ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : .......
หลังจากที่ขนกระเป๋าไว้หลังรถกระบะเรียบร้อยแล้วร่างสูงโปร่งของตฤณดนัยก็ย้ายเข้ามานั่งเคียงข้างคนขับ
“ ขอบคุณมากนะครับที่ให้ผมติดรถเข้าไปด้วย ผมชื่อตฤณ เอ่อ..ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ “
ตฤณดนัยเอ่ยถามอีกฝ่ายทันทีที่รถเริ่มขยับ
“ เอกครับ เรียกผมเอกก็ได้ “
ขณะที่สองมือบังคับพวงมาลัยอยู่นั้นตาก็เหลือบชำเลืองมองหน้าอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ ลูกคุณหนูแหงๆ..ชายหนุ่มสรุปคนเดียวในใจพลางคิดว่า ชายคนนี้จะเข้าไปในหมู่บ้านนั้นทำไมกันนะ
“ ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ หน้าตาอย่างคุณน่าจะเหมาะกับในเมืองมากกว่านะ “
น้ำเสียงที่ทิ้งไว้เชิงล้อเลียนอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าเรียวใสที่นั่งอยู่ด้านข้างเกิดบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ ผมมาทำงานครับ “
ตฤณดนัยตอบอีกฝ่ายแบบไม่ค่อยพอใจเท่าใดนักแต่ยังรักษามารยาทเอาไว้ เพราะถ้ามีเรื่องกันแล้วตนเองจะต้องเดือนร้อนอย่างแน่นอน
“ อ้าวมาทำงานหรอกรึนึกว่าอกหักเลยแล้วจะมาฆ่าตัวตาย มิน่าล่ะหอบของมาซะเยอะแยะ ถ้ามาฆ่าตัวตายคงมาแต่ตัวสินะ “
น้ำเสียงกึ่งประชดประชันหากคำพูดของเอกรินทร์กลับจี้ใจดำอีกฝ่ายอย่างจัง จากสีหนจ้าที่บึ้งตึงกลับหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ..จะพูดขึ้นมาทำไมนะ..เขาต้องอดทนมากแค่ไหนถึงจะมาถึงที่นี่ได้..ยิ่งห่างไกลจากเขาคนนั้นมากเท่าไหร่..
เขาคิดว่าระยะทางจะเยี่ยวยาจิตใจของเขาได้..หากแต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลย..เขาไม่เคยลืม..ไม่เคยลืม..และทำใจกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้..
“ คุณนี่รู้ดีจังเลยนะครับ เป็นนักจิตวิทยารึไงกัน ถ้ารู้ขนาดนั้นทำไมไม่สงเคราะห์ผมหน่อยล่ะครับ เผื่อจะได้บุญ “
อดที่จะเหน็บแนมอีกฝ่ายไม่ได้ ขณะที่คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันเหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ เฮ่ยย ..ผมแซวเล่น อย่าคิดมากน่า เห็นคุณเดินดุ่มๆ มาขวางทางรถผมเมื่อตอนเย็นนึกว่าจะฆ่าตัวตายเสียอีก “
“ ผมไม่ทันระวังครับ พอดีรีบจะไปขึ้นรถ..แล้วก็ไปไม่ทัน ขอโทษที่ต้องทำให้คุณเดือนร้อนด้วยนะครับ “
บรรยากาศยามพลบค่ำในต่างจังหวัดเช่นนี้ท้องฟ้ามืดมิดสีดำสนิท ดวงดาวเริ่มทอแสงระยิบระยับกระจายทั่วท้องฟ้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้เขาไม่ค่อยมีโอกาสที่จะได้เห็นนักในที่ที่เขาจากมา เนื่องจากแสงสีจากไฟนีออนบดบังความสวยงามยามราตรีจนหมดสิ้น กระจกรถถูกหนุ่มลงพร้อมกับสายลมที่พัดผ่านเข้ามากระทบเรียวหน้าขาวใสพร้อมกับกลิ่นต้นหญ้าจากท้องทุ่งลอยมา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
“ แล้วคุณมากทำงานอะไรในหมู่บ้านล่ะครับ “
หลังจากที่อีกฝ่ายเลิกสนใจตน มัวแต่เพลิดเพลิดกับบรรยากาศนอกรถ ทำให้เอกรินทร์เอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“ ผมย้ายมาเป็นครูประจำที่นี่ “
ชายหนุ่มตอบหากแต่สายตายังคงจับจ้องไปยังท้องทุ่งกว้างไปจนสุดสายตา มองเห็นเพียงเงาลางๆ ของภูเขาที่เหมือนกำแพงคอยโอบอุ้มพื้นที่แห่งนี้เอาไว้
“ อ้าวผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย “
เอกรินทร์ทำสีหน้าสงสัย
“ แล้วเรื่องทุกเรื่องในหมู่บ้านนี่คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ด้วยเหรอครับ “
ตฤณดนัยอดไม่ได้ที่จะเหน็บอีกฝ่าย
“ อ้าวนี่คุณหาว่าผมเสือกเหรอ “
หนุ่มร่างสูงทำหน้าตาขึงขังราวกับจะเอาเรื่องอีกฝ่าย หากแต่ในใจกลับรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งร่างที่นั่งอยู่เคียงข้างมาด้วยกัน บางทีเขาอาจจะช่วยคลายความรู้สึกของชายหนุ่มผู้นี้ได้ ..เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ..
“ ป่าวครับผมหมายถึงคุณน่าจะเป็นคนกว้างขวางในหมู่บ้าน ถึงได้รู้เรื่องราวต่างๆ ในหมู่บ้านเป็นอย่างดีเท่านั้นเองครับ “
ปากก็พูดพร้อมกับอดอมยิ้มกับท่าทางของคนขับที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่ได้..บางทีมันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เขาคิดก็ได้..อย่างน้อยเขาก็มีเพื่อนคนหนึ่งแล้วสินะ..
“ แล้วนี่คุณจะพักที่ไหนครับ “
หลังจากที่รถเริ่มขับเข้ามาในตัวหมู่บ้านก็เริ่มปรากฏบ้านของผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อขับรถเข้ามาสักพักตฤณดนัยก็สังเกตุลักษณะบ้านจะเป็นสองชั้นเสียส่วนใหญ่แล้วก็ยกสูงลักษณะมีใต้ถุนด้านล่างจะมีแคร่ตั้งไว้เหมือนโต๊ะรับแขกเวลามีคนมาเยี่ยม..สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และที่น่าแปลกใจอีกอย่างสำหรับเขาคือบริเวณบ้านส่วนมากจะไม่ค่อยมีรั้วกั้นสามารถเดินทะลุไปบ้านหลังถัดไปได้จะมีก็แต่แปลงผักเตี้ยๆที่มองเห็นเรียงรายอยู้บริเวณด้านข้างของบ้านแต่ละหลังซึ่งดูจากขนาดแล้วน่าจะปลูกไว้กินเองมากกว่าที่จะขาย และมีบ้านเพียงไม่กี่หลังเท่านั้นที่ล้อมรั้วไว้อย่างมิดชิด ..
“ รบกวนพาผมไปส่งบ้านผอ.ดาว ได้หรือเปล่าครับ “
“ อ้าวรู้จักกับครูดาวเหรอครับ “
เอกรินทร์เอ่ยถามอีกฝ่าย
“ ครับ “
ชายหนุ่มไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรจะเล่าให้อีกฝ่ายฟังจึงเพียงตอบรับ
ส่วนคนขับเมื่อเห็นคนที่อาศัยมาด้วยไม่ได้กล่าวอะไรต่อเขาก็ไม่ถามอะไรอีก
ไม่นานนักรถกระบะของคุณครูหนุ่มก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าบ้านกึ่งไม้กึ่งปูนสองชั้น ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มปิดสนิทแต่ดวงไฟจากภายในที่เปิดอยู่ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของบ้านยังไม่หลับ
ตฤณดนัยเปิดประตูก้าวลงมาจากรถพร้อมทั้งบิดร่างกายไปมาคลายความเมื่อยล้าเนื่องจากเดินทางมาทั้งวัน พลางสายตามองสำรวจไปรอบๆ บ้านหลังขนาดปานกลางหากแต่ตกแต่ร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นาๆ ชนิด ด้านหน้าประตูบ้านถูกเทปูนให้ยื่นออกมาแล้วปูกระเบื้องสีเขียวอ่อนตัดกันกับสีของต้นเสาสีอิฐพร้อมทั้งมีระเบียงเล็กๆ ที่ทำกั้นขึ้นมาไว้นั่งเล่น กลิ่นดอกแก้วโชยมาจากรั้วหน้าบ้านที่ปลูกทับซ้อนรั้วไม้เข้ามาด้านใน หันกลับมามองยังตัวบ้านอีกครั้ง ก็ปรากฏร่างของหญิงวัยกลางคนรูปร่างโปร่งบางในชุดนอนสีขาวลายลูกไม้ ใบหน้าที่บ่งบอกถึงอายุระบายรอยยิ้มอ่อนๆ ที่ส่งมาถึงตัวเอง
“ สวัสดีครับผอ.ดาว “
ตฤณดนัยยกมือไหว้ผู้ที่สูงวัยกว่าด้วยความเคารพ
“ สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นครูตฤณดนัยใช่รึเปล่าคะ “
เนตรดาวรับไหว้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยถาม เพราะหล่อนมองไปรอบบ้านแล้วก็มีแต่เอกรินทร์ กับรถของเขา “
“ ใช่ครับ ผมตฤณดนัยครับ ที่ทางท่านบดินทร์ส่งตัวมา “
“ อ้าวคุณ..มัวแต่คุยอยู่นั่นแหละ ของๆ คุณจะเอารึเปล่าครับหรือจะให้ผมเอาไปบริจาค “
เสียงตะโกนมาจากด้านหลังทำให้ร่างสูงโปร่งของตฤณดนัยรู้สึกตัวหันไปหาอีกฝ่าย
“ ผมลืมสนิทเลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ แล้วก็ของคุณมากนะครับที่ให้ผมอาศัยรถมาด้วย “
เขาหันไปขอโทษอีกฝ่ายพร้อมกับสองขาที่ก้าวออกไปหลังกระบะเพื่อยกกระเป๋าของตนลงมา
“ ยังไม่ต้องหรอกค่ะ ดิฉันเตรียมบ้านพักไว้ให้แล้ว เดี๋ยวยังไงให้ครูเอกเขาไปส่งเลยแล้วกัน พวกข้าวของเครื่องใช้ก็เตรียมไว้ให้หมดแล้วนะคะ เหลือแต่ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อยคุณครูค่อยๆ จัดหาเขาไปเองก็ได้ค่ะ แล้วนี่ไปเจอกันที่ไหนมาคะ “
หญิงสูงวัยกล่าวขึ้นก่อนที่ตฤณดนัยจะยกกระเป๋าลงมา
“ ผมตกรถเที่ยวสุดท้ายน่ะครับ แล้วพอดีเจอคุณเอกพอดี เลยขออาศัยมาด้วยน่ะครับ “
ชายหนุ่มอธิบาย
“ แล้วไปเจอกันมายังไงคะ “
“ อ๋อ พอดีคุณคนนี้เขาพยายามฆ่าตัวตายน่ะครับครู แต่ผมไปขวางทางตายเขาไว้ก็เลยต้องรับผิดชอบพามานี่ครับ “
“ นี่คุณ..! “
ตฤณดนัยหน้าแดงจัดด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายยังคงเล่นไม่เลิกนี่ขนาดอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ยังไม่รู้จักมารยาท
“ ผมแซวเล่นหรอกน่า พอดีเป็นมีเรื่องกันนิดหน่อยน่ะครับครู เลยรู้จักกันแล้วนี่ครูจะให้ไปพักบ้านครูษาเหรอครับ “
“ ใช่ ..พาครูเขาไปส่งด้วยดึกแล้ว ดิฉันคงต้องขอตัวนะคะ ครูเองก็มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวให้ครูเอกเขาพาไป แล้วค่อยมาคุยกันพรุ่งนี้เช้า อ่อ..ครูเอกรบกวนไปรับครูตฤณที่บ้านพักด้วยนะ “
หลังจากที่พูดคุยกับตฤณดนัยเสร็จก็หันมาสั่งร่างสูงที่ยืนทำท่าล้อเลียนอีกฝ่ายอยู่บ้านหลัง..ไอ้หลานตัวดี..นี่ถ้าไม่ติดว่ามีอีกคนยืนอยู่ล่ะก็..แม่จะด่าให้แสบเลย...หล่อนได้แต่เข่นเขี้ยวตัวเองในใจ...
“ งั้นผมลาล่ะครับไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ สวัสดีครับ “
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกล่าวลาอีกฝ่ายก่อนจะหนุ่มตัวเดินกลับไปหาผู้เป็นเจ้าของรถ
“ เชิญครับ “
“ คือผมเกรงใจคุณจริงๆ นะครับ บอกทางผมมาก็ได้เดี๋ยวผมเดินไปเองก็ได้ครับแค่นี้ก็รบกวนคุณจะแย่อยู่แล้ว “
ตฤณดนัยเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจ
“ ก็เดินไปอีกประมาณสองกิโลน่ะครับ “
เอกรินทร์หยุดพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งรออีกฝ่าย
ทางตฤณดนัยเองก็รู้ว่าอีกคนนั้นกวนประสาทเขาได้ตลอดเวลาหากแต่ก็ต้องยอมก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้างอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
“ นี่คุณหลอกผมเหรอ “
หลังจากที่ขับรถมาถึงยังบ้านปูนชั้นเดียวสีขาวสะอาดตาที่ปลูกลึกเข้าไปอยู่ด้านในพื้นที่ที่ข้องข้าวทอดยาวแล้วมีต้นไม้ปลูกอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเขาจำหลังคาบ้านอีกหลังที่อยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ได้เป็นอย่างดี ...บ้านผอ.ดาว...บ้านพักของเขาอยู่หลังบ้านผอ.ดาว...มันแกล้งเขาชัดๆ...
“ ผมหลอกอะไรคุณ “
ชายหนุ่มทำหน้าตาย
“ ก็คุณบอกผมสองกิโล แต่นี่มันอยู่หลังบ้าผอ. แค่นี้เอง “
ตฤณดนัยรีบเปิดประตูรถแล้วหยิบกระเป๋าของตัวเองลงจากรถทันที
“ หลอกตรงไหน แล้วไอ้ที่ผมขับรถพาคุณมานี่มันไม่สองกิโลเหรอ คุณก็เห็นบ้านมันมีรั้วกั้น..นี่อย่าบอกนะว่าอยู่กรุงเทพคุณปีนรั้วบ้านคนอื่นประจำ “
เอกรินทร์พูดประชดอีกฝ่ายขณะที่กลั้นหัวเราะจนหน้าแดง...ตลก..เขารู้อยู่แล้วว่าด้านหลังบ้านของอาเขามันมีประตูเปิดเชื่อมมาถึงบ้านหลังนี้...
“ โอเคผมยอมแพ้คุณ เอาเป็นว่าขอบคุณนะครับที่กรุณาผมวันนี้ ฝันดีครับ “
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ลากกระเป๋าเข้าไปยังตัวบ้านทันทีไม่ยอมหันกลับมามองอีกฝ่ายที่ยืนกลั้นหัวเราะจนตัวงอ ก่อนจะยืนดูอีกฝ้ายเข้าบ้านไปแล้วก็เดินกลับมาขึ้นรถแล้วขับกลับบ้านตัวเองไปหลังจากนั้น...
.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น