ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป 2

    ลำดับตอนที่ #190 : จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 171
      0
      6 มิ.ย. 57

     

    สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย (สมเด็จพระราชาธิบดีฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 แห่งฮังการี) พระนามเต็ม: ฟรานซ์ โจเซฟ คาร์ล (Franz Joseph Karl von Habsburg-Lorraine) ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งออสเตรีย และ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งการี และทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิและพระราชาธิบดีพระองค์แรกในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีตั้งแต่ปีพ.ศ. 2410 พระองค์ทรงเป็นองค์พระประมุขที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดเป็นอันดับที่สามในยุโรป รองจากเจ้าชายโจฮันน์ที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองพระองค์นี้ทรงครองราชย์เป็นเวลา 70 กว่าปีเท่ากัน พระปรมาภิไธยเต็มของพระองค์คือ His Imperial and Royal Apostolic Majesty Franz Joseph I, Emperor of Austria, and the Apostolic King of Hungary

    เนื้อหา

    พระราชประวัติ

    อาร์ชดยุคฟานซ์ โจเซฟและอาร์ชดัชเชสโซฟี พระชนนี

    สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมพ.ศ. 2373พระราชวังเชินบรุนน์กรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย เป็นพระราชโอรสและพระราชบุตรองค์โตในอาร์ชดยุคฟรานซ์ คาร์ล (ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์สุดท้องในสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) และเจ้าหญิงโซฟีแห่งบาวาเรีย เมื่อปีพ.ศ. 2378 พระราชปิตุลาของพระองค์ สมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ ทรงสละราชสมบัติกระทันหัน เนื่องจากเกิดการปฏิวัติในกรุงเวียนนา โดยมีประชามติให้พระองค์สละราชสมบัติ เพราะพระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองไม่ดีพอ อาร์ชดยุคฟรานซ์ คาร์ล ซึ่งเป็นพระอนุชาจึงทรงแนะนำให้ผู้เป็นพระเชษฐาสละราชสมบัติให้กับพระโอรส ของพระองค์ อาร์ชดยุคฟรานซ์ คาร์ล และอาร์ชดัชเชสโซฟีจึงมีพระบัญชาให้พระโอรสของพระองค์เตรียมตัวขึ้นเป็น จักรพรรดิ โดยให้ทรงตระหนักถึงภาระหน้าที่ ความหมั่นเพียร อาร์ชดยุคฟรานซ์ โจเซฟจึงทรงดีพระทัยที่จะได้เป็นองค์พระจักรพรรดิ ทรงเกิดความเคารพนับถือและเลื่อมใสสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ที่ 1พระ อัยกาของพระองค์ว่าทรงเป็นตัวอย่างที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่ทรงเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิ ซึ่งทรงเสด็จสวรรคตเมื่อพระองค์มีพระชนมายุเพียง 5 พรรษาเท่านั้น เมื่อเจริญพระชนมายุ 13 พรรษา พระองค์ทรงเข้าร่วมการฝึกทหารในราชนาวีกองทัพออสเตรีย พระองค์ทรงได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ชนิดที่ออกนอกกรอบไม่ได้เลยทีเดียว ดังนั้น พระองค์จึงทรงเครื่องแบบทหารราชนาวีตลอดมาจนเมื่อได้ทรงครองราชสมบัติ

    หลังจากที่เจ้าชายคลีเมนส์ เว็นเซิล แห่งเม็ทเตอร์นิช สมุหนายกแห่งออสเตรียได้ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากการปฏิวัติในกรุงเวียนนาเมื่อปีพ.ศ. 2391 อาร์ชดยุคฟรานซ์ โจเซฟ ในฐานะที่จะได้สืบราชสมบัติต่อจากพระราชปิตุลา ทรงแต่งตั้งเจ้าชายแห่งเม็ทเตอร์นิชให้เป็นผู้ว่าการรัฐแห่งโบฮีเมีย เมื่อวันที่ 6 เมษายน หลังจากนั้นไม่นาน วันที่ 29 เมษายน พระองค์ทรงเสด็จเยือนประเทศอิตาลี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศโดยมีจอมพลโจเซฟ โรเด็ทสกี้ วอน ราเด็ทส์ เป็นผู้ติดตาม ในขณะเดียวกัน พระองค์ทรงถูกเรียกกลับประเทศอย่างกระทันหัน พระบิดาและพระมารดาของพระองค์ทรงเรียกให้มาที่เมืองอินส์บรุครัฐทีโรล ซึ่งที่นั่นเองทำให้พระองค์ได้พบกับพะญาติของพระองค์ ดัชเชสเอลิซาเบธแห่งบาวาเรีย ซึ่งเป็นผู้ที่จะเป็นเจ้าสาวของพระองค์ในอนาคต ซึ่งขณะนั้น ดัชเชสเอลิซาเบธมีพระชันษาเพียง 10 ปี

    เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมพ.ศ. 2391 พระราชปิตุลาของพระองค์ สมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ ทรงสละราชสมบัติกระทันหัน โดยตอนแรก ทรงสละราชสมบัติให้กับอาร์ชดยุคฟรานซ์ คาร์ล แต่พระองค์ทรงมอบราชบัลลังก์ให้กับพระโอรสของพระองค์เสียเอง อาร์ชดยุคฟรานซ์ โจเซฟ จึงทรงครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งออสเตรีย และ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งฮังการี ซึ่งพระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิเพียง 18 พรรษา

    การปฏิวัติทางการเมือง (พ.ศ. 2391-2403)

    สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ

    1 ปีผ่านไป ของการเป็นจักรพรรดิ พระองค์ได้รับคำแนะนำของเจ้าชายเฟลิกซ์แห่งชวาร์เซ็นเบิร์ก นายกรัฐมนตรีของออสเตรีย ซึ่งแนะนำให้พระองค์ทรงระมัดระวัง ที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทหารได้เข้าจับกุมชาวฮังการีกลุ่มหนึ่งซึ่งก่อการกบฏ โดยมุ่งหมายที่จะล้มล้างและโจมตีราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ทำให้พระองค์ทรงได้เผชิญหน้าทำสงครามกับสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โล อัลเบอร์โตแห่งซาร์ดิเนีย ซึ่งทรงชวนฮังการีมาเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิทรงทราบ พระองค์จึงทรงทำสงครามกับซาร์ดิเนียในสมรภูมิคัสโตซ่า เมื่อเดือนมีนาคมพ.ศ. 2392 ผลของสงครามครั้งนี้คือ ฝ่ายออสเตรียเป็นฝ่ายชนะ และสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งซาร์ดิเนียทรงสิ้นพระชนม์ในสมรภูมิรบด้วย เมื่อเสร็จสิ้นสงครามแล้ว พระองค์ก็ยังทรงต้องสะสางปัญหาทั้งหมดในจักรวรรดิ คือ การปฏิวัติในฮังการีเมื่อปีค.ศ. 1848 ซึ่งชาวแม็กยาร์ (ฮังการี) ได้เรียกร้องเอกราชจากออสเตรีย พระองค์จึงทรงเจรจากับผู้นำปฏิวัติให้มั่นใจในระบอบการปกครองของพระองค์ ซึ่งผลจากการเจรจาก็คือ ฮังการียอมสลายการปฏิวัติและจงรักภักดีต่อพระองค์และพระราชวงศ์อิมพีเรียล แต่ปัญหาใหม่ก็มาคือ ปรัสเซียได้กีดกันออสเตรียไม่ให้ร่วมสมาชิกสหพันธรัฐเยอรมัน (German Ferderation) ซึ่งปรัสเซียเป็นผู้นำ ซึ่งการกีดกันไม่ให้ออสเตรียเป็นสมาชิกนี้ มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของออสเตรียและประเทศอื่นๆด้วย แต่ออสเตรียก็ยังเป็นสมาชิกสมาพันธรัฐเยอรมัน (German Confederation) โดยเมื่อพ.ศ. 2395 เจ้าชายชวาร์เซ็นเบิร์ก นายกรัฐมนตรีออสเตรียถึงแก่อสัญกรรม และไม่มีใครมาดำรงตำแหน่งแทน และไม่สามารถหาคนอื่นมาดำรงตำแหน่งแทนได้ พระองค์จึงทรงเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียเอง โดยต่อจากนี้ไปพระองค์จะทรงมีส่วนร่วมทางการเมืองทั้งหมด...

    การถูกลอบปลงพระชนม์ พ.ศ. 2396

    ภาพเขียนการลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ

    เมื่อวันที่18 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2396 สมเด็จพระจักรพรรดิทรงรอดชีวิตจากการลอบปลงพระชนม์ของนักชาตินิยมชาว ฮังการี แจนอส ลีเบนยี ซึ่งขณะนั้น พระองค์ทรงแปรพระราชอัธยาศัยกับราชเลขาของพระองค์ตามทางเดินริมแม่น้ำ ลีเบนยีก็วิ่งตรงเข้าหาพระองค์ โดยใช้มีดแทงเข้าที่ข้างหลังและพระศอของพระองค์อย่างจัง แต่ด้วยความที่พระองค์ทรงโปรดฉลองพระองค์ของทางราชการตลอด โดยฉลองพระองค์ที่พระองค์ทรงสวมใส่ตอนนั้น มีคอปกเสื้อที่ปิดพระศอโดยทำมาจากวัสดุที่เหนียวและหนา ดังนั้นพระองค์ทรงไม่มีบาดแผลที่พระศอ แต่ทรงมีบาดแผลที่ข้างหลัง ส่วนลีเบนยีผู้ลอบปลงพระชนม์นั้น ถูกจับกุมโดยทหารรักษาพระองค์ และนำส่งตัวไปพิจารณาคดีในชั้นศาล ศาลตัดสินให้ประหารชีวิต หลังจากการลอบปลงพระชนม์ไม่สำเร็จแล้ว พระราชอนุชาของพระองค์ อาร์ชดยุคเฟอร์ดินานด์ แม็กซีมีเลียน โจเซฟ ภายหลังทรงเถลิงราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งเม็กซีโก ได้ทรงขอให้พระราชวงศ์ต่างๆในทวีปยุโรปบริจาค เงินสมทบทุนเพื่อสร้างวิหารใหม่ เพื่อเป็นที่หลบภัยของพระเชษฐาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งใน ยุโรป โดยวิหารนี้ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเวียนนา ชื่อว่า โวทิฟเคิร์ช

    การอภิเษกสมรส

    เมื่อพระองค์ทรงเถลิงราชสมบัติในตอนแรกนั้น พระมารดาของพระองค์ทรงทูลกับพระองค์ให้ทรงรีบอภิเษกสมรส เพื่อที่จะได้มีองค์รัชทายาท โดยพระมารดาของพระองค์ทรงเลือกเจ้าสาวให้ โดยอาร์ชดัชเชสโซฟีทรงเลือกจัดเตรียมไว้ให้แล้ว คือพระนัดดาของพระองค์ ดัชเชสเฮเลนแห่งบาวาเรีย พระธิดาองค์โตในเจ้าหญิงลูโดวิก้า ผู้เป็นพระขนิษฐาของอาร์ชดัชเชสโซฟี โดยดัชเชสเฮเลนนั้นทรงพระชนมายุอ่อนกว่าสมเด็จพระจักรพรรดิเพียง 4 ปี แต่พระองค์ไม่ทรงโปรดที่จะอภิเษกสมรสกับดัชเชสเฮเลน พระองค์กลับทรงเลือกที่จะอภิเษกสมรสกับพระขนิษฐาของดัชเชสเฮเลนแทนคือ ดัชเชสเอลิซาเบธ หลังจากได้ทรงพบรู้จักและวิสาสะกันเพียงไม่กี่วัน ท่ามกลางการคัดค้านของพระราชวงศ์อิมพีเรียล เพราะทรงเห็นว่าดัชเชสเฮเลนเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นองค์พระจักรพรรดินีและพระ มเหสีของพระองค์ แต่พระองค์ทรงไม่สนพระทัยต่อคำพ้องของพระราชวงศ์รวมทั้งพระมารดา อย่างไรก็ตามพระราชวงศ์บาวาเรียทรงยอมจัดพระราชพิธีหมั้นให้ เพราะทรงเห็นว่าเป็นพระราชประสงค์ขององค์พระประมุขแห่งจักรวรรดิออสเตรีย

    สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟและดัชเชสเอลิซาเบธทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อวันที่24 เมษายนพ.ศ. 2397มหาวิหารเซนต์ สตีเฟนกรุงเวียนนา ชีวิตสมรสของทั้งสองพระองค์ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก เพราะฝ่ายหญิงถูกกีดกันโดยอาร์ชดัชเชสบางพระองค์ รวมทั้งอาร์ชดัชเชสโซฟี ผู้เป็นพระสัสสุต่างๆนาๆ เพื่อลดความสำคัญของพระองค์ไป แต่ด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นองค์พระจักรพรรดินี พระชายาแห่งองค์ประมุขแห่งจักรวรรดิออสเตรีย พระองค์ทรงได้รับความช่วยเหลือและความมีน้ำพระทัยจากอาร์ชดยุคและอาร์ชดัช เชสบางพระองค์ รวมทั้งพระสวามีของพระองค์ด้วย

    สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ และสมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธมีพระราชธิดา 3 พระองค์ และพระราชโอรสเพียง 1 พระองค์ รวมพระราชบุตรทั้งหมด 4 พระองค์ ดังนี้

    ช่วงเวลาการครองราชย์

    โดยช่วงเวลาที่พระองค์ทรงครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่ง ออสเตรีย และสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งฮังการีนั้น ได้เกิดเหตุร้ายต่าๆนาๆ โดยเมื่อปีพ.ศ. 2432 อาร์ชดยุครูดอล์ฟ มกุฏราชกุมารและพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียว ทรงตัดสินใจปิดพระชนม์ชีพพระองค์เองด้วยพระแสงปืนที่ คฤหาสน์ล่าสัตว์มาเยอร์ลิ่งรัฐโลเวอร์ ออสเตรียพร้อมด้วยนางสนมของพระองค์ บารอนเนสแมรี่ เว็ทเซร่า ต่อมาเมื่อปีพ.ศ. 2441 สมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธ ผู้เป็นพระมเหสีอันเป็นที่รักยิ่งของพระองค์ ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะทรงแปรพระราชฐานพักร้อน พระองค์ถูกมีดแทงจนสิ้นพระชนม์โดยนักอธิปไตยนิยมชาวอิตาลี การสูญเสียครั้งนี้สร้างความเสียพระทัยของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสมเด็จพระจักรพรรดิผู้เป็นพระสวามี พระองค์ทรงอยู่ในห้วงระทมทุกข์ตลอดพระชนม์ชีพ โดยเมื่อระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1นั้น พระองค์ได้ทรงพาอาร์ชดัชเชสซีต้า พระชายาในอาร์ชดยุคคาร์ล พระนัดดา (ภายหลังทรงเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย) และพระราชบุตรไปหลบภัย ณ พระราชวังเชินบรุนน์ พระองค์มีพระปฏิสันถารกับสมเด็จพระจักรพรรดินีซีต้าเกี่ยวกับพระมเหสีของพระองค์ว่า You'll never know how important she was for me (เจ้าไม่ทางรู้หรอกว่าพระนางมีความสำคัญกับข้าพเจ้ามากแค่ไหน)

    ในช่วงปีค.ศ. 1850 มีความขัดแย้งทางการเมือง และปัญหาทางการเมืองการปกครอง ซึ่งผลกระทบมาจากสงครามไครเมีย การมีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธไมตรีกับรัสเซียสงครามออสเตรีย-ซาร์ดิเนีย และอุปสรรคของการเป็นสมาชิกสหพันธรัฐเยอรมัน จนนำไปสู่สงครามออสเตรีย-ปรัสเซียเมื่อปีพ.ศ. 2409 ซึ่งเป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองการปกครองครั้งใหญ่ โดยยุบจักรวรรดิออสเตรียลง เปลี่ยนมาใช้ระบอบการปกครองแบบองค์พระประมุขควบคู่ (Dual Monarchy) เพื่อรักษาเสถียรภาพและความสมดุลทางการเมือง คือจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเมื่อปีพ.ศ. 2410

    พระศพสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟพร้อมด้วยพระมเหสีและพระราชโอรส

    ต่อมาปีพ.ศ. 2457อาร์ชดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ พระนัดดาของพระองค์ ซึ่งทรงดำลงตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาทต่อจากอาร์ชดยุครูดอล์ฟซึ่งสิ้นพระชนม์ ไป ถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยพระแสงปืนพร้อมด้วยพระชายา ณ เมืองซาราเยโวบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งการลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ทันที

    สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟทรงเสด็จสวรรคตอย่างสงบเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนพ.ศ. 2459พระราชวังเชินบรุนน์ ท่ามกลางอาร์ชดยุคและอาร์ชดัชเชส พระราชนัดดาหลายพระองค์ รวมทั้งอาร์ชดัชเชสซีต้าด้วย พระองค์ทรงสวรรคตในระหว่างสงคราม สิริพระชนมพรรษาได้ 86 พรรษา รวมระยะเวลาการครองราชย์ได้ 68 ปี พระศพของพระองค์ถูกฝังไว้ที่วิหารฮับส์บูร์กกรุงเวียนนา โดยมีพระศพของสมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธและอาร์ชดยุครูดอล์ฟ มกุฏราชกุมารตั้งอยู่เคียงข้าง

    พระราชอิสริยยศเต็ม

    ตราประจำพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ

    พระราชอิสริยยศเต็มของสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ ดังนี้

    His Imperial and Royal Apostolic Majesty Franz Josepf Karl von Habsburg-Loriane By the Grace of God, Franz Joseph I, Emperor of Austria, King of Hungary and Bohemia, King of Lombardy-Venetia, of Dalmatia, Croatia, Slavonia, Galicia, Lodomeria and Illyria; King of Jerusalem etc., Archduke of Austria; Grand Duke of Tuscany and Cracow, Duke of Lorraine, of Salzburg, Styria, Carinthia, Carniola and of the Bukovina; Grand Prince of Transylvania; Margrave of Moravia; Duke of Upper and Lower Silesia, of Modena, Parma, Piacenza and Guastalla, of Auschwitz, Zator and Teschen, Friuli, Ragusa (Dubrovnik) and Zara (Zadar) ; Princely Count of Habsburg and Tyrol, of Kyburg, Gorizia and Gradisca; Prince of Trent (Trento) and Brixen; Margrave of Upper and Lower Lusatia and in Istria; Count of Hohenems, Feldkirch, Bregenz, Sonnenberg.; Lord of Trieste, of Cattaro (Kotor) , and in the Windic march; Grand Voivode of the Voivodship of Serbia

    ด้วยอำนาจแห่งพระผู้เป็นเจ้า ฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งออสเตรีย สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งฮังการ ผู้ทรงเปรียบเสมือนอัครสาวกเบื้องขวาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งโบฮีเมีย ลอมบาร์ดี-เวเนเทีย ดาลมาเทีย โครเอเชีย สลาโวเนีย กาลิเซีย โลโดมีเรีย อีลีเรีย และเยรูซาเลม อาร์ชดยุคแห่งออสเตรีย แกรนด์ดยุคแห่งทัสคานีและคราโคว์ ดยุคแห่งลอร์เรน ซาร์สบูร์ก สตีเรีย คารินเธีย คาร์นิโอล่า และบูโกวิน่า แกรนด์ พรินซ์แห่งทรานซิลวาเนีย มาร์เกรฟแห่งโมราเวีย ดยุคแห่งอัปเปอร์และโลเวอร์ ซีลีเซีย โมเดน่า ปาร์มา ปิอาเซนซ่า กูแอสตาลล่า และออชวิตส์ เซเตอร์และเทสเชน ฟริวลี่ รากูซ่า (ดูบรอฟนิค) และซาร่า (ซาดาร์) ท่านเค้านท์แห่งฮับส์บูร์ก และทีรอล คายบูร์ก กอริเซีย และกราดิสก้า เจ้าชายแห่งเทรนต์และบริกเซน มาร์เกรฟแห่งอัปเปอร์และโลเวอร์ลูซาเทีย และอิสเตรีย เค้านท์แห่งโฮเฮเน็มส์ เฟลด์เคิรช์ บรีเจนซ์ และซอนเนอเบิร์ก ลอร์ดแห่งเทรียสต์ คัทตาโร (คอเตอร์) และวินดิก มาร์ช แกรนด์ วอยวอร์ดแห่งเอร์เบีย

    ภาษิตประจำพระองค์


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×