จะแมนรึจะเคะเลือกเอาสักอย่าง ลูกแมวน้อยของชั้น
ฉันเป็นผู้หญิงที่เอ็นดูผู้ชายตัวเล็กๆ ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันนี่แหละ S ตัวแม่
ผู้เข้าชมรวม
241
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ถ้าผมพูดความจริงแล้วคุณจะโกรธไหม”
คลื่นเสียงสูงต่ำที่มีความถี่ไม่สม่ำเสมอกันถูกส่งออกมาจากจุดที่แสงสว่างจากหลอดไฟไปไม่ถึง
“เรื่องอะไร”
ฉันถามเขากลับ พยายามทำให้รู้สึกว่าไม่ได้กังวลหรือตกใจกับคำถามของเขา แต่ไม่วายเหลือบหางตาไปมองดูว่าเขาจริงจังแค่ไหนกับสิ่งที่เริ่มจะกวนใจฉันเข้าให้แล้ว
“ผม เอ่อ อยากมีอีกคน” ดูท่าเขาจะลำบากใจกับการต้องพูดความต้องการของตัวเอง พร้อมกับลุกออกมาสัมผัสความสว่าง ดูก็รู้ว่าเขาคงจริงจัง มัดกล้ามเนื้อที่ต้นแขนคล้ายกับกำลังกระตุกอยู่หน่อยๆ รูปร่างเขาดีจริงๆแหละ ฮอร์โมนเพศทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีรวมทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เขาจึงมีสิ่งภายนอกที่สมกับเป็นเพศชายอย่างสมบูรณ์
ใช่ว่าจะไม่เคยนึกเรื่องนี้มาก่อน รู้จักเขามาก็นับว่านานพอดู เราทั้งคู่ต่างไม่เคยฝืนตัวเองและกันและกันเท่าไหร่ อิสรภาพคือสิ่งที่ตกลงกันไว้แต่แรกเริ่ม ใช่แล้วล่ะ อิสรภาพต่อทุกสิ่งนั่นแหละ
“ลูกหรือ” ฉันถามและแสยะยิ้มเล็กน้อย ประกายที่ตาคงทำให้เขากลัว รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชินกับเรื่องแบบนี้ ฉันเป็นฝ่ายที่เดินเข้าหาเรื่อยๆ เขาไม่ถอยหนี และหลับตาลงเหมือนกับจะยอมศิโรราบ ฉันได้ใจและโน้มศีรษะเข้าใกล้ จนเห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากสีเลือดฝาดสุขภาพดีของเขาเม้มเข้าหากัน
“กลั้นหายใจแบบนั้นเดี๋ยวก็ตายซะก่อนหรอก” ฉันหัวเราะเบาๆ มองใบหน้าที่กำลังประหม่าปนเครียดของเขาที่อยู่ใกล้ๆ อีกแค่นิดเดียวริมฝีปากก็สามารถทักทายกันอย่างสนิทสนมได้แล้ว
“มันไม่ถูกต้อง ที่คุณทำแบบนี้” เขาถอยหนี เบือนหน้า และถอนหายใจ
...........โธ่ น่ารักอะไรอย่างนี้.....................
“เรื่องที่ฉันทำ หรือเรื่องที่คุณไม่ทำล่ะ ฉันเดาใจคุณไม่ถูกแล้วนะเนี่ย” ฉันยิ้มอย่างนึกเอ็นดู อยากช่วยเขา มือค่อยๆเลิกชายเสื้อตัวบางของตัวเองขึ้น
“อย่า! อย่าเพิ่ง ผมยังทำใจไม่ได้” เขารีบห้ามทำท่าจะเอามือมาดึงชายเสื้อของฉันใส่เหมือนเดิม แต่เหมือนนึกรู้เขายั้งมือไว้ไม่แตะต้องตัวฉัน
“ไม่ใช่เรื่อง.......เอ่อ ลูกหรอก”
“แล้วเรื่องอะไรล่ะ” ฉันพยายามไม่ยิ้มเพราะคิดว่าคงเดาคำตอบมาถูกทางแล้ว
“เรื่อง.......ผู้ชาย.........อีกคน” เขาตอบออกมาในที่สุด
“งั้นเหรอ”ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ และใส่เสื้อจนเรียบร้อยเหมือนเดิม
“ใช่”
“งั้นยังไงก็คงไม่ได้จริงๆสินะ เรื่องลูกน่ะ”ฉันถอนหายใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น แค่ตอนนี้ยัง.............ไม่ไหวจริงๆ” เขายืนกราน
“ถ้ากับผู้ชายทำได้ใช่ไหม”ฉันถามออกไปตรงๆ เพราะรู้ปัญหาของเขาดี
“ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ก็ผมยังไม่เคยนี่นา”
“ไก่อ่อน” ฉันเบะปาก
“ก็เพราะคุณนั่นแหละ ยังจะมาโทษผมอีก” เขาเถียง
“อะไรล่ะ ตัวเองเป็นพวกสับสนแท้ๆยังจะมาโทษกันอีก”
“ก็เลยอยากจะลองมีอีกคนหนึ่งไง แบบว่าลองคบดูก่อน”เขาเสนอแนวทางขึ้นมา
“จะเอาแนวไหนล่ะ จะเสียบเขาหรือจะให้เสียบ”
“บ้า!” เขาโผล่งออกมาหน้าแดงระเรื่อ ฉันชอบเขา ณ จุดนี้จริงๆให้ตายสิ มันช่างเข้ากับผิวขาวๆเนียนๆสะอาดๆของเขาจริงๆ
“อ้าว มันก็ต้องอย่างนั้นล่ะใช่ไหม แล้วจะคบกันทำไม ทำเหมือนที่แล้วๆมาเหรอแค่รู้สึกดีทางใจแต่ร่างกายผมไม่อยากพูดถึงน่ะ นายน่ะต้องให้ห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ นายไก่อ่อน” ฉันเดินหนีแกล้งกระฟัดกระเฟียดใส่ เขารีบเดินตามมาคว้าข้อมือ
“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งงอน ช่วยเราก่อน”เขาตื้อ สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนจาก ‘ผม’เป็น ‘เรา’ ที่เขาเคยใช้มันระหว่างพวกเราเสมอ
“น้ำตาคลอด้วยนี่นา อะไรจะขนาดนั้น ฉันไม่ได้งอน โอเค้ แค่อยากแกล้งนายเฉยๆ”ฉันวางมือบนหัวทุยๆของเขา แม้จะต้องเอื้อมมือจนสุดแขนก็ตาม ก็ผมของเขามันนิ่มน่าจับจะตายนี่นา
“ก็มันไม่ไหวจริงๆนี่นา ไม่อยากก้ำกึ่งอยู่แบบนี้” เขางอแง
“เอะอะ อะไรก็ร้องไห้ตลอด นายนี่น้าเมื่อไหร่จะโตซะที อีกสองสามปีก็จะสามสิบแล้ว ยังเหมือนเด็กอยู่ได้”
“แต่เธอสามสิบแล้วนะ สามสิบของผู้หญิงเนี่ยแก่เน๊อะ” เจ้านี่ยิ้มแผล่ คงนึกว่าทำให้ฉันเจ็บใจอยู่สินะ ใช่ สามสิบแล้วมันผิดตรงไหน ไม่ใช่สามสิบเฉยๆ สามสิบสองด้วยย่ะ
“ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว ไปนอนไป๊” ฉันสะบัดบ๊อบเดินหนี เอ้ย ไม่ใช่สิ ฉันไม่ได้ไว้ผมบ๊อบซะหน่อย ฉันไว้ผมยาวสวยงามต่างหาก ฉันสะบัดผมยาวสยายเดินหนี ไม่อยากยุ่งกับเจ้าเด็กขี้อ้อนคนนี้ เฮ้อ!จะมีเมียทั้งทีก็ต้องลำบากฉันอีกจนได้ พ่อแม่ของเจ้านี่นึกอะไรกัน ประธานบริษัทจำเป็นต้องมีเมียก่อนเป็นมีที่ไหนคิดแล้วก็กลุ้ม ฉันคนนี้กี่ครั้งแล้วต้องมาเป็นกระโถนให้เจ้านั่นไว้ระบายมาตลอด
“พี่ไม้ ช่วยสอนการบ้านหน่อย” เสียงเล็กๆอ้อนๆดังขึ้นเสมอเวลาเจ้าตัวดีกลับถึงบ้าน หลังจากที่รถเบ้นท์คันโตจอดปุ๊บสักพักเจ้าของเสียงก็จะมาตีหน้าแป้นแล้นอยู่ตรงรั้วหน้าบ้าน ฉันมักเดินอืดอาดอย่างขี้เกียจออกไปเปิดให้คนตัวเล็กกว่าเข้ามา จะว่าไปเจ้านั่นก็ตัวเล็กจริงๆ
“อะไรอีกล่ะ”ฉันถามอย่างรำคาญ
“การบ้านไง”เจ้าตัวยิ้ม ยื่นสมุดกับหนังสือให้
“อยู่ ป.3 แล้ว ต้องทำเองได้แล้ว”
“แต่ว่าเซนทำไม่ได้นี่นา พี่ไม้อยู่ มอ หนึ่งแล้ว พี่ไม้ทำได้”
“ไม่เอา ถ้าพี่ช่วยเดี๋ยวเซนโง่นะ” ฉันขู่ เจ้าหนูหน้ามุ่ยเพราะไม่ชอบให้ใครมาว่าโง่ น้องเซนต้องฉลาด น้องเซนต้องเป็นเด็กดีของป่าป้า หม่ามี๊นะลูก เชอะ! บ้านหลังนั้นฉันล่ะหมั่นไส้
“พี่ไม้ใจร้าย เซนจะไปฟ้องพี่ไมค์” เจ้าตัวแสบวิ่งเข้าไปในบ้านพยายามหาคนช่วยที่ว่า
“เสียใจ ไอ้ไมค์ยังไม่กลับ เตะบอลอยู่กับเพื่อนโน่น”
“พี่ไมค์ใจดีกว่าพี่ไม้ เซนรักพี่ไมค์”
“อ้อ เหรอ งั้นคราวหลังก็ไม่ต้องเอาการบ้านมาหาพี่เลยนะ เชอะ ไม่ง้อด้วย แบร่” ฉันสะบัดบ๊อบไม่สนใจ แต่น้องเซนกลับกลายเป็นเด็กดีตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้รีบมาขวางทาง ส่งสายตาออดอ้อน วอนขออย่างน่าเอ็นดู
“พี่ไม้ ช่วยเซนหน่อย”
“นะครับด้วย”ฉันสั่ง
“นะครับ พี่ไม้ช่วยเซนหน่อยนะครับ” ก็เท่านั้นแหละ ฉันยิ้มกระหยิ่ม รับสมุดการบ้าน พลิกดูเนื้อหา ทันทีกับที่เสียงประตูหน้าบ้านเปิดออก ไอ้เด็กเซนรีบผละจากฉันทันที วิ่งตรงไปยังต้นเสียง
“พี่ไมค์มาแล้วๆๆ” เจ้านั่นยิ้มร่าเริง
“หวัดดีเซน เอาการบ้านมาให้ช่วยทำอีกแล้วเหรอ ฮะ ฮะ” ไมค์ล้อเจ้าหนูเล่น ผลคือเซนหน้ามุ่ยอย่างงอนๆ
“ไม่ได้เอามาให้ทำซะหน่อย เอามาให้พี่ไมค์สอนต่างหากครับ”
“ไหนล่ะ การบ้าน เดี๋ยวพี่ช่วย” สิ้นคำตอบตกลง เข้าเซนดีใจจัดกระโดดเข้ากอดพี่ไมค์ของมัน ฉันมองภาพนั้นตาขวาง เพราะมันเหมือนกับว่าฉันกำลังทำหน้าใจดีกับเจ้าเด็กแสบนั่น ฉันไม่เหมือนกับไมค์หรอกนะ ถึงจะหน้าตาเหมือนกันก็เหอะ
“รักพี่ไมค์ที่สุดในโลกเลยครับ”เซนกอดฝาแฝดของฉันไม่ยอมปล่อย ฉันทนหมั่นไส้ไม่ไหวจริงๆเห็นฉันเป็นตัวสำรองงั้นเรอะ
“ไอ้ตุ๊ดเด็กกกกกกกกกกก!” ฉันแผดสุดเสียง วิ่งหนีขึ้นไปบนห้องทันที
ผลงานอื่นๆ ของ bishota ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ bishota
ความคิดเห็น