ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ความในใจของใครสักคน
..
.........................
หลังจากที่นางดวงใจเข้านอนแล้วก็เหลือสองหนุ่มที่นั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นมะม่วงที่ปลูกไว้รอบ ๆ สระน้ำบริเวณหลังบ้าน
“ ดาวเต็มฟ้าเลยเนอะ “
เอกรินทร์เอ่ยถามอีกฝ่าย
“ ทำยังกับไม่เคยเห็น มันก็มีอยู่ทุกวัน “
ตฤณดนัยตอบพลางแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำสนิทตัดกันกับแสงระยิบระยับที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า
“ คุณนี่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย เฮ่อ..บรรยากาศดีๆ เสียหมด “
ชายหนุ่มถอนใจก่อนจะเอนกายนอนลงเอามือประสานท้ายทอยสายตาจับจ้องไปยังร่างโปร่งที่นั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ ..เขาอยากจะหยุดเวลาอันแสนสุขนี้เอาไว้นานๆ แล้วอีกคนล่ะ..จะล่วงรู้ความในใจของเขาบ้างหรือเปล่า เกือบสามปีแล้วสินะ..เขาสับสน..ว่าร่างโปร่งที่นั่งอยู่เคียงข้างเขาตอนนี้รับรู้ความรู้สึกของเขาหรือเปล่า..อาจจะรู้แต่ไม่พูดอะไร..หรือรู้แต่เหมือนมีบางอย่างที่คอยกั้นระหว่างเขากับคนๆ นี้ ..มันเหมือนกำแพงเล็กๆ..ที่ตฤณดนัยสร้างขึ้นมา..เพื่อป้องกันทุกคนที่เหมือนจะล้ำเส้นนั้นเข้าไป หรือว่าเขาจะไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาพยายามสื่อเลยสักนิด..
“ ตฤณ ..”
หลังจากที่เงียบอยู่นานเขาก็ตัดสินใจเรียกอีกฝ่าย
“ หืมม..”
ร่างโปร่งที่นั่งชันขาแล้วเอาท่อนแขนโอกอดเข่าตัวเองไว้ขานรับ หากแต่สายตาจ้องมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า
“ ตฤณรู้ใช่ไหมว่าผมคิดยังไงกับคุณ “
สายตาจับจ้องมองไปที่เสี้ยวหน้าของตฤณดนัย..เขาตัดสินใจที่จะพูดตอนนี้..และเขาก็ไม่รู้ว่าหากอีกฝ่ายรู้แล้วจะคิดกับเขายังไงต่อไป..บางที..แม้แต่ความเป็นเพื่อน..ก็อาจจะไม่มีให้เลยก็ได้..หลังจากที่เขาใช้เวลานานพอสมควร นานพอ..ที่จะเตรียมใจรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“ รู้ “
เสียงที่ตอบกลับมายังคงราบเรียบหากดวงตานั้นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเขาอยากจะเริ่มต้นใหม่กับทุกๆ สิ่งในชิวิต..ภาพในอดีตที่คอยทับซ้อนขึ้นมากลับชัดยิ่งขึ้น..จนเขากลัว กลัวว่าจะซ้ำรอยเดิม
“ แล้วตฤณคิดยังไง “
เอกรินทร์ถามต่อหากแต่สายตาเลิกมองอีกฝ่ายกลับเบนสายตาไปจับจ้องที่ท้องฟ้าแทน เขากลัว..กลัวว่าคำตอบที่ได้รับ..มันจะทำใจไม่ได้
“ ผมไม่รู้ ..ผมกลัว ”
ตฤณดนัยตอบออกมาในที่สุด นี่คงเป็นคำตอบที่คงจะรักษาน้ำใจ และยังคงสถานะความเป็นเพื่อนกันต่อไปของอีกฝ่ายไว้ได้ แต่ลึกๆ ในใจแล้ว..หัวใจเขาเต้นแรง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับตน..แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันสองคน
“ ตฤณ..เรื่องในอดีต มันผ่านมานานแล้วนะ..คุณยังไม่ลืมอีกเหรอ หรือว่าคุณยังรักเขาอยู่ ”
ชายหนุ่มพูดออกมาช้าๆ..เขากลัว..กลัวว่าอีกฝ่ายยังคงรัก..และฝังใจกับอดีตมากเกินไป..มาก..จนไม่ยอมที่จะเปิดใจให้ใครอีก..
“ ผมไม่รู้เอก..ตลอดสามปีที่ผมอยู่ที่นี่ ผมมีความสุข ความสุขที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน..ผมได้รับความรัก..ความหวังดี..จากคุณ จากแม่ของคุณ..จากคนรอบข้าง จนผมกลัว กลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะพังทลายลงไป หลังจากที่ผมตัดสินใจทำอะไรลงไป มันไม่ได้มีเพียงเราสองคนนะเอก ยังมีแม่ มีสังคมที่ต้องแคร์
อดีตมันเป็นส่วนหนึ่งที่ผมกลัว แต่สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดตอนนี้คือปัจจุบัน “
น้ำเสียงที่เอ่ยตอบอีกฝ่ายนั้นแผ่วเบา เหมือนใจที่หลุดลอยไปกับสายลมยามค่ำคืน
“ ข้อนั้นผมรู้..ผมไม่ได้เร่งรัดคุณเสียหน่อย..ผมแค่อยากรู้ความรู้สึกของคุณในตอนนี้เท่านั้นเอง คุณบอกผมได้หรือเปล่า บอกให้ผมรู้ ว่าผมควรจะหยุดมัน หรือเดินหน้าต่อ มันทรมานมากเลยนะ ที่ต้องรอ รอโดยไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ ผมรู้ว่าคุณยังคงไม่ลืมอดีตของคุณ แต่ผมไม่อยากให้คุณปิดกั้นตัวเอง ไม่ใช่ว่าผมอยากจะให้คุณหันมามองผม หรือเลือกผม แต่ผมไม่อยากให้คุณจมอยู่กับอดีตจนละเลยความสุขในตอนนี้ของคุณนะ อดีตมันเป็นเพียงบทเรียน ที่สอนให้เราคิดให้มากขึ้นกับการตัดสินใจที่จะทำอะไรต่อไปในอนาคต ถ้าคุณมัวแต่กลัว แล้วเมื่อไหร่ล่ะตฤณ เมื่อไหร่คุณจะมีความสุขเสียที “
“ ตอนนี้ไงล่ะเอก ตอนนี้ เวลานี้ ผมมีความสุข มีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ มีคุณ มีแม่ มีนักเรียน มีชาวบ้านที่นี่ เรื่องของเราขอให้มันเป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว ผมไม่อยากสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ผมมีอยู่ตอนนี้ไปหากว่าเกิดอะไรขึ้นอีก ผมคงไม่เข้มแข็งพอที่จะอยู่ต่อไป.. นะเอก คุณเข้าใจผมนะ “
หยาดน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลรินลงอาบแก้ม พร้อมกับร่างสูงของเอกรินทร์ที่ขยับลุกขึ้นมารั้งร่างของตฤณดนัยเข้ามากอดปลอบ..เขาคงรุกอีกฝ่ายมากเกินไป..จนลืมคำนึงถึงความเจ็บปวดในอดีตที่อีกฝ่ายได้รับมา เขาไม่เคยเจอกับตัวเอง..เขาคงคิดว่ามันคงไม่มากมายอะไร..แต่น้ำตาของคนๆ นี้..น้ำตาที่เขาไม่ได้เห็นอีกเลยหลังจากที่เขาเป็นคนปลอบใจอีกฝ่ายเมื่อครั้งที่มาอยู่ที่นี่..ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนสัญญาเองว่า..จะไม่ทำให้ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ร้องไห้เหมือนกับคนก่อน..แต่มาวันนี้..เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุด ห่วงแต่ตัวเองจนลืมนึกถึงคนตรงหน้า
“ ผมขอโทษตฤณ..ผมขอโทษ ผมจะไม่พูดถึงมันอีกนะ..คุณอย่าร้องนะ..ผมขอโทษ “
ไหล่สั่นสะท้านหยาดน้ำตาไหลรินมากขึ้นบริเวณหัวไหล่ของเอกรินทร์เปียกชื้นด้วยหยดน้ำตาของอีกฝ่าย อ้อมแขนกระชับแน่นขึ้น มีเพียงเสียงของลมหายใจของคนทั้งสองคนที่รินรดกัน อ้อมกอดที่ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กันและกัน น้ำตาของเขาในคืนนี้..เป็นน้ำตาแห่งความสุข..ความรัก..ความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้..มอบให้โดยไม่เคยที่จะเรียกร้องอะไรกลับคืน มีเพียงรอยยิ้มที่อบอุ่น..ส่งผ่านมาให้เขาเสมอ..
“ ไม่ใช่เอก ผมดีใจ..ดีใจที่มีคุณอยู่เคียงข้างมาโดยตลอด..ขอบคุณนะครับ..ขอบคุณจริงๆ “
ขอเพียงเขามั่นใจอีกสักนิด ขอเวลาให้ผมอีกนิดนะครับเอก..ชายหนุ่มคิดในใจ
“ ขี้แย จริงๆ ไปนอนได้แล้วเริ่มเย็นแล้วล่ะ เดี๋ยวน้ำค้างลงจะไม่สบาย “
หลังจากที่ลุกขึ้นมาแล้วก็ยื่นมือไปหาอีกฝ่ายเพื่อฉุดให้ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างแล้วก้าวเดินกลับขึ้นไปบนบ้าน
.........................
หลังจากที่นางดวงใจเข้านอนแล้วก็เหลือสองหนุ่มที่นั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นมะม่วงที่ปลูกไว้รอบ ๆ สระน้ำบริเวณหลังบ้าน
“ ดาวเต็มฟ้าเลยเนอะ “
เอกรินทร์เอ่ยถามอีกฝ่าย
“ ทำยังกับไม่เคยเห็น มันก็มีอยู่ทุกวัน “
ตฤณดนัยตอบพลางแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำสนิทตัดกันกับแสงระยิบระยับที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า
“ คุณนี่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย เฮ่อ..บรรยากาศดีๆ เสียหมด “
ชายหนุ่มถอนใจก่อนจะเอนกายนอนลงเอามือประสานท้ายทอยสายตาจับจ้องไปยังร่างโปร่งที่นั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ ..เขาอยากจะหยุดเวลาอันแสนสุขนี้เอาไว้นานๆ แล้วอีกคนล่ะ..จะล่วงรู้ความในใจของเขาบ้างหรือเปล่า เกือบสามปีแล้วสินะ..เขาสับสน..ว่าร่างโปร่งที่นั่งอยู่เคียงข้างเขาตอนนี้รับรู้ความรู้สึกของเขาหรือเปล่า..อาจจะรู้แต่ไม่พูดอะไร..หรือรู้แต่เหมือนมีบางอย่างที่คอยกั้นระหว่างเขากับคนๆ นี้ ..มันเหมือนกำแพงเล็กๆ..ที่ตฤณดนัยสร้างขึ้นมา..เพื่อป้องกันทุกคนที่เหมือนจะล้ำเส้นนั้นเข้าไป หรือว่าเขาจะไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาพยายามสื่อเลยสักนิด..
“ ตฤณ ..”
หลังจากที่เงียบอยู่นานเขาก็ตัดสินใจเรียกอีกฝ่าย
“ หืมม..”
ร่างโปร่งที่นั่งชันขาแล้วเอาท่อนแขนโอกอดเข่าตัวเองไว้ขานรับ หากแต่สายตาจ้องมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า
“ ตฤณรู้ใช่ไหมว่าผมคิดยังไงกับคุณ “
สายตาจับจ้องมองไปที่เสี้ยวหน้าของตฤณดนัย..เขาตัดสินใจที่จะพูดตอนนี้..และเขาก็ไม่รู้ว่าหากอีกฝ่ายรู้แล้วจะคิดกับเขายังไงต่อไป..บางที..แม้แต่ความเป็นเพื่อน..ก็อาจจะไม่มีให้เลยก็ได้..หลังจากที่เขาใช้เวลานานพอสมควร นานพอ..ที่จะเตรียมใจรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“ รู้ “
เสียงที่ตอบกลับมายังคงราบเรียบหากดวงตานั้นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเขาอยากจะเริ่มต้นใหม่กับทุกๆ สิ่งในชิวิต..ภาพในอดีตที่คอยทับซ้อนขึ้นมากลับชัดยิ่งขึ้น..จนเขากลัว กลัวว่าจะซ้ำรอยเดิม
“ แล้วตฤณคิดยังไง “
เอกรินทร์ถามต่อหากแต่สายตาเลิกมองอีกฝ่ายกลับเบนสายตาไปจับจ้องที่ท้องฟ้าแทน เขากลัว..กลัวว่าคำตอบที่ได้รับ..มันจะทำใจไม่ได้
“ ผมไม่รู้ ..ผมกลัว ”
ตฤณดนัยตอบออกมาในที่สุด นี่คงเป็นคำตอบที่คงจะรักษาน้ำใจ และยังคงสถานะความเป็นเพื่อนกันต่อไปของอีกฝ่ายไว้ได้ แต่ลึกๆ ในใจแล้ว..หัวใจเขาเต้นแรง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับตน..แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันสองคน
“ ตฤณ..เรื่องในอดีต มันผ่านมานานแล้วนะ..คุณยังไม่ลืมอีกเหรอ หรือว่าคุณยังรักเขาอยู่ ”
ชายหนุ่มพูดออกมาช้าๆ..เขากลัว..กลัวว่าอีกฝ่ายยังคงรัก..และฝังใจกับอดีตมากเกินไป..มาก..จนไม่ยอมที่จะเปิดใจให้ใครอีก..
“ ผมไม่รู้เอก..ตลอดสามปีที่ผมอยู่ที่นี่ ผมมีความสุข ความสุขที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน..ผมได้รับความรัก..ความหวังดี..จากคุณ จากแม่ของคุณ..จากคนรอบข้าง จนผมกลัว กลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะพังทลายลงไป หลังจากที่ผมตัดสินใจทำอะไรลงไป มันไม่ได้มีเพียงเราสองคนนะเอก ยังมีแม่ มีสังคมที่ต้องแคร์
อดีตมันเป็นส่วนหนึ่งที่ผมกลัว แต่สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดตอนนี้คือปัจจุบัน “
น้ำเสียงที่เอ่ยตอบอีกฝ่ายนั้นแผ่วเบา เหมือนใจที่หลุดลอยไปกับสายลมยามค่ำคืน
“ ข้อนั้นผมรู้..ผมไม่ได้เร่งรัดคุณเสียหน่อย..ผมแค่อยากรู้ความรู้สึกของคุณในตอนนี้เท่านั้นเอง คุณบอกผมได้หรือเปล่า บอกให้ผมรู้ ว่าผมควรจะหยุดมัน หรือเดินหน้าต่อ มันทรมานมากเลยนะ ที่ต้องรอ รอโดยไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ ผมรู้ว่าคุณยังคงไม่ลืมอดีตของคุณ แต่ผมไม่อยากให้คุณปิดกั้นตัวเอง ไม่ใช่ว่าผมอยากจะให้คุณหันมามองผม หรือเลือกผม แต่ผมไม่อยากให้คุณจมอยู่กับอดีตจนละเลยความสุขในตอนนี้ของคุณนะ อดีตมันเป็นเพียงบทเรียน ที่สอนให้เราคิดให้มากขึ้นกับการตัดสินใจที่จะทำอะไรต่อไปในอนาคต ถ้าคุณมัวแต่กลัว แล้วเมื่อไหร่ล่ะตฤณ เมื่อไหร่คุณจะมีความสุขเสียที “
“ ตอนนี้ไงล่ะเอก ตอนนี้ เวลานี้ ผมมีความสุข มีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ มีคุณ มีแม่ มีนักเรียน มีชาวบ้านที่นี่ เรื่องของเราขอให้มันเป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว ผมไม่อยากสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ผมมีอยู่ตอนนี้ไปหากว่าเกิดอะไรขึ้นอีก ผมคงไม่เข้มแข็งพอที่จะอยู่ต่อไป.. นะเอก คุณเข้าใจผมนะ “
หยาดน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลรินลงอาบแก้ม พร้อมกับร่างสูงของเอกรินทร์ที่ขยับลุกขึ้นมารั้งร่างของตฤณดนัยเข้ามากอดปลอบ..เขาคงรุกอีกฝ่ายมากเกินไป..จนลืมคำนึงถึงความเจ็บปวดในอดีตที่อีกฝ่ายได้รับมา เขาไม่เคยเจอกับตัวเอง..เขาคงคิดว่ามันคงไม่มากมายอะไร..แต่น้ำตาของคนๆ นี้..น้ำตาที่เขาไม่ได้เห็นอีกเลยหลังจากที่เขาเป็นคนปลอบใจอีกฝ่ายเมื่อครั้งที่มาอยู่ที่นี่..ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนสัญญาเองว่า..จะไม่ทำให้ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ร้องไห้เหมือนกับคนก่อน..แต่มาวันนี้..เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุด ห่วงแต่ตัวเองจนลืมนึกถึงคนตรงหน้า
“ ผมขอโทษตฤณ..ผมขอโทษ ผมจะไม่พูดถึงมันอีกนะ..คุณอย่าร้องนะ..ผมขอโทษ “
ไหล่สั่นสะท้านหยาดน้ำตาไหลรินมากขึ้นบริเวณหัวไหล่ของเอกรินทร์เปียกชื้นด้วยหยดน้ำตาของอีกฝ่าย อ้อมแขนกระชับแน่นขึ้น มีเพียงเสียงของลมหายใจของคนทั้งสองคนที่รินรดกัน อ้อมกอดที่ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กันและกัน น้ำตาของเขาในคืนนี้..เป็นน้ำตาแห่งความสุข..ความรัก..ความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้..มอบให้โดยไม่เคยที่จะเรียกร้องอะไรกลับคืน มีเพียงรอยยิ้มที่อบอุ่น..ส่งผ่านมาให้เขาเสมอ..
“ ไม่ใช่เอก ผมดีใจ..ดีใจที่มีคุณอยู่เคียงข้างมาโดยตลอด..ขอบคุณนะครับ..ขอบคุณจริงๆ “
ขอเพียงเขามั่นใจอีกสักนิด ขอเวลาให้ผมอีกนิดนะครับเอก..ชายหนุ่มคิดในใจ
“ ขี้แย จริงๆ ไปนอนได้แล้วเริ่มเย็นแล้วล่ะ เดี๋ยวน้ำค้างลงจะไม่สบาย “
หลังจากที่ลุกขึ้นมาแล้วก็ยื่นมือไปหาอีกฝ่ายเพื่อฉุดให้ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างแล้วก้าวเดินกลับขึ้นไปบนบ้าน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น