ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิทานนกน้อย

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 5 จงเรียกชื่อข้า..

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 51


    ...เมื่อใดที่ต้องการความช่วยเหลือ จงเรียกชื่อข้า...”

    นกน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นมาสุดตัว ประโยคที่คุ้นหูยังคงก้องสะท้อนอยู่ในโสตประสาท แม้ว่าจะเป็นเพียงความฝัน แต่เธอก็รู้สึกว่ามันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน นกฮูกสีน้ำตาลตัวใหญ่ในความฝัน ราวกับเป็นคนที่เธอคุ้นเคยมากเหลือเกิน แต่เธอก็ไม่ทันคิดต่อไปได้ไกลกว่านั้น เพราะเมื่อเธอมองไปรอบๆ ตัว เธอก็พบว่าตัวเองหาได้มีอิสรภาพอีกต่อไป ห้องเล็กๆ สีเอิร์ธโทนนี้คงดูอบอุ่นน่าอยู่ดีถ้าเธอมองมันจากภายนอกหน้าต่างสีหม่นนั้น แต่ไม่ใช่แบบนี้ แบบที่เธอกำลังมองผ่านซี่เหล็กถี่ๆ ที่คุมขังเธอไว้ในที่แคบๆ ซ้ำอากาศในห้องยังดูร้อนเกินไป ผิดกับท้องฟ้าสีสดใสภายนอกเหลือเกิน

    นกน้อยถอนหายใจพรืด เตรียมกำลังจะสยายปีกออก เธอลืมไปเสียสนิทว่าปีกข้างหนึ่งนั้นหักอยู่ ถึงแม้ว่าผ้าพันแผลผืนโตที่พันไว้อย่างเรียบร้อยบนปีกข้างนั้นดูรกหูรกตาสำหรับเธอมาก แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณที่มันอยู่ตรงนั้น ไม่เช่นนั้นความเจ็บปวดหลังจากความพยายามกางปีกคงจะมากมายกว่านี้แน่ ไม่มีเวลาให้เธอได้คิดถึงความเจ็บปวดมากนัก จู่ๆ มนุษย์เด็กหญิงคนหนึ่งก็เปิดประตูห้องเข้ามา เธอเดินตรงเข้ามายังกรงที่นกน้อยอยู่แล้วพูดเสียงสดใสกับนกน้อย

    สวัสดีจ้ะ ดีใจจังที่เธอฟื้นแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองลอดซี่ลูกกรงเข้ามาจับจ้องตัวนกน้อยอย่างจริงใจ ต่อไปนี้ฉันจะเลี้ยงเธอเองนะ เธอไม่ต้องกลัวใครจะมาทำร้ายเธอให้ต้องเจ็บตัวอีกแล้ว เธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในนี้ ฉันสัญญาว่าจะปกป้องเธอเองจ้ะ เจ้านกที่น่าสงสาร เด็กหญิงพูด ถึงแม้นกน้อยจะเป็นนก แต่เธอก็เข้าทุกคำพูดของเด็กหญิง ซึ่งทำให้เธอรู้ว่าเด็กหญิงเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเธอ แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ซ้ำยังน่าสมเพชตัวเองด้วยซ้ำ ที่ซุ่มซ่าม จนทำให้ตัวเองเดือดร้อนได้ถึงเพียงนี้ คิดแล้วนกน้อยก็ยิ่งกลุ้มใจ ได้แต่มองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างหม่นๆ ที่ปลายสุดของห้องเท่านั้น พลางคิดถึงประโยคที่คุ้นหูในฝัน . . .

    คืนนั้น นกน้อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเต็มที่ แล้วเธอก็ฝันอีก นกฮูกตัวนั้นบอกกับเธอด้วยสีหน้าจริงจัง ว่าเขาสามารถช่วยเธอได้ ขอเพียงเธอเรียกเขาเท่านั้น เขาบอกชื่อของเขาแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อตื่นขึ้นมา นกน้อยก็จำชื่อนั้นไม่ได้เสียที จนกระทั่งผ่านไปราว 2 สัปดาห์ วันนั้นนอกหน้าต่างดูไม่น่าอภิรมย์เลย เม็ดฝนเม็ดโตๆ กระทบกระจกเสียงดังกราวๆ อากาศในห้องเย็นขึ้นจับจิต เด็กหญิงกำลังนั่งเฝ้าหน้าต่างรอให้ฝนหยุดตกพอๆ กับนกน้อย นับตั้งแต่วันแรกที่นกน้อยได้รู้จักเด็กหญิงคนนั้น นกน้อยก็รู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยเธอก็ไม่เหงา เพราะเด็กหญิงมักจะมานั่งเล่นกับนกน้อยเป็นประจำ บ้างก็มานั่งเล่านิทานให้นกน้อยฟัง หรือบางครั้งก็เล่าเรื่องสนุกๆ ถึงเพื่อนๆ ที่โรงเรียนของเธอให้นกน้อยฟัง ดูเธอเองก็เหงามากเช่นกันเมื่ออยู่ที่นี่ ดังนั้นนกน้อยจึงเป็นเหมือนเพื่อนของเด็กหญิงที่รับฟังเรื่องราวต่างๆ ของเธออย่างไม่ขัด กระนั้นก็เถอะ นกน้อยก็ยังรู้สึกอึดอัดกับสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้มันจะจริงที่เด็กหญิงบอกว่า นกน้อยจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในนี้ แต่นี่มันไม่ใช่วิถีแห่งนก หรือสรรพชีวิตทั้งปวง ที่ต้องถูกจำกัดให้อยู่กับที่แคบๆ โดยไม่มีสิทธิ์ไปไหนได้ หรือทำอะไรได้เลย นกน้อยกล่อมตัวเองอยู่ในห้วงความคิด เธอเริ่มคิดถึงนกฮูกตัวนั้น พยายามคิดถึงชื่อของเขา บะ...บะ... บอ ... อะไรน้า ? บอ อะไรซักอย่าง

    โบกี้...โบรก้า...โบน...โบโนม่า...บอโบร่า... นกน้อยลองออกเสียงชื่อต่างๆ ที่นึกออก เผื่อว่าจะคุ้นปากขึ้นมา

    โบรมีน โบรมาย โบโนรายด์ โบท็อกซ์ โบวี่ โบโนมี่ ... นกน้อยยังคงนึกต่อไป

    ...โบนักชี่ โบนัส ...เฮ้อ อะไรน้า? เธอพยายามกัดฟันนึกต่อไป นึกอย่างเอาเป็นเอาตาย ว่าเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด

    โบนกัน!” ใช่แล้ว ชื่อนี้แหละที่เธอได้ยินเขาบอกเธอในฝัน ภาพนกฮูกสีน้ำตาลตัวใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ดูเหมือนจะมีเพียงเธอเท่านั้นที่มองเห็น เพราะเด็กหญิงยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รับรู้การมาเยือนของเพื่อนต่างพันธุ์ นกฮูกยิ้มอย่างเยือกเย็น และดูไม่เป็นมิตรกว่าในฝัน ทว่าคำพูดที่เปล่งออกมาฟังดูน่าเชื่อถือยิ่งนัก

    สวัสดี เพื่อนของข้า เขากล่าวทักทาย เป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้รับใช้ มีอะไรให้ช่วยเหลือโปรดเอ่ยมา นกฮูกกล่าวต่อพลางก้มโค้งคำนับลงอย่างสุภาพ

    อ่ะ...เอ่อ ...สวัสดีคุณนกฮูก นกน้อยกล่าวอย่างเกร็งๆ

    โปรดเรียกผมว่าโบนกัน จะเป็นเกียรติมาก นกฮูก เอ๊ย โบนกันกล่าวขึ้นอย่างนิ่มๆ แต่ฟังแล้วชวนขนลุกมากกว่าจะสุภาพ

    ค่ะ คุณโบนกัน นกน้อยกล่าวต่อไปอย่างตรงประเด็น คุณบอกว่าคุณสามารถช่วยฉันได้ใช่มั้ยคะ

    “Of cause” เขาเอ่ย ลดท่าทีสุภาพลงไปมาก เท่าที่ผมจะช่วยได้เลยล่ะ

    งั้นคุณช่วยพาฉันออกไปจากกรงนี้ทีได้มั้ย ฉันอึดอัดเต็มทนกับที่นี่แล้ว ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของฉัน อิสระ คือสิ่งที่นกต้องการ พันธนาการไม่ใช่สิ่งพึงปรารถนาสำหรับใครก็ตามเลย ถ้าคุณช่วยพาฉันออกไปได้ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณอันใหญ่หลวงนี้ของคุณเลย คุณช่วยฉันได้ใช่มั้ยคะ นกน้อยร่ายยาว แล้วจบด้วยคำถามที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

    เกรงว่านั่นอยู่นอกเหนือขอบเขตความสามารถของผมที่จะช่วยเหลือคุณได้โบนกันตอบเสียงเย็น ท่าทียิ้มเย้ยนิดๆ อย่างปิดบัง นกน้อยคอตก และคิดอย่างหมดหวังถึงทางรอดทางเดียวที่เธอมี แต่มันกลับพังทลายลงตรงหน้า

    แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางอื่น โบนกันเอ่ยขึ้นเรียบๆ ชักสีหน้ามีความหวังของนกน้อยกลับขึ้นมาได้ นกน้อยจ้องมองเขาให้พูดต่อไป ผมสามารถตามหาผู้ครอบครองกุญแจกรงนี้ได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×