คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #117 : พระราชินีแอนน์แห่งโรมาเนีย
สมเด็จพระราชินีแอนน์แห่งโรมาเนีย หรือ เจ้าหญิงแอนน์ แอนโตแนต ฟรองซัว ชาร์ล็อตแห่งบูร์บง-ปาร์มา (18 กันยายนพ.ศ. 2466) ทรงเป็นพระมเหสีในสมเด็จพระราชาธิบดีไมเคิลที่ 1 แห่งโรมาเนีย อดีตพระมหากษัตริย์แห่งโรมาเนีย
[แก้] ช่วงต้นของชีวิต
เจ้าหญิงแอนน์ประสูติที่ปารีสประเทศฝรั่งเศส เป็นธิดาของเจ้าฟ้าชายเรอเนแห่งบูร์บง-ปาร์มากับเจ้าฟ้าหญิงมาร์เกรเธแห่งเดนมาร์ก พระองค์มีพระเชษฐาและพระอนุชารวมกัน 3 พระองค์ ในวัยเยาว์พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ในฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2482 พระองค์และครอบครัวได้เสด็จลี้ภัยนาซีเยอรมนีไปยังสเปนและเดินทางไปยังโปรตุเกส จากนั้นได้เสด็จไปยังสหรัฐอเมริกา
พระนางได้เข้าศึกษาที่ Parson's School of Design ในนิวยอร์กตั้งแต่ พ.ศ. 2483 ถึง พ.ศ. 2486 พระนางทรงได้ทำงานเป็นฝ่ายขายที่ห้างสรรพสินค้าแมซี่ ในปี พ.ศ. 2486 พระนางสมัครใจที่จะทำงานบริการในกองทัพฝรั่งเศส พระนางได้ทำงานการพยาบาลที่แอลจีเรียโมร็อกโกอิตาลีลักเซมเบิร์ก และเยอรมนี และทรงขับขี่รถพยาบาลด้วยพระองค์เอง ทรงได้รับเหรียญตรา Croix de guerre จากฝรั่งเศส
[แก้] การหมั้น
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2490 เจ้าหญิงแอนน์ทรงพบกับสมเด็จพระราชาธิบดีไมเคิลที่ 1 แห่งโรมาเนียที่ได้เสด็จมาร่วมงานอภิเษกสมรสที่ ลอนดอนประเทศอังกฤษ ของเจ้าฟ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งอังกฤษกับเจ้าฟ้าชายฟิลิปแห่งกรีซซึ่งเป็นพระญาติและเพื่อนเล่นในวัยเยาว์ของพระเจ้าไมเคิล แต่ในความเป็นจริงแล้วเจ้าหญิงแอนน์พร้อมด้วยพระมารดา พระเชษฐาและพระอนุชาทรงเคยได้รับเชิญเสด็จไปยังบูคาเรสต์โดยสมเด็จพระชนนีเฮเลนแห่งโรมาเนีย แต่แผนการไม่ได้ดำเนิน ในช่วงนั้นพระเจ้าไมเคิลทรงได้พบเห็นเจ้าหญิงผ่านทางสื่อข่าวต่างๆ แอนน์ไม่ได้คาดว่าพระบิดาพระมารดาจะเสด็จตามไปยังลอนดอนด้วยดังนั้นเจ้าหญิงจึงหลีกเลี่ยงการพบปะพระเจ้าไมเคิลอย่างเป็นทางการ พระนางได้วางแผนเดินทางคนเดียวไปที่ สถานีรถไฟปารีสโดยปลอมพระองค์ปะปนไปกับฝูงชน โดยส่วนตัวได้สังเกตกษัตริย์จากผู้ติดตามที่คอยติดตามพระองค์ไปยังรถไฟของพระองค์
แต่ในช่วงสุดท้าย เจ้าหญิงแอนน์ได้ถูกเชิญชวนโดยแกรนด์ดยุคฌองแห่งลักเซมเบิร์กพระญาติของพระองค์ให้เสด็จมายังลอนดอน ที่ซึ่งแกรนด์ดยุคเป็นผู้จัดการงานเลี้ยง พระนางได้หยุดที่ Claridge's เพื่อถวายความเคารพพระบิดาพระมารดา และทรงพบว่าพระองค์ได้แนะนำตัวให้กับพระเจ้าไมเคิลอย่างไม่คาดฝัน ความขวยอายทำให้พระนางสับสน พระนางได้คำนับแทนที่ความจริงแล้วต้องถอนสายบัว และได้ออกมาด้วยท่าทีที่ขวยอายอย่างมาก ด้วยความมีเสน่ห์ พระเจ้าไมเคิลได้ทรงมองเจ้าหญิงแอนน์อีกครั้งในงานเลี้ยงคืนวันอภิเษกสมรสที่สถานทูตลักเซมเบิร์ก พระองค์ได้ไว้วางพระทัยพระนางมาก โดยจะทรงเล่าข้อกังวลใจเกี่ยวกับพวกคอมมิวนิสต์ที่ได้ยึดครองโรมาเนียและทรงห่วงความปลอดภัยของพระมารดา ให้ฟังและทรงมักเรียกพระนางว่า แนน (Nan) หลังจากงานเลี้ยงจบแล้ว เจ้าหญิงได้รับเชิญให้ติดตามพระเจ้าไมเคิลและพระราชชนนีเฮเลนเมื่อครั้งพระเจ้าไมเคิลได้ทรงขับเครื่องบิน Beechcraft ไปรับสมเด็จน้าดัสเซสแห่งเอออสตากลับมายังโลซาน 16 วันหลังจากทรงพบปะกัน พระราชาธิบดีไมเคิลได้ทรงขอเจ้าหญิงแอนน์สมรสในขณะที่ทั้งคู่ได้ทรงขับรถในโลซาน พระนางตอบตกลงและกลังจากนั้นไม่กี่วันพระเจ้าไมเคิลทรงได้มอบแหวนหมั้นแก่พระนาง
พระเจ้าไมเคิลได้เสด็จกลับโรมาเนีย พระองค์ได้บอกนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับงานอภิเษกสมรสแต่ได้รับประกาศว่าไม่เหมาะสม และในเวลาไม่นานภายในรัฐบาลได้ประกาศว่าพระเจ้าไมเคิลทรงสละราชสมบัติ แต่แท้จริงแล้วทรงถูกปลดออกจากพระอิศริยยศโดยคอมมิวนิสต์ในวันที่ 30 ธันวาคม และพระองค์ถูกเนรเทศออกจากประเทศ แต่ทั้งสองพระองค์ได้นัดพบกันที่ ดาวอส, สวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2491
[แก้] การอภิเษกสมรส
ด้วยความเป็นราชวงศ์บูร์บงทำให้พระนางแอนน์ผูกพันกับกฎคานอนในนิกายโรมันคาทอลิก ที่ต้องให้พระนางยอมรับการงดเว้นสมรสกับบุคคลนอกนิกาย (พระเจ้าไมเคิลทรงเป็นอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์) แต่ละครั้งการงดเว้นนั้นเป็นเรื่องปกติ ถ้าคู่สมรสที่ไม่ใช่ใช่โรมันคาทอลิกต้องสัญญาให้บุตรที่เกิดมาจากคู่สมรสเข้ารีตแบบโรมันคาทอลิก พระเจ้าไมเคิลทรงปฏิเสธ แต่ศาสนจักรจะไม่จัดการอภิเษกสมรสให้ถ้าพระเจ้าไมเคิลไม่สัญญา
สมเด็จพระราชินีเฮเลนและดัสเซสแห่งเอออสตา(ผู้ซึ่งเป็นคาทอลิกที่สมรสกับออร์โธด็อกซ์)ได้เข้าพบพระบิดาพระมารดาของเจ้าหญิงแอนน์ที่ปารีส ที่ซึ่งทั้งสองตระกูลได้ตกลงใจนำปัญหาไปที่นครรัฐวาติกัน ในช่วงต้นเดือนมีนาคม พระมารดาของทั้งคู่ได้เข้าพบสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 พระราชินีเฮเลนได้ทำการอ้อนวอนและในความเป็นจริง เจ้าฟ้าหญิงมาร์เกรเธแห่งเดนมาร์กได้ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะด้วยความโกรธที่ไม่ทรงยินยอมให้เจ้าหญิงแอนน์อภิเษกสมรสกับพระเจ้าไมเคิล
การปฏิเสธขององค์พระสันตปาปาในครั้งนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการให้แรงบันดาลใจโดยความเป็นจริงเมื่อเจ้าหญิงจีโอวันนาแห่งซาวอยทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรียในพ.ศ. 2473 ทั้งคู่ได้สัญญาที่จะนำบุตรเข้ารีตโรมันคาทอลิก แต่มีการแบ็ปติสท์ตามแบบของนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ ศาสนจักรบัลแกเรีย อย่างไรก็ตามพระเจ้าไมเคิลทรงปฏิเสธที่จะให้การสัญญา พระองค์จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในขณะที่พระมารดาของเจ้าหญิงแอนน์ทรงเป็นพระธิดาในการอภิเษกสมรสแบบผสมผสานระหว่างเจ้าหญิงออร์โธด็อกซ์(เจ้าฟ้าหญิงมารีแห่งออร์เลออง)กับเจ้าชายโปรแตสแตนต์(เจ้าฟ้าชายวัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก) พระบิดาพระมารดาของเจ้าหญิงแอนน์ผู้ซึ่งได้ทำการประนีประนอมโดยให้พระโอรสเข้ารีตโปรแตสแตนต์และให้พระธิดา คือ เจ้าหญิงแอนน์เข้ารีตโรมันคาทอลิก
คู่หมั้นทั้งสองได้ทรงตกลงปลงใจกัน ดยุคซาเวียร์แห่งปาร์มาผู้ซึ่งเป็นพระปิตุลา(ลุง)ของเจ้าหญิงแอนน์ได้ทำการจัดพิมพ์แถลงการณ์การอภิเษกสมรสต่อต้านจุดประสงค์ของพระสันตปาปาและครอบครัวของเจ้าสาว โฆษกประจำพระราชาธิบดีไมเคิลได้ประกาศในวันที่ 9 มิถุนายนพระบิดาพระมารดาของเจ้าหญิงได้รับการอธิบายเกี่ยวกับการสมรสโดยพระมาตุลาของเจ้าหญิงแอนน์ คือ เจ้าฟ้าชายเอริกแห่งเดนมาร์ก
ในวันที่ 10 มิถุนายนพ.ศ. 2491 พิธีอภิเษกสมรสได้จัดขึ้นภายในห้องราชบัลลังก์ของพระราชวังหลวง ที่นั้นพิธีกระทำโดยอาร์คบิชอป ดามาสกินอส และสมเด็จพระราชาธิบดีพอลแห่งกรีซทรงเป็นผู้จัดพิธี สมเด็จพระราชาธิบดีคาโรลที่ 2 แห่งโรมาเนียผู้ซึ่งเป็นพระบิดาของพระราชาธิบดีไมเคิล และพระขนิษฐาของพระราชาธิบดีคาโรล ได้แก่ เจ้าหญิงอีเลียนาแห่งโรมาเนีย และ เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งโรมาเนียทรงได้รับการแจ้งให้ทราบแต่ทรงไม่ได้รับเชิญ หนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวในครั้งนั้นคือ เจ้าหญิงโซเฟียแห่งกรีซ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าหญิงออร์โธด็อกซ์ซึ่งในที่สุดทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปนซึ่งเป็นโรมันคาทอลิกและต่อมาทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสเปน
[แก้] ชีวิตและพระราชวงศ์
|
พระนางแอนน์ทรงดำรงพระอิศริยยศเป็น สมเด็จพระราชินีแอนน์แห่งโรมาเนีย(Her Majesty Queen Anne of Romania) ถึงแม้ว่าจะทรงสมรสกับสมเด็จพระราชาธิบดีไมเคิลหลังจากพระองค์สละราชบัลลังก์แล้วก็ตาม
พระราชินีแอนน์กับพระราชาธิบดีไมเคิลทรงมีพระธิดาร่วมกัน 5 พระองค์
- เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ตตา มกุฎราชกุมารีแห่งโรมาเนีย (ประสูติ พ.ศ. 2492) อภิเษกสมรสกับ ราดู ดูดา ต่อมาทรงดำรงเป็น เจ้าชายแห่งโฮเฮนโซเลน - เวอร์รินเกน
- เจ้าฟ้าหญิงเฮเลนแห่งโรมาเนีย (ประสูติ พ.ศ. 2493) อภิเษกสมรสครั้งที่ 1 กับโรบิน เม็ดฟอร์ธ-มิลส์ และทรงหย่าร้าง อภิเษกสมรสครั้งที่ 2 กับ อเล็กซานเดอร์ ฟิลิป นิกสัน แม็คอาเธอร์
- เจ้าฟ้าหญิงไอรีนาแห่งโรมาเนีย (ประสูติ พ.ศ. 2496) อภิเษกสมรสกับ จอห์น คลูเกอร์ และทรงหย่าร้างในปีพ.ศ. 2546
- เจ้าฟ้าหญิงโซเฟียแห่งโรมาเนีย (ประสูติ พ.ศ. 2500) อภิเษกสมรสกับ อเลน ไมเคิล ลีออนเซ ไบแอร์นิกซ์ เดอ ลอเฟนเบิร์ก และทรงหย่าร้างในปีพ.ศ. 2545
- เจ้าฟ้าหญิงมาเรียแห่งโรมาเนีย (ประสูติ พ.ศ. 2507) อภิเษกสมรสกับ คาซิมีร์ มิสคอว์สกี และทรงหย่าร้างในปีพ.ศ. 2546
หลังจากทรงอภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์ทรงอาศัยอยู่ที่ วิลลา สปาร์ตาเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นบ้านของพระมารดา อยู่นอกเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ในปีพ.ศ. 2492 ทั้งคู่ได้เดินทางไปที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และในปีพ.ศ. 2494ทรงเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ ทรงอาศัยอยู่ที่ บ้านบรามชิลใน แฮมแชร์และจากนั้นทรงพำนักที่ อายอท เซนต์ ลอว์เรนซ์ ใน เฮิร์ทฟอร์ดแชร์ ในปีพ.ศ. 2498 ทั้งคู่ทรงกลับมายังสวิตเซอร์แลนด์และตั้งรกรากที่ เวอร์ซอก ใกล้เมืองเจนีวา
[แก้] ในโรมาเนีย
ในปีพ.ศ. 2535 พระราชินีแอนน์และพระราชาธิบดีไมเคิล ทรงเสด็จเยือนโรมาเนียเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งเป็นการเสด็จเยือนโรมาเนียครั้งแรกของพระราชินีแอนน์ จากพ.ศ. 2536 ถึง พ.ศ. 2540 ถึงอย่างไรก็ตามเป็นการพยายามที่ซ้ำๆ พระราชาธิบดีไมเคิลทรงถูกปฏิเสธที่จะให้เข้าประเทศโรมาเนียโดย คณะรัฐบาลโรมาเนียที่ทรงเป็นปริปักษ์ ระหว่างปีเหล่านี้ พระนางได้เสด็จเป็นตัวแทนพระสวามีไปยังประเทศต่างๆ เมื่อปีพ.ศ. 2540 ไม่มีข้อห้ามพระนางแอนน์และพระเจ้าไมเคิลให้เสด็จเยือนโรมาเนีย รัฐบาลได้ให้พระราชวังอลิซาเบตาแด่พระองค์ ทั้งสองพระองค์ได้กลับคืนสู่รัฐท่ามกลางความเหมาะสม พระองค์ได้พำนักอยู่ที่ ปราสาทซาวาร์ซิน และปราสาทเปเรส
พระราชินีแอนน์และพระเจ้าไมเคิลทรงจัดพิธีการฉลองครบรอบ 60 ปีการอภิเษกสมรสในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 มีผู้เข้าร่วมได้แก่ อดีตกษัตริย์แห่งกรีซ สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 2และสมเด็จพระราชินีแอนน์ - มารีแห่งกรีซพระมเหสี อดีตกษัตริย์แห่งบัลแกเรีย สมเด็จพระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2และสมเด็จพระราชินีมาร์การิตาแห่งบัลแกเรียพระมเหสี,เจ้าฟ้าชายอเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมารแห่งยูโกสลาเวีย,ดยุคไอมอนแห่งเอออสตา,อดีตกษัตริย์แห่งโปรตุเกส,อาร์คดยุคลอเรนซ์แห่งออสเตรีย-เอสต์ เจ้าฟ้าชายแห่งเบลเยียม,อาร์คดัสเซสมารี แอสตริดแห่งออสเตรีย,เจ้าฟ้าชายฟิลิปแห่งบูร์บง-ปาร์มาและสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน
ความคิดเห็น