ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] พี่เขยฮะ ตอนนี้ผมรักพี่แล้วฮะ (Bambam,Jackson,Mark)

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 13 4some in 1 car

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 57



    มาเป็นหมู่คณะ

     
    //////////////////



     

    แบมแบม.............

     

     

                พี่มาร์คดึงผมออกจากที่นั่นและพามาด้วยกัน ผมรู้สึกว่าพี่มาร์คจะจับข้อมือผมแน่นไปหน่อยนะ แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรสักคำ แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร ในใจดีใจสุดๆ ไม่ได้เจอเขาตั้งหลายปีตั้งแต่ตอนไปเรียนภาษาช่วงสั้นๆที่อมริกาตอนขึ้น ม.ต้น  พี่เขาสูงขึ้นเยอะเลย สักวันผมจะตามไปนะพี่ ตอนนี้ผมก็กำลังกลุ้มกับความสูงของตัวเองอยู่ แต่รับรองไล่ทันแน่นอน

     

     

     

     

    “เจ้าเด็กคนนี้” พี่มาร์คหยุดเดินในตรอกแห่งหนึ่ง ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านบริเวณนี้สักเท่าไหร่ เขาปล่อยมือผมได้ไม่ถึงวินาทีก็...

     

     


     

     

    .............รวบตัวผมเข้าไปกอด...............

     

     

     

     

     

    “พะ พี่มาร์ค”

     

    “ฉันคิดถึงนาย” เขายิ่งกอดผมแน่นเข้าไปใหญ่จนผมจะหายใจจะไม่ออกอยู่แล้วนะ อ๊ากก

     

    “ผมก็คิดถึงพี่ฮะ” ผมค่อยๆกอดตอบเบาๆ


     

     

                ทันใดนั้นเองผมรู้สึกว่ามีอะไรที่ผมไม่อยากเจออีกเป็นครั้งที่ 3 วางพาดขาด้านข้างของผม แม้จะไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นแต่แค่เฉพาะรูปทรงและความแข็งของมันผมก็รู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร ทำไมใครๆชอบควักปืนออกมาโชว์ให้ผมดูกันนักนะ บ้าเอ้ย

     


     

    “อยู่นิ่งๆนะ” พี่มาร์คกระซิบข้างใบหู ใกล้จนจะจูบแก้มอยู่แล้ว หลังผมพิงกำแพงเบี่ยงตัวหลบออกไปไม่ได้ ดูเหมือนว่าพี่มาร์คจะหันไปมองด้านข้าง ผมเลยมองตามไม่เห็นมีอะไรสักนิด

     


     

     

    “พี่มาร์คอย่าฮะ ผมไม่เอานะแบบนี้” ผมหลับตาปี๋ กลัวว่าจะถูกทำอะไร แล้วอะไรล่ะไอ้แบม ผมถามตัวเองนึกถึงจูบของไอ้พี่เขยขึ้นมา ก็รู้สึกร้องผ่าวที่หน้า

     


     

     “มีคนเล็งปืนไรเฟิลมาที่พวกเราจากตึกข้างๆ” พี่มาร์คกระซิบลงมาที่หูอีกข้าง ถ้าจะมองจากมุมไกลมันคงกำลังเหมือนกับว่าเขาจูบผมอย่างเอาแต่ใจไปทั่ว


     

     

    “อย่าหันไปมอง”พี่มาร์คสั่งมือที่ไม่ได้ถือปืนอีกข้างจับคางผมให้เชิดขึ้น แววตาของเราประสานกัน ผมรู้สึกประหม่าเหลือเกินจนเผลอเม้มริมฝีปาก ก็พี่เขาจ้องมันแบบนั้นนี่นา


     

     

    “ครับผมไม่หันก็ได้ ปล่อยมือเหอะ” ผมหลบตาไม่อาจมองเขาได้อีกแล้ว หัวใจเหมือนจะเต้นออกมาข้างนอกอก

     

    “นายมันเด็กดื้อ ต้องโดนลงโทษ” ไม่พูดเปล่าแต่เขาทำเลยล่ะ

     


     

     

    ปึ่ก!

     

     

    โอ้ย! เจ็บอ่ะ

     

     

    หน้าผากผมโดนดีดอย่างจัง ผมกุมมันด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่พี่มาร์คเริ่มขำ จากขำเบาๆ ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

     

     

     

    “เจ็บนะพี่มาร์ค พี่แกล้งผมอ่ะ”



     

    “ก็อยากให้เจ็บไง” พี่มาร์คยิ้มให้ผม และวางมือบนหัวผมพร้อมกับขยี้มันเบาๆ เขาโอบไหล่ให้ผมเข้าไปใกล้ มือข้างที่ถือปืนชูขึ้นและหันไปทางนั้นอีกรอบ ก่อนจะก้มเข้ามาบอกอะไรบางอย่าง

     

     

     

    “กลับบ้านกันนะ พี่มารับนายน่ะ”

     

    “บ้าน?” ผมงง

     

    “บ้านของเราไง  เดี๋ยวพี่จะค่อยๆเล่าทุกอย่างให้นายฟังนะแบมแบม” เขาทำหน้าตาย

     

    “พี่อำผมเรื่องคนเล็งปืนมาใช่ไหม”ผมหันไปดู ไม่เห็นมีอะไรสักหน่อย พี่มาร์คบ้า!

     

    “พี่พูดจริงนะ ไม่เชื่อพี่เหรอ” พี่มาร์คยิ้มใจดี ราวกับเป็นคนละคนกับคนเมื่อกี้ เรื่องปืนเขาต้องอำแน่ๆ ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อยเลย

     


     

     

                แบมแบมอาจจะไม่รู้ว่ามาร์คไม่ได้โกหกจริงๆ เพิ่งกลับมาก็โดนตามแล้วสิ มาร์ครู้ว่าเจ้าพวกนั้นแค่มาทักทายเขา คิดจะทดสอบกันหรือไง เรื่องงานไม่ต้องห่วง ฉันทำงานคุ้มค่าจ้างอยู่แล้ว มาร์คคิดในระหว่างที่เดินไปพร้อมกับแบมแบม เพียงแค่มีเด็กคนนี้คนเดียว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ตาม สมบัติเพียงสิ่งเดียวของเขา

     


     

     

    //////////////////////

     

     



     

                หลังจากที่เห็นมาร์คจูงมือแบมแบมไปที่ไหนสักแห่ง เหวิ้นเจิ้งก็เดินคอตกกลับบ้าน เอาแต่คิดว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงทำแบบนั้นกัน มันมีเหตุผลอะไรอย่างนั้นเหรอ แต่จุดที่ทำให้ปวดใจไม่ใช่จุดนั้น แต่เป้นภาพที่แบมแบมโผเข้ากอดมาร์คมากกว่า ทำไมล่ะ พวกนายรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นเหรอ ไปด้วยกัน และสุดท้ายก็คงไม่พ้นที่จะต้องเจอคนทั้งคู่ที่บ้านสินะ เหวินเจิ้งรู้สึกว่าอยากถ่วงเวลาให้ช้าลง เขายังไม่อยากกลับไปที่นั่นเลย

     

     

     

    000


     

     

    เสียงปี๊บของแตรรถยนต์ดังขึ้น เหวินเจิ้งหันไปมองก็เห็นว่าเป็นคุณชายหวัง เขาลดกระจกมาและบอกให้เหวินเจิ้งเข้าไปนั่งหน้าคนขับด้วยกัน



     

     

    “ให้ผมขับให้ไหมครับคุณชาย” เหวินเจิ้งเอ่ยอย่างเกรงใจ

     

    “ไม่ต้อง ฉันขับเอง ไม่นึกว่าจะมาเจอนายในเวลาแบบนี้นะ นี่มันกี่โมงแล้ว”

     

    “สามทุ่มครับ”เหวินเจิ้งตอบอย่างรู้สึกผิด คุณชายขับรถให้เขานั่ง แถมยังมาเจอในเวลาแบบนี้อีก ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

     

    “นายยังเป็นนักเรียนอยู่นะ ทำอะไรหัดเป็นห่วงตัวเองด้วยสิ” แจ็คสันสอน

     

    “ขอโทษครับ”

     

    “นายไปไหนมาป่านนี้ ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครมาใช่ไหม” แจ๊คสันซักไซ้

     

    “ เปล่าครับ”

     

    “ก็ดีแล้วล่ะ แต่วันหลังอย่ากลับดึกนักล่ะ นายก็รู้อยู่ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่” แจ๊คสันคงจะหมายถึงแก๊งกลุ่มต่างๆที่เริ่มเคลื่อนไหว

     

    “ครับ  อ๊ะ! นั่นแบมแบมนี่นา” เหวินเจิ้งอุทานขึ้น แจ๊คสันหันไปมองทันที

     


     

     

                ด้านหน้ารถคือคนสองคงที่เดินโอบไหล่กันอยู่ ไม่บอกไม่รู้นะว่าเป็นผู้ชายสองคน ท่าเดินอ้อยอิ่งนั่นเห็นแล้วชวนหงุดหงิด แจ๊คสันเร่งความเร็วขับปาดหน้าและหยุดที่สองคนนั้น

     



     

    “ไม่ยักรู้ว่านายเป็นคนไปรับหมอนี่ อ้อ! สนิทกันเร็วนะ” ประโยคแรกแจ๊คสันพูดกับมาร์ค ส่วนประโยคหลังทำตาขวางใส่แบมแบม มาร์คค่อยๆผละออกจากไหล่แบมแบม

     

     


     

    “โชคดีจังที่เจอนาย แบมแบมเราไม่ต้องเดินไกลกันแล้วล่ะ” มาร์คยิ้ม เปิดประตูรถให้แบมแบม แจ๊คสันทำหน้าเบื่อ ในขณะที่เหวินเจิ้งได้แต่อึ้ง เขาพอฟังออกบ้างว่าคนอื่นพูดอะไรกันแต่ก็ไม่มากคิดแล้วก็แอบเจ็บใจ แบมแบมยิ้มน้อยๆให้เขาพลางเข้ามานั่งในรถด้านหลัง


     

     

     

    “โทรให้คนมารับก็ได้ ไม่เห็นต้องเหนื่อยเลย”แจ๊คสันออกรถอย่างแรงจนแบมแบมเสียหลักเล็กน้อย มาร์คประคองตัวแบมแบมให้เขยิบมานั่งใกล้ๆเขา นั่นยิ่งชวนโมโหไปใหญ่ เห็นฉันเป็นคนขับรถของพวกนายรึไงฟระ แจ็คสันเริ่มหงุดหงิดของจริง

     


     

     

    “เรามีเรื่องคุยกันเยอะน่ะ ใช่ไหมแบมแบม” มาร์คไม่สนใจท่าทีของแจ๊คสันหันไปพยักเพยิดกับแบมแบม จากนั้นก็เหลือบไปมองเหวินเจิ้งแต่หมอนั่นไม่พูดไม่จา ตาเอาแต่มองข้างทาง

     


     

     

    “รู้จักกันงั้นเหรอ”แจ๊คสันถามพร้อมกับเร่งความเร็วเพิ่มอีก

     

    “ก็นิดหน่อยน่ะ ตอนอยู่อเมริกา ใช่ไหมแบมแบม”

     

     

    “ฮะ ว่าแต่พี่มาร์คทำไมถึงรู้จักหมอนี่อ่ะ” แบมแบมเรียกเขาว่าหมอนี่อย่างงั้นเหรอ แจ๊คสันไม่ชอบท่าทีสร้างอาณาจักรส่วนตัวที่มีแต่เราสองจากเบาะหลังเลยให้ตายสิ

     

     

     

    “เดี๋ยวฉันค่อยเล่าให้นายฟังทีหลังนะ เรื่องของหมอนี่น่ะพูดไปวันนี้ก็ไม่จบหรอก” มาร์คเอามือป้องหูแบมแบม ทำทีกระซิบอะไรบางอย่าง เจ้าเด็กนั่นก็เหมือนรู้งานหัวเราะคิกคัก จะบ้าตาย อะไรโว้ย แม้จะเป็นรถคันเดียวกันแต่ถ้าเปรียบแล้ว ด้านหลังรถเหมือนกลิ่นสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิซึ่งต่างจากเบาะหน้าที่เหมือนพายุฟ้าคะนองในหน้าฝน





    To be continued.






    //////////////////////////////////

     มาเร็วไปเร็วค่ะ อิอิ ช่วงนี้ไรท์พอมีเวลาอัพฟิค คิดอะไรได้ก็จะอัพไป สั้นหน่อยไม่ว่ากันนะคะ ขอชี้แจงเรื่องชื่อตอนนิดนึง อาจจะรู้สึกว่ามันแรง แต่ไรท์ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรแบบนั้นเท่าไหร่ อาจจะผิดหวังกันบ้าง อันที่จริงไรท์เคยอยู่สายมืดมาก่อนค่ะ บางทีก็เผลอใช้คำศัพท์เฉพาะทาง555  แต่ในฟิคนี้อยากเขียนอะไรที่ใสๆ (จริงเหรอ) ฟิคนี้ไม่มี NC นะคะแจ้งเลย ไม่มีเสียงสวบๆ ชักรอก ปั๊มลมใดๆทั้งสิ้น ฮ่าฮ่า จะออกแนวแอบหื่นปนจิตๆแค่นั้น ไรท์ชอบเขียนให้จิ้นเองมากกว่าอ่ะ ขอโทษล่วงหน้านะ- ไรท์



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×