คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 12 Ma boy
(ใครจิ้นแบมแบม กะยองแจ บ้างไรท์จัดให้ค่ะ อิอิ-แรร์ไอเท็ม)
/////////
พ้นจากบริเวณโรงเรียนสักพักหนึ่งแล้ว ยองแจมองไม่เห็นคนที่น่าจะเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเขาแล้ว เขาหยุดเดินและยื้อแขนแบมแบมไว้ แบมแบมหันมามองยองแจอย่างงงๆ
“อะไร”
“ฉันว่าเราหยุดจับมือกันได้แล้วล่ะ แถวนี้ไม่มีใครแล้ว”
“อ้อ โทษที”
“นายไม่รู้สึกแปลกๆเหรอ ที่จับมือกับผู้ชาย” ยองแจถาม
“ไม่นี่” แบมแบมส่ายหน้า ทำเอายองแจรู้สึกประหม่าเองทั้งที่เป็นคนถามก่อนแท้ๆ
“นายเคยคบผู้ชายงั้นเหรอ”
“ใช่ รักมากด้วยล่ะ” คำตอบตรงๆทำเอาคนฟังอึ้ง
“ระ...เหรอ”
“อื้ม แต่แค่คนเดียวนะ ตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้วล่ะ”
“เขาเป็นคนยังไงเหรอ” ชักอยากรู้ต่อแล้วสิ ยองแจเริ่มมีอารมณ์ขาเม้าท์
“สวยมากเลยล่ะ ใจดีด้วย แล้วก็นะ....” แบมแบมนิ่งไปนิดนึงเหมือนไม่ค่อยอยากพูดต่อ
“ฉันอกหักว่ะ”
“อ้าว”
“ฉันคงจะเด็กเกินไป พี่เขาเลยไม่สนใจน่ะ”
“แล้วที่ว่าเคยคบ?”
“ได้คบแค่แบบพี่น้อง อืม ช่างเหอะ ตอนนี้ฉันทำใจได้แล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ นี่ถามหน่อยสิ ที่ประเทศของนายผู้ชายคบกันได้รึเปล่า” แบมแบมแปลกใจที่จู่ๆยองแจคนขี้กลัวกลับมาถามอะไรเขาแบบนี้
“ได้สิ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรเลยล่ะ ผู้ชายบางคนน่ะยังสวยกว่าผู้หญิงเลยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ยองแจเห็นด้วย เป็นต้นว่าคนที่กำลังหัวเราะอยู่ตอนนี้คนนึงล่ะ
“แล้วที่เกาหลีล่ะ”แบมแบมถามกลับบ้าง ยองแจเงียบไปพักนึงเหมือนจะรวบรวมความคิดก่อนจะตอบออกมา
“ไม่ค่อยเจออะไรแบบนั้นเท่าไหร่น่ะ”
“งั้นเหรอ แต่ฉันว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามนะ รักที่ตัวตนของเขาโดยที่ไม่ต้องคิดว่าเขาจะเป็นเพศอะไร แต่ถ้าให้เลือกฉันก็ชอบสาวๆมากกว่าล่ะนะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอาแบบตู้มๆหน่อยนึง”
“นายนี่มัน” ยองแจได้แต่คิดว่า คำพูดของหมอนี่ไม่ได้เข้ากับหน้าตาเลยสักนิด คนหน้าตาน่ารักแบบผู้หญิงมาพูดอะไรหื่นๆมันดูไม่เข้ากันอย่างแรง
“งั้นเราแยกกันตรงนี้ดีมะ” ยองแจเสนอ
“คือว่า...........”
“อะไร”
“ฉันกลับบ้านไม่ถูกน่ะ” แบมแบมอ้อมแอ้ม อันที่จริง แจ๊คสันส่งข้อความมาบอกแล้วว่าจะมีคนมารับที่โรงเรียน แต่ด้วยทิฐิแบมแบมเลยไม่อยากทำตามคำสั่งของแจ๊คสันเท่าไหร่ ข้อความที่ส่งกลับไปก็คือ
/////ฉันกลับเอง///////
แม้ว่าจะมีข้อความของแจ๊คสันและมิสคอล แบมแบมก็ไม่เปิดอ่านไม่รับสายอีก
“ฉันมีที่อยู่นะ” แบมแบมกดข้อความในโทรศัพท์ให้ยองแจดู
“นี่มันบ้านตระกูลหวังนี่นา นายอยู่ที่นั่นงั้นเหรอ” ยองแจเพิ่งรู้ เขาตกใจเล็กน้อย ก็ตระกูลมาเฟียนี่นาใครบ้างจะไม่รู้จัก
“เออ ถามหน่อย ไอ้ตระกูลนี้มันใหญ่คับฟ้ามากเลยเหรอ”
“ถ้าในฮ่องกงล่ะก็ใช่”
“จริงดิ”
“แล้วนายรู้จักเจ้าคนที่ชื่อแจ๊คสันมะ ไอ้คนที่ดูไม่ได้เรื่องๆ ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่น่ะ” แบมแบมยังคงรู้สึกแค้นแจ๊คสัน โดยเฉพาะเรื่องจูบนั่น มันสุดแสนจะอับอาย
“ไม่เคยเห็นหน้าหรอก ฉันเพิ่งมาฮ่องกงเมื่อต้นปีเอง เออนี่ ก่อนไปที่ตระกูลหวัง นายไปที่นึงเป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหม”
“ไปสิ” แบมแบมยิ้มให้ เขายื่นมือออกมาให้ยองแจเหมือนจะล้อๆ ยองแจตีมือกลับและหัวเราะตอบแบบอายๆ ไม่ยอมจับมือตอบ เขาเดินนำแบมแบม ทั้งคู่กำลังจะไปไหนกันนะ
/////////
อีกด้านหนึ่ง ไม่เพียงแต่โรงเรียนนานาชาติจะหมดเวลาเลิกเรียน ยังมีอีกที่แห่งหนึ่งที่นักเรียนได้เวลากลับบ้านเหมือนกัน เพียงแต่บรรยากาศอาจจะดูแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย
“เฮ้ย! มึงอ่ะ มองหน้ากวนส้น_ อยากมีเรื่องรึไงวะ”
“เดี๋ยวเจอกู”
“ไปไหนกันวะ ร้านเกมส์?”
“สาวๆโรงเรียนนั้นสุดยอดเลยว่ะ แค่หุ่นนะ แต่หน้าแมร่งไม่ได้เรื่อง”
“เฮ้ย! เหวินเจิ้ง สาววันก่อนคนนั้นเป็นใครกันวะ แหล่มใช้ได้เลยนี่หว่า” แขนข้างหนึ่งเหวี่ยงมาพาดบ่าของเหวินเจิ้งอย่างตีซี้ เมื่อหันไปดูก็พบว่าเป็นใคร คนคุ้นเคยกัน เบาใจหน่อย
“ไม่มีอะไรมากหรอก”
“ได้ไงวะ เล่าให้ฟังหน่อยดิ รู้จักคนน่ารักแบบนั้นอยู่คนเดียวมันไม่ดีเอานะ วันหลังพามาให้เพื่อนรู้จักหน่อย” เจ้านี่ยังคงเซ้าซี้
“เออ ไว้วันหลังละกัน”
“วันนี้แกไปช่วยหน่อยดิ ไอ้พวกโรงเรียนอาชีวะนั่นมันท้าว่ะ” อีกคนเข้ามาสบทบ หวังใช้กำลังและร่างกายอันใหญ่โตของเหวินเจิ้ง
“ไม่ว่างว่ะ” เหวินเจิ้งปฏิเสธ เขาพาดกระเป๋าขึ้นบ่า เสยผมเดินออกมาอย่างไม่สนใจ
.....................อะไรกันนักกันหนาเจ้าพวกนี้............................
เหวินเจิ้ง.......................
อย่างที่เห็นครับ สภาพแวดล้อมของโรงเรียนที่ผมอยู่มันเป็นยังไง แหล่งรวมตัวร้ายของเมืองทั้งนั้น ผมไม่ใช่คนหัวดีอะไร ทางเลือกที่พอจะเป็นไปได้ก็คือโรงเรียนเทคนิคแบบนี้ จะว่าไปมันก็เหมาะกับผมอยู่นะ ใครๆก็รู้ว่าผมเป็นคนของตระกูลหวัง นั่นช่วยให้ไม่ค่อยมีใครมาหาเรื่องกับผมเท่าไหร่ แต่พวกมันกลับชอบมายุ่งด้วยเรื่องอื่นๆแทน ส่วนใหญ่จะชวนให้ไปต่อยกันอะไรแบบนั้น ความจริงผมก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอกนะ แต่แค่ว่าไม่อยากให้ตระกูลหวังมีปัญหาก็เท่านั้น
อีกอย่างนึงวันนี้ผมก็ไม่ว่างซะด้วยสิ อยากไปซื้ออะไรบางอย่าง อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องลับอะไรหรอกครับ แต่ว่ามันอาจจะผิดปกติสำหรับคนอย่างผมนิดหน่อยสำหรับการเข้าร้านหนังสือเนี่ย อืม ผมอยากไปซื้อหนังสือเรียนภาษาอังกฤษน่ะ อยากคุยกับแบมแบมได้ ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม แต่ผมก็อยากจะพยายาม อยากเข้าใจเขา ผมรู้สึกอิจฉาที่เห็นคุณชายคุยกับแบมแบมได้อย่างสบายๆเลย บางครั้งผมก็อยากให้เขารู้ว่าผมคิดอะไร อยากบอกอะไร และผมก็ไม่อยากจะเดาความรู้สึกของเขาเพียงแค่เดาจากสีหน้าอย่างเดียว
............ถ้าเกิดนายไม่ยิ้ม ฉันจะรู้ไหมว่านายกำลังเศร้าอยู่รึเปล่า..........
...........ถ้าเกิดนายเหงาแต่พยายามฝืนไว้ ฉันจะรู้ไหม........................
ในร้านหนังสือที่มีกระจกใสสามารถมองเห็นภายนอกร้านได้มีมุมหนังสือภาษาอังกฤษอยู่ ผมไม่นึกเลยว่ามันจะมีมากมายขนาดนี้ เลือกไม่ถูกจริงๆ ผมควรจะเริ่มจากตรงส่วนไหนดี ในขณะที่กำลังงๆสับสนอยู่นั้น ผมก็เงยหน้าออกไปมองข้างนอกร้าน อีกฟากของถนน ผมเห็นคนที่คุ้นตามากๆคนหนึ่ง
...........แบมแบมนี่นา ผมจำแววตากลมโตและรอยยิ้มน่ารักของเขาได้..............
แต่ใครกันที่เขากำลังยืนอยู่ด้วย เด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ดูเป็นคนขี้อาย ให้ตายสิ สองคนนั่นคุยอะไรกันนะ ดูมีความสุขเหลือเกิน ผมรีบเดินออกไปดูโดยไม่ได้สนใจที่จะซื้อหนังสือแล้ว ผมเดินตามทั้งคู่ไป ดูเหมือนว่าแบมแบมกับเด็กคนนั้นจะซื้ออะไรมากมาย มีถุงหลายใบที่มีวัตถุดิบในการทำอาหารหลายชนิด นี่มันเหมือนภาพคู่แต่งงานช่วงข้าวใหม่ปลามันชัดๆ ผมพยายามไม่คิดฟุ้งซ่าน ในใจรู้สึกร้อนรนบางอย่าง
////////////
“นายซื้ออะไรเยอะแยะเนี่ย” แบมแบมบ่นอุบ เขาช่วยยองแจหิ้วถุงที่มีของมากมายสารพัดชนิด
“ฉันบอกแล้วไงว่าถือเองได้น่ะ”
“ไม่เอา นายจะให้ฉันมือเปล่าอยู่คนเดียวได้ไง คนอื่นจะมองชั้นยังไง ปล่อยให้ผู้ชายถือของคนเดียวส่วนตัวเองก็เป็นเลดี้งั้นเหรอ น่าอายตายชัก” แบมแบมบ่น เรื่องหน้าเหมือนผู้หญิงนี่ยังไงก็เป็นจุดอ่อนของแบมแบม
“นายอยากมากินข้าวบ้านฉันไหมล่ะ”ยองแจชวน
“ได้เหรอ แล้วเจ้าครูนั่นไม่ว่าเหรอ” แค่เอ่ยถึงแจบอมเท่านั้น ยองแจหุบยิ้มทันที
“อืม จริงสิ ฉันลืมไป ไว้วันหลังฉันจะถามแจบอมฮยองก่อน ถ้าอนุญาตแล้วนายต้องมานะ”ยองแจรีบยิ้มกลับหลังจากที่นิ่งไปในตอนแรก
“แต่ฉันว่าไม่เป็นไรหรอก ก็ฉันเป็นแฟนนายนี่นา” แบมแบมกระเซ้า
“บะ บ้า แฟนเฟินอะไร”
“เอาน่า ฮะฮะฮ่า” แบมแบมถือวิสาสะหยิกแก้มยองแจ ยองแจหน้าแดงแปร๊ด เขาเอามือปัดออก
สายตาไม่พอใจหลายคู่มองมาที่คนทั้งคู่ คู่แรกคือเหวินเจิ้งที่เดินตามมาอยู่ไกลๆ แต่เขาไม่ได้ยินว่าแบมแบมกับยองแจคุยอะไรกัน ส่วนอีกสองคู่ที่เหลืออยู่ตรงหน้าของเด็กทั้งสองคนแล้ว มาร์คและจินยองได้ยินทุกประโยคทุกถ้อยคำ โดยเฉพาะคำว่าแฟนที่มันเหมือนบาดลึกเข้าไปในจิตใจ
“พวกนาย” จินยองเอ่ยขึ้น แบมแบมและยองแจเงยหน้ามองคนตรงหน้า สายตาเย็นชาคู่หนึ่งมองแบมแบม มันเป็นสายตาที่คุ้นเคย
“พี่มาร์ค!” แบมแบมร้องออกมาอย่างดีใจเขายิ้มกว้าง ในขณะที่มาร์คสบตานิ่งๆก่อนจะหันไปมองยองแจตั้งแต่หัวจรดเท้า ยองแจสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกข้างในอก ยิ่งมาร์คไม่ยิ้ม มันยิ่งทำให้ยองแจกลัวมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้คนคนนี้ไม่พอใจอยู่รึเปล่า ดูเหมือนว่าแบมแบมจะเป็นคนที่อ่านบรรยากาศไม่ออกที่สุดในที่นี้
“พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะ ผมดีใจมากเลย” แบมแบมยิ้มร่า เขาโผเข้ากอดมาร์คทั้งๆที่มือถือของเต็มทั้งสองข้าง
“จูเนียร์ พี่กลับก่อนนะ”มาร์คหันไปบอกจินยองข้างๆ แบมแบมหันไปมองจินยองอีกที นี่มันไอ้แว่นเกาหลีนี่นา แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร มาร์คแย่งของในมือแบมแบมและยื่นให้ยองแจ
“นี่ของนายใช่ไหม พอดีว่าหมอนี่จะต้องกลับบ้านก่อนน่ะ โทษทีนะ” มาร์คยิ้มให้ยองแจ แต่ยองแจสาบานว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มจริงๆ มันคือสีหน้าที่กำลังโกรธชัดๆ
“บ้าน? พี่หมายถึงอะไรฮะ” แบมแบมงง
“แค่มากับฉันก็พอ” มาร์คกึ่งลากกึ่งจูงแบมแบมออกมาจากที่ตรงนั้น จินยองและยองแจมองหน้ากัน
////////////////////////
“เอามา ฉันช่วย” จินยองแบ่งถุงบางส่วนมาถือ
“ไม่เป็นไรครับ”ยองแจเกรงใจ
“บ้านก็อยู่ติดกัน แจบอมเขาจะว่าฉันได้ถ้าฉันทิ้งนาย”
“เอ่อ..”
“อย่าเถียง! แค่เดินตามมาก็พอ”
จินยองเดินนำยองแจที่เดินตามไปเงียบๆ แฟนงั้นเหรอ จินยองถามตัวเองซ้ำกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยินมา ทำไมเด็กสมัยนี้มันไวไฟกันขนาดนี้ นึกแล้วก็พาลถึงคนอีกคน หมอนั่นก็เหมือนกัน
“คุณจะถามอะไรก็ถามมาเลยครับ” จินยองเริ่มเข้าประเด็นก่อนเพราะมาร์คไม่ยอมถามเขาสักที เอาแต่ละเลียดกับไอศครีมตรงหน้า เขาไม่อยากจะนั่งในร้านแบบนี้เลยให้ตายสิ รอบโต๊ะมีแต่คู่รักหนุ่มสาว ยกเว้นโต๊ะเดียวที่เป็นผู้ชายตัวโตๆสองคน มันเด่นเกินไป แถมมาร์คยังสั่งแบบถ้วยใหญ่ที่ต้องกินด้วยกันอีก จินยองนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องทนอึกอัดอยู่กับมาร์คก่อนหน้านี้ มาร์คดูเหมือนไม่สนใจเขาเลย จินยองถอนหายใจลุกขึ้น มือข้างหนึ่งถูกกุมให้วางบนโต๊ะอย่างไม่ทันตั้งตัว
““นายจะรีบไปไหนน่ะ” แววตาช้อนมองของมาร์คยิ่งเพิ่มความอึดอัดเข้าไปใหญ่ จินยองดึงมือให้หลุดจากการเกาะกุม
“รีบเข้าประเด็นสักทีสิครับ”
“โอเค” มาร์คยักไหล่ จินยองจึงนั่งลงตามเดิม
“ฉันรู้จักเด็กคนหนึ่งจากสองคนนั้น เขาชื่อแบมแบม”
“คุณหมายถึงเจ้าเด็กใหม่นั่น”
“อาฮะ” มาร์คพยักหน้า
“คุณอยากรู้เรื่องอะไร ผมเพิ่งเห็นหน้าเจ้านั่นวันนี้เอง คงช่วยอะไรคุณไม่ได้มาก”
“วันนี้นายอาจไม่ช่วยอะไร แต่ต่อไปฉันต้องพึ่งนายนะจูเนียร์” จินยองไม่เข้าใจ ช่วยเรื่องอะไรกัน
“นายเชื่อในพรหมลิขิตไหม” มาร์คค่อยๆยิ้มให้จินยอง
“ผมไม่เข้าใจ”
“ความรู้สึกที่ว่าแค่เจอครั้งแรกก็รู้สึกว่าคนคนนี้ใช่ นายเคยเป็นไหม ฉันรู้สึกถูกใจนายนะ”
จินยอง.............
นั่นคือเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นฮะ หลังจากที่พี่มาร์คแยกไปกับเด็กที่ชื่อแบมแบม ผมก็กลับบ้านกับยองแจ มันเดินตามผมมาแต่ผมไม่ได้สนใจมันเลยฮะในใจก็คิดถึงแต่ผู้ชายที่ชื่อมาร์คนั่น เอาล่ะ ขอสารภาพว่าผมไม่เก็ทคนคนนี้เลย สุดท้ายสิ่งที่ผมได้ก็คือเบอร์โทรของเขาที่แลกไปกับเบอร์โทรของผม เขาให้ผมเรียกว่าพี่มาร์ค ท่าทางเขาเป็นคนหลงตัวเองหน่อยๆ เขาบอกว่าจบจากโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่
ส่วนเจ้าเด็กใหม่แบมแบมเป็นคนที่เขารู้จักนานมาแล้ว วันนี้เขากะจะมาเยี่ยมโรงเรียนเก่า แต่ดันมาเจอกับแบมแบม ก็เลยสงสัยนิดหน่อยว่าหมอนั่นเป็นยังไงบ้าง แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ไปทักทายกันเองล่ะ ทำไมจะต้องเข้ามาถามผม ชวนผมมากินไอศครีมท่ามกลางบรรยากาศแปลกๆนั่นด้วย เขาทำผมขนลุกตั้งแต่คำว่าพรหมลิขิตละ ผมไม่อยากเข้าข้างตัวเอง แต่ทุกการกระทำของเขามันบอกว่าเขาเล็งผมอยู่แน่ๆ จนกระทั่งเมื่อกี้นี้ สายตาของเขาที่มองแบมแบมมันมีความพิเศษจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ถ้าผมคิดว่าเขาเล็งผมล่ะก็ กับแบมแบมมันน่าจะเกินคำว่าเล็งไปแล้ว มันน่าจะใช้คำว่าเตรียมขย้ำมากกว่า ป่านนี้ไม่รู้ว่าเด็กนั่นจะเป็นยังไงนะ ผมล่ะกลัวแทนจริงๆ
To be continued.
///////////////
(หมอนี่น่ะเด็กผม)
ตอนหน้าเตรียมตัวนะคะ อิอิ เวลาไรท์จิ้นมาร์คทีไรมันจะดาร์ธทู๊กที ไปแว้ว-ไรท์
ความคิดเห็น