ลำดับตอนที่ #25
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ตอนพิเศษ >> เที่ยวสวนสนุก
วันนี้วันสงกรานต์ หยุดติดต่อกันสามวันเป็นวันหยุดไม่มีเรียนไม่มีการบ้าน ซึ่งน่าดีใจมากๆ แต่ฉันต้องนั่งแกร่วอยู่บ้านช่วยแม่เลือกชุดแต่งงานให้ลูกค้าและคอยโปรยยิ้มแจกให้ญาติลูกค้าสาวๆ ฉีกยิ้มทุกครั้งที่สาวๆมองมา ปากฉันจะฉีกถึงหูก็เพราะแบบนี้แหละ โอ๊ย มองอะไรกันนักหนา ไม่ใช่ลิงในกรงนะ กล้ามเนื้อฉันตายไปรึยังก็ไม่รู้ ฉันคิดพลางนวดแก้มกับกรามไปมา ยิ้มค้างมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย
"ถ้าเหนื่อยก็ไปพักก็ได้นะ" วันนี้พ่อสุดหล่อไปส่งรูปให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี่บริการส่งทันใจภายในสามวัน เลยเหลือแค่แม่สุดสวยของฉันคนเดียว ไม่เหนื่อยอะไรนักหรอก นอกจากเมื่อยปาก พอหันหลังให้สาวๆเท่านั้นแหละ ฉันรีบยกปากขึ้นๆลงๆ ไร้ความไปรู้สึกรึยังเนี่ย
"พี่คะ ขอเบอร์หน่อยสิคะ" รายที่สามพันสองมาขอเบอร์ฉันซึ่งรีบหันมาโดยไวและแจกยิ้มแบบการค้าให้ทันที สาวน้อยหน้าใสที่แต่งชุดทั้งชุดด้วยสีชมพู ติดกิ๊ปสีชมพู ถุงเท้าชมพู เอียนเป็นบ้าเลย นอกจากยัยช็อกกิ้งพิงค์นี่เด็กผู้หญิงม.ต้นวัยทีนที่ว่างๆไม่มีอะไรทำมาล่าเบอร์หนุ่มๆก็ทยอยเข้ามากลุ้มรุมมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนจมอยู่ในคลื่นฝูงชนยังไงไม่รู้
"เอ่อ พี่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือจ้ะ ถ้าอยากเจอพี่ มาที่ร้านมาถ่ายสติ๊กเกอร์บ่อยๆก็ได้นะจ้ะ "ฉันเอ่ยเสียงนุ่มพลางมองด้วยนัยน์ตาหวานเยิ้ม ไม่ละลายก็ให้รู้ไป
"อ่า ไม่มีจริงๆเหรอคะ" สาวๆทำหน้าเสียดาย ขืนให้มีหวังโทรศัพท์ฉันได้ไหม้ก่อนสิยะ
"คือพี่ใช้อันเดียวกับพี่สาวน่ะ รายนั้นน่ะ ช่างคุย พี่ก็เลยยกให้ไป" ยัยพี่สาวมันยึดของฉันไปต่างหากล่ะ ฮึ่ย เราเลยไม่มีใช้ แต่ถึงมีฉันก็ไม่ให้พวกเธอง่ายๆหรอก ฮ่าๆๆๆ
"เสียดายจังเลยนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ถ้าอยากคุยกับพี่ ฝากไว้ที่กับแม่พี่ก็ได้ พี่เต็มใจ" ประโยคสุดท้ายปนเสียงกัดฟันกรอดๆหน่อย หันหลังให้สาวๆและแอบเบ้ปาก เต็มใจที่จะลากพวกแกเข้าร้านฉัน แต่ไม่เต็มใจที่จะให้พวกแกมาแทะฉัน เข้าใจมั้ยห๊า เมื่อไหร่กันนะ ที่ฉันจะได้พูดอย่างที่คิด แต่เอาเถอะ เพื่อรายได้ งึมๆๆ เพื่อรายได้ ท่องไว้ ลูกเอ๋ย แต่ยัยพวกนี้มันก็น่ารำคญจริงๆเลยนะ ลองถ้าบอกว่าเป็นผู้หญิงจะทำหน้ายังไงกันนะ
กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง
เสียงกระดิ่งประตูถูกใครบางคนเปิดเข้ามา ฉันพูดต้อนรับไปโดยอัตโนมัติแบบเบื่อๆ ลูกค้ามาถ่ายรูปกันเยอะ เยอะโดยเฉพาะวันหยุดแบบนี้ ไม่ได้มีแค่ลูกค้าที่เป็นคู่แต่งงานเท่านั้น มีคนกลุ่มอื่นเข้ามาด้วย ก็ร้านเราดันเปิดบริการถ่ายสติ๊กเกอร์ครบวงจร เด็กวัยรุ่นทั้งหลายก็เลยเข้ามาเยอะยังกะแจกฟรี เข้ามาทำไมกันนัก เบื่อโว้ย เข้ามาจะเต็มร้านอยู่แล้ว
"หวัดดี สาวน้อยพี่สาวอยู่มั้ย"ไอ้อาโป ฉันล่ะเกลียดขี้หน้ามันซะจริงๆ ที่มันแกล้งบอกข้อเสนอตอนนั้นเพราะคิดว่าฉันจะทำไม่ได้แล้วคบกับคิวต่อ แล้วมันก็คิดจะเปิดโปงเพื่อให้พี่สาวฉันเลิกหวังในตัวเด็กชายคนนั้น แต่มันก็ได้แต่ฝัน เพราะความลับแตกโผละตั้งแต่วันที่กลับมาจากสนามบิน ฉันก็สารภาพทุกอย่างกับพี่สาว ตอนนั้นพี่ร้องไห้น่าดูเลยแหละ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสร็จแล้วยังเตะก้นฉันอีกต่างหาก
ส่วนไอ้หัวเงินเด่นมาแต่ไกลนี่ มันเทียวไล้เทียวขื่อมาจีบพี่สาวทุกวัน เอาดอกไม้มาบ้างล่ะ ขนมบ้างล่ะ ถ้าฝากฉันหรือพี่สาวลงถังขยะหมด แต่มันเล่นเข้าทางแม่ฉันน่ะเซ่
"สวัสดีครับ คุณน้า ผมเอาผลไม้มาฝากครับ" คราวนี้ผลไม้ เมื่อวานเป็นเค้ก สองวันก่อนเป็นพาย อาทิตย์ก่อนนู้นก็เป็นดอกกุหลาบเป็นช่อ แต่ไม่ต้องห่วงทุกอย่างที่มันให้มามีประโยชน์หมดแหละ เค้ก พาย ขนม พี่กับฉันช่วยกันกินจนเกลี้ยง ถึงจะไม่ชอบเจ้าของแต่ของที่มันเอามาฝากไม่นับด้วย ขืนปล่อยไว้ก็เสีย กินอร่อยดีกว่า ดอกไม้ก็เอาไปจัดแจกัน
แต่ที่ไม่สบอารมณ์สุดๆคือตอนหลังพี่แกเริ่มเอาดอกไม้ไปทำดอกไม้แห้งใส่ไว้ในหนังสือน่ะเซ่ ถึงพี่จะบอกเสียดายก็เหอะ แต่ฉํนไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นสักนิด
"พ่ออาโป มาอีกแล้วเหรอจ้ะ แหม เกรงใจออก ไม่ต้องเรียกน้าหรอก เรียกแม่เลยก็ได้จ้ะ ซาโยอยู่ข้างบนน่ะ เดี๋ยวก็คงลงมาแล้ว อัยย์ไปตามหน่อยซิ"
"ไม่ตามฮะ เรื่องอะไรต้องไปตามให้ ไอ... เอ่อ ผู้ชายคนนี้ด้วยล่ะ"
"เขาอุตส่าห์มีน้ำใจเอามาฝาก ไปตามมาซิ" เสียงแม่ชักเข้มขึ้น แม่นะ แม่ ไปเข้าข้างมันทำไม
"ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ครับ นานแค่ไหนก็รอได้" มันหันไปแจกยิ้มหวานมีเสน่ห์ให้แม่ฉัน แก๊ หน้าไหว้หลังหลอกชัดๆ ประจบแม่ฉํนยังกับลูกหมา ทีกับฉันล่ะ กัดเอากัดเอา
"ดี ฉันจะไปบอกให้พี่สาวลงมาช้าอีกสักสองชั่วโมง" ฉันสะบัดหน้าแบบฉุนๆแล้วเดินขึ้นบันไดไป
"ลูก ! ทำไมพูดกับอาโปแบบนี้ล่ะ เขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล"
"ไกลจะตายแม่ ไกลสุดขั้วโลกได้ยิ่งดี" ฉันเถียงอย่างหงุดหงิด พลางจ้องอาโป อย่านึกว่าเข้าทางแม่แล้วจะชนะฉันได้นะ ฉันต้องเอาคืนนายสักวันแน่นอน
"ใครมาเหรอ แม่ อ้ะ !" พี่ซาโยหน้าแดง ไม่จริง พี่สาวสุดแสนจะใจแข็งของฉัน ฉันหันขวับไปคาดโทษกับอาโป ประมาณว่า 'แกร่ายมนต์อะไรใส่พี่สาวฉันฟะ ถึงได้ดูละลายปวกเปียกแบบนั้น' ไอ้ประสาทนั่นยักคิ้วให้ฉัน หนอย ฉันจะฆ่าแก
"สวัสดี ซาโย ฉันมาพาเธอไปเที่ยวน่ะ คุณน้าครับ ผมขออนุญาติพาซาโยไปเที่ยวได้มั้ยครับ"
"ได้เลยจ้ะ กลับมาค่ำๆก็ได้ บอกแล้วไงจ้ะว่าให้เรียกแม่"
"ครับ คุณแม่" แล้วมันก็เดินผ่านฉันพร้อมพี่ซาโยไปพร้อมกระซิบเบาๆอย่างรวดเร็ว
"ยกนี้ฉันชนะ ยัยน้องติดพี่"
"ไอ้...." ฉันจะด่ามัน แต่อาโปออกไปนอกประตูเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงเสียงหัวเราะลอยมาตามลม ฮึ่ม สักวันฉันจะฆ่าแกให้ได้
กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง
ใครมาอีกล่ะฟะ ฉันพูดยินดีต้อนรับแบบไม่สบอารมณ์สุดๆ แต่ก็ได้ยินเสียงกวนๆกลับมาแทน
"ใครทำให้อารมณ์เสียมาอีกล่ะ" เสียงนี้มันคิวนี่ คราวนี้คิวแต่งตัวด้วยชุดเก่ง เสื้อสีฟ้าแขนกุดเผยให้เห็นหัวไหล่ขาวเนียนชวนเลือดกำเดาพุ่ง สกรีนลายหมีพูร์ใส่เสื้อแดงแต่ไม่นุ่งกางเกงลิงกำลังจุ่มน้ำผึ้งน้ำผึ้งอย่างเอร็ดอร่อย กางเกงยีนส์สีเข้มทำสีซีดๆเป็นบางจุดพร้อมรอยขาดริ้วๆแบบจงใจ นายหล่อเซ็กซี่เกินไปแล้วนะ ริมฝีปากสีชมพูสดที่วันนี้ออกแดงเล็กน้อยเหมือนลูกสตรอเบอรี่น่ากินที่ฉันยังไม่เคยได้ลิ้มลอง =__= อยากกินเหมือนกันนะ คิ้วสีดำเข้มเรียวบางยกเล็กน้อยเหมือนกำลังถามฉันว่ามองอะไร และตาที่เหมือนเม็ดอัลม่อนด์เซ้กซี่กระชากใจของเขา ทำให้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะอดทนกับตานี่ได้นานแค่ไหน คิว นายน่ากินเกินไปแล้วนะ
"น้ำลายจะหยดแล้วนั่นน่ะ"
"คุณน้า ขออนุญาติพายัยนี่ไปเที่ยวนะฮะ ได้มั้ยเอ่ย" อย่างน้อยนายนี่ดีกว่าอาโป ตรงที่ว่าไม่เคยทำตัวเสแสร้งเป็นคนดี แต่อย่างอาโปขืนเผยนิสัยที่แท้จริงออกมาบ้านไหนเขาจะยกลูกสาวให้เล่า เนอะ
"ได้เลยจ้ะ" นัยน์ตาของแม่เป็นประกายด้วยความชื่นชม ไม่รู้ชื่อชมคิว หรือดีใจที่ลูกสาวจอมโหดสองคนขายออกกันแน่
"ไปกันเถอะ" คิวจูงฉันออกมา ฉันตะลึงกับช็อปเปอร์คันเบ้อเริ่มเทิ่มที่อยู่หน้าบ้าน
"ของใครน่ะ"
"ฉันไปปล้นเขามา"
"ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ" ฉันรับหมวกกันน็อกที่คิวให้มาและพยายามสวมมันอย่างทุลักทุเลจนคิวที่มองอยู่ต้องเข้ามาช่วย ไอ้สายรัดใต้คางนี่มันน่าอึดอัดชะมัด
"ยัยบ้า เอ้ย ! ฉันว่าเธอไม่ได้แล้วนี่ เพราะฉันสัญญาแล้ว งั้นฉันจะเรียกชื่อเธอแทนนะ อัยย์ เอ่อ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ" คิวเกาหัวแบบใช้ความคิด
"เธอยังจำได้รึเปล่า ว่าฉันสัญญาว่าอะไรบ้าง" ฉันทวนความจำตอนที่คิวเคยพยายามสัญญาเพื่อไม่ให้ฉันไปเมืองนอกแล้วหน้าแดงโร่ คิดจะมาถามอะไรกับฉันเนี่ย
"จำได้ เอ่อ ไม่ได้ เอ้ย ไม่ใช่ จำได้ แต่มันแบบว่า"
"แบบว่าอะไรเหรอ"
"--///-- ฉันก็เขินเป็นนะ !"
"โอเค งั้นฉันบอกเอง จำได้เลาๆ อย่างแรก ก็บอกว่าจะไม่ได้เธออีกใช่มั้ย อย่างที่สอง....."
"ฉันจะบอกเธอทุกวันว่าฉันรักเธอใช่มั้ย"
"อืม"
"ฉันรักเธอนะ"
"แล้วนายจะพาฉันไปไหน" คิวนั่งคร่อมช็อปเปอร์และเอามือตบเบาะด้านหลังดังปุๆเหมือนเรียกหมาให้ฉันไปนั่ง ฉันเสเปลี่ยนเรื่องคุย ให้ตายเหอะ ฉันอายจะบ้าอยู่แล้ว
"สวนสนุก" คิวตอบสั้นๆแล้วบึ่งช็อปเปอร์ไปด้วยความรวดเร็ว
ฉันลงจากช็อปเปอร์มาหยุดยืนหน้าสวนสนุกดรีมเวอร์
มันคือกรงนก ที่ไร้นก แต่มีหนอนยั้วเยี้ย กรี๊ดดดดดดดด บ้านมีไม่อยู่มาทำไมกันนักหนาวะ
ที่สำคัญ มาวันเดียวกันทำม๊ายยยยยยยย
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าฉันคือคน คน คนและคน คน คน คนแก่ เด็ก วัยรุ่นเป็นคู่กระหนุงหนิง พี่ป้าน้าอาหลานทวดปู่ย่าตายายหลานเหลนโหลน แฮ่กๆๆๆ ขี้เกียจไล่รุ่นแล้ว
เอาเป็นว่า ที่ขายตั๋วมีแต่คน ทางเข้าประตูก็มีแต่คน ร้านขายน้ำปั่นยังมีคนเข้าคิวเป็นหางว่าวเลย อ๊ากกกก
"คิว กลับกันเหอะ" ฉันเตรียมปีนขึ้นเบาะช็อปเปอร์อีกครั้ง แต่คิวกลับจับแขนฉันไว้แล้วจ้องตาฉัน
"ฉันเข้าคิวให้เอง วันนี้อุตส่าห์โดดงานพิเศษวันละ 500 มาเชียวนะ" งานพิเศษที่ว่าก็คืองานพิเศษร้านเดิมๆ วันนี้เป็นวันหยุดใหญ่ ป่านนี้เจ้าของร้านก่นด่าคิวล้านรอบแล้วมั้ง เพราะฉันเชื่อมั่นอย่างหนักนะว่า....สามีฉันจากพวกเขามาโดยไม่ลา ช่างใจร้ายเหลือเกิน....
"รออยู่ที่ร้านน้ำปั่นนี่ ห้ามหลงห้ามเดินไปไหนคนเดียว ผู้หญิงมาไล่ตะเพิดผู้ชายมากระทืบได้เลย เข้าใจมั้ย นี่คือคำสั่ง" คิวทำหน้าจริงจังส่วนฉันหัวเราะคิกคัก คำสั่งประเภทไหนกันแน่เนี่ย
"แล้วถ้าเด็กมาล่ะ" ฉันถามยิ้มๆ
"เตะก้นมันได้เลย" คิวทำหน้าบูดแล้วเดินไปต่อแถว
สรุป ตีเด็กเตะหมาด่าคนแก่ได้เลยแล้วนายจะรับผิดชอบแทนใช่มั้ย คิกๆๆ
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง
น้ำแตงโมปั่นสองแก้วที่ฉํนสั่งมาเผื่อคิวถูกฉันฟาดเรียบไปหมดแล้ว คิวก็ยังคงไม่มา
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ฉันสั่งน้ำมะพร้าวอ่อนมาละเลียดรู้สึกเส้นเลือดในสมองเริ่มปวดตุบๆ
ผ่านไปอีกห้านาที ตอนนี้ต่อมความอดทนฉันจะระเบิดแล้ว จะให้รอไปถึงไหนวะ
ฉันวางแบงค์ร้อยเอาแก้วทับไว้แล้วลุกจากเก้าอี้ไปด้วยความฉุนเฉียวทันที
เพราะฉันกำลังเห็น คิวโดนไอ้หน้าหล่อตาถั่วห้าคนพากันมาเกี้ยวพาราสีประสาทๆอยู่น่ะสิ
"อัยย์" คิวพึมพำเบาๆ
"ทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก ปล่อยให้รอตั้งนาน" ฉันจ้องตาพวกมันห้าคนด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ =__=^^^ พวกแกไม่มีผู้หญิงให้จีบแล้วใช่มั้ย ถึงมายุ่งกับผู้ชายของฉันเนี่ย
"คุยอะไรกันเหรอครับ" หนึ่งในห้าของหน้าหล่องั่ง จะขอเรียกมันว่าพวกงั่งเรนเจอร์ได้มั้ยเนี่ย เพราะคนที่เสนอหน้ามาคนแรกมันหัวแดง โอเค ตกลงแกเป็นงั่งนัมเบอร์วัน
"อย่ามายุ่งฉันจะคุยกับแฟนฉัน" ฉันตะคอกใส่พวกมันจนหน้าเหวอแล้วหันไปสั่งคิว
"ไปรอที่ร้านแทน ฉันจะต่อคิวเอง" ฉันเดินไปส่งคิวที่ร้านน้ำปั่น คิวทำท่ายึกยักจะไม่ไปแต่โดนรังสีพิฆาตของฉันจนยอมเดินไปเงียบๆ
"ฉันอุตส่าห์ต่อแถวรอตั้งนาน ทำไมเธอทำแบบนี้เนี่ย" พอก้นหย่อนถึงเก้าอี้คิวก็บ่นฉันทันที
"ถ้านายยังต่ออยู่ ฉันคิดว่าก้นนายอาจจะไม่ปลอดภัยแทนก็ได้"
"เธอ !"
"น่าๆ ฉันรับประกันอีกสิบนาทีเราได้เข้าสวนสนุกแน่" คิวทำหน้าอึ้งๆ ฉันรู้ว่านายคิดอะไร ต่อมาชั่วโมงยังไม่ได้ ลองดูฝีมือฉันบ้างก็แล้วกัน
ฉันเดินไปสายตาจ้องมอง ในใจคำนวณแล้วเลือกแถวที่มีผู้หญิงมากที่สุด และเป็นเด็กสาววัยรุ่นใส่เสื้อผ้าแบบพ่อแม่หัวใจวายด้วย
ฉันเดินเข้าไปทักสาวๆกลุ่มใหญ่ทันที
"ไฮ สาวๆ หวัดดีจ้ะ"
"สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ"
"แหม มาถึงก็ถามชื่อเลยเหรอ นี่จ้ะ นามบัตร"
นามบัตรหลายสิบใบของฉันอันตรธานไปภายในพริบตา ยัยเด็กเวรพวกนี้แกจะขนกลับไปฝากเพื่อนรึไงวะ
ฉันก่นด่าในใจแต่ปากยังคงยิ้มและทำหน้าที่ของมันไปอย่างดี
"น้องๆนี่น่ารักกันจังเลยนะ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่ก็เท่มากเลยนะคะ"
"น้องจะมาเที่ยวดรีมเวิร์ลใช่มั้ย อยากได้เพื่อนแบบพี่ไปเที่ยวด้วยรึเปล่า" ฉันรุกต่อทันทีด้วยไม่พูดพร่ามทำเพลง
"พี่มากับเพื่อนพี่น่ะ แต่แถวยาวขนาดนี้ พี่คงต้องกลับซะแล้ว ทั้งๆที่อยากจะรู้จักพวกน้องๆให้ดีกว่านี้แท้ๆ" ฉันก้มหน้าทำต่าหลุบต่ำ สงสารเข้าไป สงสารเข้าไป๊
"ว้า แย่จังนะคะ เอางี้พวกเราจะรับซื้อตั๋วให้ดีม้ยคะ" เด็กผู้หญิงใส่เสื้อสายเดี่ยวสีแดงแป้ดที่เห็นแล้วน่าเอากรรไกรมาตัดให้รู้แล้วรู้รอดพูดประโยคภายในใจฉัน น่ารักมากจ้ะน้อง
"จะไม่ลำบากหรือจ้ะ"
"ไม่หรอกค่ะ ยินดีอย่างยิ่ง" อย่าส่งรอยยิ้มและสายตาแบบนั้นมาให้ฉัน มันน่าสยดสยองงงงงง
"แล้วคนอื่นจะว่าพี่รึเปล่าเนี่ย" ฉันหันไปปรายตามองทั้งแถวและยิ้มให้ผู้หญิงทุกคนอย่างหยาดเยิ้ม ส่วนผู้ชายก็ทำหน้าเหี้ยมๆเหมือนจะไม่ยอมฉันแค่โดนสายตาสาวๆทั้งกลุมยี่สิบกว่าคนเขม่นจนหงอ ถึงจะเป็นชะนีแต่อยู่รวมทั้งกลุ่มก็น่ากลัวพอๆกับเสือตัวเดียวนั่นแหละ
"ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ" ฉันยื่นเงินให้เด็กผู้หญิงอีกคนที่ทำผมฟูฟ่องเหมือนโดนช็อตไฟฟ้ามาหมาดๆแล้วหันไปเรียกคิวซึ่งวิ่งมาทันที
"ทำได้ไงอ่ะ" ฉันหันไปกระซิบกระซาบกับคิวเบาๆ
"เสน่ห์มันต่างกัน" คิวหันไปทำท่าอ้วกลมอยู่ข้างๆจนฉันชักอยากจะน็อตหัวขึ้นมาตงิดๆ
แล้วเราก็ได้เข้าดรีมเวิร์ลในที่สุด ด้วยฝีมือของฉันภายในสิบนาที
แต่มีอย่างนึงที่ฉันลืมไปซะสนิท..... อย่างนึงที่สำคัญมากๆซะด้วยสิ.....
แล้วฉันจะสลัดยัยชะนีแร้งทึ้งพวกนี้ยังไงดีล่ะเนี่ย !!
และแล้วฉันก็ถูกชะนีกอริลล่าอุรังอุตังรุมหน้ารุมหลังต้อนเข้าสวนสนุกเหมือนโดนวัวแม่พันธุ์ต้อนพ่อพันธุ์เข้าคอก --.,-- ได้ตั๋วมาแลกกับแบบนี้ไม่คุ้มเอาซะเล้ย เฮ้อ
"พี่คะ ทานน้ำส้มของมิลค์สิคะ" ฉันไม่กินน้ำนางเอกของแกหรอกเฟ้ย
"แบบว่าพี่เพิ่งกินน้ำไปหลายแก้วตอนรอเพื่อนซื้อตั๋วน่ะจ้ะ" คิวถลึงตาใส่ฉันตอนได้ยินคำว่าเพื่อน นายอยากให้ความลับพวกเราแตกในวงล้อมชะนีทั้งฝูงรึไงฟะ
"เหรอคะ น่าเสียดายจริงๆ"
"งั้นกินไอศกรีมช็อกโกแล็ตของหลิวหน่อยสิคะ"
"เผอิญพี่ไม่ถูกกับอะไรเย็นๆน่ะจ้ะ" เผอิญไม่ถูกกับหน้าตาชวนเย็นซาบซ่านขนลุกของเธอต่างหาก
"พี่น่าสงสารจังกินไอติมไม่ได้ งั้นป้อนแตงโมนะคะ"
"บังเอิญพี่เป็นโรคน้ำตาลมากเกินไปในเลือดน่ะจ้ะเลยกินของหวานๆไม่ได้" ฉันส่ายหน้าสุดชีวิต แตงโมนั่นยัยพวกนี้อาจจะใส่ยาสลบไว้ก็ได้ใครจะรู้
"งั้นกินหมูปิ้งเค็มๆของจอยนะคะ"
"เอ้อ บังเอิญพี่ก็เป็นโรคกินของเค็มไม่ได้จ้ะ ของเปรี้ยวก็ไม่ได้ของเผ็ดก็ไม่ได้ เพราะว่าพี่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร" =__= ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงเมื่อคิวส่งสายตามาว่าแล้วเธอรอดชีวิตมาได้ยังไง
"งั้นโจ๊กใสกิ๊งไม่ปรุงแต่งเพิ่มเลยนะคะ นะนะกินสักคำเถอะค่ะ"
"พี่ไม่ชอบหมูสับจ้ะ" ยัยชะนีพวกนี้เริ่มทำหน้าเหมือนตูดแล้ว ทำไงดีฟะ
"งั้นพี่ป้อนเองนะจ้ะ ใครอยากให้พี่ป้อนมาเลย"
แล้วฉันก็มือแทบหงิกเพราะต้องคอยป้อนชะนีทุกตัว ! ย้ำว่าทุกตัว พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย ไม่ได้กินแล้วยังต้องป้อนอีก (แกปฏิเสธเขาเองไม่ใช่เรอะ) เออเซ่ะ ใครเขาจะกินลงวะ เห็นเครื่องสำอางโบ๊ะหนาๆนี่ก็แทบสลบแล้ว
ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วยยยยยย !
สุดท้ายฉันก็สลัดยัยพวกนี้ด้วยการขอมาเข้าห้องน้ำพร้อมๆกับคิว เลยรอดได้อย่างฉิวเฉียด
และแล้ว บนเวทีมีคนเยอะแยะมุงดูเต็มไปหมดยังกะมีใครมาแจกของฟรีหรือแจกทองลุ้นโชค
ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่สายตาฉันเกิดไปจ๊ะเอ๋เข้ากับตุ๊กตาหมีพูร์ตัวยักษ์ซะก่อน
เวรแล้วมั้ยนั่น ถ้าคิวเห็นมีหวังต้องลากฉันเข้าไปเล่นด้วยแหงๆ ไม่เอาเด็ดขาด
ด้วยความโชคร้าย คิวเลยหันไปเห็นพร้อมฉันพอดีพร้อมลากฉันลิ่วๆไปลงชื่อสมัครทันทีแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขาประกวดอะไรก็ตาม
หลังจากผ่านมาสักสิบนาที ฝูงผึ้งแตกรังก่อนทยอยเดินหนีออกมาหลังจากรู้ชื่อการประกวดครั้งนี้
ปฏิบัติการค้นหาคู่รักเต้นเซ็กซี่ระเบิดระเบ้อ
แค่ฟังก็ชวนอ้วกเต็มทน TT_TT
ฉันพยายามชี้แจงกับคิวว่าต่อให้ตายฉันก็เต้นไม่ได้ เอาไปประกวดนางงามวัดลิงขบฉันยังจะอยากไปมากกว่าอีก
แต่เขาก็ยิ้มหวานให้ฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลมว่า...
"ไม่เป็นไร ฉันจะเต้นแทนเธอเอง เพราะในความเป็นจริงแล้วฉันเหมือนผู้หญิงกว่าเธอ"
ฉึก !! มีดเล่มที่หนึ่ง
"น่ารักกว่าเธอ"
ฉึก !! มีดเล่มที่สอง
"เซ็กซี่กว่าเธอ"
ฉึก !! มีดเล่มที่สาม
"เออๆ เข้าใจแล้ว ฉันมันหน้าเหมือนผู้ชาย แต่นายไม่มีหน้าอก แล้วจะดูเหมือนเรอะ" ฉันมองอกที่เรียบแบนแต๊ดแต๋ของคิว แต่เขาก็ทำท่านิ่งๆเหมือนไม่ใส่ใจอะไร ก่อนจะชี้ไปที่กองลูกบอลสำหรับปาเป้า
"เอามาสักสองลูกฉันก็เหมือนผู้หญิงแล้วล่ะ"
คิวหายตัวเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมาแล้วขยับหน้าอกปลอมให้เข้าที่โดยไม่สนใจว่าจะมีใครทำหน้าหกหรือเลือดกำเดากระจายบ้าง
"แล้วฉันจะเต้นได้ยังไงไม่ทราบ"
"น่าๆๆ ง่ายๆเต้นตามฉันหรือไม่ก็ส่ายสะโพกก็พอ ที่เหลือฉันจัดการเอง"
ฉันรอการเต้นด้วยใจที่เต้นระทึก จะรอดมั้ยล่ะเนี่ย
เมื่อมาถึงคู่เรา ฉันก็เดินออกไปด้วยขาสั่นๆผิดกับคนข้างๆที่เดินออกไปด้วยท่าทางมั่นใจเกินร้อย
เมื่อเพลงเริ่มฉันก็เต้นเก้ๆกังๆแต่คิวกลับส่ายทุกส่วนไปมาในร่างกายโดยเฉพาะเอวเขาที่เหมือนไม่มีกระดูกอยู่เรื่อย ฝูงชนเริ่มเข้ามามุงมากขึ้นเรื่อยๆแล้วเป่าปากวี้ดวิ้ว
ฉับพลันลูกบอลก็กลิ้งหลุนๆมาที่แทบเท้าฉัน
ตาฉันแทบถลนหลุดจากเบ้าในขณะที่คิวยังไม่สนใจว่าหน้าอกตนเองหายไปข้างนึง -*-
ฉันทำท่าเต้นอะโกโก้เหมือนรูดเสา แต่ผิดกับว่าเป็นเสามนุษย์และฉันทำเพื่อความอยู่รอดของชีวิตตนเอง ย่อลงไปเรื่อยๆจนถึงพื้นแล้วใช้ตัวบังเก็บลูกบอลขึ้นมา
ฉันรีบดึงคิวเข้ามาแล้วเอาหลังตัวเองบังไว้ก่อนจะเอาลูกบอลยัดใส่ที่เดิม
=__= ฉันได้ยินเสียงแก้วน้ำระเบิดโผละ และเสียงเลือดกำเดาพุ่ง ไอ้พวกจิตอกุศล ฉันไม่ได้ไปแตะต้องอะไรที่ไม่ควรแตะซะหน่อย ฮ่วย !!!
และหลังจากนั้น ด้วยท่าเต้นกระจายบาดจิตบาดใจ และท่าหื่นไร้ลิมิตร ใช่ ชื่อท่าหื่นไร้ลิมิตรที่ไอพิธีกรช่างคิดมันตั้งให้ ทำให้เอาคว้าเอารางวัลที่หนึ่งไปครอง
คิวยิ้มกว้างออกจากสวนสนุกในขณะที่ฉันทำหน้าหงิกหมอไม่รับเย็บ
"สนุกมากเลยเหรอ"
"อื้อ ดีมากเลยล่ะ"
บางทีฉันก็รู้สึกว่าการที่เขายิ้มมันก็ช่างคุ้มค่ากับที่ฉันต้องไปเสี่ยงชีวิตบนเวทีพอดู
"ฉันรักนายนะ" จู่ๆฉันก็พูดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาหันมามองหน้าฉันที่ขึ้นสีแดงขำๆแล้วตอบ
"ฉันก็เหมือนกัน"
แล้วเราก็ขี่มอเตอร์ไซต์กลับบ้าน ในขณะที่พระอาทิตย์เริ่มตกเป็นส้มสวยและสวนสนุกก็เหลือเป็นเพียงจุดเล็กๆ
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชายงดงามปานเจ้าหญิง วันหนึ่งพระองค์ได้พบกับเจ้าหญิงองค์น้อยและตกหลุมรักกันและกัน แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้ทั้งคู่จากกันโดยมีเพียงไม้อมยิ้มและริบบิ้นสีเงินเป็นเครื่องแทนใจ
หลายปีต่อมา เขากลับพบรักกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งใบหน้าละม้ายคล้ายกับเจ้าหญิงน้อยที่เขาได้เจอในวัยเด็กยิ่งนัก
ผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวของคนที่เขาตามหามาตลอด เขาไม่เคยรู้ แต่ผู้หญิงคนนั้นรู้ และตกลงใจจะหลีกทางให้พี่สาวของตน แต่สุดท้าย เจ้าชายก็เลือกน้องสาวของเจ้าหญิง
"ยามีรา รู้มั้ยว่าทำไมเจ้าชายถึงรักน้องเจ้าหญิงที่ไม่ใช่คนที่เขารอคอยมานาน"
"ทำไมเหรอครับแม่"
ฉันลูบหัวลูกชายที่เกิดออกมาแล้วมีผมสีเงินเพราะความผิดปกติของเซลล์สีผมเบาๆด้วยความเอ็นดู ชื่อของเขาแปลว่าพระจันทร์ ที่แสนจะสว่างสุกใสเหมือนดั่งผมสีเงินยวงของเขา
"เพราะเจ้าชายรักในสิ่งที่น้องสาวของเจ้าหญิงเป็น เจ้าชายไม่ได้รักเจ้าหญิงตัวน้อยเมื่อสิบปีก่อนเหมือนเดิม"
"แล้วตอนจบของเรื่องนี้เป็นยังไงเหรอครับ"
"พวกเขาแต่งงานกันและอยู่อย่างมีความสุขเหมือนดั่งในนิทาน และมีลูกชายน่ารักผมสีเงินแบบลูกไง"
"แอบเล่าอะไร คุณแม่จอมยุ่ง" คิวบีบจมูกฉันเบาๆขณะกอดกันกลมสามคน
"แม่เล่านิทานเรื่องเจ้าชายที่รักน้องสาวของคนที่รอคอยมานานน่ะครับ" เจ้าลูกชายดันโพล่งออกไป ฉันมองคิวที่ชะงักนิดนึงก่อนจะยิ้มอย่างยินดี
"ก็น้องสาวเจ้าหญิงน่ารักขนาดนี้ เจ้าชายจะไม่รักได้ยังไง เนอะ อัยย์"
เขาหันมาสบตาฉันและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ความรัก ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็งดงามเสมอ
ความรักสอนให้เรารู้ว่าควรจะยึดติดกับปัจจุบันไม่ใช่อดีต เพราะอดีตเป็นเพียงความทรงจำ แต่ปัจจุบันคือชีวิตที่เราต้องดำเนินต่อไป
ความรักทำให้เรารู้จักการเชื่อใจ
และบางครั้งเวลาเรามีปัญหาอะไรก็ควรจะแบ่งปันกับเขาไม่ใช่เก็บไปคิดคนเดียวจนเกิดผลเสีย
ไม่ว่าเมื่อไหร่ความรักก็คือความรู้สึกดีๆในชีวิตเราเสมอ
โชคชะตา คือสิ่งที่มนุษย์เป็นไป หรือเราจะปล่อยให้ตนเองไหลไปตามกระแสของกาลเวลา และจำนนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอไปจริงๆหรือ
คงไม่หรอก เพราะบางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลก
เหมือนแบบพวกเราที่นายรักพี่สาวเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันคนที่อยู่ข้างกายนายกลับเป็นฉันยังไงล่ะ
ความรักมีอานุภาพเหนือเหตุผลใดๆเสมอ
เพราะไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมถึงรัก แต่เป็นแต่รักเป็นเหตุผลของคำตอบต่างหากล่ะ
อย่างเช่นทำไมนายถึงรักฉัน
มันไม่มีคำตอบหรอก เพราะว่ารักคือเหตุผลยังไงล่ะ
ฉันรักนายนะ คิว
และจะรักตลอดไปด้วย
>>Love Never Ending<<
เรื่องราวของพวกเขาอาจจบลง แต่ตราตรึงในความทรงจำของคนหลายคนไปตลอดกาล
"ถ้าเหนื่อยก็ไปพักก็ได้นะ" วันนี้พ่อสุดหล่อไปส่งรูปให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี่บริการส่งทันใจภายในสามวัน เลยเหลือแค่แม่สุดสวยของฉันคนเดียว ไม่เหนื่อยอะไรนักหรอก นอกจากเมื่อยปาก พอหันหลังให้สาวๆเท่านั้นแหละ ฉันรีบยกปากขึ้นๆลงๆ ไร้ความไปรู้สึกรึยังเนี่ย
"พี่คะ ขอเบอร์หน่อยสิคะ" รายที่สามพันสองมาขอเบอร์ฉันซึ่งรีบหันมาโดยไวและแจกยิ้มแบบการค้าให้ทันที สาวน้อยหน้าใสที่แต่งชุดทั้งชุดด้วยสีชมพู ติดกิ๊ปสีชมพู ถุงเท้าชมพู เอียนเป็นบ้าเลย นอกจากยัยช็อกกิ้งพิงค์นี่เด็กผู้หญิงม.ต้นวัยทีนที่ว่างๆไม่มีอะไรทำมาล่าเบอร์หนุ่มๆก็ทยอยเข้ามากลุ้มรุมมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนจมอยู่ในคลื่นฝูงชนยังไงไม่รู้
"เอ่อ พี่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือจ้ะ ถ้าอยากเจอพี่ มาที่ร้านมาถ่ายสติ๊กเกอร์บ่อยๆก็ได้นะจ้ะ "ฉันเอ่ยเสียงนุ่มพลางมองด้วยนัยน์ตาหวานเยิ้ม ไม่ละลายก็ให้รู้ไป
"อ่า ไม่มีจริงๆเหรอคะ" สาวๆทำหน้าเสียดาย ขืนให้มีหวังโทรศัพท์ฉันได้ไหม้ก่อนสิยะ
"คือพี่ใช้อันเดียวกับพี่สาวน่ะ รายนั้นน่ะ ช่างคุย พี่ก็เลยยกให้ไป" ยัยพี่สาวมันยึดของฉันไปต่างหากล่ะ ฮึ่ย เราเลยไม่มีใช้ แต่ถึงมีฉันก็ไม่ให้พวกเธอง่ายๆหรอก ฮ่าๆๆๆ
"เสียดายจังเลยนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ถ้าอยากคุยกับพี่ ฝากไว้ที่กับแม่พี่ก็ได้ พี่เต็มใจ" ประโยคสุดท้ายปนเสียงกัดฟันกรอดๆหน่อย หันหลังให้สาวๆและแอบเบ้ปาก เต็มใจที่จะลากพวกแกเข้าร้านฉัน แต่ไม่เต็มใจที่จะให้พวกแกมาแทะฉัน เข้าใจมั้ยห๊า เมื่อไหร่กันนะ ที่ฉันจะได้พูดอย่างที่คิด แต่เอาเถอะ เพื่อรายได้ งึมๆๆ เพื่อรายได้ ท่องไว้ ลูกเอ๋ย แต่ยัยพวกนี้มันก็น่ารำคญจริงๆเลยนะ ลองถ้าบอกว่าเป็นผู้หญิงจะทำหน้ายังไงกันนะ
กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง
เสียงกระดิ่งประตูถูกใครบางคนเปิดเข้ามา ฉันพูดต้อนรับไปโดยอัตโนมัติแบบเบื่อๆ ลูกค้ามาถ่ายรูปกันเยอะ เยอะโดยเฉพาะวันหยุดแบบนี้ ไม่ได้มีแค่ลูกค้าที่เป็นคู่แต่งงานเท่านั้น มีคนกลุ่มอื่นเข้ามาด้วย ก็ร้านเราดันเปิดบริการถ่ายสติ๊กเกอร์ครบวงจร เด็กวัยรุ่นทั้งหลายก็เลยเข้ามาเยอะยังกะแจกฟรี เข้ามาทำไมกันนัก เบื่อโว้ย เข้ามาจะเต็มร้านอยู่แล้ว
"หวัดดี สาวน้อยพี่สาวอยู่มั้ย"ไอ้อาโป ฉันล่ะเกลียดขี้หน้ามันซะจริงๆ ที่มันแกล้งบอกข้อเสนอตอนนั้นเพราะคิดว่าฉันจะทำไม่ได้แล้วคบกับคิวต่อ แล้วมันก็คิดจะเปิดโปงเพื่อให้พี่สาวฉันเลิกหวังในตัวเด็กชายคนนั้น แต่มันก็ได้แต่ฝัน เพราะความลับแตกโผละตั้งแต่วันที่กลับมาจากสนามบิน ฉันก็สารภาพทุกอย่างกับพี่สาว ตอนนั้นพี่ร้องไห้น่าดูเลยแหละ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสร็จแล้วยังเตะก้นฉันอีกต่างหาก
ส่วนไอ้หัวเงินเด่นมาแต่ไกลนี่ มันเทียวไล้เทียวขื่อมาจีบพี่สาวทุกวัน เอาดอกไม้มาบ้างล่ะ ขนมบ้างล่ะ ถ้าฝากฉันหรือพี่สาวลงถังขยะหมด แต่มันเล่นเข้าทางแม่ฉันน่ะเซ่
"สวัสดีครับ คุณน้า ผมเอาผลไม้มาฝากครับ" คราวนี้ผลไม้ เมื่อวานเป็นเค้ก สองวันก่อนเป็นพาย อาทิตย์ก่อนนู้นก็เป็นดอกกุหลาบเป็นช่อ แต่ไม่ต้องห่วงทุกอย่างที่มันให้มามีประโยชน์หมดแหละ เค้ก พาย ขนม พี่กับฉันช่วยกันกินจนเกลี้ยง ถึงจะไม่ชอบเจ้าของแต่ของที่มันเอามาฝากไม่นับด้วย ขืนปล่อยไว้ก็เสีย กินอร่อยดีกว่า ดอกไม้ก็เอาไปจัดแจกัน
แต่ที่ไม่สบอารมณ์สุดๆคือตอนหลังพี่แกเริ่มเอาดอกไม้ไปทำดอกไม้แห้งใส่ไว้ในหนังสือน่ะเซ่ ถึงพี่จะบอกเสียดายก็เหอะ แต่ฉํนไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นสักนิด
"พ่ออาโป มาอีกแล้วเหรอจ้ะ แหม เกรงใจออก ไม่ต้องเรียกน้าหรอก เรียกแม่เลยก็ได้จ้ะ ซาโยอยู่ข้างบนน่ะ เดี๋ยวก็คงลงมาแล้ว อัยย์ไปตามหน่อยซิ"
"ไม่ตามฮะ เรื่องอะไรต้องไปตามให้ ไอ... เอ่อ ผู้ชายคนนี้ด้วยล่ะ"
"เขาอุตส่าห์มีน้ำใจเอามาฝาก ไปตามมาซิ" เสียงแม่ชักเข้มขึ้น แม่นะ แม่ ไปเข้าข้างมันทำไม
"ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ครับ นานแค่ไหนก็รอได้" มันหันไปแจกยิ้มหวานมีเสน่ห์ให้แม่ฉัน แก๊ หน้าไหว้หลังหลอกชัดๆ ประจบแม่ฉํนยังกับลูกหมา ทีกับฉันล่ะ กัดเอากัดเอา
"ดี ฉันจะไปบอกให้พี่สาวลงมาช้าอีกสักสองชั่วโมง" ฉันสะบัดหน้าแบบฉุนๆแล้วเดินขึ้นบันไดไป
"ลูก ! ทำไมพูดกับอาโปแบบนี้ล่ะ เขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล"
"ไกลจะตายแม่ ไกลสุดขั้วโลกได้ยิ่งดี" ฉันเถียงอย่างหงุดหงิด พลางจ้องอาโป อย่านึกว่าเข้าทางแม่แล้วจะชนะฉันได้นะ ฉันต้องเอาคืนนายสักวันแน่นอน
"ใครมาเหรอ แม่ อ้ะ !" พี่ซาโยหน้าแดง ไม่จริง พี่สาวสุดแสนจะใจแข็งของฉัน ฉันหันขวับไปคาดโทษกับอาโป ประมาณว่า 'แกร่ายมนต์อะไรใส่พี่สาวฉันฟะ ถึงได้ดูละลายปวกเปียกแบบนั้น' ไอ้ประสาทนั่นยักคิ้วให้ฉัน หนอย ฉันจะฆ่าแก
"สวัสดี ซาโย ฉันมาพาเธอไปเที่ยวน่ะ คุณน้าครับ ผมขออนุญาติพาซาโยไปเที่ยวได้มั้ยครับ"
"ได้เลยจ้ะ กลับมาค่ำๆก็ได้ บอกแล้วไงจ้ะว่าให้เรียกแม่"
"ครับ คุณแม่" แล้วมันก็เดินผ่านฉันพร้อมพี่ซาโยไปพร้อมกระซิบเบาๆอย่างรวดเร็ว
"ยกนี้ฉันชนะ ยัยน้องติดพี่"
"ไอ้...." ฉันจะด่ามัน แต่อาโปออกไปนอกประตูเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงเสียงหัวเราะลอยมาตามลม ฮึ่ม สักวันฉันจะฆ่าแกให้ได้
กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง
ใครมาอีกล่ะฟะ ฉันพูดยินดีต้อนรับแบบไม่สบอารมณ์สุดๆ แต่ก็ได้ยินเสียงกวนๆกลับมาแทน
"ใครทำให้อารมณ์เสียมาอีกล่ะ" เสียงนี้มันคิวนี่ คราวนี้คิวแต่งตัวด้วยชุดเก่ง เสื้อสีฟ้าแขนกุดเผยให้เห็นหัวไหล่ขาวเนียนชวนเลือดกำเดาพุ่ง สกรีนลายหมีพูร์ใส่เสื้อแดงแต่ไม่นุ่งกางเกงลิงกำลังจุ่มน้ำผึ้งน้ำผึ้งอย่างเอร็ดอร่อย กางเกงยีนส์สีเข้มทำสีซีดๆเป็นบางจุดพร้อมรอยขาดริ้วๆแบบจงใจ นายหล่อเซ็กซี่เกินไปแล้วนะ ริมฝีปากสีชมพูสดที่วันนี้ออกแดงเล็กน้อยเหมือนลูกสตรอเบอรี่น่ากินที่ฉันยังไม่เคยได้ลิ้มลอง =__= อยากกินเหมือนกันนะ คิ้วสีดำเข้มเรียวบางยกเล็กน้อยเหมือนกำลังถามฉันว่ามองอะไร และตาที่เหมือนเม็ดอัลม่อนด์เซ้กซี่กระชากใจของเขา ทำให้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะอดทนกับตานี่ได้นานแค่ไหน คิว นายน่ากินเกินไปแล้วนะ
"น้ำลายจะหยดแล้วนั่นน่ะ"
"คุณน้า ขออนุญาติพายัยนี่ไปเที่ยวนะฮะ ได้มั้ยเอ่ย" อย่างน้อยนายนี่ดีกว่าอาโป ตรงที่ว่าไม่เคยทำตัวเสแสร้งเป็นคนดี แต่อย่างอาโปขืนเผยนิสัยที่แท้จริงออกมาบ้านไหนเขาจะยกลูกสาวให้เล่า เนอะ
"ได้เลยจ้ะ" นัยน์ตาของแม่เป็นประกายด้วยความชื่นชม ไม่รู้ชื่อชมคิว หรือดีใจที่ลูกสาวจอมโหดสองคนขายออกกันแน่
"ไปกันเถอะ" คิวจูงฉันออกมา ฉันตะลึงกับช็อปเปอร์คันเบ้อเริ่มเทิ่มที่อยู่หน้าบ้าน
"ของใครน่ะ"
"ฉันไปปล้นเขามา"
"ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ" ฉันรับหมวกกันน็อกที่คิวให้มาและพยายามสวมมันอย่างทุลักทุเลจนคิวที่มองอยู่ต้องเข้ามาช่วย ไอ้สายรัดใต้คางนี่มันน่าอึดอัดชะมัด
"ยัยบ้า เอ้ย ! ฉันว่าเธอไม่ได้แล้วนี่ เพราะฉันสัญญาแล้ว งั้นฉันจะเรียกชื่อเธอแทนนะ อัยย์ เอ่อ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ" คิวเกาหัวแบบใช้ความคิด
"เธอยังจำได้รึเปล่า ว่าฉันสัญญาว่าอะไรบ้าง" ฉันทวนความจำตอนที่คิวเคยพยายามสัญญาเพื่อไม่ให้ฉันไปเมืองนอกแล้วหน้าแดงโร่ คิดจะมาถามอะไรกับฉันเนี่ย
"จำได้ เอ่อ ไม่ได้ เอ้ย ไม่ใช่ จำได้ แต่มันแบบว่า"
"แบบว่าอะไรเหรอ"
"--///-- ฉันก็เขินเป็นนะ !"
"โอเค งั้นฉันบอกเอง จำได้เลาๆ อย่างแรก ก็บอกว่าจะไม่ได้เธออีกใช่มั้ย อย่างที่สอง....."
"ฉันจะบอกเธอทุกวันว่าฉันรักเธอใช่มั้ย"
"อืม"
"ฉันรักเธอนะ"
"แล้วนายจะพาฉันไปไหน" คิวนั่งคร่อมช็อปเปอร์และเอามือตบเบาะด้านหลังดังปุๆเหมือนเรียกหมาให้ฉันไปนั่ง ฉันเสเปลี่ยนเรื่องคุย ให้ตายเหอะ ฉันอายจะบ้าอยู่แล้ว
"สวนสนุก" คิวตอบสั้นๆแล้วบึ่งช็อปเปอร์ไปด้วยความรวดเร็ว
ฉันลงจากช็อปเปอร์มาหยุดยืนหน้าสวนสนุกดรีมเวอร์
มันคือกรงนก ที่ไร้นก แต่มีหนอนยั้วเยี้ย กรี๊ดดดดดดดด บ้านมีไม่อยู่มาทำไมกันนักหนาวะ
ที่สำคัญ มาวันเดียวกันทำม๊ายยยยยยยย
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าฉันคือคน คน คนและคน คน คน คนแก่ เด็ก วัยรุ่นเป็นคู่กระหนุงหนิง พี่ป้าน้าอาหลานทวดปู่ย่าตายายหลานเหลนโหลน แฮ่กๆๆๆ ขี้เกียจไล่รุ่นแล้ว
เอาเป็นว่า ที่ขายตั๋วมีแต่คน ทางเข้าประตูก็มีแต่คน ร้านขายน้ำปั่นยังมีคนเข้าคิวเป็นหางว่าวเลย อ๊ากกกก
"คิว กลับกันเหอะ" ฉันเตรียมปีนขึ้นเบาะช็อปเปอร์อีกครั้ง แต่คิวกลับจับแขนฉันไว้แล้วจ้องตาฉัน
"ฉันเข้าคิวให้เอง วันนี้อุตส่าห์โดดงานพิเศษวันละ 500 มาเชียวนะ" งานพิเศษที่ว่าก็คืองานพิเศษร้านเดิมๆ วันนี้เป็นวันหยุดใหญ่ ป่านนี้เจ้าของร้านก่นด่าคิวล้านรอบแล้วมั้ง เพราะฉันเชื่อมั่นอย่างหนักนะว่า....สามีฉันจากพวกเขามาโดยไม่ลา ช่างใจร้ายเหลือเกิน....
"รออยู่ที่ร้านน้ำปั่นนี่ ห้ามหลงห้ามเดินไปไหนคนเดียว ผู้หญิงมาไล่ตะเพิดผู้ชายมากระทืบได้เลย เข้าใจมั้ย นี่คือคำสั่ง" คิวทำหน้าจริงจังส่วนฉันหัวเราะคิกคัก คำสั่งประเภทไหนกันแน่เนี่ย
"แล้วถ้าเด็กมาล่ะ" ฉันถามยิ้มๆ
"เตะก้นมันได้เลย" คิวทำหน้าบูดแล้วเดินไปต่อแถว
สรุป ตีเด็กเตะหมาด่าคนแก่ได้เลยแล้วนายจะรับผิดชอบแทนใช่มั้ย คิกๆๆ
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง
น้ำแตงโมปั่นสองแก้วที่ฉํนสั่งมาเผื่อคิวถูกฉันฟาดเรียบไปหมดแล้ว คิวก็ยังคงไม่มา
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ฉันสั่งน้ำมะพร้าวอ่อนมาละเลียดรู้สึกเส้นเลือดในสมองเริ่มปวดตุบๆ
ผ่านไปอีกห้านาที ตอนนี้ต่อมความอดทนฉันจะระเบิดแล้ว จะให้รอไปถึงไหนวะ
ฉันวางแบงค์ร้อยเอาแก้วทับไว้แล้วลุกจากเก้าอี้ไปด้วยความฉุนเฉียวทันที
เพราะฉันกำลังเห็น คิวโดนไอ้หน้าหล่อตาถั่วห้าคนพากันมาเกี้ยวพาราสีประสาทๆอยู่น่ะสิ
"อัยย์" คิวพึมพำเบาๆ
"ทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก ปล่อยให้รอตั้งนาน" ฉันจ้องตาพวกมันห้าคนด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ =__=^^^ พวกแกไม่มีผู้หญิงให้จีบแล้วใช่มั้ย ถึงมายุ่งกับผู้ชายของฉันเนี่ย
"คุยอะไรกันเหรอครับ" หนึ่งในห้าของหน้าหล่องั่ง จะขอเรียกมันว่าพวกงั่งเรนเจอร์ได้มั้ยเนี่ย เพราะคนที่เสนอหน้ามาคนแรกมันหัวแดง โอเค ตกลงแกเป็นงั่งนัมเบอร์วัน
"อย่ามายุ่งฉันจะคุยกับแฟนฉัน" ฉันตะคอกใส่พวกมันจนหน้าเหวอแล้วหันไปสั่งคิว
"ไปรอที่ร้านแทน ฉันจะต่อคิวเอง" ฉันเดินไปส่งคิวที่ร้านน้ำปั่น คิวทำท่ายึกยักจะไม่ไปแต่โดนรังสีพิฆาตของฉันจนยอมเดินไปเงียบๆ
"ฉันอุตส่าห์ต่อแถวรอตั้งนาน ทำไมเธอทำแบบนี้เนี่ย" พอก้นหย่อนถึงเก้าอี้คิวก็บ่นฉันทันที
"ถ้านายยังต่ออยู่ ฉันคิดว่าก้นนายอาจจะไม่ปลอดภัยแทนก็ได้"
"เธอ !"
"น่าๆ ฉันรับประกันอีกสิบนาทีเราได้เข้าสวนสนุกแน่" คิวทำหน้าอึ้งๆ ฉันรู้ว่านายคิดอะไร ต่อมาชั่วโมงยังไม่ได้ ลองดูฝีมือฉันบ้างก็แล้วกัน
ฉันเดินไปสายตาจ้องมอง ในใจคำนวณแล้วเลือกแถวที่มีผู้หญิงมากที่สุด และเป็นเด็กสาววัยรุ่นใส่เสื้อผ้าแบบพ่อแม่หัวใจวายด้วย
ฉันเดินเข้าไปทักสาวๆกลุ่มใหญ่ทันที
"ไฮ สาวๆ หวัดดีจ้ะ"
"สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ"
"แหม มาถึงก็ถามชื่อเลยเหรอ นี่จ้ะ นามบัตร"
นามบัตรหลายสิบใบของฉันอันตรธานไปภายในพริบตา ยัยเด็กเวรพวกนี้แกจะขนกลับไปฝากเพื่อนรึไงวะ
ฉันก่นด่าในใจแต่ปากยังคงยิ้มและทำหน้าที่ของมันไปอย่างดี
"น้องๆนี่น่ารักกันจังเลยนะ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่ก็เท่มากเลยนะคะ"
"น้องจะมาเที่ยวดรีมเวิร์ลใช่มั้ย อยากได้เพื่อนแบบพี่ไปเที่ยวด้วยรึเปล่า" ฉันรุกต่อทันทีด้วยไม่พูดพร่ามทำเพลง
"พี่มากับเพื่อนพี่น่ะ แต่แถวยาวขนาดนี้ พี่คงต้องกลับซะแล้ว ทั้งๆที่อยากจะรู้จักพวกน้องๆให้ดีกว่านี้แท้ๆ" ฉันก้มหน้าทำต่าหลุบต่ำ สงสารเข้าไป สงสารเข้าไป๊
"ว้า แย่จังนะคะ เอางี้พวกเราจะรับซื้อตั๋วให้ดีม้ยคะ" เด็กผู้หญิงใส่เสื้อสายเดี่ยวสีแดงแป้ดที่เห็นแล้วน่าเอากรรไกรมาตัดให้รู้แล้วรู้รอดพูดประโยคภายในใจฉัน น่ารักมากจ้ะน้อง
"จะไม่ลำบากหรือจ้ะ"
"ไม่หรอกค่ะ ยินดีอย่างยิ่ง" อย่าส่งรอยยิ้มและสายตาแบบนั้นมาให้ฉัน มันน่าสยดสยองงงงงง
"แล้วคนอื่นจะว่าพี่รึเปล่าเนี่ย" ฉันหันไปปรายตามองทั้งแถวและยิ้มให้ผู้หญิงทุกคนอย่างหยาดเยิ้ม ส่วนผู้ชายก็ทำหน้าเหี้ยมๆเหมือนจะไม่ยอมฉันแค่โดนสายตาสาวๆทั้งกลุมยี่สิบกว่าคนเขม่นจนหงอ ถึงจะเป็นชะนีแต่อยู่รวมทั้งกลุ่มก็น่ากลัวพอๆกับเสือตัวเดียวนั่นแหละ
"ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ" ฉันยื่นเงินให้เด็กผู้หญิงอีกคนที่ทำผมฟูฟ่องเหมือนโดนช็อตไฟฟ้ามาหมาดๆแล้วหันไปเรียกคิวซึ่งวิ่งมาทันที
"ทำได้ไงอ่ะ" ฉันหันไปกระซิบกระซาบกับคิวเบาๆ
"เสน่ห์มันต่างกัน" คิวหันไปทำท่าอ้วกลมอยู่ข้างๆจนฉันชักอยากจะน็อตหัวขึ้นมาตงิดๆ
แล้วเราก็ได้เข้าดรีมเวิร์ลในที่สุด ด้วยฝีมือของฉันภายในสิบนาที
แต่มีอย่างนึงที่ฉันลืมไปซะสนิท..... อย่างนึงที่สำคัญมากๆซะด้วยสิ.....
แล้วฉันจะสลัดยัยชะนีแร้งทึ้งพวกนี้ยังไงดีล่ะเนี่ย !!
และแล้วฉันก็ถูกชะนีกอริลล่าอุรังอุตังรุมหน้ารุมหลังต้อนเข้าสวนสนุกเหมือนโดนวัวแม่พันธุ์ต้อนพ่อพันธุ์เข้าคอก --.,-- ได้ตั๋วมาแลกกับแบบนี้ไม่คุ้มเอาซะเล้ย เฮ้อ
"พี่คะ ทานน้ำส้มของมิลค์สิคะ" ฉันไม่กินน้ำนางเอกของแกหรอกเฟ้ย
"แบบว่าพี่เพิ่งกินน้ำไปหลายแก้วตอนรอเพื่อนซื้อตั๋วน่ะจ้ะ" คิวถลึงตาใส่ฉันตอนได้ยินคำว่าเพื่อน นายอยากให้ความลับพวกเราแตกในวงล้อมชะนีทั้งฝูงรึไงฟะ
"เหรอคะ น่าเสียดายจริงๆ"
"งั้นกินไอศกรีมช็อกโกแล็ตของหลิวหน่อยสิคะ"
"เผอิญพี่ไม่ถูกกับอะไรเย็นๆน่ะจ้ะ" เผอิญไม่ถูกกับหน้าตาชวนเย็นซาบซ่านขนลุกของเธอต่างหาก
"พี่น่าสงสารจังกินไอติมไม่ได้ งั้นป้อนแตงโมนะคะ"
"บังเอิญพี่เป็นโรคน้ำตาลมากเกินไปในเลือดน่ะจ้ะเลยกินของหวานๆไม่ได้" ฉันส่ายหน้าสุดชีวิต แตงโมนั่นยัยพวกนี้อาจจะใส่ยาสลบไว้ก็ได้ใครจะรู้
"งั้นกินหมูปิ้งเค็มๆของจอยนะคะ"
"เอ้อ บังเอิญพี่ก็เป็นโรคกินของเค็มไม่ได้จ้ะ ของเปรี้ยวก็ไม่ได้ของเผ็ดก็ไม่ได้ เพราะว่าพี่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร" =__= ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงเมื่อคิวส่งสายตามาว่าแล้วเธอรอดชีวิตมาได้ยังไง
"งั้นโจ๊กใสกิ๊งไม่ปรุงแต่งเพิ่มเลยนะคะ นะนะกินสักคำเถอะค่ะ"
"พี่ไม่ชอบหมูสับจ้ะ" ยัยชะนีพวกนี้เริ่มทำหน้าเหมือนตูดแล้ว ทำไงดีฟะ
"งั้นพี่ป้อนเองนะจ้ะ ใครอยากให้พี่ป้อนมาเลย"
แล้วฉันก็มือแทบหงิกเพราะต้องคอยป้อนชะนีทุกตัว ! ย้ำว่าทุกตัว พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย ไม่ได้กินแล้วยังต้องป้อนอีก (แกปฏิเสธเขาเองไม่ใช่เรอะ) เออเซ่ะ ใครเขาจะกินลงวะ เห็นเครื่องสำอางโบ๊ะหนาๆนี่ก็แทบสลบแล้ว
ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วยยยยยย !
สุดท้ายฉันก็สลัดยัยพวกนี้ด้วยการขอมาเข้าห้องน้ำพร้อมๆกับคิว เลยรอดได้อย่างฉิวเฉียด
และแล้ว บนเวทีมีคนเยอะแยะมุงดูเต็มไปหมดยังกะมีใครมาแจกของฟรีหรือแจกทองลุ้นโชค
ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่สายตาฉันเกิดไปจ๊ะเอ๋เข้ากับตุ๊กตาหมีพูร์ตัวยักษ์ซะก่อน
เวรแล้วมั้ยนั่น ถ้าคิวเห็นมีหวังต้องลากฉันเข้าไปเล่นด้วยแหงๆ ไม่เอาเด็ดขาด
ด้วยความโชคร้าย คิวเลยหันไปเห็นพร้อมฉันพอดีพร้อมลากฉันลิ่วๆไปลงชื่อสมัครทันทีแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขาประกวดอะไรก็ตาม
หลังจากผ่านมาสักสิบนาที ฝูงผึ้งแตกรังก่อนทยอยเดินหนีออกมาหลังจากรู้ชื่อการประกวดครั้งนี้
ปฏิบัติการค้นหาคู่รักเต้นเซ็กซี่ระเบิดระเบ้อ
แค่ฟังก็ชวนอ้วกเต็มทน TT_TT
ฉันพยายามชี้แจงกับคิวว่าต่อให้ตายฉันก็เต้นไม่ได้ เอาไปประกวดนางงามวัดลิงขบฉันยังจะอยากไปมากกว่าอีก
แต่เขาก็ยิ้มหวานให้ฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลมว่า...
"ไม่เป็นไร ฉันจะเต้นแทนเธอเอง เพราะในความเป็นจริงแล้วฉันเหมือนผู้หญิงกว่าเธอ"
ฉึก !! มีดเล่มที่หนึ่ง
"น่ารักกว่าเธอ"
ฉึก !! มีดเล่มที่สอง
"เซ็กซี่กว่าเธอ"
ฉึก !! มีดเล่มที่สาม
"เออๆ เข้าใจแล้ว ฉันมันหน้าเหมือนผู้ชาย แต่นายไม่มีหน้าอก แล้วจะดูเหมือนเรอะ" ฉันมองอกที่เรียบแบนแต๊ดแต๋ของคิว แต่เขาก็ทำท่านิ่งๆเหมือนไม่ใส่ใจอะไร ก่อนจะชี้ไปที่กองลูกบอลสำหรับปาเป้า
"เอามาสักสองลูกฉันก็เหมือนผู้หญิงแล้วล่ะ"
คิวหายตัวเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมาแล้วขยับหน้าอกปลอมให้เข้าที่โดยไม่สนใจว่าจะมีใครทำหน้าหกหรือเลือดกำเดากระจายบ้าง
"แล้วฉันจะเต้นได้ยังไงไม่ทราบ"
"น่าๆๆ ง่ายๆเต้นตามฉันหรือไม่ก็ส่ายสะโพกก็พอ ที่เหลือฉันจัดการเอง"
ฉันรอการเต้นด้วยใจที่เต้นระทึก จะรอดมั้ยล่ะเนี่ย
เมื่อมาถึงคู่เรา ฉันก็เดินออกไปด้วยขาสั่นๆผิดกับคนข้างๆที่เดินออกไปด้วยท่าทางมั่นใจเกินร้อย
เมื่อเพลงเริ่มฉันก็เต้นเก้ๆกังๆแต่คิวกลับส่ายทุกส่วนไปมาในร่างกายโดยเฉพาะเอวเขาที่เหมือนไม่มีกระดูกอยู่เรื่อย ฝูงชนเริ่มเข้ามามุงมากขึ้นเรื่อยๆแล้วเป่าปากวี้ดวิ้ว
ฉับพลันลูกบอลก็กลิ้งหลุนๆมาที่แทบเท้าฉัน
ตาฉันแทบถลนหลุดจากเบ้าในขณะที่คิวยังไม่สนใจว่าหน้าอกตนเองหายไปข้างนึง -*-
ฉันทำท่าเต้นอะโกโก้เหมือนรูดเสา แต่ผิดกับว่าเป็นเสามนุษย์และฉันทำเพื่อความอยู่รอดของชีวิตตนเอง ย่อลงไปเรื่อยๆจนถึงพื้นแล้วใช้ตัวบังเก็บลูกบอลขึ้นมา
ฉันรีบดึงคิวเข้ามาแล้วเอาหลังตัวเองบังไว้ก่อนจะเอาลูกบอลยัดใส่ที่เดิม
=__= ฉันได้ยินเสียงแก้วน้ำระเบิดโผละ และเสียงเลือดกำเดาพุ่ง ไอ้พวกจิตอกุศล ฉันไม่ได้ไปแตะต้องอะไรที่ไม่ควรแตะซะหน่อย ฮ่วย !!!
และหลังจากนั้น ด้วยท่าเต้นกระจายบาดจิตบาดใจ และท่าหื่นไร้ลิมิตร ใช่ ชื่อท่าหื่นไร้ลิมิตรที่ไอพิธีกรช่างคิดมันตั้งให้ ทำให้เอาคว้าเอารางวัลที่หนึ่งไปครอง
คิวยิ้มกว้างออกจากสวนสนุกในขณะที่ฉันทำหน้าหงิกหมอไม่รับเย็บ
"สนุกมากเลยเหรอ"
"อื้อ ดีมากเลยล่ะ"
บางทีฉันก็รู้สึกว่าการที่เขายิ้มมันก็ช่างคุ้มค่ากับที่ฉันต้องไปเสี่ยงชีวิตบนเวทีพอดู
"ฉันรักนายนะ" จู่ๆฉันก็พูดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาหันมามองหน้าฉันที่ขึ้นสีแดงขำๆแล้วตอบ
"ฉันก็เหมือนกัน"
แล้วเราก็ขี่มอเตอร์ไซต์กลับบ้าน ในขณะที่พระอาทิตย์เริ่มตกเป็นส้มสวยและสวนสนุกก็เหลือเป็นเพียงจุดเล็กๆ
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชายงดงามปานเจ้าหญิง วันหนึ่งพระองค์ได้พบกับเจ้าหญิงองค์น้อยและตกหลุมรักกันและกัน แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้ทั้งคู่จากกันโดยมีเพียงไม้อมยิ้มและริบบิ้นสีเงินเป็นเครื่องแทนใจ
หลายปีต่อมา เขากลับพบรักกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งใบหน้าละม้ายคล้ายกับเจ้าหญิงน้อยที่เขาได้เจอในวัยเด็กยิ่งนัก
ผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวของคนที่เขาตามหามาตลอด เขาไม่เคยรู้ แต่ผู้หญิงคนนั้นรู้ และตกลงใจจะหลีกทางให้พี่สาวของตน แต่สุดท้าย เจ้าชายก็เลือกน้องสาวของเจ้าหญิง
"ยามีรา รู้มั้ยว่าทำไมเจ้าชายถึงรักน้องเจ้าหญิงที่ไม่ใช่คนที่เขารอคอยมานาน"
"ทำไมเหรอครับแม่"
ฉันลูบหัวลูกชายที่เกิดออกมาแล้วมีผมสีเงินเพราะความผิดปกติของเซลล์สีผมเบาๆด้วยความเอ็นดู ชื่อของเขาแปลว่าพระจันทร์ ที่แสนจะสว่างสุกใสเหมือนดั่งผมสีเงินยวงของเขา
"เพราะเจ้าชายรักในสิ่งที่น้องสาวของเจ้าหญิงเป็น เจ้าชายไม่ได้รักเจ้าหญิงตัวน้อยเมื่อสิบปีก่อนเหมือนเดิม"
"แล้วตอนจบของเรื่องนี้เป็นยังไงเหรอครับ"
"พวกเขาแต่งงานกันและอยู่อย่างมีความสุขเหมือนดั่งในนิทาน และมีลูกชายน่ารักผมสีเงินแบบลูกไง"
"แอบเล่าอะไร คุณแม่จอมยุ่ง" คิวบีบจมูกฉันเบาๆขณะกอดกันกลมสามคน
"แม่เล่านิทานเรื่องเจ้าชายที่รักน้องสาวของคนที่รอคอยมานานน่ะครับ" เจ้าลูกชายดันโพล่งออกไป ฉันมองคิวที่ชะงักนิดนึงก่อนจะยิ้มอย่างยินดี
"ก็น้องสาวเจ้าหญิงน่ารักขนาดนี้ เจ้าชายจะไม่รักได้ยังไง เนอะ อัยย์"
เขาหันมาสบตาฉันและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ความรัก ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็งดงามเสมอ
ความรักสอนให้เรารู้ว่าควรจะยึดติดกับปัจจุบันไม่ใช่อดีต เพราะอดีตเป็นเพียงความทรงจำ แต่ปัจจุบันคือชีวิตที่เราต้องดำเนินต่อไป
ความรักทำให้เรารู้จักการเชื่อใจ
และบางครั้งเวลาเรามีปัญหาอะไรก็ควรจะแบ่งปันกับเขาไม่ใช่เก็บไปคิดคนเดียวจนเกิดผลเสีย
ไม่ว่าเมื่อไหร่ความรักก็คือความรู้สึกดีๆในชีวิตเราเสมอ
โชคชะตา คือสิ่งที่มนุษย์เป็นไป หรือเราจะปล่อยให้ตนเองไหลไปตามกระแสของกาลเวลา และจำนนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอไปจริงๆหรือ
คงไม่หรอก เพราะบางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลก
เหมือนแบบพวกเราที่นายรักพี่สาวเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันคนที่อยู่ข้างกายนายกลับเป็นฉันยังไงล่ะ
ความรักมีอานุภาพเหนือเหตุผลใดๆเสมอ
เพราะไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมถึงรัก แต่เป็นแต่รักเป็นเหตุผลของคำตอบต่างหากล่ะ
อย่างเช่นทำไมนายถึงรักฉัน
มันไม่มีคำตอบหรอก เพราะว่ารักคือเหตุผลยังไงล่ะ
ฉันรักนายนะ คิว
และจะรักตลอดไปด้วย
>>Love Never Ending<<
เรื่องราวของพวกเขาอาจจบลง แต่ตราตรึงในความทรงจำของคนหลายคนไปตลอดกาล
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น