คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 No! Its not Baby. Im Bambam
รถยี่ห้อหรูสีม่วงขับบนถนนที่ตัดผ่านแนวต้นไม้ใหญ่ของสวนสาธารณะ แม้ว่าฮ่องกงจะเป็นเกาะที่มีพื้นที่จำกัดสำหรับการอยู่อาศัยของประชากร แต่ก็มีการแก้ไขโดยการสร้างคอนโดสูงๆ และแน่นอนว่าสถานที่พักผ่อนหย่อนใจก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อคุณภาพชีวิตของผู้คน แบมแบมมองกระจกมองหลังตรงด้านหน้าคนขับ และสำรวจทรงผม แม้ว่าจะพยายามจัดให้เข้าที่แค่ไหน แต่ความยาวที่เพิ่มมากขึ้นจนเรียกว่าทรงรากไทรไม่เป็นทรงรากไทรแล้ว แบมแบมหงุดหงิด เพราะมันทำให้หน้าดูเหมือนเด็กผู้หญิง ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าตากลมโต แก้มป่องๆ และริมฝีปากที่อวบอิ่มนี่มันไม่มีค่อยมีในผู้ชายทั่วไป แต่ขอร้องเหอะ ทำไมมันต้องมารวมกันอยู่บนใบหน้าเดียวของเขาแบบนี้ด้วยนะ
คนที่ขับรถอยู่ข้างหน้าแอบมองพฤติกรรมของคนเบาะหลังอย่างเงียบๆ ท่าทางวิตกกังวลเหมือนบ่นอยู่คนเดียวนั่นดูตลกจริงๆ เบบี้อายุเท่าไหร่นะถ้าเทียบกับเขา แม้ว่าจะเกิดมาตัวโตกว่าชาวบ้านแต่ว่าความจริงแล้วเจ้าตัวก็เพิ่งอายุแค่ 18 ปีเท่านั้นเพิ่งสอบใบขับขี่ได้สดๆร้อนๆเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง ดูท่าเบบี้คงจะสังเกตเห็นสายตาที่แอบมองของเขา เขาจึงได้แต่หลบตาและเสกลบเกลื่อนมองทางข้างหน้าเพื่อหลบสายตาขุ่นเขียวของคนน่ารัก
แบมแบม.....
เอาทรงไหนดีเนี่ยที่ดูแมนๆ สกินเฮด? ไม่ไม่ไม่ ถ้าเป็นทรงนั้นแล้วมันจะต่างกับตอบ ม.ต้นตรงไหนฟระ เกรียนสยามงั้นเหรอ มีหวังไอ้เจ้าพี่เขยมันหัวเราะเอาแน่ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนนานาชาติตอนม.ปลาย ผมก็ลาขาดจากบัตตาเลี่ยนเบอร์ 2 ของช่างตัดผมร้านประจำในซอยแถวบ้าน ท่าทางลุงเจ้าของร้านคงจะคิดถึงผม เวลาเดินผ่านร้านแกทีไร ผมเห็นแกแอบมองตลอด ฮ่าฮ่าฮ่า ลาขาดแล้วกันนะลุง เพราะผมจะกลายเป็นหนุ่มชาวร็อคไว้ผมยาวแล้ว แต่ว่าตอนนั้นผมคงจะคิดผิด เพราะนับวันที่เริ่มไว้ผมยาว หน้าผมมันไม่ได้ร็อคสักนิด เพื่อนที่โรงเรียนดันทักว่าน่ารักเหมือนผู้หญิง เครียดฮะ เครียดมาก หนทางการเป็นร็อคเกอร์ผมยาวคงต้องตัดใจ เสียดายจริงๆ ในขณะที่กำลังพยายามเซ็ททรงผมอยู่ๆเจ้าคนขับข้างหน้ามันแอบมองผมฮะ ผมเห็นนะว่ามันแอบยิ้มอยู่ ไอ้ยักษ์นี่ มันอยากตายใช่ไหม มีหน้าที่ขับรถก็ขับไปดิ ผมถลึงตาใส่มัน
ปัง!
จู่ๆเสียงดังจากไหนไม่รู้ดังขึ้น ผมเงยหน้ามองนอกรถ เป็นเวลาเดียวกับที่รถเบรคกระทันหัน แรงเหวี่ยงทำเอาผมลงไปนอนตะแคงที่พื้น หลังจากนั้น เสียงรัวดัง ปัง ปัง ปัง เกิดขึ้นตามมาติดๆ รถหยุดสนิทแล้ว ผมกำลังพยายามเงยหน้าดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจนึก มือใหญ่ๆดันหัวผมลงไปที่พื้นแทบจะในทันที
“โว้ย อะไรฟระเนี่ย” ผมสบถออกมาเป็นภาษาบ้านเกิด ไม่เข้าใจสถานการณ์ เจ้าของมือที่กำลังดันหัวผมเหมือนเป็นลูกฟุตบอลที่กำลังถูกตีนเหยียบ เงยหน้ามาจ้องผม ท่าทางมันอยากบอกอะไรบางอย่าง แต่คงนึกไม่ออกว่าต้องพูดยังไงบ้าง
กริ๊ก! เสียงเหนี่ยวไกปืนดังเบาๆ เจ้าหมอนี่ชูกระบอกปืนขึ้นมา ทำเอาผมเสียววาบ ไม่มีเสียงดังเกิดขึ้นอีก มีแต่ความเงียบกับบริเวณโดยรอบที่เป็นทางเปลี่ยว ผมไม่รู้ต้องทำอย่างไรดี รู้สึกถึงแต่ความเย็นยะเยือก และคิดถึงแม่ขึ้นมา ใจเย็นๆ แกมันแบมแบมนะโว้ย ไหนบอกจะมาฆ่าพี่เขยตัวเองไง จะมากลัวกะอีแค่เรื่องแค่นี้หรือไง
.............แต่นั่นมันเสียงปืนนะเว้ย......................................
แกแน่ใจหรอ เกิดมาแกเคยได้ยินของจริงหรือไง ปืนในหนังมันเหมือนของจริงเหรอ? ผมถามตัวเองอย่างสติแตกตรงข้ามกับเจ้ายักษ์ที่นิ่งมาก มันพยักเพยิดให้ออกไปข้างนอก ผมส่ายหน้า แกจะบ้าเหรอ ออกไปเดี๋ยวก็โดนยิงตายหรอก แต่มันกลับพยักหน้าเหมือนบอกให้ผมเชื่อใจมัน เอาก็เอาวะ ผมคลานไปเบาะหน้าตาแรงฉุดของมัน มือเรียวหนาโอบไหล่ที่สั่นของผมไว้ ประตูถูกเปิดออกเบาๆ และทันใดนั้น หมอนั่นก็คว้ามือผมไว้ให้วิ่งไปด้วยกัน เราวิ่งผ่านต้นไม้ไม่รู้กี่ต้น ไม่มีใครตามมา และรถรวมถึงกระเป๋าเดินทางของผมก็ถูกทิ้งไว้ที่นั่น ดีที่ของสำคัญอยู่ในเป้สะพายหลังที่ติดตัวมา ไม่งั้นผมคงต้องกลายเป็นคนหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ก็ช่างมันเหอะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือต้องรอดชีวิตไว้ก่อน
“Stop stop” ผมพยายามเปล่งเสียง เพราะตอนนี้เหนื่อยมาก วิ่งจนหมดแรง แม้ว่ามือจะถูกกุมอยู่ แต่ขามันไปไม่ไหวแล้ว
“..............”
หมอนั่นพูดอะไรไม่รู้เป็นภาษาจีน ผมฟังไม่ออก แต่มันก็หยุดตามที่ผมต้องการ และโทรศัพท์ไปหาใครสักคน เหมือนกับว่ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร หมอนั่นหันมาทางผมและยื่นโทรศัพท์ให้ผมคุย
“Are you ok?” เสียงปลายสายเป็นของผู้ชายคนหนึ่ง จากนั้นผมก็คุยกับคนคนนั้น (ตอนนี้พวกเราจะได้อ่านแบบแปลเป็นไทยแล้วนะคะ/ไรท์)
“ผมไม่เป็นไร คุณเป็นใคร” ผมบอก
“แจ๊คสัน หวังครับ ดีใจจังที่เบบี้ไม่เป็นอะไร เบบี้ฟังนะตอนนี้ทางที่จะกลับบ้านอาจไม่ปลอดภัย ขอให้อยู่กับลูกน้องผมไปก่อน ถ้าจัดการอะไรเสร็จแล้วผมจะไปรับทันที”
“โอเค” ผมยังไม่ทันจะพูดจบสายก็ถูกตัดไปอย่างรีบร้อน
.........แล้วนี่ผมจะต้องทำยังไงนะ เจ้าคนที่อยู่ด้วยตอนนี้ก็ดันพูดอังกฤษไม่เอาอ่าว พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ จะบ้าตาย เฮ้ย! ผมตกใจมากที่เห็นหมอนั่นกำลังพิงต้นไม้มีเลือดไหลอาบหน้า
“นายหัวแตกนี่นา”
เหมือนหมอนั่นรับรู้ มันพยักหน้า ผมรีบหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋า ปัดโธ่เว้ย! หนุ่มร็อคพกผ้าเช็ดหน้าซะที่ไหนล่ะ เร็วกว่าความคิด ผมเลิกชายเสื้อและถอดออก ในขณะที่เจ้าคนเจ็บเบิ่งตาด้วยความตกตะลึง มันอึ้งไม่พูดไม่จาเหมือนเห็นผีในขณะที่ผมเอาเสื้อกดแผลที่หัวเอาไว้ ท่าทางหัวคงจะแตก ผมออกแรงกดมากขึ้นก็เลยต้องคุกเข่าค้ำหัวหมอนั่น
.......................................
เหวินเจิ้ง.....
ผิวขาวเนียนที่อยู่ห่างใบหน้าแค่คืบนี่มัน.... อ๊าก >_< ผมควรมองตรงไหนดี ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเบบี้ไม่น่าจะใช่ผู้หญิงหรอก เป็นผู้ชายเหมือนกัน เพราะตอนนี้เบบี้ไม่มีเสื้อปกปิดร่างกายส่วนบนเลย แต่เรียกว่าเหมือนกันได้รึเปล่าไม่รู้ เอวของคนคนนี้ช่างบอบบางเหลือเกิน ผมพยายามกลั้นหายใจเอาไว้เพื่อไม่ให้ได้กลิ่นกาย ไม่ใช่ว่ามันเหม็นหรอกนะ ตรงข้ามมันกลับหอมอย่างประหลาด ทำเอาหัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ผมพยายามเบี่ยงหัวออกแต่ดูเหมือนว่าคนที่กำลังปฐมพยาบาลผมอยู่ไม่ยินยอม เขาบ่นพึมพำว่าอะไรไม่รู้ ผมเลยต้องนั่งนิ่งๆด้วยความอึดอัด
“.....”
เบบี้พูดอะไรบางอย่าง เขาย่อตัวลงทำให้สายตาของเราประสานกัน ผมทำหน้าไม่ถูก ดวงตากลมโตของเขาเพ่งไปที่บาดแผลบนหัวของผมที่น่าจะกระแทกตอนรถเบรค มือเล็กๆเย็นๆพยายามแตะใกล้ๆบาดแผล แน่นอนว่ามันทำผมเจ็บ
“.....” ....นายเจ็บเหรอ.......ผมเดาว่าเขาคงพูดว่าอย่างนั้น ผมส่ายหน้า และเริ่มมองสำรวจคนตัวเล็กตรงหน้า ร่างกายบอบบางแต่ก็ไม่ได้จัดว่าผอมแห้ง มีกล้ามเนื้อเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปแต่ไม่บึกบึนเท่านั้นเอง ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผิวผู้หญิง นี่ผมคิดอะไรอยู่ ก่อนที่จะคิดอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ผมรีบถอดเสื้อแจ็กเกตตัวนอกของตัวเองออกและคลุมให้เขา เบบี้เป็นแขก ผมควรดูแลเขามากกว่าให้เขามาดูแลผม ผมควรทำแบบนี้แต่แรก ไม่ใช่มานั่งจ้องใช่ไหม
ตอนนี้เราทั้งคู่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ทันทีที่เกิดเรื่องผมรีบโทรศัพท์ไปหาคุณชายหวัง แน่นอนว่าคุณชายเป็นห่วงเบบี้มาก เขาสั่งให้ผมดูแลเบบี้ไปก่อนและห้ามพากลับบ้านตอนนี้ ผมพอจะเดาออกว่าคนที่เล่นงานพวกเราเป็นกลุ่มไหน พวกมันคงจะเข้าใจว่าคนที่นั่งอยู่ในรถเป็นคุณชายหวัง เพราะรถสีม่วงคันนี้เป็นรถที่คุณชายนั่งเป็นประจำ ผมควรพาเบบี้ไปที่ไหนดี ที่จะปลอดภัย เบบี้นั่งจ้องผมที่กำลังตัวสินใจ แต่ยิ่งถูกมองผมก็ยิ่งคิดไม่ออก สงสัยจะเป็นเพราะว่าหัวแตกเลือดไหลแน่ๆ ใจผมเริ่มสั่นแปลกๆ จะว่ากลัวที่ถูกจ้องก็ไม่ใช่ เพียงแต่รู้สึกประหม่าก็เท่านั้น
“เบบี้” ผมเรียกชื่อเขาโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะพูดประโยคถัดไปว่าอะไรดี ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ค่อยเป็น จะพูดภาษาจีนเบบี้ก็คงจะไม่รู้เรื่อง
“No! It’s not Baby. I’m Bambam”
Bambam……
“Bambam” เบบี้พูดคำคำนี้ซ้ำและเอามือชี้หน้าอกตัวเอง นั่นหมายความว่าเบบี้กำลังจะบอกว่าเขาชื่อ Bambam อย่างนั้นหรือ
“Bam…bam” ผมพูดตาม เบเบี้ เอ้ย! แบมแบมยิ้ม และชูหัวแม่โป้งให้ เขาดูใจดีจังเลยและน่ารักมากๆ ผิดกับที่สนามบินที่ทำตาขวางๆ
......0000………….
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมรับสาย ไม่ใช่คุณชายที่โทรมาแต่เป็นพ่อบ้านเล้ง เขาบอกให้ผมพาแบมแบมไปที่โรงแรมในเครือแห่งหนึ่ง ผมรับทราบ แต่จะบอกเบบี้ยังไงดีผมพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น ผมตัดสินใจคว้ามือของแบมแบมฉุดให้เดินไปด้วยกัน ไม่กล้ามองหน้าเลย แต่เมื่อไม่เห็นคนข้างหลังจะขัดอะไรเลย ผมก็ทำได้แต่ก้มหน้างุดๆเดินจูงมือหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้ตลอดทาง หวังว่าคุณชายคงไม่ว่าอะไร เพราะเบบี้ไม่ใช่เด็กผู้หญิง เดินจูงมือแบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง ผมสรุปให้ตัวเองที่ไม่ค่อยเข้าใจว่าตัวเองทำแบบนี้ได้ยังไงเหมือนกัน
สาเหตุที่แบมแบมไม่โวยวายนั้น เหวินเจิ้งคงไม่รู้ว่าเจ้าหนูกลัวแค่ไหน สติล่องลอย ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกจูงไปเรื่อยๆเงียบๆ พร้อมกับนึกในใจ ไอ้พี่เขยบ้าเพราะแกคนเดียวที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ กลัวจะฉี่ราดอยู่แล้ว อยากกลับบ้านไปหาแม่อ่ะ ตอนนี้หนุ่มน้อยอาจจะเป็นเบบี้มากกว่าเจ้าชายเอสเปรสโซ่แบมแบมเสียอีกเนอะ
To be continued
/////////////////////////////////////////////////////////
อิมเมจของเหวินเจิ้งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ เป็นคนนี้เองค่ะ ยูคยอม 555 เหวินเจิ้งจะเป็นคนซื่อๆค่ะ เป็นคนดี(ที่น่ารัก อิอิ)
ขอโทษทีนะคะที่ไรท์ค่อนข้างจะแต่งนิยายอืดๆ แถมสั้นด้วย ชายหวังเลยไม่มีบทเลยตอนนี้ (เริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะว่าชายจะได้เป็นพระเอก555)
ความคิดเห็น