คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #80 : ท้าวทองกีบม้า ท้าวทรงกันดาล
“ท้าวทรงกันดาล”หรือ “ท้าวทรงกันดาร”หรือ “ท้าวทรงกันดาน”
อย่างไรกันแน่ และทั้งสองท้าวมีหน้าที่ทำอะไรอยู่ในวัง-
สะกดว่า “ท้าวทองกีบม้า”และ “ท้าวทรงกันดาล”
ท้าวทองกีบม้า นั้นว่ามีหน้าที่เป็นพวกวิเสท (พวกทำกับข้าวของหลวง หรือทำงานในห้องพระเครื่องต้น) แต่จะถึงขั้นเป็นหัวหน้าหรือเปล่าไม่ทราบ เพราะจริงๆ แล้วเท่าที่ปรากฏในทำเนียบท้าวนาง ผู้ว่าการห้องเครื่องต้นคือท้าวอินทรสุริยา แต่ในรัชกาลที่ ๒ โปรดฯให้เจ้าจอมมารดาเรียม หรือ สมเด็จพระศรีสุลาไลย ทรงว่าการห้องพระเครื่องต้น และในรัชกาลที่ ๕ โปรดฯ ให้พระอัครชายาทรงว่าการห้องพระเครื่องต้น มิใช่ท้าวนาง
บรรดาศักดิ์ท้าวทองกีบม้านี้ ผู้สนใจค้นคว้าบางท่านให้ข้อคิดเห็นว่า น่าจะมาจากชื่อของ ท่านผู้หญิงของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (เดิมคือชื่อฟอลคอนที่เรารู้จักกันดี) ท่านผู้หญิงเป็นชาวญี่ปุ่นครึ่งโปรตุเกส ต่อมาเรียกกันแต่ชื่อหลังว่าเดอ กีมาร์ เมื่อเจ้าพระยาวิชเยนทร์สิ้นชีวิต มาดามเดอ กีมาร์ ได้เข้าทำงานในห้องพระเครื่องต้น ว่าได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “ท้าว” ผู้คนจึงเรียกกันว่า ท้าวเดอ กีมาร์ ต่อมากลายเป็น “ทองกีบม้า” ไป
อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานนี้เป็นประเภท “ฟังหูไว้หู” เพราะไม่มีหลักฐานอันแน่ชัด
เจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ ๔ จากซ้ายไปขวา เจ้าจอมมารดาเขียน เจ้าจอมมารดาวาด และเจ้าจอมมารดาสุ่น ในรัชกาลที่ ๕ เจ้าจอมมารดาวาด มีตำแหน่งเป็นท้าววรจันทร์ และ เจ้าจอมมารดาสุ่น เป็นท้าววนิดาพิจาริณี ภาพถ่ายสมัยรัชกาลที่ ๔ แต่งแบบทหารสก๊อตตามเสด็จ พระบาทสมเด็จ |
บรรดาศักดิ์ท้าวนางที่ขึ้นต้นว่า “ทอง” นั้น เคยได้ยินอีกชื่อหนึ่งคือ “ท้าวทองพยศ” อาจจะเกี่ยวกับพวกวิเสทเช่นเดียวกับ “ทองกีบม้า” ก็ได้ ชวนให้สันนิษฐานอีกว่า “ท้าวทองกีบม้า” ชื่อเดิมอาจจะเป็นทองอะไรสักอย่าง แต่เพราะคนดำรงตำแหน่ง ชื่อตัวว่า “เดอ กีมาร์” เลยกลายเป็นท้าวทองกีบม้าไป
ก่อนหน้าที่มาดามเดอ กีมาร์ จะเป็นท้าวทองกีบม้านั้นก่อนหน้านี้จะมีบรรดาศักดิ์ท้าวทองกีบม้าหรือหาไม่ ไม่ปรากฏหลักฐาน
ทว่าในสมัยรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ พบว่า มีท้าวนาง บรรดาศักดิ์ ท้าวทองกีบม้า ปรากฏอยู่ในพระราชวิจารณ์จดหมายเหตุความทรงจำกรมหลวงนรินทรเทวี ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๕ เรื่องงานฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เมื่อโปรดฯให้หุงข้าวอย่างเทศ โดยมีขุนนางรับพระบรมราชโองการเป็นเจ้าของหุงข้าว ๑๘ ท่าน
“ข้าวอย่างเทศ” นี้สันนิษฐานว่าคงจะเป็นข้าวแขก คือหุงใส่เครื่องเทศและขมิ้นอย่างข้าวหมกไก่ เพราะผู้รับพระบรมราชโองการเป็นเจ้าของฟังดูส่วนมากบรรดาศักดิ์ออกแขกๆ แทบทั้งนั้น เช่น พระยาจุฬา (ราชมนตรี) พระศรีวรข่าน ขุนเมาะตมิข่าน ขุนวิวานิข่าน ฯลฯ
มีชื่อ “ท้าวทองกีบม้า” ในตอนท้ายว่า
“...ให้ท้าวทองกีบม้าเป็นผู้แต่ง ใส่ชามใส่พานรองปฏิบัติ”
คือเป็นผู้จัดใส่ชามวางบนพานรองถวายพระภิกษุสงฆ์นั่นเอง
ทีนี้ท้าวทรงกันดาล
กันดาลแปลว่า “กลาง” ส่วน “กันดาร” แปลว่า “อัตคัด” ชื่อจะหมายความจริงๆ ว่าอย่างไรไม่ทราบ แต่หน้าที่ของท้าวทรงกันดาลนั้น เป็นผู้ว่าการพระคลังฝ่ายใน หรือพระคลังใน
บรรดาศักดิ์ “ท้าว” หรือเรียกอย่างยกย่องว่า “คุณท้าว” นี้
คือ “ท้าวนาง”ที่มีหน้าที่ราชการฝ่ายในแบบเดียวกันกับข้าราชการฝ่ายหน้า
มิใช่ “ท้าว” ซึ่งเป็น “ท้าวพระสนม”
พูดง่ายๆ ว่า แต่โบราณมา “ท้าว” มี ๒ อย่าง คือ “ท้าวพระสนม” และ “ท้าวนาง”
ท้าวพระสนม นั้น เป็นพระสนมเอกในพระเจ้าแผ่นดินซึ่งครองราชย์อยู่ขณะนั้น มี ๔ ตำแหน่ง คือ ท้าวอินทรสเรน ๑ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ๑ ท้าวอินทรเทวี ๑ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ๑
ส่วนมากเรารู้จักกันดีแต่ ท้าวศรีสุดาจันทร์ กับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ท้าวศรีสุดาจันทร์ นั้นไม่ต้องพูดถึง ภาพยนตร์เรื่องสุริโยไทเพิ่งฉายหมาดๆ ส่วนท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ก็นางนพมาศ ลอยกระทง รู้จักกันดีอีก
ท้าวพระสนมทั้ง ๔ นี้ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ไม่ปรากฏว่ามีการแต่งตั้ง จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ ๖ ปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงตั้งเจ้าจอมพระสนมเอก เป็น “ท้าวพระสนมเอก เพียง ๒ ท่าน ไม่ถึง ๔ ตามแบบโบราณ แต่มิได้เรียกตามทำเนียบเก่า โปรดเกล้าฯ พระราชทานใหม่ให้เป็นท้าวสุจริตสุดา ๑ และท้าวอินทราณี ๑ (ท้าวอินทราณี ต่อมาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา)
ส่วน “ท้าวนาง” คือข้าราชการฝ่ายในชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งอาจจะโปรดฯแต่งตั้งจากหญิงสูงศักดิ์ที่มิใช่เจ้านาย หรือธิดาขุนนาง หรือผู้ที่ทรงคุ้นเคย หรือโปรดฯให้เจ้าจอมพระสนมในรัชกาลก่อนๆ ซึ่งทรงไว้วางพระราชหฤทัยดำรงตำแหน่ง ท้าวนาง ดังกล่าว
“ท้าวนาง” ผู้บังคับบัญชา มีอยู่ ๔ ตำแหน่ง เช่นเดียวกับ จตุสดมภ์ทางฝ่ายหน้า คือ
๑. ท้าวสมศักดิ์ ว่าพนักงานทั้งปวง
๒. ท้าวอินทรสุริยา ว่าห้องเครื่องวิเสท
๓. ท้าวศรีสัจจา ว่าการโขลนจ่า ควบคุมประตูวัง และอารักขาทั่วไป
๔. ท้าวโสภานิเวศน์ ผู้ช่วยโดยทั่วๆ ไป ส่วนมากช่วยในการของท้าววรจันทร์
ตำแหน่ง ท้าววรจันทร์ นี้ เป็นตำแหน่งสูงที่สุดของข้าราชการฝ่ายใน แม้แต่ท้าวพระสนม ทั้ง ๔ ก็ยังเป็นรอง นับเป็นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจบังคับบัญชาได้สิทธิ์ขาด
แต่โบราณมา ท้าววรจันทร์ ถือศักดินา ๑,๐๐๐ เท่ากับท้าวพระสนมทั้ง ๔ แต่อำนาจบังคับบัญชาเหนือกว่า
ส่วน ท้าวนางทั้ง ๔ คือ ศักดินา ๘๐๐
ทว่า เมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง โปรดฯให้เจ้าจอมมารดาวาด (เจ้าจอมมารดาของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา) ในรัชกาลที่ ๔ เป็นท้าววรจันทร์นั้น โปรดฯให้ถือศักดินา ๓๐๐๐
นอกจากตำแหน่ง ท้าวนางทั้ง ๔ ดังกล่าวยังมีบรรดาศักดิ์ท้าวนางอีกหลายตำแหน่ง เช่น ท้าวทรงกันดาล บังคับบัญชาพระคลังใน มีท้าวภัณฑสารเป็นผู้ช่วย ท้าวสุภัติการภักดี ท้าววนิดาพิจาริณี ฯลฯ บรรดาศักดิ์คุณท้าวนี้มิได้ด้อยกว่ากันเท่าใดนัก คล้ายกันกับบรรดาศักดิ์พระยา ซึ่งสมัยก่อนมีทั้งพระยาตามทำเนียบและพระยาที่โปรดฯพระราชทานนามบรรดาศักดิ์ สูงต่ำกว่ากันก็ตรงที่เป็นพระยารับพระราชทานพานทอง (สมัยก่อนไม่มีเหรียญตรา) ที่เรียกกันว่าพระยาพานทอง กับพระยาที่มิได้รับพระราชทานพานทอง
ในรัชกาลที่ ๕ ปรากฏนามท้าวนางท่านหนึ่ง คือท้าวอินทรสุริยา ท่านผู้นี้
เป็นราชินิกุลบางช้าง สายเจ้าคุณชูโต ชื่อ อาบ (ชูโต) โปรดฯให้เป็น
พระพี่เลี้ยง ท่านหนึ่งในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศฯ
สมเด็จพระบรมฯ พระองค์นั้นทรงบันทึกในจดหมายเหตุรายวัน ส่วนพระองค์
ถึงคุณท้าวท่านนี้ หลายตอน บางตอนอ่านแล้วน่ารักน่าเอ็นดูทั้งพระองค์ท่านเองและคุณท้าวท่านตรัสเรียกคุณท้าวว่า “ยายอิน”
เมื่อพระชนมายุเพียง ๕ พรรษา ทรงบันทึกว่า
วันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๒๖
วันนี้เราขี้เกียจอ่านหนังสือ เตือนให้เราอ่านเราร้องไห้สองหน เราอ่านเล็กน้อย กลับมายายอินล้อเรา เราชกกับยายอิน...ฯลฯ...”
และ
“...ยายอินมาเล่าถึงไปดูรับแขกเมือง...”
“...เราเล่นกับยายอิน...”
ทว่าแม้จะเป็นพระพี่เลี้ยง ซึ่งใกล้ชิดสนิทสนมและดูจะโปรดมาก เมื่อยายอินของพระองค์ท่านบกพร่อง ก็ไม่ทรงเข้าข้าง แสดงว่าทรงรู้จักคิด รู้จักว่าความรับผิดชอบคืออะไร ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
ทรงบันทึกเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๒๘ พระชนมายุย่างเข้า ๗ พรรษา ว่า
“สองโมงเศษแต่งตัวไปทรงบาตร ทูลหม่อมบนไม่ได้เสด็จลง เราทรงแทน พระแปดสิบ ข้าวไม่พอ เราออกฉุนเต็มแก่ ได้เรียกยายอินมาต่อว่า แกกลับพูดเละละ บ่ายเราไปบน เฝ้าที่สวนสวรรค์ ทูลหม่อมบนทรงก่อเขา เราทูลถึงข้าวบาตรไม่พอ รับสั่งว่าให้เราเอาตัวยายอินมาเฆี่ยนเสีย...”
(ทูลหม่อมบน-พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง)
วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๔๒๘ ทรงบันทึกว่า
“...เมื่อเสด็จที่ไพศาล (พระที่นั่งไพศาลทักษิณ) รับสั่งถามยายอินเรื่องของทรงบาตร ยายอินฉุนเราใหญ่ เราไม่เข้ากับผู้ผิดแน่ เห็นอะไรก็ต้องทูลให้ทูลหม่อมบนทรงทราบ...”
ตำแหน่งท้าวอินทรสุริยา นี้ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งพระพี่เลี้ยงในสมัยเมื่อยังทรงพระเยาว์ให้เป็นท้าวอินทรสุริยา
ความคิดเห็น