Unfaithful ความจริงใจ ??
หยาดน้ำตาที่หลั่งไหล...โลหิตที่หยะหยด...ความตายที่ไม่อาจหยุดยั้ง สิ่งใดคือความจริงใจ ? มิตรภาพอันงดงามงั้นรึ เฮอะ ! ไร้สาระ [เรื่องสั้นส่งภาษาไทยข้าพเจ้าเอง]
ผู้เข้าชมรวม
713
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ปล้น !!” ชายหนุ่มตะโกนลั่นด้วยความตกใจ หลังจากได้ยินเนื้อความที่เพื่อนของตนเล่ามา
“ชู่ว์” เจ้าของนัยน์ตาเรียวเล็กเหมือนงูพิษ แตะปลายนิ้วเข้ากับริมฝีปากเพียงแผ่วเบา “เดี๋ยวใครได้ยินมาเราจะแย่เอานะ”
“เจ้าจะบ้ารึยังไง ? ถึงคิดมาปรึกษาเรื่องปล้นกับข้าน่ะ” เขากระซิบถามอย่างร้อนรน
“เฮอะ !” อีกฝ่ายแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “จะเพราะอะไรล่ะ นอกจากเพราะแกเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน แถมข้าวสาลีปีนี้ก็โดนฝูงตั๊กแตนกินเรียบเลยไม่ใช่รึไง” มุมปากเย็นชายกขึ้นน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มอันน่าหวาดหวั่น “ว่าที่เจ้าสาวเจ้าคงต้องรอเก้อไปอีกปี ถ้าหนุ่มบ้านนอกอย่างแกไม่มีเงินไปขอ และถ้าโชคร้าย...” เสียงเอ่ยๆที่เล่าอย่างไม่ใส่ใจ หยุดลงชั่วขณะ ทิ้งให้ความอยากรู้อยากเห็นของคู่สนทนามากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
“พ่อตาที่เกลียดขี้หน้าเจ้ายิ่งกว่าอะไรดี คงรีบคว้าโอกาสงามๆนี้ยกลูกสาวสุดที่รักให้คนอื่นไปเรียบร้อย แกก็ต้องนั่งปลูกแห้วไปคนเดียวตามระเบียบ” เสียงเย็นเอ่ยความจริงอย่างไม่น่าฟัง
เอวานกำหมัดด้วยความเครียดจัด ทุกอย่างที่พูดมาเป็นความจริง หากเขาไม่มีเงินไปขอแต่งงาน ผู้ใหญ่บ้านคงยกลูกสาวคนงามให้คนอื่น “จิน” เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่ายังไงเขาก็เสียไปไม่ได้ ผมสีแดงหยักศกเคลียไหล่ นัยน์ตาคู่งามทอประกายงดงามเหมือนดวงดารา สะกดให้เอวานหลงใหลได้ทุกครั้งที่จ้องมอง แม้ใครจะเปรียบเปรยทั้งคู่ว่าเป็นดอกฟ้ากับหมาวัดเขาก็ไม่สนใจ ยามที่หมาตัวนี้มองเห็นดอกฟ้าทอดไมตรีให้ แค่นั้น....เพียงแค่นั้นจริงๆ ที่เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อเธอ
เขากัดฟัน ข้าวสาลีที่เขาลงแรงทั้งหว่านและไถ รอจนมันงอกงามใกล้เวลาเก็บเกี่ยว แต่มหันตภัยอันร้ายกาจที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อฝูงตั๊กแตนพากันอพยพผ่านมาทางเมืองของเขาพอดี พวกมันมากันเหมือนห่าฝน กัดทึ้งทำลายสีเขียวทุกตารางนิ้ว เสียงเคี้ยวจั้บ ๆ และเสียงกรีดปีกดังหึ่งๆของพวกมันดังอยู่ค่อนคืน พอรุ่งสาง ทุ่งสาลีที่เขาฝากความหวังไว้กับมันมากมายก็เหลือเพียงตอสีฟางเท่านั้น
“ว่าไง ? หรือถ้าแกอยากจะตรองถึงผลได้ผลเสียอะไรของแกก็ตามใจ พรุ่งนี้ฉันจะรออยู่ที่บ้าน เราจะตกลงแผนการ ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เงินของเจ้าหมูตอนจอมโกงจะนอนอยู่ในกระเป๋าเราแบบสบาย ๆ” เกรย์สวมเสื้อคลุมตัวหนา นัยน์ตาสีเทากระด้างไร้ชีวิตชีวาสมชื่อจ้องประสานกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิดของเอวาน
“คิดดี ๆ นะเอวาน คิดดี ๆ” เกรย์ทิ้งท้ายและเดินหายลับไปกับแสงสุดท้ายของวัน
ดวงอาทิตย์โรยตัวต่ำ ฉาบสีอดีตทุ่งข้าวสาลีของเอวานและกระท่อมไม้หลังน้อยให้เป็นสีส้มอ่อน ๆ งามตา เอวานจ้องมองภาพนั้นอย่างเหม่อลอย สายลมโชยในฤดูหนาวพัดแผ่ว ๆ ก็มากพอที่จะทำให้เขากระชับเสื้อคลุมให้แน่นกับตัว
เขาจุดเตาผิง แสงไฟอันสุกสว่างสาดส่องไปทั่วห้องเล็กๆที่ทำด้วยไม้ของเขา ความอบอุ่นเริ่มขับไล่ความหนาวเย็นออกไปทีละนิด เอวานโยนฟืนเข้าไปในเตาผิงอีกสองสามดุ้น ก่อนจะนั่งเก้าอี้โยกตัวโปรด
เปลือกตาสีแทนของเขาปิดลง เอวานไม่ได้หลับ เขาจมดิ่งลงในห้วงความคิดของตัวเอง
นานมาแล้ว...จนเกือบจำไม่ได้ เด็กตัวน้อยนัยน์ตาสีฟ้าใสนั่งฟังบทสวดอย่างตั้งอกตั้งใจ และที่เขาไม่เคยลืม บทสวดของท่านบาทหลวงสอนเสมอให้ทุกๆคนเป็นคนดี ไม่ขโมยของใคร
เขายิ้มน้อยๆ...อย่างขมขื่น ท่านบาทหลวง...คนเราต้องขโมยในยามที่จำเป็นนะครับ
ภาพตัวโบสถ์สีขาวเลือนหายไปจากสายตา มีภาพจินเข้ามาแทนที่ อา...จิน เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ที่ชิงช้าไม้ แกว่งตัวไปมาอย่างสนุกสนาน ผมสีแดงเพลิงพลิ้วตามสายลมชวนมอง รอยยิ้มอันอ่อนหวานมีให้เขาเสมอ
“เอวาน” น้ำเสียงหวานๆ นั่นเรียกเขาอย่างอ่อนโยน เอวานสาวเท้าเข้าไปใกล้อย่างยินดี แต่แล้ว จินก็ค่อย ๆ สลายไป เหมือนทรายที่ถูกลมพายุเป่าจนปลิวหาย รูปร่างของเธอบิดเบี้ยว เอวานยังจำเสียงสุดท้ายได้ติดหู
“อย่าทิ้งข้า” เสียงไห้โหยเพรียกหาทำให้เอวานตัดสินใจได้
เสียงเคาะประตูไม้หนาหนักดังขึ้นกลางดึกสงัด เกรย์เปิดประตูแง้มออกมา เขายิ้มอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “มาเร็วเกินคาดนี่” เสียงกลั้วหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกว้างเชื้อเชิญเพื่อนร่วมแผนการเข้ามาข้างใน
“เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องแผนการกันดีกว่า”
วันถัดมา ยามสนธยาย่ำค่ำ พระจันทร์หลบลี้ไปอยู่หลังหมู่เมฆเป็นใจกับภารกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นเสียเหลือเกิน
ร่าง ๆ หนึ่งยืนพิงกำแพงหินอันเย็นเยียบพลางบ่นอย่างไม่พอใจเป็นครั้งที่สามสิบ
“ใครใช้ให้นายเอายัยนี่มาด้วยมิทราบ” เกรย์ประชด มองหน้าจินแล้วก็ถอนหายใจพรืด มีอย่างที่ไหน พอจะปล้นดันเอาผู้หญิงมาด้วย เรือโจรสลัดเขายังไม่ยอมให้ผู้หญิงขึ้นเรือด้วยซ้ำ
“ขอโทษที ไม่รู้นี่นา แค่คิดว่าอยากจะพาจินมาด้วยก็แค่นั้นเอง”
“เออ ๆ ช่างเถอะ อย่าทำให้เสียงานก็แล้วกัน...”เกรย์มองหน้าจ๋อง ๆ อย่างสำนึกผิดแล้วก็ชักไม่อยากบ่นต่อ เพราะรู้ว่าบ่นไปก็ไร้ประโยชน์ ก็เอวานหลงยัยจินหัวปักหัวปำอย่างกับอะไรดี ก่อนจะหันมาสำทับต่อ
“ถ้าทำตัวให้มีประโยชน์ไม่ได้ ก็ช่วยอยู่เงียบๆเวลาพวกเราเจี๋ยนไอ้หมูตอนหน้าเลือดล่ะ เดี๋ยวเสียงกรีดร้อง วี้ดว้ายจะปลุกพวกในหมู่บ้านให้แห่มาลากเราไปประชาทัณฑ์พอดี” เกรย์ทิ้งท้ายพลางสะบัดหน้าพรืดไปอย่าหงุดหงิด
กุญแจผีที่ทำจากลวดง่าย ๆ ขยับไปขยับมาหลายที ประตูก็เปิดออก เกรย์ผลักประตูอย่างแผ่วเบา แตะนิ้วที่ริมฝีปากก่อนจะปาดที่คอเป็นเชิงบอกว่าให้เงียบ ๆ ถ้าไม่อยากตาย
ภายในบ้านอันโอ่โถงเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์มากมายที่ทั้งจินและเอวานต่างตื่นตาตื่นใจ ต่างกับเกรย์ที่มองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง และเดินเลยผ่านเครื่องเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงไปอย่างไม่ไยดี
“เอวาน จะบอกอะไรให้นะ ถ้าเจ้าคิดจะเอาของพวกนี้ไว้เป็นหลักฐานรอโดนตัดหัวล่ะก็เชิญเอาไปได้เลย ถ้าคิดอยากจะรวย เจ้าเอาแค่ตู้เก็บเงินมันไปก็พอแล้ว” เอวานรีบวางแจกันที่เอาไปลูบคลำ ๆ ลงทันที
พอขึ้นไปชั้นสอง ยิ่งน่าประหลาดกว่าเก่า เมื่อทั้งบ้านนั้น หลังจากค้นดูเกือบทุกซอกทุกมุม ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตใด ๆ เลย ราวกับว่าเพิ่งมีการอพยพหนีย่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ
เกรย์และเอวานกำลังก้าวเดินเข้าไปในห้องนอน ฉับพลันก็มีเสียงกัมปนาทดังขึ้น
“ตายซะเถอะ เจ้าพวกหัวขโมย” ปลายกระบอกปืนถูกจ่อมาที่ทั้งสอง เกรย์และเอวานค่อยๆยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ก่อนจะกลิ้งตัวหลบในเสี้ยววินาทีที่เบอร์นาดซึ่งเป็นเจ้าของบ้านล้มลงกระแทกพื้น ชั้นไขมันหนากระเพื่อมไม่มีการกระเพื่อมขึ้นลง แสดงว่าวิญญาณอ้วน ๆ ของเจ้าของร่างนี่ไปสู่สุคติเรียบร้อย
เอวานมองหน้าเกรย์อย่างงุนงงเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรเลย หันไปอีกที จินยืนยิ้มเผล่โชว์แจกันขนาดเบ้อเริ่มไซส์ตีหัวคนตาย
“เห็นรึเปล่า ? ข้าก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ”
หลังจากที่ค้นดูจนทั่ว ทั้งสามก็พบกับถุงใส่เงินที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเบอร์นาด เจ้าหน้าเลือดนี่ถึงขนาดเก็บเงินเยอะ ๆ ไว้กับตัว เหนียวขนาดนี้โดนตีหัวตายไป เขาก็ไม่ค่อยรู้สึกผิดเท่าไหร่หรอก เอวานคิด
นอกจากนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์นี่ก็ได้มาจากการรีดไถชาวนาตาดำ ๆ แต่พวกเขาคงไม่ทำตัวเป็นโรบินฮู้ดเอาเงินไปแจกหรอก
เอวานมองร่างไร้วิญญาณของเบอร์นาดแล้วก็สวดมนต์ให้บทหนึ่งพลางพึมพำเบา ๆ ไม่ต้องห่วง เงินของท่าน จะเก็บไว้อย่างดีทุกบาททุกสตางค์เป็นสินสมรสของข้าเอง
ทั้งสามลากถุงเงินที่หนักจนต้องลากมาตามทางอย่างยินดี ทั้งหมดตกลงกันว่าจะโยนศพเจ้าของบ้านไว้ในบ่อน้ำเป็นการอำพรางคดี และจะไปฉลองความสำเร็จกันที่บ้านของเกรย์
เอวานและเกรย์ตกลงแบ่งเงินกันคนละครึ่งตามสัญญา เกรย์ขอตัวไปเอาไวน์รสดีที่เก็บบ่มไว้มานานที่หลังครัว ฉับพลันเอวานก็หยิบมีดปลายแหลมขนาดใหญ่ที่สอดไว้ที่ชายพกออกมา พลางซ่อนมันไว้ที่ใต้ชายผ้าคลุมโต๊ะ
“มาแล้ว ๆ ไวน์ชั้นดี” เกรย์บรรจงรินไวน์ลงในแก้วใสทั้งสามใบ เขายื่นทั้งสองใบให้ทั้งสองพลางยิ้ม
เอวานรับไป เขาหมุนแก้วไวน์สีสวยเหมือนเลือดในมือไปมา
“ดื่มได้แล้ว มา ๆ ชนแก้วกันสำหรับความสำเร็จของพวกเรา” เกรย์ชูแก้วขึ้นสูง แต่เอวานยกมือห้าม
“เดี๋ยว ข้ามีอะไรจะให้” เอวานยิ้มหวาน
“อะไรหรือ” เกรย์ถามอย่างประหลาดใจ ฉับพลันมีดปลายแหลมก็แทงทะลุตัดขั้วหัวใจของเขา เกรย์ตาเหลือก มองเลือดที่หลั่งไหลออกมาเหมือนน้ำประปาที่ถูกปล่อยจากก๊อก
“แก...หักหลังข้า” เขาพูดกระท่อนกระแท่นด้วยความแค้นและความเจ็บปวดจากพิษบาดแผล
“ขอโทษที...แต่เงินครึ่งหนึ่งของพวกนี้มันมากพอแค่สินสมรสข้า แต่ถ้าเงินพวกนี้ไม่ต้องถูกแบ่งครึ่ง ข้าคงอยู่กับจินอย่างสุขสบายไปได้อีกนาน”
“อโหสิให้ข้าเถอะ เกรย์”
เกรย์ยกมือขึ้นกุมหน้าอก พลางไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะยิ้มอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก
“ไม่เป็นไร ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก”
แล้วนัยน์ตาสีเทาที่ไร้ประกายก็ปิดลง ดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งรัตติกาล...ชั่วกาลนาน
เอวานมองภาพเกรย์ที่หลับไปอย่างสงบอย่างเสียใจ ก่อนจะหักใจ หันมาอีกที ก็พบกับจินที่มีเลือดไหลออกจากมุมปาก มือเรียวขาวเนียนของเธอกุมลำคอเอาไว้แน่น อีกมือข้างหนึ่งไขว่คว้าหาอากาศ
“จิน เจ้าเป็นอะไร ? เกิดอะไรขึ้น ? ”
จินสำลักเลือดออกมาอีกจนเปื้อนพื้นไม้ ก่อนจะจับแขนเอวานไว้ด้วยมืออันสั่นระริก
“ไวน์นั่น มียาพิษ เอวาน...ที่จริง”
“เกรย์ทรยศ” จินหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน
“จิน เจ้าจะตายไม่ได้นะ ข้าทำได้ทุกอย่างเพื่อเจ้า ฟื้นสิ เจ้าห้ามตายเด็ดขาดนะ” เอวานเขย่าตัวจินไปมาเหมือนคนเสียสติ
“มี...เรื่องที่...ขะ...ข้า....อยากสารภาพ” จินพูดด้วยเสียงอันสั่นเทา ความเจ็บปวดและความทรมานรุมเร้าด้วยพิษที่แล่นไปทั่วร่างกาย
“ทะ...ที่จริง...ข้า...สะ...สมคบ...กะ....กับเกรย์เพื่อ...จะฆ่าเจ้า”
“เอวาน...” เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงโหยไห้เหมือนในฝันไม่มีผิด
“ข้ารักเกรย์” สิ้นเสียง เปลือกตาคู่งามก็ปิดลง เอวานปล่อยร่างจินกระแทกพื้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
จิน...เกรย์...ตั้งแต่เมื่อไหร่...ทำไม...รอยยิ้มนั้นแค่หลอกลวงงั้นหรือ...ทำไม...ทำไมไม่เคยบอกข้า...ทำไม ?
เอวานร้องไห้ออกมาอย่างสุดทน เพื่อน เจ้าสาว คนที่เขารัก คนที่เขาคิดจะแต่งงานด้วยหักหลังเขา และตายจากเขาไปหมดแล้ว
ไวน์แก้วสุดท้ายวางเด่นอยู่กลางโต๊ะ กลิ่นหวานของมันลอยมาโชยเตะจมูก
“เกรย์ จิน ข้าจะตามไปอยู่กับพวกเจ้า” ไวน์ชั้นดี...รสนุ่ม แต่ทำไมถึงบาดคอนักนะ ทำไม ? น้ำตาถึงไม่ยอมหยุดไหลกันนะ ทำไม ? ภาพทั้งหมดที่เห็นจึงเบลอนักนะ สีขาว...ว่างเปล่า เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา...ดำ มืดจังมืด เกรย์ จินล่ะ พวกเจ้าอยู่ที่ไหน
ภาพพื้นหลังสีดำสนิทดั่งรัตติกาลเปลี่ยนเป็นสีเลือดทาบทา
นัยน์ตาสีเทาอันไร้ชีวิตชีวา
ผมหยักศกสีเพลิงอันคุ้นตา
ดวงตาสีฟ้ากระจ่างเหมือนท้องฟ้าที่ไร้เมฆมาบดบัง
มือทั้งสามข้างกุมกันไว้มั่น
เราจะอยู่ด้วยกัน...
นิรันด์กาล...
จบ
ผลงานอื่นๆ ของ มิจเจ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มิจเจ
ความคิดเห็น