คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 Peng You (朋友)
อากาศบริสุทธิ์ยามเช้าของบ้านตระกูลหวังช่างสดชื่น เสียงนกร้อง ต้อนรับรุ่งอรุณ พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาทักทายวันใหม่ ทางเดินเชื่อมจากเรือนใหญ่ไปสู่เรือนพักหลังเล็ก มีต้นไม้เรียงรายตามทาง นั่นทำให้มาร์ครู้สึกราวกับได้รับพลังชีวิตกลับคืนมา อา...เมื่อยตัวชะมัด ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลยสักครั้ง เมื่อคืนเจ้านั่นก็กวนทั้งคืน เพิ่งจะผล็อยหลับไปได้น่าจะแค่สามสี่ชั่วโมงเท่านั้น ไม่เห็นใจคนอื่นเลย นี่ยังไม่นึกถึงว่าอาจจะเจ็ทแล็คอีกนะ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว มาร์คกุมขมับที่เริ่มปวดหนุบๆ พลางสะบัดคอเบาๆ วันนี้จะนอนยาวๆสักวันละกัน ด้านขวามือเป็นกรีนเฮ้าท์ขนาดใหญ่ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ปลูกพืชนานาชนิด มาร์คจำได้ว่าสมัยเด็กๆเขาและแจ๊คสันชอบไปเล่นที่นั่น แม้จะถูกดุว่าไปแล้วทำให้เสื้อผ้าสกปรก แต่แจ๊คสันก็ไม่เคยกลัว มือเล็กๆที่ฉุดให้เขาไปไหนต่อไหนด้วยกันมือนั้น ทำให้มาร์คใจชื้นและพร้อมจะไปกับคุณชายของเขาไม่ว่ามันจะเป็นที่ไหนก็ตาม
“อี๋เอิน ปีนี้ฉันก็จะเข้าโรงเรียนนานาชาติแล้วนะ พ่อบอกว่าจะให้นายไปเข้าโรงเรียนเดียวกับฉันด้วยล่ะ เราจะต้องมีชื่อภาษาอังกฤษเจ๋งๆด้วยนะ นายอยากชื่ออะไรล่ะ ฉันตั้งให้เอาไหม” เจียเอ๋อถามอี๋เอินที่เอาแต่ก้มหน้าด้วยความกังวล อะไรบางอย่างที่อี๋เอินไม่เข้าใจ และมันก็กำลังกวนใจเขา อยากบอกเจียเอ๋อ แต่มันจะดีรึเปล่านะ
“ระ เหรอ นายมีชื่ออังกฤษแล้วเหรอ”
“อืม มีแล้ว พี่ฉันตั้งให้ พี่ฉันชื่อเจสัน เขาก็เลยบอกว่าฉันชื่อแจ๊คสัน น่าเบื่อชะมัด ทำไมฉันไม่มีสิทธิ์ตั้งชื่อเองด้วยล่ะ ฉันอยากชื่อว่าWolfgang เท่ห์จะตาย แก๊งค์หมาป่าเชียวนะ นายว่ามันเจ๋งไหมล่ะ” ก็เจ๋งอยู่หรอก แต่ฟังแล้วมันกร่างๆยังไงไม่รู้แฮะ
“ฉันชื่ออะไรก็ได้ แต่ไม่เอา Wolfgang นะ” อี๋เอินยิ้มกริ่ม เขาแลบลิ้นใส่เจียเอ๋อ ก่อนวิ่งหนี
“นายว่าไงนะ ชื่อที่ฉันตั้งมันไม่มีตรงไหน”แจ๊คสันโวยวาย วิ่งไล่ตาม
เด็กทั้งสองคนวิ่งตามกันมาจนถึงเรือนเก็บของหลังหนึ่ง ไม่มีใครแถวนี้เลย ประตูถูกเปิดแง้มไว้ เจียเอ๋อเดาว่าอี๋เอินจะต้องเข้าไปหลบในนั้นแน่ๆ เขาเข้าไปตามหามีห้องเล็กๆสองสามห้องที่เก็บของต่างๆที่ไม่ได้ใช้แล้วมากมาย ส่วนใหญ่เป็นตู้เก่าๆและของกระจุกกระจิก
ตึ่ก!
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น เจียเอ๋อเปิดเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง แม้ว่าจะมีข้าวของที่ไม่ได้ใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆห้อง แต่ว่าเตียงที่อยู่ตรงมุมห้องดูเหมือนจะมีร่องรอยว่ามีคนใช้เมื่อไม่นานนี้ เขาเดินเข้าไปใกล้เพื่อสำรวจ มีของบางอย่างที่ไม่เข้ากันวางอยู่ตรงหัวเตียง นี่มันอะไรกัน เชือก เทียนไข กับอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนแส้ที่เอาไว้ใช้ตอนขี่ม้า เจียเอ๋อได้ยินเสียงของอี๋เอินเรียกเขาเบาๆข้างนอกห้อง ในขณะที่กำลังจะเอื้อมมือออกไปเปิดประตู ก็มีเสียงหนึ่งที่เขาคุ้นเคยดังขึ้น
พะ พ่อ!
“รีบๆเข้าไปข้างในเร็วเข้า” เสียงของผู้มีอำนาจสูงสุดของบ้านสั่ง เจียอ๋อรีบเข้าไปแอบในตู้เก็บของที่อยู่ข้างๆเตียง เนื่องจากเขาตัวไม่ได้เล็กมาก จึงปิดประตูตู้ได้ไม่สนิท
“นะ นายท่านคะ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งขอร้องอ้อนวอน เธอคือแม่ของอี๋เอินนั่นเอง เจียเอ๋อเบิกตากว้าง ทำไมพ่อต้องพาผู้หญิงคนนี้มาที่นี่ด้วยล่ะ แล้วพ่อจะทำอะไรเธอ!
“เธอจะให้ฉันต้องอดทนอีกนานแค่ไหนฮะ ทำยังกับว่าเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้ คราวก่อนก็เห็นเธอชอบไม่ใช่เหรอ”นายท่านผลักเธอลงไปบนเตียง แม้จะร้องไห้สักเพียงใด แต่ว่าก็มิอาจห้ามความปราถนาได้อีกแล้ว
“อย่าค่ะ ฮือ นายท่าน” ท่าทางแม่ของอี๋เอินจะไม่ยินยอม แต่ด้วยความที่เป็นผู้น้อยเธอจึงไม่กล้าขัดขืน มือทั้งสองข้างกำลังถูกพันธนาการด้วยเชือกที่เจียเอ๋อเห็นแต่แรก นี่มันอะไรกัน ทำไมพ่อต้องรังแกผู้หญิงคนนี้ด้วย
พลั่ก! ทันใดนั้นเสียงวัตถุบางอย่างที่กระแทกประตูดังขึ้น พร้อมๆกับที่พ่อเดินตรงไปที่นั่นก่อนจะคว้าแขนของเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้
“แกเองเหรอ อี๋เอิน” พ่อลากอี๋เอินเข้ามาในห้อง เจียเอ๋อไม่กล้าส่งเสียอะไร แม้ว่าอี๋เอินจะมองลอดมาที่ช่องประตูของตู้เก็บของ อี๋เอินรู้ว่าเขาอยู่ข้างในตู้ แต่ก็ไม่พูดอะไร แต่กลับไปมองตาขวางใส่พ่อของเขาอย่างแค้นเคือง
“นายท่านเจ้าคะ อย่าทำอะไรอี๋เอินเลยค่ะ ดิฉันขอร้อง” แม่ของอี๋เอินยกมือไหว้อ้อนวอน
“นายท่านทำอะไรแม่ของผม” อี๋เอินเจ็บแค้น ความจริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็น แต่ใจก็อยากถามชัดๆว่าเพราะอะไรถึงต้องรังแกแม่ของเขาขนาดนี้
“ฉันไม่ได้ทำอะไร”นายท่านปฏิเสธ
“ไม่จริง ไม่ทำอะไรแล้วทำไมแม่ผมถึงมีแผลเต็มตัว ผมถามแม่ก็ไม่ยอมบอก นายท่านทำไมต้องตีแม่ผมด้วย แม่ทำอะไรผิดเหรอ ตีผมแทนได้ไหมครับ” อี๋เอินร้องไห้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านต้องทำร้ายแม่ของเขาด้วย แม่ทำความผิดอะไรร้ายแรงนักเหรอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเห็นว่านายท่านพาแม่มาที่นี่ และทุบตีแม่ มัดแม่ไว้กับเตียง ทรมานต่างๆนานา
“เด็กอย่างแกไม่มีวันเข้าใจหรอก” นายท่านผลักหัวอี๋เอินจนล้ม แม่เข้ามากอดอี๋เอินไว้ เธอร้องไห้ราวจะขาดใจ เมื่อลูกของเธอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เจียเอ๋อนั่งตัวสั่นอยู่ในตู้เก็บของ เขามองเห็นสายตาของอี๋เอินที่จ้องมามองเขาอย่างว่างเปล่า อี๋เอินโกรธงั้นเหรอ แต่ก็ไม่มีคำพูดใดเปล่งออกมา หลังจากที่แม่ของอี๋เอินและอี๋เอินออกไปแล้ว เจี๋ยเอ๋อพาตัวเองกลับเรือนใหญ่อย่างอ่อนล้า จริงอยู่ที่พ่อของเขาเป็นคนที่ดูเข้มงวด แต่พ่อก็ไม่เคยทุบตีเขาเลย พ่อมักจะตามใจเสมอ อยากได้ของเล่นอะไรก็ซื้อให้ เจียเอ๋อเหมือนเด็กที่ถูกตามใจ ส่วนเหลาหู่หรือพี่ชายของเขานั้นเกลียดพ่อมาก รายนั้นพ่อจะพูดอะไรไม่เคยฟัง ไม่สนใจเรื่องสืบทอดแก้งค์สักนิด ยิ่งหลังจากแม่ตายนั้นก็แทบจะนับครั้งที่พูดกับพ่อได้ พอช่วงเข้ามหาวิทยาลัยก็ไปเมืองนอก ตอนพ่อล้มป่วยก็ไม่มาเยี่ยม มาแค่ตอนพิธีศพ
“ในที่สุดก็ตายตามแม่ไปได้ซะที” นั่นคือคำพูดที่เจียเอ๋อได้ยินเหลาหู่พูดถึงพ่อเป็นครั้งสุดท้าย
/////////////////////////////////////////////////////////
“พี่อี๋เอิน” เหวินเจิ้งเปิดประตูก็เห็นพี่ชายของเขาอยู่หน้าห้องที่ถูกเคาะเรียกก่อนหน้า มาร์คยิ้มมุมปากให้น้องชายตัวโตของเขา แขนทั้งสองข้างเอื้อมไปโอบรอบคอ
“พี่เหนื่อยจัง อาเจิ้ง อุ้มพี่หน่อย” มาร์คอ้อนน้องชายของเขา ตอนนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เพราะเหวินเจิ้งตัวโตกว่าเขาเยอะ น่าจะอุ้มเขาสบายๆได้
“พี่ทำอะไรเนี่ย ไม่เอาน่า ทำเหมือนเด็กๆไปได้ พี่โตแล้วนะ” เหวินเจิ้งบอกอย่างอายๆ ตั้งแต่เด็กแล้วพี่ชายก็ติดเขามาก ตั้งแต่จำความได้พี่เป็นโรคซึมเศร้ามาตั้งแต่เด็ก ชอบการสัมผัสโอบกอด พี่เป็นคนเลี้ยงเขามาแทนแม่ที่เสียไป โลกใบนี้ก็มีแต่พี่และคนในตระกูลหวังที่คอยดูแลให้เขาโตมา แม้ว่าจะมีบางอย่างในตัวพี่ที่ทำให้เขารู้สึกประหม่าแต่พี่ก็รักเขายิ่งกว่าสิ่งใด ตั้งแต่ที่พี่ไปอยู่เมืองนอก นอกจากพี่แล้วคุณชายหวังก็เป็นคนที่เขารู้สึกศรัทธาและเชื่อฟัง
“ฉันอยากอาบน้ำจังเลย อาเจิ้ง อาบน้ำให้พี่หน่อยนะ พี่อยากให้นายอาบให้อ่ะ...นะ” ดวงตาสวยช้อนมองให้เหวินเจิ้งแบบอ้อนสุดชีวิต นี่ถ้าไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
“ก็ได้ฮะ แต่ผมไม่อุ้มนะ พี่ตัวหนักจะตาย”เหวินเจิ้งยิ้มให้ เขาเดินไปหาผ้าขนหนูและเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมน้ำอุ่นในอ่างไว้ให้พี่ชาย
มาร์คถอดเสื้อผ้าออก ก้าวลงไปในอ่าง แสงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาตามกระจกฝ้าเผยให้เห็นเรือนร่างอย่างชัดเจน
“นี่พี่ไปโดนอะไรมาเนี่ย เป็นรอยแดงๆเต็มตัวไปหมดเลย เจ็บไหม”เหวินเจิ้งแตะลงบนรอยปื้นแดงๆอย่าสงสัย ตัวอะไรกัดพี่ของเขาเนี่ย หรือว่าพี่แพ้อะไรรึเปล่า สงสัยต้องไปขอยาทาที่แม่บ้านสักหน่อยละ
“ไม่เป็นไรหรอก อาเจิ้ง เดี๋ยวมันก็หายเองแหละ นายช่วยนวดตรงบ่านี่ให้พี่ดีกว่า พี่เมื่อยจัง” มาร์คเอื้อมมือคว้ามือของน้องชายวางบนหัวไหล่มน ความสบายของน้ำอุ่นทำให้เขาอยากรับสัมผัสการนวดแบบอโรมาเหลือเกิน
“ได้สิครับ เดี๋ยวพี่จะรู้ว่าผมนวดเก่งมากขึ้นแค่ไหน ฮะฮะ ฝีมือผมพัฒนาขึ้นเยอะนะ” เหวินเจิ้งมีแรงฮึด สบู่เหลวถูกเทลงบนฝ่ามือก่อนที่จะชโลมลงบนผิวกายขาวผ่องของมาร์ค มือสัมผัสกดไปตามกล้ามเนื้อบริเวณบ่าอย่างตั้งใจ
“อา......สบายจัง”มาร์คหลับตาและปล่อยให้เหวินเจิ้งสัมผัสร่างกายไปเรื่อยๆ
////////////////////////////////////////////////////////////////
เหวินเจิ้ง...........................
พี่อี๋เอินหลับไปแล้วครับ สงสัยจะเพลียมาก เมื่อวานพี่คงจะไปเจอเพื่อนมา ขนาดนอนละเมอยังพูดออกมาว่า พอแล้วไม่เอาแล้ว อย่านะ สงสัยไปดื่มกับเพื่อนมาแน่ๆ ตอนเช้าได้กลิ่นเหล้าจางๆด้วย เป็นไงล่ะฝีมือนวดของผม พี่สบายตัวเลยใช่ไหมล่ะ แต่ว่าพี่เหมือนไปโดนอะไรมาก็ไม่รู้ มีรอยแดงทั่วตัวเลย ผมไปขอยาจากป้าแม่บ้าน แต่ว่าดันไม่มียา เลยต้องอาจจะต้องแวะซื้อเองตอนออกไปข้างนอก หลังจากที่ไปเรือนใหญ่ คุณพ่อบ้านเล้งก็ถามหาพี่ผมว่าอยู่ที่ห้องรึเปล่า แต่ก็ไม่เห็นว่ายังไงต่อเลยฮะ คุณพ่อบ้านสั่งแค่ว่าวันนี้ให้ไปรับแขกของคุณชายคนเมื่อวาน นี่ผมจะได้เจอแบมแบมอีกแล้วเหรอเนี่ย แบมแบมจะมาที่บ้านด้วย เขามาทำไมนะ ผมมีเรื่องจะถามเขาหลายอย่างเลยล่ะ ในขณะที่ผมนั่งรอแบมแบมที่โรงแรม ก็มีพี่สาวคนหนึ่งเข้ามาหาและบอกให้ผมรอก่อน
“นายเองเหรอเนี่ย ไจแอ้นท์” แทบจะรู้ในทันทีว่าใครกำลังพูดกับผม แม้ว่าจะฟังไม่ออกทั้งหมดว่าพูดอะไรบ้าง แต่คำว่าไจแอนท์ก็ทำให้ผมรู้ว่าคนที่กำลังพูดกับผมอยู่คือ
.........แบมแบม..........
“.....Bambam” ผมหันกลับไปมอง และยิ้มกว้าง แบมแบมก็กำลังยิ้มให้ผมเหมือนกัน เขาอยู่ในชุดเดิมเหมือนเมื่อวาน ในขณะที่ผมกำลังเขินเพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อดี สมุดพับเล่มหนึ่งก็ยื่นมาต่อหน้าผม
>>>>>>>พาฉันไปซื้อของหน่อย<<<<<
ภาษาจีนประโยคหนึ่งถูกเขียนขึ้นบนนั้น ข้างๆมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนอยู่ด้วย สงสัยว่าแบมแบมจะเตรียมไว้ใช้สื่อสารกับคนอื่น
“o.k.” ผมตอบกลับ และยิ้มกว้างๆ ตอนนี้นอกจากยิ้มแล้วก็ไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้ดีอีกแล้ว
“ไจแอ้นท์ เซี่ยเซี่ย!” แบมแบมพูดขอบคุณผมเป็นภาษาจีนด้วย เขาน่ารักมาก เราทั้งคู่เดินไปขึ้นรถที่ผมมารับด้วยกัน ผมพาเขาไปย่านช๊อปปิ้ง เราใช้ภาษาใบ้สื่อสารกับ บวกกับสมุดที่มีภาษาจีนประโยคง่ายๆ ก็ทำให้จะพอเข้าใจกันได้
////////////////////////////////////////////
แบมแบมรู้สึกดีใจที่คนที่มารับเขาเป็นไจแอ้นท์ เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ หลังจากที่พี่สาวคนสวยผู้ดูแล เอาเสื้อผ้ามาคืน แบมแบมรู้สึกว่าอยากขอบคุณสวรรค์เหลือเกิน ไม่ต้องทนไอ้ชุดกระโปรงบ้าๆอีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้บัตรเครดิตใบหนึ่งจากแจ๊คสันถูกส่งมาให้เขา และบอกว่าจะซื้อของอะไรก็ได้ ดีล่ะ ช๊อปปิ้งๆๆๆๆๆ จะซื้อให้จุใจไปเลย แบมแบมขอให้ไจแอ้นท์พาไปกินติ่มซำเจ้าดัง อาหารอร่อยมากมายถูกยัดเข้าไปในกระเพาะของหนุ่มน้อยจนอิ่มแปร้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคทางภาษา แต่น่าประหลาดที่แบมแบมสามารถสื่อสารกับไจแอ้นท์ได้เป็นอย่างดี
“คุณชื่ออะไร” เสียงแอพลิเคชั่นหนึ่งส่งเสียงออกมาเป็นภาษาจีนให้เหวินเจิ้งได้ยิน แบมแบมกระโดดตัวลอย มิเสียแรงที่อุตส่าห์เลือกโทรศัพท์ใหม่ตั้งนาน เพียงแค่นี้เขาก็คุยกับไจแอ้นท์ได้แล้ว
“ฉันจะซื้อให้นายอีกเครื่องนะ นายใช้เจ้านี่ให้มันแปลเป็นภาษาอังกฤษออกมา” แบมแบมคลิกปุ่มบนโทรศัพท์ให้ไจแอ้นท์ฟัง เหวินเจิ้งส่ายหน้าอย่างเกรงใจ แต่แบมแบมที่ทำตาเขียวอยู่มุ่ยหน้าไม่ฟัง บอกพนักงานว่าเอาสองเครื่อง
“ทีนี้เอาไป” แบมแบมยังคงหัวเราะตามไม่หาย ก็ภาษาจีนฟังแล้วตลกชะมัด
“เซี่ย เซี่ย แบมแบม” เหวินเจิ้งตอบกลับมา เหมือนกับว่าโลกใบนี้มีเพียงแค่เขากับแบมแบมที่กำลังใช้ภาษาเดียวกันอยู่ มันช่างรู้สึกดีชะมัดเลย
“เฮ้ยเหวินเจิ้งนี่หว่า แกมาเที่ยวกับใครวะ” เด็กผู้ชายชาวจีนสองสามคนทักเหวินเจิ้งขึ้น แบมแบมมองตามเขาไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไรกับไจแอ้นท์บ้าง
“นี่แฟนแกเหรอ น่ารักดีนี่หว่า”อีกคนหนึ่งแซว หวินเจิ้งรีบยกมือปฏิเสธ แต่ก็หน้าแดง
“ ปล่าวนะ”
“นี่เธอเป็นแฟนหมอนี่งั้นเหรอ”แบมแบมเอียงคอ ฟังไม่เข้าใจว่าเขาถูกถามว่าอะไร ไจแอ้นท์พูดอะไรไม่รู้กับคนกลุ่มนั้นสองสามที และรีบจูงมือเขาเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงผิวปากที่แซวอย่างคะนอง
“กลับบ้านเถอะ” ไจแอ้นท์พิมพ์บนมือถือขยุกขยิกก่อนจะกดให้โทรศัพท์แปลออกมา
“อืม ว่าแต่ เผิง โหย่ว นี่มันแปลว่าอะไรอ่ะ......คนนั้นเขาย้ำกับฉันตั้งหลายครั้ง” แบมแบมหันไปถามเหวินเจิ้ง ไม่รู้ตัวว่าทำให้คนตัวโตหน้าแดงขึ้นอีก
“แปลว่าเพื่อนน่ะ” เหวินเจิ้งตอบกลับไป ดีนะที่แบมแบมถามไม่ครบ ก็เจ้าพวกนั้นมันถามว่า หนี่ เผิง โหย่ว (แฟนสาว) ใช่ไหม ถ้าแค่ เผิง โหย่วทPeng You น่ะก็แปลว่าเพื่อน รอดตัวไป
“ฉันชอบคำนี้จัง เผิง โหย่ว ฮ่าฮ่าฮ่า” แบมแบมชอบใจกับความหมายของคำว่าเพื่อน
“ต่อไปฉันจะตั้งใจเรียนภาษาจีน ส่วนนายก็ต้องฝึกภาษาอังกฤษนะ เราจะได้คุยกันมากๆไง” แบมแบมยิ้มกว้างให้เหวินเจิ้ง เขารู้สึกว่าอยากเก็บรอยยิ้มนี้เอาไว้ตลอดไป จู่ๆแบมแบมก็เอื้อมมือเข้ามาจับผมของเหวินเจิ้ง และยื่นหน้าน่ารักนั่นมาใกล้ๆ อา...ทำไมเนี่ย แบมแบม เหวินเจิ้งหน้าแดงอีกรอบ
“ผม.. ตัดที่ไหนเหรอ พาฉันไปหน่อยสิ” แบมแบมถาม มือจับผมตัวเองอย่างเซ็งๆ
“O.k” เหวินเจิ้งยกมือให้ พยายามสูดลมหายใจลึกๆ คนตัวเล็กนี่ก็ยังไงนะ ชอบทำให้ตื่นเต้นอยู่เรื่อยเลย เหวินเจิ้งขับรถไปแต่ใจก็ไม่วายนึกถึงสัมผัสเล็กๆนั่นอยู่ตลอด อยากให้สัมผัสอีกจัง ความรู้สึกวุ่นวายนี้มันอะไรกันนะ
To be continued.
///////////////////////
ขอสารภาพว่าทันทีที่ได้เห็นภาพเซ็ทนี้แล้วอยากเขียน incest ขึ้นมาในบัดดล คือมาร์คคึยั่วน้องมาก 555
แต่ว่ากลัวว่าพี่มาร์คจะร้ายเกินไปก็เลยถอยออกมาเป็นแค่อ้อนน้องก็พอ หึหึ
ตอนก่อนๆไรท์ลืมตัวเขียน dark side มากไปหน่อย ทั้งๆที่ตั้งใจว่าฟิคนี้อยากให้ดูมุ้งมิ้งๆ ตอนนี้เลยต้องขอให้ยูคนำพาความสดใสบริสุทธิ์มากลบ 55
ไรท์เชื่อว่ายูคจะช่วยไรท์ได้ค่ะ ฮ่าฮ่า จริงไหมจ๊ะยูค
ฟิคนี้มันฮาเร็มแบมชัดๆ ฮ่าฮ่า มาลุ้นกันต่อว่าจะมี ผช คนไหนมาเพิ่มในฮาเร็มนี่อีกนะคะ อิอิ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ไปแว้วน้า- ไรท์
ความคิดเห็น