ความรักของขิม
นิยามความรักของคุณคืออะไร
ผู้เข้าชมรวม
173
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
- เห้ย ไอ้กรอบ นี่มึงฟังกูพูดบ้างไหมเนี่ย
-เอ่อ กูไม่ได้ฟังหวะ
-นี่มึงชวนกูมาทำบ้าไรที่นี่เนี่ย แมร่งสนใจแต่นาฬิกา
-เฮ้ย หุบปากก่อน!
ตอนนี้สายตาของผมจับจ้องอยู่ที่ประตูทางเข้าร้านกาแฟร้านประจำ สี่โมงแล้ว เธอ มาที่นี่เวลานี้เสมอ
ไม่นานเกินรอสาวทีผมรอก็ปรากฏตัว วันนี้เธอมากับลุคใสๆ เดรสสีชมพูแขนกุดนั้นยิ่งเสริมให้เธอดูหวานกว่าเคย เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยอ้มกว้างบนในหน้า ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงดูอารมณ์ดียิ้มได้ตลอดเวลาขนาดนี้ และเพราะยิ้มที่โดดเด่นของเธอทำให้โลกผมดูสดใสขึ้นกว่าเคย ผมจึงตัดสินใจมานั่งรอเจ้าของรอยยิ้มที่ผมตั้งชื่อให้เองว่าลูกแมว เพราะอะไรหนะเหรอ รอยยิ้มนั่นหละมั้ง เมื่อรวมกับดวงตากลมโตของเธอแล้วเธอดูเหมือนลูกแมวจริงๆ
-พี่คะเอาโกโก้ร้อนค่ะ
เสียงหวานๆของเธอแทบทำผมละลาย เช่นเดียวกับพนักงานขายที่กำลังหน้าแดงอย่างไร้เหตุผลเมื่อรับคำเธอ
-ครับ
ผมควรจะรู้ดีได้แล้วว่าเธอไม่ได้ดูดีในสายตาผมเพียงคนเดียว แน่หละนั่นคืออีกสิ่งที่ผมกลัว อย่างเธอมีหรือจะโสด แล้วอย่างผมหรือจะมีโอกาส
-ไอ้กรอบบบบบบ!!! กูจะกลับแล้วนะเว่ย ####@#@###$$%#%$#@$@
ผมนะอุส่าห์เลี้ยงกาแฟมัน แค่ให้นั่งเป็นเพื่อนยังจะมาด่ากันอีก ด่าไม่ด่าเปล่าครับมันลุกออกจากร้านไปเลย ผมมองตามหลังมันไปแบบงงๆ แต่พอหันกลับมาผมเห็นลูกแมวกำลังมองมาทางผมด้วยสายตางงๆ แต่ปากก้ยังอมยิ้ม เธอคงหันมาตามเสียงเอะอะของไอ่เพื่อนผม ผมจะถือว่านั่นเป็นค่ากาแฟแล้วกัน
เธอรับถ้วยโกโก้มานั่งที่โต๊ะเดิมของเธอ ตอนนี้สมองผมเริ่มทำงานหนักขึ้นกว่าเคย ทำยังไงผมถึงจะได้คุยกับเธอ
ตลอดหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นแผนการทุกอย่างในหัวของผมพังทลายลงเมื่อเห็นสาวเจ้าปฏิเสธชายทุกรายที่กล้าหาญเข้าไปเอ่ยปากกับเธอ จนผมเริ่มสงสัยว่าเธอคงจะมีเจ้าของแล้วอย่างเป็นทางการ ส่วนผมอาจจะใช้เวลาคิดและคาดการณ์มากเกินไป เพราะเมื่อรู้ตัวอีกทีลูกแมวของผมก็ปิดหนังสือเตรียมลุกออกจากร้านเสียแล้ว
ผมลุกเดินตามเธอไปทันที ผมแอบเดินตามเธอไปห่างๆ จนไปถึงร้านหนังสือ เธอไปหยุดที่มุมตำราอาหาร ก่อนจะพยายามต่อสู้กับส่วนสูงที่จำกัดของตัวเอง เธอเอื้อมสุดแขน แต่นั่นก็ยังไม่พอสำหรับสูตรเค้กที่เธอต้องการ โอกาสของผมแล้วผมต้องรับสร้างความประทับใจสักหน่อย
-ให้ผมช่วยนะครับ ผมพูดพลางหยิบหนังสือนั่นให้เธอดดยไม่รอคำตอบ
-ขอบคุณค่ะ เธอพูดยิ้มๆ
-ชอบทำเค้กเหรอครับ
-เอ่อ คือ ทำไม่เป็นหรอก
-อ่อ ครับ
ผิดคาด ผมไม่ได้เตรียมคำตอบแนวนี้ไว้ในหัวเลย
-เธอ เรารบกวนอะไรอย่างได้ไหม เธอขอทำไมจะไม่ได้หละครับ
-ครับ แน่นอน
-เอาไอ่นี่เก็บเข้าที่เดิมให้ทีสิ
โห หยิบมาดูรูปสองสามหน้าเก็บแล้ว แต่ผมก็จัดให้ตามคำขอเธอแต่โดยดี
-ขอบคุณค่ะ
เธอพูดแล้วตั้งท่าจะเดินไปมุมอื่น ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหันกลับมาบอกว่า
-เราจะไปงานเปิดตัววงABple มีบัตรเหลือด้วยนะ ไปไหม
-ห๋า เอ่อ ครับ ไปสิ
เธอยิ้มเอียงคอดูผมก่อนจะเดินนำลิ่วๆไปจนถึงบีทีเอส
-เธอนี่เชื่อคนง่ายนะ ตามมาแบบไม่ถามสักคำเลย
-เอ่อ ก็
-ชื่ออะไรอ่ะ
-กล์อฟครับ
-ไม่ต้องครับทุกคำก็ได้ค่ะ เราชื่อขิมเป็นรุ่นพี่เธอ
-ห๋า พี่ รุ้จักผมเหรอ
หน้าตาเธอน่าจะเป็นรุ่นน้องผมมากกว่า นี่เธออำผมอยู่รึเปล่านะ
-แน่นอน เธอเป็นลีดคณะไม่ใช่เหรอ เราก็เหมือนกัน เราเป็นพี่ลีดของเธอ แต่ไม่เคยเข้าไปซ้อมให้
-อ่อ ก็ว่าไม่คุ้น พี่ขิมปีสามเหรอครับ
-เราปีสี่แล้วย่ะ อิอิ หน้าเดกอ่ะดิ แต่ไม่ต้องเรียกเราพี่นะ ไม่ชอบ
เธอตอบแบบเขิลๆปนภูมิใจ แต่ผมนี่สิตกใจ ไม่เคยคิดจะชอบกินหญ้าแก่กว่ามาก่อนในชีวิต พลาดเยแล้วเรา ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆก่อนพาเธอเปลี่ยนเรื่องคุย
-วงใหม่ที่จะไปดูนี่มีอะไรดีเหรอ
ผมถามเรื่อยเปื่อบแต่ท่าทางจะผิดจุดเมื่อขิมตอบกลับมาแบบเคืองๆว่า
-เธอไม่รู้จักวงนี้เลยใช่ไหม แล้วจะตามเรามาทำไม ฟังนะ มือกีต้าวงนี้เขาหน้าตาดีมากกก
-แล้วยังไงต่อฮะ
-นั่นหละ รู้แค่นั้น แฮะๆ
ผมส่ายหน้าทำท่าปลงๆ ใส่ขิมที่ตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าแล้ว ตาโตๆคู่นั้นฉายแววเศร้าก่อนจะมีน้ำใสๆมาคลอ
-ขิม ขิม เป็นอะไร
เธอไม่ได้ฟังผมแล้ว เหมือนกันเธอคิดอะไรอยู่คนเดียว
-ขิม
-หะ เปล่า ไม่เป็น
เธอยิ้มฝืนๆคืนมาให้ผม
-ไม่รู้อะไรเลยหละ ขิมมันโง่ไง ไม่รู้บ้าอะไรเลยไง
เธอพูดไปร้องไห้ไป ผมเองก็ไม่รู้จะปลอบเธอยังไงดีเพราะผมเองที่น่าจะเป็นต้นเหตุ คงไปพูดอะไรสะกิดใจเธอเข้าหละมั้ง ทำยังไงดีหละ
-เธอ วันนี้แกล้งเป็นแฟนให้เราสักวันได้ไหม เราไม่อยากไปเจอเขาคนเดียว
-อือ
ผมตอบรับทั้งดีใจแล้วก็เสียใจแต่โดยรวมผมว่าผมกำลังงงมากกว่า จะจีบเธอเธอดันมาขอให้เป็นแฟน แล้วก็มาร้องไห้ใส่ผมอีก ผมไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกหลังจากนั้นจนกว่าจะถึงงาน ผมสังเกตเธออยู่อย่างเงียบๆ คาดว่าเธอคงไม่อยากพูดอะไร
เธอมองแต่มือกีต้าที่เอว่าหล่อตลอดทั้งงานด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา มันว่างเปล่า คงเหมือนๆกับความรู้สึกของเธอหละมั้ง บทสัมภาษณ์และเพลงหลายเพลงผ่านไปจนมาถึงเพลงสุดท้ายที่นักร้องนำพูดสั้นๆเกริ่นเข้าเพลงว่า หนุ่มหล่อประจำวงของเขาเป็นผู้แต่งเพลงๆนี้ให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังร่วมงานในวันนี้ด้วย คำพูดนั้นทำให้ผมเห็นขิมสะดุ้งเล็กๆ ดูท่าเธอจะตั้งใจฟังเนื้อหามากกว่าปล่อยให้มันผ่านๆไปเหมือนเพลงก่อนๆ
เสียงกีต้าโซโลนุ่มๆนั่นเยี่ยมมากจริงๆ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเล่นนั้นจัดว่าหน้าตาดีอย่างที่ใครๆว่า ผมไม่เห็นว่าจะมีเครื่องดนตรีใดบรรเลงอีกนอกจากกีต้านั้น
เนื้อเพลงโดยรวมเป็นแนวขอให้คนรักยกโทษที่เคยทำผิดไว้ จากการฟังเพลงและสังเกตสีหน้าท่าทางของขิมกับเจ้าของเพลงบนเวทีทำให้ผมพอจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น พวกเขามองกันตลอดเพลงฝั่งหนึ่งเหมือนพยายามที่จะสื่อความหมายในขณะที่อีกฝ่ายพยายามจะปิดกั้นการรับรู้ของตนไว้อย่างที่สุด
เสียงมือถือจากใครสักคนใกล้ๆผมดังขึ้นทันทีหลังศิลปินเดินลงจากเวที
ขิมหยิบวัตถุต้นเสียงซึ่งเป็นของเธอขึ้นมาพร้อมลุกจากที่นั่ง ผมไม่ได้ตามเธอออกไปเพราะเห็นขิมทิ้งกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ ผมจึงถือเอาเองว่านั่นเป็นหน้าที่ที่เธอมอบให้ ผมได้แค่นั่งรอเธออยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าเธอไปไหนและไม่รู้จะติดต่อกันอย่างไร แต่เชื่อแน่ว่าเอคงไม่ทิ้งกระเป๋าไว้ที่นี่เป็นแน่
สิบนาทีผ่านไป
ผู้คนในที่นั้นโหลงเหรงเต็มที ผมว่าผมน่าจะโทรหาเธอ เพื่อเกิดเหตุอะไรขึ้น เธออาจต้องการฮีโร่ก็เป็นได้ ผมโทรหาพี่ลีดปีสามคนหนึ่งทันที เพราะเป็นหน้าที่ๆลีดรุ่นน้องต้องมีเบอร์รุ่นพี่ลีดที่สอนรุ่นตัวเอง
-พี่พีท ขอเบอร์ขิมที
-นี่กรอบ หัดสวัสดีพี่บ้างเป็นไหม ว่าแต่ขิมไหนวะ
-ขิมลีดปีสี่ไงพี่
-เห้ย ลามปามข้ามรุ่นเลยนะมึง พี่ขิมที่ขาวๆตาโตๆหนะนะ
-เออคร้าบ ให้ไวด้วยพี่ ฉุกเฉิน
-จะจีบขิมหรือไงห๊ะ
-อ่าว พี่พีทก็ไม่เรียกพี่ขิมว่าพี่นี่นา
-ขิมบอกไม่ต้องนี่ หรือเขาบอกแกเหมือนกัน
-อ่าฮะ ว่าแต่ ขิมนี่เขาเป็นอะไรกับมือกีต้าวงAB อะไรสักอย่างรึเปล่า
-เอ่อ ก็ ใช่หวะ
-ผมกำลังเจอเหตุฉุกแนนะพี่ เล่ามาให้ไว ขิมร้องไห้ด้วย เกิดอะไรขึ้น
-เห้ย ขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นอย่าเล่าต่อนะคือเมื่อปีที่แล้ว .
-ขิม ขิมอยู่ไหน
ผมกรอกเสียงไปตามเครือข่ายที่มองไม่เห็น
-ไอ้บ้า อยู่หลังเธอนี่ไง จะโทรมาทำไมเนี่ย
-แล้วจะรับทำไมเล่า เป็นอะไร
-เธอนี่ท่าจะประสาทนะเห็นอยู่ใกล้แค่นี้ยังไม่วางอีก เปลืองตังไง พ่อนายเป็นเจ้าขององค์การโทรศัพท์รึไง
ผมงงที่อยู่ดีๆเธอก็มาทำหน้ากวนๆใส่ผม แต่เธอก็ไม่ปล่อยให้ผมงงได้นาน
-ขอบคุณนะที่วันนี้มาเป็นเพื่อน
-ไหนบอกยืนเป็นแฟนวันนึงไง
ผมแหย่เล่นๆขยี้หัวเธอ ซึ่งเธอก็ยักไหล่และไม่พูดอะไรต่อ
-เลี้ยงเค้กเรานะ
เธอยิ้มและโดยไม่ให้เวลาผมตอบเธอก็ลากผมไปหยุดอยู้หน้าร้านเค้กแถวนั้นเสียแล้ว
เธอเดินเข้าไปในร้าน ดุร่าเริงเหมือนที่ผมเห็นเธอที่ร้านกาแฟไม่ผิด เธอเลือกเค้กทรงกลมสีแดงสดใสออกมาจากตู้ก่อนจะเดินไปนั่งโดยมีผมเดินตามไปอย่างงงๆ เค้กมาเสริฟอย่างรวดเร็ว
-พี่คะขอชากุหลาบสองที่ด้วยนะคะ
-ค่ะ วันนี้สวยขึ้นอีกแล้วนะ เพราะมีความรักรึเปล่าเอ่ยยย
พนักงานในร้านแซวเธอแต่เล่นเอาผมหน้าแดงได้นับว่าเก่งจริงๆ
-บ้า ไม่หรอกค่ะพี่ ขิมยังเหมือนเดิมนั่นหละ
ท่าทางเธอจะชอบกินเค้กร้านนี้เสียจนสนิทกับพนักงานได้ขนาดนี้ ขิมหยิบส้อมส่งให้ผมหลังสั่งชาเสร็จ
-กินดิ เราไม่อยากอ้วนคนเดียว มาแบ่งกันอ้วน
เธอทำหน้ากวนๆใส่ผมก่อนเริ่มตักเค้กเข้าปากก่อน ผมมองเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เค้กท่าทางดูจะมีความสุขมาก สงสัยว่ามันจะอร่อยสมราคาจริงไหมนะ ผมเริ่มตักเค้กเข้าปากบ้าง อืมมมม เค้กหวานอมเปรี่ยวเนื้อนุ่มลิ้นนี่อร่อยเกินคาดเลยครับ
ขิมมองหน้าผมม
-อร่อยไหม เธอถาม
-ก็งั้นๆ
ผมแกล้งตอบ
-เธอบ้าไปแล้วแหง นี่มันสูตรที่ทำในธรรมเนียบขาวเลยนะ
ผมได้แต่พยักเออออไปกับเธอ ดูเวลาเธอยิ้มแล้วผมมีความสุขจริงๆ โลกดูสดใสไปหมด แต่ก็ต้องคอบรำคาญกับสายตาที่มองตามเธอตลอด
-เธอๆ มองอะไร อะไรติดหน้าเราเหรอไง
เสียงเธอเรียกผมทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าจ้องหน้าเธอนานเกินควร ผมรีบละสายตามาอยู่ที่เค้กก่อนตอบแบบปัดๆให้เธอกังวลเล่น
-สิวขึ้นที่หน้าอ่ะ ใหญ่มาก ท่าจะเจ็บนะ
ขิมหยิบกระจกเล็กๆขึ้นมาจากกระเป๋าทันที เธอตรวจดูทั่วใบหน้า
-ไหน บ้าแระๆ ไม่มี เธอนี่มั่วนะ
เราออกจากร้านเค้ก ฟ้าข้างนอกเริ่มมืดแล้ว เธอบอกลาผมหน้าร้านเค้ก ขอบคุณที่ผมยอมเลี้ยงเธอก่อนจะขึ้นรถที่มาจอดรับเธอ ถ้าผมมองไม่ผิดคนขับหน้าตาคุ้นๆเหมือนจะเป็นมือกีต้าวงABple
หลังจากวันนั้นผมไม่ได้เจอเธออีกเลย ไม่ว่าจะที่คณะ ร้านกาแฟ หรือร้านเค้ก ผมไม่เคยกล้าโทรไปอีก ผมกลัวว่าจะไปกวนเธอ ผมคิดเอาเองว่าเธอน่าจะยอมรับเพลงขอโทษนั่น ผมคงเป็นได้แค่เพื่อนอย่างที่เธอว่า
เดือนต่อมาผมเห็นเธออีกในวันวาเลนไทน์ ที่โรงอาหารของคณะ พร้อมกองช่อดอกไม้และบรรดากล่องขนม ผมไม่กล้าเข้าไปได้แต่ยืนมองเธอห่างๆ เธอยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจนผมไม่แน่ใจว่าเธอมีความสุขมากขึ้นหรือยังเศร้าอยุ่ลึกๆอย่างเคย
ผมรอจนหมดเวลาพัก คนเริ่มบางตา ผมเดินเข้าไปถือวิสาสะนั่งลงข้างๆเธอ เล่นเอาเพื่อนร่วมโต๊ะเธอที่กำลังคุยกันอย่างออกรสอึ้งไปตามๆกัน ผมพยายามยามทำหน้าหนาไม่สนใจ ยื่นดอกมะลิให้เธอ เธอยิ้มๆ
-เราไม่ใช่แม่เธอนะ
-จ๊ะ แม่ทูนหัว ผมแหย่ๆ
เธอเบ้ปากใส่ก่อนนะเอาดอกไม้ผมไปรวมกับกาองกุหลาบหลากสีของเธอ
-ขอบคุณนะ
-ไม่เป็นไร บังเอิญเด็บได้จากต้นแถวๆนี้หละ
-เค้าว่ากันว่าใครเก็บมะลิที่คะมาจะเรียนไม่จบนะ
ขิมพูดแหย่ๆ ก่อนจะลุกไปโดยไม่บอกกล่าว แต่ยังคงทิ้งกระเป๋าไว้ที่เดิม ผมไม่เห็นว่าเพื่อนๆของเธอจะแปลกใจอะไรกับการกระทำนั้น เธอคงทำแบบนี้เป็นปกติเสียหละมั้ง ผมเลยลุกตามเธอไปปล่อยให้เพื่อนๆเอเฝ้ากระเป๋าแทน ผมเดินตามเธอไปจนถึงร้านขายน้ำปั่น
-โกโก้ปั่นค่ะ
ผมได้รู้อะไรเพิ่มอีกอย่างแล้วว่าเธอชอบโกโก้มากขนาดไหน
-ขิม เราอยากถามเรื่องส่วนตัวอ่ะ ถ้าไม่อยากตอบไม่ต้องตอบก็ได้นะ
-อื้อ
เธอจ่ายค่าโกโก้แล้วรับแก้วมาก่อนจะหันมาหาผม
-ขิมรักมือกีต้าคนนั้นใช่ไหม
-อือ โคตร
-ขิมคบดับเขาอยู่เหรอ
-อ่า นั่นสินะ ตามเทคนิคแล้วไม่
-เทคนิคอะไร
-เขาดังแล้ว ไม่อยากให้เป็นข่าว ขิมเองก็กำลังจะได้งานละครแล้ว ไม่มีใครอยากลดเรทของตัวเอง ทางค่ายว่าอย่างนั้น
-เขารักขิมไหม
-ใช่นะ เท่าที่ขิมอยากรู้
-นั่นอาจจะแปลว่าไม่ แล้วทำไมยังรักเขาอีกหละ
-อืมมมมม ถ้าคนเราหาเหตุผลและความเหมาะสมให้ความรักได้คงมีคนอกหักและมีคู่รักมากขึ้นแต่ว่า เฮ้ย โกโก้หมดแล้ว
เธอพูดไม่ทันจบประโยคก็นอกเรื่องแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ เธอเป็นอย่างนี้อีกแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เคยบอกกล่าวใครอะไรเลยทุกที ผมคงต้องทำตัวให้ชินกับนิสัยแปลกๆนี้หละมั้ง
-ขิม เราจีบขิมได้ไหม
-ไม่ดีกว่า ขิมเหนื่อยกับปญหาจากคนอื่นมากพอแล้วหละ ขอโทษนะ
เพื่อนๆเธอทั้งโต๊ะหยุดการสนทนาทันที มองมาที่ผม
-จะรักคนที่ทำให้เจ็บแบบนั้นไปทำไม เขามีค่าพอเหรอ ขิมเองก็ไม่รู้ว่าเขารักขิมไหมนี่ จะทนไปแบบนี้ทำไม
-ความรักของใครมันก็เป็นของคนนั้น ถ้ามันจะเป็นแบบไหนก็ควรจะเป็นสิทธิของเจ้าตัวสิจ๊ะ
เธอยังคงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามผมตรงๆ ผมว่านั่นฟังดูเหมือนการแสดงความคิดเห็นโดยรวมเสียมากกว่า
-แก พวกฉันไปเรียนก่อนนะ เดี๋ยวเลิกแล้วเจอกันนะจ๊ะ อยู่ได้ใช่ไหม มีอะไรกริ๊งเลยนะ
เพื่อนขิมพูดแค่นั้นก่อนจะมองผมแปลกๆเมื่อพูดจบประโยค
-จ๊ะที่รัก
ขิมตอบสั้นๆพร้องชูนิ้วเป็นตัววีให้
-เธอเคยรักใครมากๆไหม ขิมกล่าวลอยๆฟ้าสีคราม
-เคยสิ
-แล้วทำไมไม่เข้าใจเราสักทีหละ
เธอพูดแค่นั้นทิ้งให้ผมอิ้ง ทบทวนความรู้สึกตัวเอง ก่อนจะเดินหอบข้าวของจากไปด้วยคำพูดปิดที่เจ็บกว่า
-เธอเองก้ไม่ได้รักเรานี่ ไม่เห้นต้องแกล้งแคร์กันเลย
ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรหรือพุดอะไรให้เธอรู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ที่ผมรุ้คือเท่าที่ฟังเธอพูดมาเอยังไม่เคยพูดอะไรผิดเลยสักครั้ง
ครึ่งเดือนต่อมา ผมเจอเธอในจอทีวี ผมไม่คิดว่าเธอจะดูสวยขึ้นได้อีก แต่เธอที่ผมเห็นดูสวย น่ารักกว่าเก่า เธอได้เป็นดาราไปแล้ว สถานะของผมยิ่งต่ำกว่าเธอมากเข้าไปทุกที
ครึ่งเดือนที่ผ่านมาผมเฝ้าคิดเกี่ยวกับคำพูดของเธอ ยอมรับว่ามันจริงทีเดียว
ผมเองอยากจีบเธอเพราะเห็นว่าเธอน่าตาดีเลยประทับใจ ยิ่งอยู่ใกล้แล้วได้เห็นความเป็นกันเองของเธอผมยิ่งชอบเธอ แต่นั่นไม่เคยเรียกว่ารักได้เลยจริงๆที่ผมถามเธอวันนั้นอาจเพราะว่าผมแคร์ตัวเอง ผมอยากคบกับเธอเพื่อตัวผมเอง ผมว่านั่นน่าจะเป็นความสุขสำหรับผม ในทางตรงข้ามการให้เธอเลิกรักนายมือกีต้ามาคบผมก็น่าจะเป็นความทุข์ที่สุดแล้วสำหรับเธอ
-แล้วที่มีข่าวลือว่าน้องขิมกิ๊กกับมือกีต้าวงน้องใหม่หละคะ จริงรึเปล่าเอ่ย
พิธีกรในทีวียิงคำถามเดียวกับที่ผมเคยถาม แต่ในวันนี้เธอตอบมันต่างออกไป เธอยิ้มเขิลๆ แล้วตอบว่า
-ค่ะ
-แหมมม หายสงสัยกันไปนะคะกับข่าวลือว่าแต่ แล้วต่างคนต่างยุ่งขนาดนี้ไม่กระทบความสัมพัน์เหรอคะ
-ถ้าเรารักใคร เราแค่อยากให้เขามีความสุขที่สุด ถ้าเขามีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไร นั่นก็คือความสุขของขิมค่ะ
ผมว่าผมเริ่มเข้าใจประโยคที่เอเคยบอกว่าผมไม่ได้รักเธอดีขึ้นแล้วหละ เพราะถ้าผมรักเธอ ผมคงยอมปล่อยให้เธอมีความสุขกับการรักคนที่เธอรัก
เอาเข้าจริงๆผมแทบจะไม่รู้จักเธอเอาเสียเลย แต่เวลาที่ราพบกันสั้นๆนี้ก็ได้ทำให้ผมคิดอะไรหลายๆอย่าง
ผมได้รู้จักรักที่ยิ่งใหญ่จากผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง
ตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้วเธอยังคงรักกันดีอย่างเปิดเผยกับมือกีต้าของเธอ เมื่อเช้าเธอเพิ่งส่งการ์ดเชิญมาให้ผม พวกเขากำลังจะสานความสัมพันธ์ให้ยิ่งมั่นคงด้วยเลื่อนสถานะทางความสัมพันธ์
ดีใจด้วยนะขิม
การคิดจะรักนั้นง่ายกว่ามาก แต่การรักใครสักคนได้อย่างไม่มีเงื่อนไขนั้นยากกว่านัก
By Bitter SWEET 210109
ผลงานอื่นๆ ของ bitter_SWEET ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ bitter_SWEET
ความคิดเห็น