอกสมรส

     

     สำหรับสรุปในรอบนี้ยอมรับว่าหยาบโลนแปลมั่วเอาตามอารมณ์เยอะมาก (ชนิดที่ว่าไม่น่าจะเอาไปทำรายงานต่อได้ง่ายๆ) ก็หวังว่าจะช่วยทำให้เข้าใจในความซับซ้อนของเนื้อเรื่องมากขึ้นนะคะทุกคน พบกันต่อในเรื่อง Smuggler นักลักลอบของข้ามมิติ นะคะทุกคน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×