ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shot fic ตอนสั้นๆ จับจิ้นให้หมด ทั้งวายทั้งนอร์มอล ฮ่าฮ่าฮ่า

    ลำดับตอนที่ #3 : Fic one ok rock (Toru x Tomoya)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 289
      3
      10 ส.ค. 59



    ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง


    เสียงฝีเท้าที่ย่ำลงบนบันไดอย่างเป็นจังหวะ เดาได้ว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้นั้นต้องส่ายหัวทำตัวดุ๊กดิ๊กๆอยู่แน่ ผมขยี้บุหรี่ในมือกับพื้นอย่างประหม่า และกำลังจะลุกเดินหนี แต่ทำแบบนั้นมันต้องดูไม่เป็นธรรมชาติแน่ พักนี้เป็นอะไรกัน ขนาดผมพยายามหลบหน้า แต่เหมือนเจ้าคนหัวฟูตัวเล็กแก้มป่องคนนี้กลับมีธุระมาหาผมอยู่ได้ตลอด

     

    โอ๊ย ช่วยเข้าใจกันบ้างสิ..........

     

    “โทรุซัง อยู่นี่เอง อิอิ” โทโมยะยิ้มแป้นมาที่ผมด้วยความสดใส หัวใจของผมเต้นตึกตักๆ แต่คนอย่างผมเหรอจะแสดงออกความรู้สึกน่าอายพรรค์นั้นออกไปได้ ผมเลยทำเป็นถอนหายใจ และเหลือกตาไปมองปลายจมูกของหมอนั่นแทนที่จะมองดวงตาเล็กๆของเขา

     

    “เออ” พูดออกไปได้แค่เนี้ยะ  ก็คนมันเขินอยู่ให้ทำไง พอดีกำลังคิดเรื่องหมอนี่เพลินๆตอนสูบบุหรี่ ไม่นึกว่าโทโมยะจะมาหา

     

    “เจอตัวซะทีนะ ฉันตามหาโทรุซังมาตั้งหลายวัน ทั้งๆที่เจอหน้าแต่ก็ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลยเนอะ” โทโมยะตั้งข้อสงสัย นั่นก็เพราะว่าถึงจะเจอกัน แต่ผมก็มักจะไม่ปล่อยให้เราได้คุยกัน บางทีก็ทำเป็นหลับบ้าง ไม่ก็ออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆกลุ่มอื่น ล่าสุดสองวันก่อนผมก็กลับไปอยู่บ้านมา แต่ท่าทางโทโมยะจะอยู่ซ้อมที่นี่ตลอดเลย แม้แต่ในตอนนี้เนื้อตัวของเขาก็เปียกน้ำ รวมทั้งผมทรงพุดเดิ้ลนั่นก็ด้วย คงจะล้างหน้าแบบลวกๆก่อนมาที่นี่สินะ

     

    “กูบอกหลายทีแล้ว อย่าเรียกโทรุซัง มึงเป็นลูกคุณหนูรึไง” ผมสบถบ่นไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่ในใจไม่ชอบให้โทโมยะพูดกับผมด้วยคำสุภาพ  เพราะมันดูมีระยะห่าง

     

    “ขอโทษด้วยนะ มันติดปากไปแล้ว” โทโมยะก้มหน้าเจี๋ยมเจี้ยมสำนึกผิดจนผมอดใจไม่ไหวขยี้หัวหมอนั่นไปทีนึง  อ๊า.....เผลอไปแล้วสิ

    “ตามใจ” แค่คำๆเดียวก็ทำให้โทโมยะเงยหน้าเปื้อนยิ้มขึ้นมาแทนได้ในทันที แต่ก็เป็นยิ้มที่เจื่อนๆ เขาคงกลัวว่าผมจะโกรธล่ะสิ สักพักก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ก้มหน้าเหมือนมีเรื่องอะไรจะพูดแต่ไม่ยอมพูดอะไร

    ......บรรยากาศที่ไร้คำพูดเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ปกติผมมักจะเป็นคนรอให้อีกอีกฝ่ายเปิดบทสนทนา นั่นเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ผมถนัด และโดยส่วนมาก ผมก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น แค่ทำตัวนิ่งๆเข้าไว้ เดี๋ยวก็มีคนเข้ามาคุยด้วยเอง ไม่เห็นจำเป็นต้องเหนื่อยอะไร


        แต่กับคนคนนี้กลับไม่ใช่ เพราะโทโมยะคือคนที่ผมแคร์ความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอนี่เป็นคนคิดมากขี้ เกรงใจโอเว่อร์ ยิ้มให้คนอื่นง่ายๆ ทำให้คนอื่นมีความสุขเสมอ ตอบรับความรู้สึกคาดหวังของคนอื่นโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งเป็นอะไรเห็นแล้วชวนหงุดหงิดมากสำหรับคนที่รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกไปแบบนั้นแบบผม

     

    “มีไร” ผมถามในที่สุด

     

    “เดี๋ยวฉันมาใหม่ดีกว่า” โทโมยะหมุนตัวกลับหลังหัน ผมตรงเข้าไปขว้าคอเสื้อหมอนั่นดึงไว้ สงสัยจะออกแรงเยอะไปหน่อย ตัวเล็กๆของโทโมยะปลิวติดมากับมือจนปะทะกับอกของผมอย่างจัง

     

    “โอ๊ยจะ เจ็บ” เสียงร้องของโทโมยะอันคุ้นเคยทำให้ผมรู้สึกฟินนิดๆ  ผมพยายามปัดความรู้สึกคิดไม่ซื่อออกไปอย่างไว โทโมยะเซจนผมต้องประคองเอาไว้ มือก็เลยจับเอวบางแต่แข็งแรงของหมอนี่อย่างช่วยไม่ได้ จับแล้วเหมาะมือจัง  เอ่อ  ชักคิดเลยเถิดอีกแล้ว

     

    “มีอะไรก็พูดมาดิวะ เห็นมะเลยเป็นแบบนี้ไง” ผมไม่ยอมโทษตัวเอง ทั้งๆที่เป็นคนดึงโทโมยะเข้ามาเอง


    “ต้องขอโทษจริงๆ” โทโมยะก้มหัวขอโทษปลกๆ นี่มันเหินห่างเกินไปแล้ว ผมชักโมโหแล้วนะ


    “เป็นไรของมึงเนี่ย” มือทั้งสองข้างของผมคว้าไหล่ของคนตัวเล็กกว่าอย่างแรงและดึงตัวเข้ามาใกล้ ถ้าจะถามว่าการกระทำต่อไปคืออะไรนั้นผมดันไม่ได้คิดไว้ก่อน เลยหยุดชะงักเอากลางอากาศ


    “กลัวแล้วครับ โทรุซัง” น้ำตาของโทโมยะไหลออกมาก แค่นี้ก็ร้องไห้เลยเหรอ แต่ท่าทางโทโมยะดูกลัวผิดปกติมาก แต่ทั้งๆที่หมอนี่กำลังกลัวอยู่ ผมกลับรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็น เพราะว่าโทโมยะในตอนนี้

     

    ...........น่ารักมาก...........

     

    แก้มป่องเริ่มขึ้นสีระเรื่อ และดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา อันเกิดจากการกระทำด้วยน้ำมือของผม ก่อนที่ผมจะเพ้อไปกว่านี้โทโมยะก็ทำลายวิมานอันแสนสุขของผมซะอย่างนั้น

     

    “นะ นี่ครับ จดหมาย” โทโมยะล้วงซองสีขาวออกมาและยื่นให้ผมด้วยมืออันสั่นเทา

    “อะไร”

    “จดหมายครับ”โทโมยะตัวสั่น


    “รู้แล้ว แต่หมายถึงจดหมายอะไร” แวบนึง ผมคิดเข้าข้างตัวเองขึ้นมาว่า หรือนี่จะเป็นจดหมายสาภาพรัก มาแล้วสินะวันฤดูใบไม้ผลิของผม ก่อนที่ผมจะเตลิดไปอีกรอบ ผมดึงสติและคิดว่ายังไงมันคงไม่ใช่จดหมายรักแน่ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ ท่าทางของคนสารภาพรักจะเหมือนหนูติดจั่นแบบนี้เหรอ

     

    “มีคนฝากมาให้ครับ”

    ...................ไอ้นี่มัน...................

     

    “สมัยไหนแล้ววะ ส่งมาเป็นจดมายตอนนี้เนี่ยนะ”  จดหมายจ่าหน้าซองว่าจากแก๊งยามาชิตะ

     

    “ครับ”

     

    “แล้วมึงจะครับทำไมกันเนี่ย” ผมหงุดหงิดระดับขีดสุดกับท่าทีของโทโมยะ เป็นเพราะทากะเสนอว่าพวกเราไม่ควรแบ่งแยกเรื่องอาวุโส เลยขอให้เป็นกันเอง ดูเหมือนที่ผ่านมาโทโมยะเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมเรียกคนอื่นแบบผู้ชายที่สนิทๆ เรียกกัน แต่ว่าถึงขั้นพูดครับนี่มันจะเกินไปแล้ว

     

    “ขอโทษ โทรุซัง”

     

    “เรื่องจดหมายนี่ช่างมัน แต่กูขอเคลียร์กับมึงหน่อยซิ เป็นเชี่ยอะไรห๊ะ ถึงกลัวกูยังกะไม่เคยรู้จักกันแบบนี้” ผมขึ้นจริงๆ ปกติผมไม่ค่อยด่าใครอะไรแบบนี้


    “ก็ผมเพิ่งรู้ว่า โทรุซังเป็นแบบ....”

    “เป็นแบบ?”


    “เอ่อ  ยากูซ่า อึ้ย! ผมขอโทษที่รู้เรื่องนี้ครับ พอดีมีคนบอกว่าฝากจดหมายนี่ให้คุณชาย  คงจะหมายถึงโทรุซังสินะครับ” นี่มันอะไรกันใครมันบังอาจแกล้งผมได้ขนาดนี้วะ ผมรับฉีกซองจดหมายออก

     

    ขอโทษด้วยนะครับคุณชายที่ผมขู่โทโมะจังไปหลายอย่างเลย ไม่รู้กลัวไปถึงไหนแล้วตอนนี้ วานคุณชายโทรุด้วยปลอบโทโมะจังแทนผมด้วยนะครับ...........จาก อายาโนะ โก

     


    ไอ้เพื่อนเวรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร!

    ไอ้โกตาตี่ เพื่อนที่เป็นนักแสดงของผมมันเล่นผมเข้าให้แล้ว

     


    “ไอ้บ้านั่นมันพูดอะไรกับมึง” ผมถามโทโมยะอย่างหัวเสีย


    “ผมก็เพิ่งจะรู้นะครับว่า โกซังไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทโทรุซัง แต่เป็นลูกน้อง” โทโมยะตอบไม่ตรงคำถาม ผมพยายามใจเย็นรอให้โทโมยะพูดต่อ


    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก โกซังบอกว่าถ้ายื่นจดหมายนี่ให้โทรุซังก็พอ แต่.......ก็คุยอะไรกันนิดหน่อยหลังจากนั้น ไม่เคยรู้เลยว่าโทรุซังจะเคย.......”


    “เคยอะไร บอกมา!


    “เคย(เสียงอ้อมแอ้มจนผมต้องชะโงกหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆ)........ตอนที่โมโห  และดูท่าทางช่วงนี้โทรุซังเหมือนโกรธๆผมอยู่ด้วย ผมก็เลยกลัวว่า.......”


    “ไร้สาระ กูจะเคยฆ่าคนตายเพราะโมโหได้ไง ตั้งแต่รู้จักกันมาครั้งนี้ล่ะที่น่าโมโหที่สุด ก็เพราะมีงน่ะแหละ หยุดทำตัวแบบนี้ หยุดพูดคำสุภาพกับกูได้แล้ว”


    “อ้าว”


    “มึงไม่ต้องมาอ้าว ไอ้โกมันแกล้งมึง”


    “เอ๋? โทรุซังไม่ได้เป็นยากูซ่าหรอกเหรอ คราวก่อนมีคนเรียกโทรุซังว่าคุณชายด้วย ฉันได้ยินตอนมีคนมาส่งที่บริษัท”


    “แค่ที่บ้านเอารถมาส่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นยากูซ่าสักหน่อย” ผมเอามือเช็ดน้ำตาของโทโมยะอย่างไว เหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก จริงๆก็โคตรดีใจเลยที่ได้ทำแบบนี้ได้แล้ว เย้

     

    “นี่ฉันถูกโกซังหลอกอย่างนั้นเหรอ เขาเล่าเรื่องของโทรุซังให้ฟังเยอะมาก มีแต่เรื่องน่ากลัวไปหมด เมื่อคืนก็เกือบนอนไม่หลับทั้งคืน” โทโมยะโล่งออกที่ความจริงเป็นยังไง หมอนี่โดนหลอกง่ายมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว

     


    “แถมโกซังยังบอกด้วยว่าคืนนี้ให้ไปค้างด้วยกันอีก”

    “ห๊า  ว่าไงนะ! ไปค้างด้วยกันอีกหมายความว่าไง”


    “ก็โกซังบอกว่าจะสอนให้ว่าอยู่กับโทรุซังต้องทำตัวยังไงไม่ให้โทรุซังโมโหน่ะ เพราะโทรุเป็นคนเก็บกดไม่ยอมโกรธใครเลย แต่ถ้าได้โกรธก็อาจจะทำร้ายคนจนตายได้เลย จริงๆแล้วฉันก็ไม่น่าจะเชื่อเรื่องแบบนั้นเลยเนอะ แต่โกซังเขาพูดซะเหมือนจริงจนฉันเชื่อขึ้นมาเลยล่ะ”

     

    “งี่เง่า ว่าแต่ไปเจอกันได้ไง”

     

    “เขามา วันก่อนที่โทรุซังไม่อยู่น่ะ จากนั้นก็มาชวนกินข้าวทุกวันเลย เมื่อวานเมามากไปหน่อยเขาก็เลยชวนให้ไปค้างที่ห้องเขา เป็นแบบนี้แล้วฉันคงต้องบอกโกซังแล้วว่าอย่ามาอำกันแบบนี้อีก ฮ่าฮ่า” โทโมยะหัวเราออกมาในที่สุด แต่ผมไม่ขำด้วย

     

    “ไม่ให้ไป”

     

    “เอ๋?”

    “ห้ามไปกับหมอนั่นอีก มึงไม่รู้หรอกว่ามันชวนมึงไปเพราะอะไร”

    “เพราะจะอำเล่นสินะ”

    “ไม่ใช่” ผมจับข้อมือของโทโมยะและเผลอบีบจนโทโมยะร้องบอกว่าเจ็บ

    “เจ็บนะ โทรุซัง ไหนบอกว่าไม่โมโหไง”

    “ถ้าไปกูจะฆ่าให้ตายจริงๆ” ผมกระซิบข้างหูของโทโมยะ และปล่อยมือ

    “ต่อไปห้ามเรียกว่าโทรุซัง ให้เรียกว่าโทรุ เข้าใจมั๊ย ถ้ามึง.........นาย ไม่ชอบพูดแบบหยาบๆ ฉันก็จะพูดกับนายแบบนี้ละกัน” ผมต้องไปเคลียร์กับไอ้ตัวก่อเหตุซะแล้ว อยู่ดีไม่ว่าดี

     

    โทรุเดินจากไป ทิ้งให้โทโมยะยืนบนดาดฟ้าคิดถึงอะไรบางอย่างคนเดียว

    เขาจะต้องปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่ยากูซ่าแน่ๆ โทโมยะคุงมีอะไรก็ปรึกษาผมได้นะ อย่าลืมว่าหมอนั่นน่ะเคยฆ่าคนตายมาแล้ว

    “ฮัลโหล โกซังเหรอครับ เป็นแบบที่คุณบอกจริงๆครับ แต่ว่าวันนี้ผมไม่ไปค้างนะครับ แผลที่หลังเมื่อคืนยังเป็นรอยไม่หายดี ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×