คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #216 : เมืองไทร
เมื่อไทยได้เมืองไทรบุรีคืนแล้ว พระยาสงขลา และพระยาไทรบุรี (แสง) บุตรชายเจ้าพระยานครฯ (น้อย) ที่เป็นพระยาไทรบุรีแทนเจ้าพระยาไทร (ปะแงรัน) ซึ่งหนีไปอยู่กับอังกฤษที่เกาะหมากนั้น เห็นพ้องกันว่า จะกวาดต้อนผู้คนออกจากเมืองไทรบุรีให้หมด ทิ้งแผ่นดินให้ว่างเสียทีเดียว ไม่ให้ตั้งเป็นเมืองต่อไปอีก
ต้นหมากทองคำ ซึ่งเจ้าของ ร้านเพชรพลอยเก่าแก่ใน เมืองปีนังทำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่ ๖ เมื่อเสด็จฯ ประพาสประเทศมลายู พ.ศ.๒๔๖๗ |
แต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ไม่ทรงเห็นด้วย มีรับสั่งว่า หากทิ้งไว้ไม่เป็นบ้านเป็นเมือง มีแต่นายมุเกม (คล้ายนายอำเภอดูแลแต่ละมุเกม) ต่อไปข้างหน้าหากอังกฤษเข้ามาเป็นนายหน้าของพวกเจ้าพระยาไทรเข้ามาว่ากล่าวขอตั้งบ้านตั้งเมืองขึ้น จะว่ากระไร มิตกเป็นของอังกฤษหรือ ถ้าไม่ยอมให้ เขาก็จะเอาให้ได้ จะไปตีสู้รบกับเขาได้หรือ
แต่ถ้าหากตั้งเมืองไทรบุรีเอาไว้เป็นของเราแล้ว แม้อังกฤษจะเข้ามาว่ากล่าว เราก็ตั้งเป็นบ้านเป็นเมืองมีเจ้าของของเขาอยู่แล้ว อังกฤษจะว่าอย่างไรก็ไม่ได้เต็มปากเต็มคำ
ทรงยกตัวอย่างเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองจันตประเทศ (เมืองชายแดน) เช่นกัน ว่าอยู่ห่างไกลไปมาไม่คุ้มค่า แต่เราตั้งของเราไว้อย่างนี้ เท่ากับเราเป็นเจ้าของ หาอาจกล้าคิดเข้ามาสวมรอยเอาไม่ (ทรงหมายถึงอังกฤษ ซึ่งได้พม่าไว้ส่วนหนึ่งแล้ว)
ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ จึงโปรดฯให้แยกพื้นที่เมืองไทรบุรีตามชุมชน ออกเป็น ๑๒ มุเกม จัดเป็น ๔ เมือง คือเมืองไทรบุรี ๑ เมืองกะบังปาสูง เมืองปลิศ ๑ เมืองสตูล ๑ ต่างไม่ขึ้นแก่กัน อยู่ในบังคับบัญชาโดยตรงของเมืองนครศรีธรรมราช โปรดฯให้เลือกสรรเชื้อสายเจ้าพระยาไทรบุรีแต่ก่อนมา ที่ราษฎรนับถือว่าราชการแต่ละเมือง
อีก ๒ ปีต่อมา (พ.ศ.๒๓๘๔) เจ้าพระยาไทรบุรี (ปะแงรัน) ที่หนีไปอยู่เกาะหมากอาศัยอังกฤษอยู่ เกิดทะเลาะกันกับอังกฤษ ให้บุตรชาย ๒ คน ถือหนังสือเข้ามายังกรุงเทพฯ ขอให้เสนาบดีนำความขึ้นกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานโทษที่ได้ล่วงพระราชอาญามาแต่หลัง จะขอเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาท รับราชการสนองพระเดชพระคุณต่อไป
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯก็โปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษให้ ขณะนั้นพอดีตนกูอาสันเจ้าเมืองกะบังปาสูถึงแก่กรรม จึงโปรดฯให้ย้ายตนกูเมืองไทรบุรี มาเป็นเจ้าเมืองกะบังปาสู เพื่อให้เจ้าพระยาไทรบุรี (ปะแงรัน) กลับมาเป็นเจ้าเมืองไทรบุรีที่แบ่งใหม่ ถวายดอกไม้เงินทองขึ้นกับไทยดังเดิม
ต้องเล่าต่ออีกสักนิดว่า ไปๆมาๆในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ไทยก็ต้องยกเมืองไทรบุรีให้แก่ อังกฤษอยู่ดี เพื่อแลกเปลี่ยนให้คนอังกฤษ และคนในบังคับอังกฤษ (คือคนต่างด้าวรวมทั้งคนไทยบางพวกที่โอนเข้าถือสัญชาติอังกฤษ) ต้องขึ้นศาลไทยเมื่อเกิดคดีความ
สำหรับเจ้าพระยาไทร (ปะแงรัน) นั้น แม้จะ ‘เคยล่วงพระราชอาญา’ ในรัชกาลที่ ๓ แต่เมื่อครั้งต้นรัชกาลที่ ๒ (พ.ศ.๒๓๕๒) เมื่อคราวศึกถลาง เจ้าพระยาไทร (ปะแงรัน) ได้ยกกองทัพเมืองไทรไปช่วยรบพม่าและถึงปลายปี ก็ได้ยกกองทัพไปตีเมืองแประ (เประ) ได้เมืองแประเป็นเมืองขึ้นของเมืองไทรบุรี บังคับให้พระยาแประเป็นเมืองขึ้นของไทยด้วย
เล่าถึงไทรบุรีเจ้าของเกาะหมากแล้ว น่าจะเล่าเรื่องเกาะหมากหรือที่ภาษามลายูเรียกว่า ปีนัง (ปีนังแปลว่าหมากนั่นเอง) เดิมทีเดียวเป็นเกาะเล็กๆ ของเมืองไทรบุรีจึงอยู่ในความคุ้มครองของไทยมาแต่โบราณกาลดังที่เล่าแล้ว
เกาะหมากนี้ เอกสารฝรั่งเล่าไว้เพียงสั้นๆว่า “เมื่อประมาณ พ.ศ.๑๙๐๐ (ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยา) เกาะหมากเป็นเกาะเปลี่ยว เป็นป่าเป็นดงอยู่กลางทะเล มีกัปตันชาวอังกฤษชื่อลังก๊าสเตอร์ (แลงคาสเตอร์?) เป็นคนแรกที่นำเรือเข้าไปอาศัยอยู่หลายวัน ภายหลังเกิดพากันป่วยล้มตายลงจึงพากันหนีจากเกาะ เรื่องของเกาะนี้จึงเงียบหายไปหลายร้อยปี จนกระทั่งถึงปลายสมัยกรุงธนบุรี ต้นรัตนโกสินทร์ เมื่ออังกฤษได้เมืองในสุมาตราเป็นท่าเรือแล้ว แต่เป็นท่าเรือที่ยังไม่ดีนัก ด้วยเมืองมะละกาที่ดีนั้นพวกวิลันดา (ฮอลันดา) ได้ไปเสียแล้ว
จึงมีกัปตันผู้หนึ่ง ชื่อแฟรนซิสไลต์ คนไทยสมัยนั้นมักเรียกกันว่า ‘กะปิตันเหล็ก’
กัปตันไลต์ผู้นี้ เดิมเป็นทหารเรืออังกฤษ ต่อมาจึงลาออกทำการค้าขายคุมเรือเดินไปมาอยู่ระหว่างเมืองท่าในอินเดียกับคาบสมุทรมลายู แล้วเข้าไปอยู่ในเมืองไทรบุรี ได้เป็นอยู่แทนของบริษัทอีสอินเดียนกำปะนี หรือบริษัทอินเดียตะวันออก กัปตันไลต์ได้เจรจากับพระยาไทรฯโดยบอกเข้าไปที่อินเดียว่าพระยาไทรฯจะยกดินแดนตอนฝั่งทะเลแต่ปากน้ำเคดะห์ลงมาจนหน้าเกาะหมากให้ ถ้าอังกฤษรับจะช่วยป้องกันไม่ให้พวกสลังงอและไทยเข้าไปรบกวนเอาเขตแดน แต่ครั้งนั้นกัปตันไลต์ทำไม่สำเร็จ ไม่เป็นที่พอใจของพระยาไทรฯ กัปตันไลต์จึงไปอยู่เมืองถลาง และอยู่นานถึง ๙ ปี แต่งงานกับผู้หญิงพุตะเกต (โปรตุเกศ) ครึ่งชาติไทย เมืองถลางสมัยนั้นพวกฝรั่งเรียกว่า ‘ยังซีลอน’ (Young Ceylon) กัปตันไลต์ คิดจะยึดเมืองถลางแทนเกาะหมาก แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะอังกฤษกำลังทำสงครามกับฝรั่งเศส จนกระทั่ง พ.ศ.๒๓๒๙ (ต้นกรุงรัตนโกสินทร์) การเช่าเกาะหมากจึงสำเร็จ แต่ก็เกิดเรื่องพระยาไทรฯ ไม่พอใจขอยกเลิกสัญญาและยกพวกไปขู่ กัปตันไลต์ยกพวกออกต่อสู้จนพระยาไทรฯแพ้ ยอมรับค่าเช่าปีละ ๖,๐๐๐ เหรียญ”
ฝรั่งเล่าไว้ในเอกสารของฝรั่งดังนี้
ที่ว่าพระยาไทรฯ (อัลดุลลา บิดาเจ้าพระยาไทรฯ ประแงรัน) ขอยกเลิกสัญญานั้นว่าเป็นเพราะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เมื่อทรงได้เมืองตานีกลับมาแล้วก็มิได้ทรงทำอะไร โปรดฯให้คงเป็นประเทศราช อยู่ในความคุ้มครองของไทย ดังเดิมเหมือนสมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา
พระยาไทรฯ และพระยาตรังกานูจึงพากันเข้ามากรุงเทพฯ เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ขอขึ้นต่อกรุงเทพฯ ทั้งสองเมือง
และเมื่อเห็นว่า ไทยมิได้บีบคั้นอะไรเลย พระยาไทรฯ เกรงไปเอง จึงกลับเสียดายเกาะหมากขึ้นมาดังกล่าว ตามฝรั่งเล่าว่า พระยาไทรฯ ทำสัญญาแล้วไม่พอใจขอเลิกสัญญา แต่ที่ปรากฏในเอกสารทางด้านพระยาไทรฯว่า ยังไม่ทันทำสัญญา เพียงแต่กำลังเจรจาความสัญญากัน ระหว่างนั้นอังกฤษก็เข้ายึดเกาะหมากไว้ จึงได้ทวงคืน เมื่ออังกฤษไม่ยอมจึงเกิดสู้กัน จนต้องยอมให้เช่าปีละ ๖,๐๐๐ เหรียญ ดังกล่าว
ความคิดเห็น