คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : KR LIST/SPK I : การฟังและพูดภาษาเกาหลี 1
KR
LIST/SPK I : ภาษาเกาหลี-ฟังพูด 1
รหัส
2225211
**ข้อมูลจาก เทอม1 ปีการศึกษา 2560 ผู้สอน: ARO**
ชื่อเล่น: เกาฟังพูด 1
จำนวนเซค |
1
เซค |
||
ความยากในการลง |
Normal
|
||
เทอมที่เปิด |
เทอม
1 |
เทอม
2 |
Summer |
เปิด |
- |
- |
|
เวลาที่มักจะได้ |
อาจจะ บ่าย (13.00
- 16.00) หรือ ค่ำ (16.00 - 19.00) |
||
สถานที่เรียน |
คณะอักษรศาสตร์ มักจะเป็นตึก MCS
(มหาจักรีสิรินธร) |
||
อาจารย์ที่สอน |
ครูชาวเกาหลี 3
ชั่วโมงเต็ม |
||
เงื่อนไขวิชา |
ภาษาเกาหลี 1 2225101 (หรือแล้วแต่อาจารย์พิจารณา) |
||
เงื่อนไขคุณสมบัติผู้เรียน |
ไม่มี จะปีไหน
จะคณะไหนก็ลงได้ค่ะ ตามสบายจ้า |
||
ประเภทกลุ่มวิชา |
เมื่อลงทะเบียนวิชานี้แล้วจะนับเป็น “วิชาโทภาษาเกาหลี /
Gen-lang / เสรี”
อย่างใดอย่างหนึ่งจ้ะ |
||
การตัดเกรด |
(น่าจะ)อิงเกณฑ์และกลุ่ม |
||
การสอบ |
Midterm |
Final |
Presentation |
มี |
มี |
มี |
เนื้อหา
ประเด็น |
การทักทาย/การแนะนำตัว |
การสนทนาเกี่ยวกับชื่อสิ่งของ |
การสั่งอาหาร |
การสนทนาเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้ง |
การสนทนาเกี่ยวกับสถานที่ |
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต |
การสนทนาเกี่ยวกับการปฏิเสธ |
การสนทนาเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้ง |
การสนทนาเกี่ยวกับการไปยังจุดหมายปลายทาง |
การสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำในอนาคต |
การสนทนาโดยใช้คำยกย่อง |
การสนทนาเกี่ยวกับความสามารถ |
การเสนอแนะ |
การสนทนาเกี่ยวกับการบอกสาเหตุ/ที่ไม่สามารถทำได้ |
การสนทนาเกี่ยวกับประสบการณ์ |
การสนทนาโดยใช้การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสุด |
และที่เน้นอีกอย่างตลอดคอร์สจะเป็น “การออกเสียงที่ถูกต้อง”
คำนี้เขียนแบบนี้ แต่ความจริงแล้วคนเกาหลีเขาออกเสียงอีกแบบนะ
คำนี้เชื่อมเสียงกันแล้วการออกเสียงจะเปลี่ยนนะ ฯลฯ
Q1: ควรมีความรู้เกาหลีอยู่ที่ระดับไหน
ถึงจะเหมาะ พอดี
A: ควรกำลังเรียน Korean II หรือ Korean III ซึ่งส่วนตัวคิดว่า 'กำลังเรียนเกาหลี3' เป็นสถานะที่เหมาะกับวิชานี้ที่สุด สบาย เพราะจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำความเข้าใจว่า ประโยคสนทนานี้มันแปลว่าอะไรวะ ทำไมเขียนแบบนี้ ใช้แบบนี้ ส่วนพวกที่กำลังเรียนเกาหลี2 จะมีแกรมม่าร์ที่ไม่เคยเจอ หรือว่าตรงฝ่ายเกาหลี2ยังสอนไปไม่ถึงอยู่ราวๆ 30-40% แต่ก็ยังไหวนะ ไม่ช็อคมากขนาดนั้น และถ้ามองในแง่ดี บางทีเนื้อหาวิชานี้ อาจจะไปล้อกับเกาหลี2 ที่เรียนอยู่ เป็นการเสริมความรู้กันเองด้วย แบบนี้ก็เริ่ดอยู่เหมือนกันนะแกร
แต่ถ้าใครเกิดเปรี้ยวใจอยากลงตั้งแต่ตัวเองยังกำลังเรียนเกาหลี 1 อยู่ (ในที่นี้หมายถึง ประเภทที่เคยเรียนด้วยตัวเองมาก่อนแล้วนิดหน่อยแล้วเลือกลงเกาหลี 1) ก็อาจจะต้องดิ้นรนกว่าเพื่อน ด้วยการโฟกัสตอนที่อาจารย์อธิบายแกรมม่าร์ให้มากๆๆๆๆๆๆ เข้าไว้ (ย้ำไปอีก)
…เอ่อ แต่ถ้าหากเธอยังอยู่ในสภาพที่ยังแกะอักขระตัวอักษรเกาหลีไม่ค่อยได้ อ่านออกเสียงยังไม่คล่องเลยด้วยซ้ำ ก็ต้องพูดกันตามตรงว่า ไม่รอดแน่นอนค่ะ อย่าลงเลยจะดีกว่านะเธอ เก็บไปลงเทอมต่อๆ ไปเถอะนะ
ในทางกลับกัน!! ใครที่ความรู้สูงมากๆ ระดับแบบ เกาหลี4 ขึ้นไปแล้ว อาจจะรู้สึกเบื่อมากๆ ตอนที่อาจารย์แจงแกรมม่าร์ แจงวิธีผัน อ่านให้ฟังช้าๆ ขนาดต้นคาบอาจารย์ยังเคยเตือนก่อนเริ่มคลาสเลยด้วยซ้ำว่า "มันอาจจะง่ายเกินไปนะคะ" แต่ถ้ามาเพื่ออยากฝึกพูดฝึกฟังจริงๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ โฟกัสแค่ตอนที่เขาให้ฝึกพูดฝึกฟัง แล้วก็ตอนสอบอะไรงี้ก็พอค่ะ
Q2 : Presentation โหดป่าว
ไม่โหดค่ะ
อย่างปีนี้ให้เลือกหัวข้อระหว่าง “แนะนำตัวเอง(เชิงอวดทักษะส่วนตัว แพชชั่น) /
แนะนำเกี่ยวกับครอบครัว” สคริปต์ต้องเขียนเอง
อาจจะกรีดร้องละว่าจะทำยังไงดี แกรมม่าร์ในบทเกาหลีที่ตัวเองเขียนมันจะถูกเหรอ
แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ อาอาจารย์จะนัดตรวจสคริปต์ทุกคนก่อนวันพรีเซ้นท์จริงค่ะ
และในส่วนวันจริงนั้น ทุกคนจะถูกจัดเวลาเข้าไปพรีเซนท์หน้าชั้นรอบละ 10 คน นั่นหมายความว่า ถ้าไม่ใช่ช่วงของตัวเอง ก็ไม่ต้องอยู่นั่งฟังตลอดก็ได้
คนที่จะฟังเราในแต่ละรอบก็จะมีแต่เพื่อนที่ได้คิวเวลาเดียวกันกับตัวอาจารย์ที่จะคอยประเมินค่ะ
Q3 : ระบบการสอบเป็นยังไงคะ
A : ขอแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ
มิดเทอม
:
สอบข้อเขียน
ครึ่งนึงคือเปิดเทปให้ฟังแล้วเราก็ตอบคำถามตามแต่ที่โจทย์จะกำหนดโดยใช้ข้อมูลจากที่ได้ฟังในเทปนั่นแหละมาตอบ
กับอีกครึ่งคือไม่ต้องฟังเทป
แค่เติมประโยคการสนทนาให้สมบูรณ์ตามแพทเทิร์นที่สอนกันในคาบก็เรียบร้อย
ไฟนอล
: สอบปฏิบัติค่ะ ให้จับคู่จองเวลาไปสอบ ส่วนที่ต้อง Co-op กับคู่จริงๆ จะเป็นส่วนง่าย ก็คืออาจารย์จะให้สคริปต์บทสนทนาที่มีแต่ V.dict คำๆ เป็นปล้องๆ เราต้องเอามาประมวลร้อยเรียงให้เป็นประโยค
แล้วสนทนากับคู่ของเรา (ง่ายเว่อร์) แต่อีกส่วนจะเป็นสอบเดี่ยว
เราจะได้รับกระดาษคำถาม unseen (มีหลายชุด)มาให้เราเตรียมตัวตอบแบบสดๆ
ไม่ถึง 3 นาที หลังจากนั้นอาจารย์ก็จะเก็บกระดาษไปแล้วสุ่มถามคำถามจากในกระดาษคำถามที่เราเพิ่งจะเห็นนี่แหละ
เอาล่ะ ถามมาก็ตอบไป แล้วอาจารย์จะประเมินความลื่นไหลในการพูด สื่อความได้มั้ย
และออกเสียง(พวกคำที่เชื่อมเสียงต่างๆ ตามที่เขาสอน)ถูกมั้ย เช่น 따뜻하다
ใครออกว่า
/ตาตึส - ฮาดา/ เขาก็จะผิดหวังนิดหน่อย
เพราะมันควรออกว่า /ตาตึส - ทาดา/ ต่างหากล่ะ เพราะงั้นก็ฝึกให้ดีๆ ละกันเน้อ
ตัวอย่างคำถาม unseen Final (แปลเป็นไทยนะคะ)
1. แนะนำพ่อแม่ให้ฟังหน่อยค่ะ เช่น อายุ อาชีพ งานอดิเรก (ต้องใช้ภาษาระดับยกย่อง) / มีพี่น้องมั้ย? แนะนำให้ฟังหน่อยค่ะ เช่น อายุ อาชีพ ที่เรียน งานอดิเรก
2. ทำไมถึงเรียนเลือกมาภาษาเกาหลีเหรอ บอกเหตุผลให้ฟังหน่อยสิ
3. รีวิว หนัง / เพลง / อาหาร / ที่เที่ยว หน่อยค่ะ
4. นิสิตถนัดอะไรคะ มีทักษะด้านไหนบ้าง ขายตรงตัวเองให้ฟังหน่อยค่ะ
5. ปิดเทอมนี้มีแพลนจะทำอะไรมั้ยเอ่ย
6. (ให้ภาพ) คนไหนสูงกว่ากันคะ
Q4 : เรียนแล้วจะฟัง/พูดเกาหลีได้มากขึ้นจริงๆ มั้ย
A : เอาแบบตรงๆ นะ
ส่วนฟังนี่ไม่ค่อยได้พัฒนาอะไรเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายก็ไม่ได้ เข้าใจ
เพราะฟังออกปุ๊บปั๊บ แต่เข้าใจ เพราะฟังหลายๆ รอบแล้วจำบทได้มากกว่า ส่วนทักษะพูด
อันนี้ขึ้นอยู่กับความแอคทีฟของแต่ละคนค่ะ
เพราะในคลาสอาจารย์จะให้หันไปลองคุยกับเพื่อนข้างๆ ตามที่สอนบ่อยมาก ประเด็นคือ..ถ้าหากว่าพูดตามตัวอย่างแบบเป๊ะๆ ตลอด เขาให้พูดแค่ไหนก็พูดวนอยู่แค่นั้น
ก็จะไม่ได้อะไรเท่าไหร่ ถ้าอยากจะพัฒนาทักษะพูดจริงๆ ก็ต้องรู้จักดิ้นเอง
พลิกแพลงบทบ้าง แถสดพอเป็นกระสัย มันถึงจะเวิร์ค แต่โดยรวมแล้ว
ในสภาวะที่รอบตัวไม่ได้มีเพื่อนเป็นชาวเกาหลีให้มาฝึกฟังฝึกพูดเลย
คอร์สนี้ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ฝึกทักษะทั้งสองส่วนนี้ค่ะ (ถือคติที่ว่า
ได้บ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย)
ความคิดเห็น