ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป

    ลำดับตอนที่ #84 : เจ้าหญิงสเตฟานีแห่งเบลเยียม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 417
      0
      12 ธ.ค. 53

     

    เจ้าหญิงสเตฟานีแห่งเบลเยียม (อังกฤษ: Princess Stéphanie of Belgium, Crown Princess of Austria-Hungary, เยอรมัน: Prinzessin Stephanie von Belgien, Kronprinzessin von Österreich-Ungarn) (พระนามเต็ม: สเตฟานี่ คลอทิลด์ หลุยส์ เฮอร์มีนี่ มารี ชาร์ลอต, Stéphanie Clotilde Louise Herminie Marie Charlotte von Habsburg-Lothringen (ราชสกุลเดิม Saxe-Coburg and Gotha)) ทรงเป็นเจ้าฟ้าหญิงแห่งเบลเยียม เจ้าหญิงแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและโกธา และดัชเชสแห่งแซ็กโซนี นอกจากนี้ ยังทรงเป็นพระชายาในอาร์คดยุครูดอล์ฟ มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย-ฮังการีด้วย

    เนื้อหา

    [ซ่อน]

    [แก้] พระราชประวัติ

    เจ้าหญิงสเตฟานี ประสูติเมื่อวันที่ 21 เมษายนพ.ศ. 2407พระราชวังลาเค็นประเทศเบลเยียม ทรงเป็นพระราชธิดาใน สมเด็จพระราชาธิบดีลีโอโพลด์ที่ 2 แห่งเบลเยียม และ พระมเหสี อาร์คดัชเชสมารี เฮ็นเรียตแห่งออสเตรีย โดยพระองค์ทรงเป็นพระราชนัดดาแท้ๆ ในสมเด็จพระราชาธิบดีลีโอโพลด์ที่ 1 แห่งเบลเยียม และสมเด็จพระจักรพรรดินีคาร์ลอต้าแห่งเม็กซิโก

    เมื่อทรงพระเยาว์ สมเด็จพระราชบิดา และสมเด็จพระราชมารดาทรงรีบเร่งให้มีการอภิเษกสมรสกับอาร์คดยุครูดอล์ฟ มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย-ฮังการี พระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 และสมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย โดยทั้ง 2 พระองค์ได้ทรงมีพระบัญชาให้อาร์คดยุครูดอล์ฟเสด็จพระราชดำเนินไปยังกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียมเมื่อวันที่ 5 มีนาคมพ.ศ. 2423 เพื่อทรงไปปรับตัวและทำความรู้จักคุ้นเคยกับพระคู่หมั้นของพระองค์ 2 วันต่อมา ทั้ง 2 พระองค์ก็เข้าพิธีหมั้น อย่างไรก็ตาม งานอภิเษกสมรสก็ถูกเลื่อนออกไป เพราะเนื่องจากฝ่ายเจ้าสาวยังมีพระชนมายุน้อย ซึ่งไม่เป็นการเหมาะสมที่จะอภิเษกสมรส

    เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมพ.ศ. 2424 ขณะนั้น ทรงมีพระชนมายุ 17 ชันษา ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับมกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ ณ มหาวิหารเซนต์ ออกัสตินกรุงเวียนนา โดยพิธีอภิเษกสมรสครั้งนี้ ได้มีพระราชอคันตุกะมาร่วมพิธีนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ และพระนัดดา เจ้าฟ้าชายวิลเฮล์ม เจ้าชายแห่งปรัสเซีย มกุฎราชกุมารแห่งเยอรมนี เป็นต้น

    มกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ และมกุฎราชกุมารสเตฟานี่ ทรงมีพระธิดาเพียง 1 พระองค์ ดังนี้

    [แก้] มกุฎราชกุมารี

    มกุฎราชกุมาร และมกุฎราชกุมารีแห่งออสเตรีย-ฮังการี

    หลังจากการอภิเษกสมรส พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็น มกุฎราชกุมารีแห่งออสเตรีย-ฮังการี เพื่อที่จะทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีองค์ต่อไป โดยในระหว่างที่ทรงดำรงมกุฎราชกุมารี พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจหลายอย่าง เพื่อแบ่งเบาพระราชภาระของพระสัสสุระ และทรงเข้าปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่สมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธ พระสัสสุไม่ทรงโปรด เนื่องจากทรงหมกมุ่นอยู่กับการบำรุงความงามของพระองค์ และด้วยความที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเหล่านี้ สร้างความโปรดปรานแก่สมเด็จพระจักรพรรดิ พระสัสสุระเป็นอย่างยิ่ง

    พระองค์ทรงได้รับการให้ความสำคัญค่อนข้างน้อย เพราะเนื่องจากมีการให้ความสำคัญแก่องค์มกุฎราชกุมารโดยตรงมากกว่า ประกอบกับการที่สมเด็จพระจักรพรรดินเอลิซาเบธ พระสัสสุทรงไม่โปรดพระองค์ซักเท่าไหร่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทรงเป็นโรคติดต่อ ที่สามารถส่งผลอย่างร้ายแรงต่อพระครรภ์ของพระองค์ ทั้ง 2 พระองค์จึงทรงปรึกษาหารือเรื่องการตกลงพระทัยหย่าของทั้ง 2 พระองค์

    ระหว่างที่พระองค์เสด็จประพาสราชอาณาจักรกาลิเซียและโลโดมีเรีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโปแลนด์ และประเทศยูเครน) เมื่อปีพ.ศ. 2430 พระองค์ทรงหลงรักกับท่านเค้านท์ชาวโปแลนด์คนหนึ่ง ซึ่งอีก 18 เดือนต่อมา พระองค์ก็ไม่ทรงปกปิดแก่พระสวามี โดยทรงยอมเลิกความสัมพันธ์กับเค้านท์ชาวโปแลนด์คนนั้น ซึ่งตรงกันข้าม พระสวามีทรงปกปิดความสัมพันธ์ลับระหว่างพระองค์และนางสนมได้อย่างมิดชิด แต่ก็ทรงเก็บเป็นความลับไม่นาน ก็ล่วงรู้ทั่วราชสำนัก

    [แก้] การสิ้นพระชนม์ชองพระสวามี

    เมื่อวันที่ 31 มกราคมพ.ศ. 2432 มกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ พระสวามีสิ้นพระชนม์ ณ คฤหาสน์ล่าสัตว์มาเยอร์ลิ่ง พร้อมด้วยบารอนเนสแมรี่ เว็ทเซร่า นางสนมลับของพระองค์ สาเหตุการสิ้นพระชนม์ เนื่องจากพระองค์ทรงใช้ปืนส่วนพระองค์ยิงบารอนเนสแมรี่ถึงแก่ความตาย จากนั้นก็ทรงใช้ปืนยิงพระองค์สิ้นพระชนม์ตาม การสิ้นพระชนม์ของพระองค์นี้ สร้างความโศกเศร้าเสียใจแก่อาร์คดัชเชสสเตฟานี่ พระชายาเป็นอย่างมาก เป็นการทำลายความหวังที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ครั้งใหม่ในอนาคต หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระสวามี ทำให้พระองค์ต้องประทับอยู่อย่างเดียวดาย ถึงแม้ว่าจะมีพระธิดาประทับด้วย แต่พระองค์ก็ยังทรงรู้สึกเดียวดาย ประกอบกับพระองค์ ทรงมีความขัดแย้งกับสมเด็จพระราชาธิบดีลีโอโพลด์ พระราชบิดาถึงการที่ทรงถอนพระองค์ออกจากลำดับการสืบสันตติวงศ์ราชบัลลงก์เบลเยียม พระองค์จึงได้ออกจากราชสำนักออสเตรีย โดยทรงแยกมาอยู่ในพระตำหนักส่วนพระองค์พร้อมด้วยพระธิดาตั้งแต่บัดนั้น เป็นต้นมา โดยพระองค์ทรงใช้พระยศใหม่ที่ทรงตั้งขึ้นมาเอง เช่น เค้านท์เตสลาโครมา (The Countess Lacroma) เค้านท์เตสเอ็พแพน (The Countess Eppan) เค้านท์เตสก๊อดเรคอร์ต (The Countess Godrecourt) หรือ เลดีบองเชิร์ช (The Lady Bonchurch) เป็นต้น

    [แก้] การอภิเษกสมรสครั้งใหม่

    เมื่อวันที่ 22 มีนาคมพ.ศ. 2443 พระองค์ทรงได้อภิเษกสมรสครั้งใหม่กับ เค้านท์เอลแมร์ ลอนไย ซึ่งเป็นเค้านท์ชาวฮังการี โดยงานอภิเษกสมรสครั้งนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 แห่งออสเตรียทรงมีส่วนร่วมด้วย โดยหลังจากอภิเษกสมรสแล้ว สมเด็จพระจักรพรรดิทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาเค้านท์เอลแมร์ เป็นเจ้าชายแห่งลอนไย (The Prince Lónyai, Fürst von Lónyai) ทั้ง 2 พระองค์ทรงไม่มีพระโอรสหรือพระธิดาด้วยกัน โดยทั้ง 2 พระองค์ทรงย้ายไปประทับอยู่ที่พระตำหนักออโรสวาร์ ทางตะวันตกของประเทศฮังการี

    เมื่อปีพ.ศ. 2478 พระองค์ทรงเขียนหนังสือ และตีพิมพ์วางจำหน่ายตามที่ต่างๆ ยกเว้นออสเตรีย เรื่อง Ich Sollte Kaiserin Werden หรือ I Was To Be Empress

    เจ้าหญิงสเตฟานี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมพ.ศ. 2488 รวมพระชันษาทั้งหมด 81 ชันษา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×