灰色羽根 ขนนกสีเทา +*~ - 灰色羽根 ขนนกสีเทา +*~ นิยาย 灰色羽根 ขนนกสีเทา +*~ : Dek-D.com - Writer

    灰色羽根 ขนนกสีเทา +*~

    ลูกนกสีขาวลืมตาดูโลกด้วยความบริสุทธิ์ สองปีกของพ่อแม่ช่วยกันโอบประคองอย่างทะนุถนอม ไม่นานนักพ่อก็จากไป เหลือไว้เพียงครอบครัวที่แตกร้าว ขนนกสีขาว...กำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเทา [ยังไม่จบ]

    ผู้เข้าชมรวม

    839

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    839

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ธ.ค. 49 / 20:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ทำไมถึงทำตัวแบบนี้ !? ทำไมถึงไม่รักดี !?

    เคยมีคนบอกใช่มั้ยว่าเด็กเปรียบเหมือนผ้าขาว ?

    แล้วรู้มั้ยว่าใครเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สีนั้นเปลี่ยนไป

    ก็ผู้ใหญ่ไงล่ะ !!

    ~~~*~~~*~~~*~~~

    "เหงา"

    คำๆนี้มีใครรู้จักอย่างถ่องแท้บ้าง ?

    อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คนๆนึงต้องกลายเป็นฆาตกร ลองอ่านดูสิ

    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ลูกนกสีขาวลืมตาดูโลกด้วยความบริสุทธิ์ สองปีกของพ่อแม่ช่วยกันโอบประคองอย่างทะนุถนอม ไม่นานนักพ่อก็จากไป เหลือไว้เพียงครอบครัวที่แตกร้าว ขนนกสีขาว...กำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเทา

      ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

      "เย็นนี้แม่จะกลับบ้านดึกนะ ข้าวกล่องอยู่ในตู้เย็นแล้ว อุ่นกินได้เลย ไม่ต้องรอแม่"
       

      ในกระดาษแผ่นน้อยมีรอยน้ำหมึกเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบสวยงามของแม่ ติดด้วยแม่เหล็กอยู่กลางตู้เย็นขนาดใหญ่ มันเป็นหนึ่งในกระดาษที่ติดทับกระดาษอื่น ๆ จนหนาพูนเต็มหน้าตู้เย็น ภาคินมองข้อความคุ้นตาอย่างเหงาหงอย ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดมันออกเพื่อเอาไปทิ้งถังขยะ

      ขอบกระดาษถูกบดบังจากกระดาษใบอื่น ข้อความทิ้งท้ายนั้นบอกเอาไว้เช่นทุกครั้งเหมือนเป็นลายเซ็นต์แทนชื่อ

      "แม่รักลูกนะ"

      มุมปากของภาคินยกขึ้นเหมือนจะยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะจางลงไปในเวลารวดเร็วเมื่อมองข้อความนี้

      ผมรู้ครับ ว่าแม่รักผม แต่ผมจะดีใจมากกว่า ถ้าแม่บอกด้วยปากของตัวเอง ไม่ใช่ทิ้งข้อความให้ดูต่างหน้าเหมือนทุก ๆ ครั้ง

      ถ้อยคำที่เอ่ยเอื้อน ไม่ได้สำคัญเท่าตัวแม่หรอกนะ...

      กล่องอาหารสำเร็จรูปนอนนิ่งอยู่ในตู้แช่แข็ง ภาคินหยิบออกมา แกะถุงพลาสติกและเอาใส่ไมโครเวฟพร้อมกดตั้งเวลา มันเป็นเรื่องราวเดิม ๆ ในชีวิตประจำวันที่ซ้ำซากและจำเจ ถึงแม้อยากจะหลุดพ้น มันก็คงไม่มีอะไรต่างไปจากนี้นัก

      ขณะรอให้กล่องอาหารร้อน เขาหยิบรีโมตทีวีมาเปิดดูไปเรื่อยอย่างใจลอย มีทั้งข่าวฆาตกรรม ละครน้ำเน่า รายการเกมส์โชว์ปัญญาอ่อน สุดท้าย ความสนใจของเขาก็มาจบลงที่สารคดีที่ดูจะพอมีสาระให้คนดูได้รับอยู่บ้าง

      เพียงเวลาไม่นาน กล่องข้าวแช่แข็งที่เคยเย็นชืดก็ร้อนระอุดี กลายเป็นอาหารมื้อเย็นให้ภาคินได้กิน เขาหยิบช้อน และตักข้าวเข้าปากเหมือนหุ่นยนต์ แต่ละคำที่ผ่านเข้าไปในปากแทบไม่รู้รสชาติ ข้าวกระเพราะไข่ดาวรสชาติเดิม ๆ นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม

      บรรยากาศอันน่าอึดอัดลอยละล่องไปทั่วตัวเขา บ้านขนาดกว้างมีเพียงเสียงสารคดีและเสียงเคี้ยวข้าวของเขาเท่านั้น ความเงียบเหงาเกาะกุมไปทั่วทุกขุมขน

      ผนังสีครีมอ่อนนวลดูสบายตาถูกอาบไล้ไปด้วยแสงอาทิตย์สุดท้ายของวัน ภาคินละจากข้าวกล่องที่กินเสร็จแล้วไปปิดม่าน เขาเกลียดแสงแดด ผิวขาวซีดของเขาเมื่อถูกแดดมาก ๆ จะกลายเป็นสีแดงเหมือนผื่น เขาจึงไม่เคยมีความคิดที่จะออกไปจากบ้านก่อนเย็นค่ำแม้แต่น้อย

      เขาโยนกล่องอาหารที่กินเสร็จแล้วลงถังขยะ กล่องอาหารปลิวเลยถังขยะออกไปหกเรี่ยราด เหมือนจะยังโชคร้ายไม่พอที่กล่องข้าวชนถังขยะล้มลงอีกด้วย

      ภาคินสบถเสียงดังเป็นชุดยาว เขารีบเก็บของทั้งหมดไปทิ้งนอกบ้าน ก่อนที่กลิ่นขยะที่สั่งสมมาตั้งแต่เช้าจะอบอวลอยู่ในบ้าน

      ชั่วครู่ต่อมาเขาก็ทำทุกอย่างเสร็จ ภาคินนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม เขาหลับตาและนวดไหล่ตัวเองอย่างเหนื่อยล้า ร่างกายที่อ่อนแอของเขามักไม่เป็นใจต่อการทำงานซักเท่าไหร่ ที่ยิ่งกว่าร่างกาย คือจิตใจของเขาที่ดูเหมือนจะด้านชาไปแล้ว

      ภาคินวิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นบันได เขาหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินไปอาบน้ำ ภายในห้องน้ำ กระจกบานกว้างที่ติดอยู่เหนืออ่างล้างมือสะท้อนภาพของเขา ใบหน้าที่เคยมีสุขภาพดีและแจ่มใสยิ่งกว่าใคร ในขณะนี้สีซีดเหมือนคนตาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบางสีซีดกว่าคนทั่วไปเจือด้วยสีชมพูอ่อน ๆ เล็กน้อย ดวงตาใต้กรอบแว่นใสของเขาไร้ชีวิตชีวา มองแล้วแทบไม่มีประกายแห่งชีวิต ใบหนาของเขาจัดว่าดูดี หากความแห้งแล้งเหมือนขาดน้ำหล่อเลี้ยงบำรุงนั้นทำให้ใครต่อใครหลายคนต้องหันหน้าหนี

      เขาเบือนหน้าจากกระจกเหมือนไม่อยากมองหน้าของตนเองไปมากกว่านี้ เขารีบแปรงฟันและสระผมสีดำสนิทของเขาอย่างลวก ๆ เมื่อภาคินอาบน้ำเสร็จ พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว รอยยิ้มชอบใจระบายขึ้นที่มุมปากเรียว เขาสวมเสื้อผ้า เปิดเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะซุกตัวนอนในผ้าห่มนวมหนานุ่ม

      เขานอนไม่หลับ เสียงของเครื่องปรับอากาศที่ครางดังหึ่ง ๆ รบกวน บ้านเขาถือว่าฐานะปานกลาง จึงยังไม่มีเงินพอที่จะซื้อเครื่องปรับอากาศตัวใหม่ถึงแม้ว่ามันจะส่งเสียงดังเหมือนเครื่องจักรก็ตาม

      เขาลืมตาโพลงในความมืด เพดานสีเทาและไฟที่ดับไปแล้วปรากฎแก่สายตา ไม่มีอะไรที่น่าสนใจพอจะให้เขาฆ่าเวลาจนกว่าจะนอนหลับ เขาเริ่มคิดถึงอดีตที่ผ่านมา น่าแปลกที่เวลาที่เขาทำแบบนี้มันจะส่งผลให้เขานอนหลับได้อย่างง่ายดาย

      แม่เป็นผู้หญิงที่สวย อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา แม่เป็นคนรับผิดชอบ และเลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็ก เมื่อพ่อที่ไม่เคยรับผิดชอบต่อครอบครัวหย่าร้างกับแม่ เขาก็ไม่รีรอที่จะเลือกใช้ชีวิตอยู่กับแม่ ทางพ่อก็ไม่เคยได้ทักท้วงอะไรแม้แต่น้อย กลับรีบแต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าแม่อย่างยินดี

      แม่ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเลี้ยงสองชีวิต ยิ่งเขาโต แม่ก็ต้องหาเงินมาชำระค่าเล่าเรียน ภาระในการเลี้ยงลูกส่งผลให้ผู้หญิงทำงานที่สวยที่สุดกลายเป็นผู้หญิงที่วัน ๆ หนึ่งต้องนั่งทำงานงก ๆ แทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ตอนยังเด็กเขามีปัญหามาก เพราะเขาจะร้องโยเยหาแม่ตลอด โชคดีที่พอเขาโต แม่ก็ทำงานได้อย่างเต็มที่และสบายใจมากขึ้น

      ถึงแม้ว่าแม่จะพยายามหาเวลาปลีกตัวจากงานที่ยุ่งแสนยุ่งมาดูแลเขาเพียงใด แต่มันก็ไม่เคยถมช่องว่างในใจเขาให้เต็ม ภาพในงานวันพ่อที่มีเพียงแม่มาด้วยตัวคนเดียว ทำให้เขารู้สึกขมขื่น เขาเกลียดพ่อโดยที่แทบไม่ต้องบอกออกมาเป็นคำพูดทีเดียว

      ยิ่งนานงานของแม่ก็ยิ่งหนัก จากหลาย ๆ วันเจอหน้ากันก็แทบกลายเป็นทีละหลายเดือนเจอ เพราะงานของแม่ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่เช้ามืด กลับมาตอนกลางดึก เมื่อเวลาไม่ตรงกันเช่นนี้จึงทำให้ทั้งคู่แทบไม่ได้เจอหน้าพูดคุยกันเลย

      น้ำตาหยดน้อยไหลรินจากหางตา ความเจ็บปวดและความคิดถึงที่ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กันอย่างไม่เห็นใจทำให้เขาอดสะอื้นไม่ได้

      แม่ฮะ ผมโตแล้ว ผมดูแลตัวเองได้แล้ว ผมสามารถตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ โดยใช้ความคิดและเหตุผลเป็นหลักอย่างที่แม่คอยเตือนเสมอได้แล้ว

      แต่ผมก็ยังเหงาอยู่ดี



      รุ่งเช้า พระอาทิตย์เริ่มปรากฏกายอีกครั้ง เสียงนกร้องขับขานดังเจี๊ยวจ๊าวในต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านหน้าบ้าน กิ่งของมันโยกไหวตามลมแรงราวกับจะเต้นรำ เสียงใบไม้เสียดสีกันดังกราว ๆ ท้องฟ้าแจ่มใส มีเมฆขาวสะอาดตาลอยฟ่องดูแล้วคล้ายนุ่นก้อนใหญ่ที่เบาหวิว เป็นเช้าที่ดีเหมาะแก่การเริ่มต้นวันใหม่ หากแต่มันช่างห่างไกลจากความรู้สึกของผู้เฝ้าดูมันยิ่งนัก

      ภาคินขยี้ตาด้วยความง่วงงุนเล็กน้อย น้ำหนักของกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือเรียนถ่วงไหล่เขาจนลู่ เขาตื่นมารอรถเมล์ได้ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงแล้ว เขามักจะตื่นเช้าเสมอ แม่บอกว่าการตื่นเช้าคือกำไรของชีวิต แต่สำหรับเขา ชีวิตที่แสนน่าเบื่อแบบนี้ จะตื่นให้เช้าหรือหลับไปชั่วกาลนานก็คงไม่ต่างกันนัก

      แม่กลับมาแล้ว และออกไปเรียบร้อยแล้ว มีร่องรอยรถเข้ามาและออกไป โดยที่ไม่ได้ทักทายกันแม้แต่ครั้งเดียว

      เขาแว่วเสียงของผู้คน ภาคินขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ เขาไม่ชอบผู้คน ยิ่งมากยิ่งไม่ชอบ เขาเกลียดการที่ฝูงชนมารวมตัวกันมาก ๆ เพราะนั่นจะทำให้มนุษย์เริ่มผยองและไม่กลัวเกรง และเขาก็มักจะเป็นหนึ่งในเหยื่อของการถูกกลั่นแกล้ง

      ยิ่งมีพวกมากยิ่งอุ่นใจอยากจะทำอะไรก็ได้ ยิ่งเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรำคาญยิ่งสนุก ยิ่งเห็นน้ำตาของความหวาดกลัวยิ่งอยากซ้ำเติม ผู้คนที่เขาเจอมีแต่แบบนี้

      ไม่ไกลออกไปในซอยเดียวกัน เด็กอนุบาลส่งเสียงร้องไห้จ้า ขนมสีแสบตาหล่นอยู่ที่เพื่อน พ่อและแม่ของเด็กตัวน้อยลูบหัวอย่างอ่อนโยนพลางปลอบประโลม ผู้เป็นแม่หยิบผ้าเช็ดมาเช็ดหน้าลูกน้อยอย่างเบามือ ส่วนผู้เป็นพ่อก็อุ้มลูกเหวี่ยงไปมาเบา ๆไม่สูงนัก การกระทำนี้เรียกยิ้มกว้างและเสียงหัวเราะจากเด็กน้อยได้เป็นอย่างดี เมื่อรถแท็กซี่มา ทั้งครอบครัวก็พากันขึ้นรถไป

      หัวใจของเขาเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เขาโหยหาตลอด ครอบครัวที่อบอุ่น ช่องว่างที่ถูกเติมเต็ม รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความห่วงใยซึ่งกันและกัน

      เสียงรถเมล์บีบแตรปลุกเขาจากภวังค์ เขารีบขึ้นไปจับจองที่นั่งเดี่ยว เรถเมล์แล่นไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วที่น่าเวียนหัว ยิ่งผ่านถนนไปไกลเท่าใด ผู้คนก็เริ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ไม่นานรถเมล์ก็เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นปลากระป๋องบรรจุผู้คน

      ไอร้อน ๆ จากตัวของผู้คนทำให้ในรถเริ่มร้อนอบอ้าว เสียงพูดคุยของผู้คน เสียงตะโกนด่ารถที่ปาดหน้าของคนขับรถ เสียงด่าทอของกระเป๋ารถเมล์ กลิ่นเหงื่อและกลิ่นอาหารที่ติดตัวผู้คนมาทำให้ภาคินรู้สึกแย่ เขาหันหน้าออกไปที่หน้าต่าง และก็พบกับควันพิษทำลายปอดจากรถยนต์ที่สันจรไปมาแทน จะว่าสันจรไปมาก็คงไม่ถูกนัก ในเมื่อรถยนต์หยุดนิ่งอยู่กลางถนนราวกับโมเดลรถที่ทากาวติดกับถนนในตู้โชว์อย่างไรอย่างนั้น กรุงเทพขึ้นชื่อในเรื่องของรถติด ถึงแม้เขาจะตื่นเร็วเท่าใด ก็ยังคงหนีไม่พ้นวัฎจักรน่ารังเกียจนี่อยู่ดี

      ป้ายโรงเรียนปรากฏแก่สายตา เขาก็รีบกระโดดผึงจากรถเมล์ที่แทบไม่ได้ชะลอความเร็วแม้แต่น้อย ภาคินสะดุดหน้าคว่ำล้มกระแทกพื้น กระเป๋าหนังสือหล่นกระจัดกระจาย แว่นตาไร้กรอบทรงสี่เหลี่ยมของเขามีรอยบิ่น เขารีบเก็บของทั้งหมดอย่างลนลาน เลือดกำเดาจากจมูกไหลรินหยดลงพื้นเป็นด่างดวง เขาปาดมันทิ้งอย่างไม่ไยดีในความเจ็บปวด เสียงหัวเราะเยาะจากพวกไทมุงดังขึ้นเรื่อย ๆ หัวเราะสมเพชในความซุ่มซ่ามของเขา ภาคินก้มหัวงุดดันแว่นตาที่เริ่มร้าวให้เข้าที่

      หนังสือเล่มหนาของเขาเองถูกยื่นมาให้ตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็พบกับเด็กผู้ชายร่างสูง ผิวสีแทนเหมือนคนที่โดนแดดบ่อย ส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร

      เป็นอะไรมากรึเปล่าภาคินได้แต่ส่ายหัวและส่งสายตาขอบคุณให้ ก่อนที่จะปลีกตัวไปอย่างรวดเร็ว














      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×