ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความเป็นมาสิ่งสำคัญของโลกและประเทศไทย

    ลำดับตอนที่ #3 : หอไอเฟล กับ โตเกียวทาวเวอร์

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 53


       หอคอยเป็นสิ่งที่แสดงถึงความทะเยอทยานของมนุษย์ และหอคอยที่โลกรักมากที่สุดคือ หอไอเฟล (Eiffel Tower) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นหอคอยที่มีความสูงเสียดฟ้า มีความงามสง่า รูปร่างอ่อนช้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นจิตวิญญาณของฝรั่งเศส หอไอเฟลได้รับการออกแบบและก่อสร้างในปี ค.ศ.1839 มันคือผลงานชิ้นเอกในการ -ฉลองการปฏิวัติฝรั่งเศสอันนอเลือดเมื่อ 100 ปีก่อนหน้า

            14 กรกฎาคม ค.ศ.1789 ท่ามกลางความต้องการที่จะปฏิวัติ ชาวปารีสได้เข้าโจมตีชนชั้นสูง บุกยึกคุกบัสติล ซึ่งมีผู้มีความคิดขัดแยงทางการเมืองถูกคุมขังเอาไว้ ผู้รัก-ชาติได้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านชนชั้นปกครอง ซึ่งเป็นการสร้างพื้นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยยุคใหม่

            อีก 1 ศตวรรษหลังการปฏิวัติ ความภาคภูมิใจของฝรั่งเศสถูกบั่นทอนด้วย ความพ่ายแพ้ของกองทัพต่อเยอรมัน ในปี 1870 และก็ ความคิดที่จะจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ จึงเป็นหนทางอันยิ่งใหญ่เพื่อลืมความปวดร้าว และ เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ ความร่ำรวยของประเทศ จึงจำเป็นที่ต้องมีผลงานศิลปะชิ้นเอกที่อวดแก่ฝูงชน และจากความสำเร็จในยุคอุตสาหกรรมจึงนำเสนอความสำเร็จทางวิศวกรรม นั่นคือ หอคอย

            หอคอยเหมือนเป็นสิ่งที่ชาญฉลาดทางเทคโนโลยี ในอดีตไม่เคยมีใครสร้างหอคอยที่สูงกว่า 1,000 ฟุต หลายคนพยายามลอง แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาก็มีการออกแบบไว้อยู่หลายแบบ แต่ก็ไม่เคยสร้างจริงขึ้นมา ฝรั่งเศสได้จัดการประกวดเพื่อออกแบบหอคอย แบบแรกถูกเสนอโดย เวอร์ริส คล็อกลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะวิศวกรของ กุสตาฟ ไอ-เฟล (Gustave Eiffel)

            กุสตาฟ ไอเฟล เป็นทั้งสถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส ชื่อเสียงของเขาเกิดจาก การออกแบบสะพานที่เต็มไปด้วยจินตนาการ เขาค้นคว้าเกี่ยวกับแนวคิดในการออกแบบด้วยโครงสร้างโลหะ การที่มี กุสตาฟ ไอเฟล เข้ามาร่วมงาน จึงเป็นเครื่องรับประกันในเรื่องเงินทุนสนับสนุน และความสำเร็จของงาน วิศวกรหนุ่มของ กุสตาฟ ไอเฟล 2 คน คือ เวอร์ริส คล็อกลิน และ เอมิล นูลจิเย เริ่มแนวคิดในการสร้างหอคอยสูง 300 เมตร สำหรับงานแสดงสินค้าในปี ค.ศ.1890 ในปารีสเขาเริ่มร่างแบบโครงสร้างของหอ-
    คอยอย่างคร่าวๆ และขอให้สถาปนิกชื่อ
    สตีเฟน สเตาว์เธอร์ ออกแบบส่วนตกแต่งเพื่อเติม ซึ่งมีลักษณะเป็นช่อดอกไม้ โค้ง และมีปติมากรรมเล็กๆ น้อยๆ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดทางสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1887 ว่า สามารถสัมผัสกับท้องฟ้าในระดับที่เป็นไปไม่ได้ คือ 1,000 ฟุต

            กุสตาฟ ไอเฟล ได้เห็นแบบแปลนและอนุมัติ เขาได้สนใจแนวคิดเกี่ยวกับหอคอยนี้ และได้ออกแบบส่วนตกแต่งเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเข้าไปด้วย การมีชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล อยู่ในโครงการ ทุกคนรู้ผลลัพธ์ของการแข่งขันนี้ การมีสายสัมพันธ์ทางการเมืองและสังคมของกุสตาฟ ไอเฟล ทำให้มีความพร้อมที่จะผลักดันให้โครงการผ่านหน่วยงานปกครองของปารีสได้อย่างรวดเร็ว และทำให้โครงการจากแบบแปลนสำเร็จเป็นจริงได้ หอคอยซึ่งออกแบบจากความก้าวหน้าในยุคอุตสาหกรรม เป็น งานที่มีความท้าทาทางวิศวกรรม และ กุสตาฟ ไอเฟล จะได้แสดงให้เห็นถึงความความคิดสร้างสรรค์ของเขาที่เคยใช้ในการออกแบบมาแล้ว

            28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1887 กุสตาฟ ไอเฟล ได้เชิญแขกมากมายมาเป็นพยานในการก่อสร้าง เขาอายุ 53 ปี และหอคอยจะเป็นความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบของเขา ในขณะที่พิธีการเริ่มขึ้น วิศวกร 50 คนต้องช่วยกันร่างแบบ จำนวน 5,300 แผ่นสำหรับคนงาน 132 คน ใช้ในพื้นที่ก่อสร้าง ต้องใช้เวลา 4 เดือน ในการทำฐานรากสำหรับขาของหอ-
    คอย
    เสา 2 ต้น ถูกติดตั้งบนฐานคอนกรีตหนา 6 ฟุตครึ่ง ที่ความลึก 23 ฟุตจากระดับดิน และมีขา 2 ข้างที่ใกล้กับแม่น้ำแซนมาก จึงต้องใช้เขื่อนโลหะกันน้ำ ป้องกันในขณะที่ทำการเทคอนกรีตบนพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ

          บนพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัสของฐานหอคอยมีความกว้างด้านละ 426 ฟุต จะมีขาของหอคอยทั้ง 4 ในแต่ละด้าน รองรับน้ำหนักของโครงสร้างโลหะกว่า 7,000 ตัน บนฐานจะเป็นฐานก่ออิฐซึ่งจะฝังสมอยึด 2 ตัวสำหรับขาแต่ละข้าง จากฐานนี้ ขาจะถูกขึ้นเป็นมุม 60 องศาในลักษณะคานโครงเหล็ก คานนี้ประกอบไปด้วยท่อนเหล็กและเหล็กแผ่นที่ถูกยึดติดกันที่ด้านข้าง โครงสร้างที่ได้จะมีความเข็งแรงมาก แต่มีนำหนักเบา ประกอบง่าย ใช้มาตรฐานเดียวกัน และ มีราคาไม่แพง เมื่อประกอบเสร็จจะใช้ชิ้นส่วนโลหะทั้งหมด 18,000 ชิ้น และหมุดยึดอีก 2 ล้าน 5 แสน ตัว เพื่อประกอบเป็นหอคอย ทั้งหมดใช้เพียงเหล็กท่อนแบนและแผ่นเหล็กในการประกอบ

            ขั้นตอนแรกของการก่อสร้าง ขาทั้ง 4 ต้นจะถูกสร้างขึ้นพร้อมกันและจะบรรจบกันที่ชั้นแรกของหอคอย ด้วยมุมที่มีความลาดชั้น จึงต้องติดตั้งคำยันที่ขาทั้ง 4 ต้น และติดตั้งคำยันตรงกลางของฐานหอคอยเพื่อรองรับคานในแนวศูนย์กลางที่จะยึดโครงสร้างต่างๆ เอาไว้ ที่ขาแต่ละข้างมีแม่แรงไฮโดรลิกที่สามารถปรับระดับความสูงได้อย่าง -อิสระ และ เพื่อให้ได้ความแม่นยำตามที่ต้องการ เมื่อขั้นตอนเหล่านี้เสร็จสิ้น กุสตาฟ ไอเฟล รู้ว่าไม่มีอะไรหยุดยั้งการบรรลุความฝันของเขาได้ หลายคนก็กลัวว่าหอคอยจะทำ-ลายทัศนียภาพของกรุงปารีส กลุ่มศิลปินหลายคนกล่าวโจมตีว่าเป็นการเอาเปรียบของยุคอุตสาหกรรม และเป็นโคมไฟที่น่าสมเพศที่ผลุดขึ้นมาจากปารีส กุสตาฟ ไอเฟล ได้โต้ตอบกลับอย่างรุนแรงว่า นี่คือสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดที่มนุษย์เคยสร้าง มันจะไม่มีความสง่างามในตัวของมันเองเลยหรือไร

    วันที่ 2 เมษายน ค.ศ.1888 หอคอยขึ้นสู่ยอดฟ้าของกรุงปารีส เหมือนได้นำเอาจิตวิญญาณของฝรั่งเศสขึ้นไปด้วย ผู้คนชื่นชอบมัน จากการออกแบบโครงร่างอย่างคร่าว
    บัดนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์อันลื่นไหล ความอ่อนช้อยของโครงสร้าง ส่วนโค้ง แนวประดับต่างๆ ทำให้มีความรู้สึกที่ตรงข้ามกับแนวหมุดที่ยึดเปลือย และหยาบกระด้าง
    นี่เป็นงานศิลปะที่จะบอกให้โลกรับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่

           กุสตาฟ ไอเฟล เป็นคนแรกที่เดินขึ้นบันได 1,710 ขั้น เพื่อขึ้นไปที่จุดสูงสุดของหอคอย แล้วแขวนธงชาติ 3 สีของฝรั่งเศส มีการเปิดงานแสดงสินค้าในปี ค.ศ.1889 ในกรุงปารีส งานชิ้นเอก คือหอคอยที่สูงกว่า 300 เมตรที่งดงาม และในที่สุดมันจะเป็นที่รู้จักในนาม หอไอเฟล

           ตอนแรกหอคอยถูกเรียกว่า หอคอยแห่ง 320 เมตร , หอคอย 320 เมตร ต่อมามันก็กลายเป็น หอไอเฟล หอไอเฟลถูกวางในพื้นที่ราบเรียบของปารีส และก็ ทำรายได้มหาศาลให้กับ กุสตาฟ ไอเฟล เนื่องจากความมั่นใจถึงความสำเร็จของเขา กุสตาฟ ไอเฟล ได้ออกเงินในการก่อสร้างกว่า 80% และทำสัญญาเป็นผู้ดูแลหอนี้เป็นเวลา 20 ปี กุสตาฟ ไอเฟล มีห้องพักอยู่บนหอคอย ที่ซึ่งเขาทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ และพบปะแขกคนสำคัญ ในปีแรก นักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคน เดินทางขึ้นลิฟท์เพื่อชมทัศนียภาพของปารีสบนยอดหอคอย ก่อให้เกิดรายได้กว่า 1 ล้านดอลลาร์

           กุสตาฟ ไอเฟล มีรายได้มาจากหอไอเฟลมาก เขาอาจเป็นวีรบุรุษของฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1889 แต่อีก 1 ปี หลังจากนั้นเขาถูกตัดสินให้มีความผิด ในการหากำไรกับความล้มเหลวของฝรั่งเศสในการก่อสร้างคลองปานามา โครงการนี้เป็นความฝันของวิศวกรชาวฝรั่งเศสชื่อ เฟอร์ดินาน เดอ เลเซต ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างคลองสุเอด และตั้งใจจะทำเช่นนี้อีกในปานามา เดอ เลเซต ได้เชิญ ไอเฟล มาให้คำแนะนำในทางวิศวกรรมในการสร้างทางน้ำผ่านป่าทึบ ไอเฟล ได้เสนอแนวคิดระบบปิดกันน้ำแบบใหม่ แต่ เดอ เลเซต ไม่เห็นด้วย ผลที่ตามมาคือหายนะ การขุดคลอดไม่สามารถทำผ่านป่าทึบได้ รัฐบาลฝรั่งเศสแทบล้มลาย ผลกรทบทางการเมืองรุนแรงมาก ผู้ที่เกี่ยวข้อถูกประนาม- และ ไอเฟลก็ถูกตัดสินจำคุก 24 เดือน ซึ่งภายหลังถูกยกเลิก แต่บัดนี้ ไอเฟล ก็หมดความปรารถนาในการก่อสร้าง และไม่ได้สร้างอะไรอีกเลย

           ขณะนั้น ไอเฟล มีอายุ 73 ปี และได้อุทิศตนให้กับงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยให้ความสำคัญกับการค้นคว้าเกี่ยวกับ อากาศพลศาสตร์ และ ได้สร้างห้องทดลองของตนขึ้นและ ยังคงเปิดทำการจนถึงทุกวันนี้ กุสตาฟ ไอเฟล ทดสอบแรงต้านทานของลมเป็นครั้งแรก เพราะตลอดเวลาการทำงานที่ผ่านมาของเขา ลมคือศัตรูหมายหนึ่ง ในช่วง ค.ศ.
    1906-1909
    ไอเฟล ตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับอากาศพลศาสตร์ และได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นเป็นแห่งแรก และเป็นจุดกำเนิดของการศึกษาด้านการบินของฝรั่งเศส

           กุสตาฟ ไอเฟล เป็นวิศวกรที่ยอดเยี่ยมและเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ในการสร้างหอคอยสูง 300 เมตร ในตอนแรกมีความตั้งใจว่าหอคอยนี้ จะมีอายุการใช้งานเพียง 20 ปี เขาเริ่มคุ้นเคยกับสถานะภาพชั้นสูงของปารีส และต่อมาเขาพยายามอย่างมากในการรักษาหอคอยเอาไว้ วิทยุเป็นสิ่งที่รักษาหอคอยเอาไว้ เนื่องจากความสูงของมัน สัญญาณวิทยุสา -มารถส่งไปถึงอเมริกาเหนือได้ ถึงแม้ต่อมาก็มีคำสั่งให้รื้อทิ้งในปี ค.ศ.1909 แต่หอไอเฟลก็รอดพ้นมาได้ โดย ช่วยเป็นเสาวิทยุให้ฝรั่งเศสติดตามสงคราม ที่กำลังก่อตัวขึ้นในเยอรมนี

           ในปี ค.ศ.1914 สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มขึ้น ผลกระทบแผ่ขยายไปทั่วยุโรป สำหรับปารีสนั้น ความขัดแย้งอยู่ใกล้มาก จนทหารต้องนั่งแท็กซี่ไปยังแนวหน้า แต่ด้วย -ความช่วยเหลือของหอไอเฟลนั้น ก็ช่วยให้บรรดา นายพลทำการดักฟังฝ่ายศัตรูและแจ้งเตือนภัยจากเรือเหาะได้

           ในปี ค.ศ.1923 หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ 5 ปี กุสตาฟ ไอเฟล ได้เสียชีวิตลง ตลอดอายุ 91 ปี วิสัยทัศน์ของเขาได้ผลักดันให้ฝรั่งเศสอยู่ในแถวหน้าของ -เทคโนโลยี การออกแบบและโครงสร้างของเขาเป็นบทนำสู่พื้นฐานสู่ศตวรรษที่ 20 หอไอเฟลยังคงยืนหยัดมาได้ เป็นหอที่เกิดจากการถักทอของโลหะ และ อากาศภายใน เกิดความรู้สึกที่ว่างเปล่า ความแข็งแกร่งของหอคอย เหมือนเป็นโซ่ที่เชื่อมระหว่างศตวรรษที่ 19 และ 20 เข้าไว้ด้วยกัน รอยต่อซึ่งจะถูกทำลายอย่างเหี้ยมโหดด้วยลัทธิชาตินิยม การเหยียดเผ่าพันธุ์ ประทุออกจากความพ่ายแพ้ของเยอรมันหลังสงครามโลกครั้งที่ 1

           พฤษภาคม ค.ศ.1940 ท่ามกลางการโจมตีอย่างสายฟ้าแลบของกองทัพนาซี ปารีสและหอไอเฟลถูกตกเป็นเชลย แต่กองทัพเยอรมันพบอุปสรรค์ในการใช้ประโยชน์จากหอไอเฟล เนื่องจากชาวฝรั่งเศสทำลิท์เสียหาย ทำให้ฮิตเลอร์ไม่สามารถขึ้นไปบนหอคอยได้

           ชาวปารีสมีความโกรธแค้นต่อนาซีมาก กลุ่มปลดปล่อยฝรั่งเศสได้วางแผนกันอย่างลับๆ ในสุสานใต้ดินของชาวโรมันใต้ท้องถนนของกรุงปารีส ที่เป็นอุโมงค์ที่เชื่อมไปทั่วปารีส ทำให้การเดินทางไปที่ต่างๆ ไม่สามารถตรวจพบได้ กลุ่มต่อต้านได้ช่วยทำให้รถไฟขนส่งทหารตกรางซึ่งวิ่งอ้อมกรุงปารีสอยู่ ฮิตเลอร์นั้นมีความรู้สึกเกลียดชังกลุ่มปลดปล่อยนี้มาก ขณะที่สงครามยุติ เขาได้ออกคำสั่งให้ระเบิดหอคอยนี้ทิ้ง แต่นายพล ฟรอน โทริส ผู้ซึ่งตกหลุมรักกรุงปารีสได้ยกเลิกคำสั่งนี้โดยพลการ

           การยกพลขึ้นบกในวัน D-Day ที่ชายฝั่งฝรั่งเศสของเหล่ากองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรเพื่อการปลดปล่อยฝรั่งเศส และกองทัพรถถังอเมริกัน ก็ได้ขับไล่พวกนาซีออกจากหอไอเฟล รัฐบาลฝรั่งเศสอยู่ในช่วงล่มลาย ในปี ค.ศ.1945-1960 ผู้คนชาวฝรั่งเศสออกเสียงเลือกตั้งคณะรัฐบาลที่แตกต่างกันถึง 20 คณะ มันเป็นความยุ่งเหยิงทางการเมือง -
    จนกระทั่ง
    นายพลเดอกอล ถูกเชิญชวนให้เป็นผู้นำประเทศภายหลังสงคราม บุคคลที่เข็มแข็งและมีความดึงดูดเท่านั้นที่จะรวบรวมประเทศ และคืนจิตวิญญาณให้กับฝรั่งเศสได้อีกครั้งหนึ่ง จิตวิญญาณของประเทศ ได้รับการปกป้องเสมอมา ภายในกรงเหล็กของหอไอเฟล หอไอเฟลต้องการการดูแลรักษา หากต้องการให้มันยังคงอยู่ต่อไป

           มันถูกออกแบบให้เป็นผลงานชิ้นเอกในงานแสดงสินค้านานาชาติในปี ค.ศ.1889 บัดนี้นับกว่า 1 ศตวรรษการฉลองยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ผู้คนมากกว่า 1 พันคนได้มา
    เยี่ยมชมหอไอเฟลทุกๆ ชั่วโมง
    โดยมีลิฟท์ 4 ตัว ลิฟท์ 1 ตัวต่อ 1 ขา เคลื่อนที่ทำมุม 60 องศา หัวใจสำคัญในการเคลื่อนที่อยู่ภายใต้ขาหอคอยภายในสุสานใต้ดินนับร้อยปี -
    โดยใช้น้ำภายใต้แรงดันเป็นตัวขับลูกสูบไปผลักล้อเลื่อนให้ดึงสายเคเบิลขึ้นไป
    เทคโนโลยีอายุร้อยปีถูกหล่อลื่นด้วยไขมันแกะและยังทำงานได้อย่างดี และลิฟท์ที่ชั้น 3 จะขนผู้โดยสายขึ้นไปบนยอดหอคอย

           ที่บนสุด งานบำรุงรักษาดำเนินงานทุกวัน กลุ่มคนงาน 25 คนจะเดินไปตามนั่งร้านเหล็ก ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินงาน 18 เดือน ในการทาสีหอคอย ได้ใช้สีมากกว่า 50 ตัน - งานที่ต้องทำซ้ำๆ ในทุกๆ 7 ปี ไม่เพียงแต่ช่างทาสีที่อยู่บนหอคอยนี้เท่านั้น ช่างไฟฟ้าก็เดินดูตรวจตราหอคอยนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะมันจะต้องมีแผงทำความร้อนเพื่อควบคุมอุณหภูมิน้ำในท่อไม่ให้แข็งเพื่อป้องกันไม่ให้ท่อแตกเมื่ออุณหภูมิต่ำว่า -40 องศาฟาเรนไฮด์ และต้องดูแลหลอดไฟ 360 หลอด ซึ่งได้รับการตรวจสอบ และทำการเปลี่ยนเป็น-ประจำ เพื่อความสวยงามของหอคอย สีทีทาบนหอไอเฟล จะมีโทนสีเหลือง และการที่ถูกส่องด้วยไฟสีเหลือง ก็จะช่วยให้หอไอเฟล ถูกขับออกมาให้เด่นชัดมากขึ้น การให้แสงสว่างก็เพื่อให้หอไอเฟลเป็นดาวเด่นแห่งกรุงปารีส


    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    โตเกียวทาวเวอร์ ( Tokyo Tower ) ที่สูงเสียดฟ้า โครงเหล็กกล้าทาด้วยสีแดงและขาวสร้างเสร็จในปี 1958 เพื่อใช้สำหรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ และหวังให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนได้ชมหอไอเฟลของปารีส นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิว จากมุมสูงของโตเกียวได้ที่จุดชมวิวของหอโตเกียว ทาวเวอร์แห่งนี้ ตึกนี้สูง 333 เมตร ก่อสร้างด้วยเหล็กสีส้ม

    ประวัติคร่าวๆ ของ โตเกียวทาวเวอร์
     
                หลังสงครามในปี 1950 ประเทศญี่ปุ่น มองหาอนุสาวรีย์ เพื่อมาเป็นสัญญาลักษณ์ เพื่อแสดงถึงอำนาจอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลก และยังถูกสร้างให้เป็นสถานีถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ และวิทยุอีกด้วย ดูเหมือนว่าหอคอยโตเกียวจะได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศตะวันตก โดยความตั้งใจของรัฐบาลโตเกียว ที่จะสร้างหอคอยสูงขนาดใหญ่แบบหอสูงที่กรุงปารีส
                หอคอยโตเกียวถูกสร้างด้วยบริษัท Takenaka โดยสร้างจากสถาปัตยกรรมแบบโบราณของชาวญี่ปุ่น ที่เน้นถึงความแข็งแรง และเหนียวแน่น และโครงสร้างเสร็จในปี 1958 ใช้เงินในการก่อสร้างกว่า 2.8 พันล้านเยน เป็นหอคอยขนาดยักษ์มีความสูงกว่า 333 เมตร และถูกบันทึกลงในหนังสือระดับโลกมากมาย
                ตัวอาคารประกอบด้วยโครงสร้างเหล็กกล้า และมีความสูงกว่าหอ Eiffel ถึง 13 เมตร หอคอยโตเกียวยังเป็นเหมือนเส้นขอบฟ้าของกรุงโตเกียว จากที่ไม่เคยมีอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงระดับสากล แม้ว่าจะใช้เหล็กกล้าอันก้าวหน้า แต่ก็ยังหนักกว่าครึ่งของ Sibling ของประเทศฝรั่งเศส (ประมาณ 4000 ตัน) และเป็นหนึ่งใน 21 อนุสาวรีย์หอคอยที่ยิ่งใหญ่ของโลก ("The World Federation of Great Towers" ) อีกด้วย 

               โตเกียวทาวเวอร์นับเป็นจุดที่หลายคนที่ไปเที่ยวเมืองโตเกียวแล้วต้องไปเยี่ยมชม โตเกียวทาวเวอร์นั้นตั้งพุ่ง ทะยานเสียดฟ้าอยู่ทางขอบฟ้าด้านใต้ สถาปัตยกรรมทาสีแดงชาวชิ้นนี้สร้างเสร็จในปี 1958 เพื่อทำการส่งสัญญาณโทรทัศน์ และหวังให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนกันได้ชมหอไอเฟลที่ปารีส และหอแห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวอันแสนวิเศษ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×