ลำดับตอนที่ #461
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #461 : ่รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
นำมาจากกระทู้ของคุณเทาชมพูในเรือนไทยค่ะ น่าอ่านมาก อยากเอามาให้ทุกคนอ่านกัน
กระทู้นี้เกิดจากอินทรเนตรส่องเจอข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งของอังกฤษ เป็นเรื่องการแข่งม้าประจำปีที่แอสคอท งานนี้ถือกันว่าเป็นงานออกหน้าออกตาสำหรับเซเล็บอังกฤษ ผู้ชายแต่งชุดออกงานเป็นพิธีรีตอง ผู้หญิงก็แต่งตัวหรู สวมหมวกเข้าชุด ประกวดประขันกันสุดฤทธิ์
หนุ่มสาวไฮโซคนไหนจะประกาศตัวแฟนอย่างเป็นทางการก็พาไปงานนี้ เพราะจะมีนักข่าวไปทำข่าวกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน เจ้านายอังกฤษก็เสด็จงานนี้เป็นประจำ
ถ้าใครนึกไม่ออก ตัวอย่างงานแข่งม้าที่แอสคอท คือในฉากแข่งม้าใน My Fair Lady ที่แต่งชุดดำสลับขาวอลังการกันทั้งงานไงล่ะคะ
กลับมาในข่าวที่อ่านเจอ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์เสด็จงานนี้ มีภาพที่สื่อถ่ายให้เห็น ขณะทรงสนทนาอยู่กับชายวัยเจ็ดสิบเศษคนหนึ่ง ชื่อนายพลแอนดรูว์ ปาร์คเกอร์-โบว์ลส์
ขอเกริ่นตอนเริ่มเรื่องไว้แค่นี้ ก่อนจะย้อนอดีตกลับไปที่เจ้าหญิงแอนน์
คนไทยจำนวนมากรู้จักเจ้าหญิงแสนงามไดอาน่า แม้ว่าสิ้นพระชนม์ไปนานหลายปีแล้ว ปัจจุบันก็รู้จักเจ้าหญิงเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ที่เพิ่งผ่านพิธีอภิเษกสมรสมาไม่นานนี้เอง แต่คงมีจำนวนน้อยที่รู้จักเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ ทั้งๆทรงเป็นเจ้าหญิงที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งของอังกฤษ คือเป็นเจ้าฟ้าพระธิดาองค์เดียวของพระราชินีนาถเอลิซาเบธ เป็นพระขนิษฐาหรือพระน้องนางองค์ถัดมาจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
********************************
เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ประสูติเมื่อค.ศ. 1950 ปีนี้ พระชันษาครบ 61 ประสูติเมื่อพระมารดายังเป็นเจ้าหญิงเอลิซาเบธพระธิดาองค์ใหญ่ในกษัตริย์อังกฤษขณะนั้น คือพระเจ้าจอร์ชที่ 6 พอพระชันษาได้สองขวบ พระอัยกาก็สวรรคต พระมารดาทรงขึ้นครองราชย์ จึงทรงย้ายทั้งครอบครัวจากพระตำหนักคลาเรนซ์ไปประทับอยู่ที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับเป็นทางการของกษัตริย์อังกฤษ
ตอนเล็กๆมีกันสองคนพี่น้องที่จะเล่นด้วยกันได้ แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ก็เป็นเด็กนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ชาร์ลส์เป็นเด็กชายใจอ่อน อ่อนไหว ขี้อาย ส่วนแอนน์ก็กลับเป็นเด็กหญิงดื้อและเฮี้ยว จนน่าจะกลับเพศกัน
สมัยนั้น ลูกผู้ลากมากดีไม่ต้องไปโรงเรียนตั้งแต่อนุบาล แต่พ่อแม่จะจ้างครูพี่เลี้ยง (governess) มาสอนให้ที่บ้าน เหมือนแหม่มแอนนาเคยมาถวายพระอักษรพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ 4 ของสยาม เจ้าชายเจ้าหญิงก็เช่นกัน มีครูมาถวายพระอักษรตลอดจนดูแลเรื่องเสวยเรื่องบรรทม เป็นครูผู้หญิงชื่อแคทเธอรีน พีเบิลส์
จนกระทั่งโตพอสมควร เจ้าชายเจ้าหญิงก็แยกกันไปเข้าโรงเรียน
เจ้าหญิงแอนน์เสด็จไปเข้าโรงเรียนประจำของรัฐ ชื่อ Beneden School อยู่ในมณฑล Kent ผลการเรียนจะว่าแย่ก็ไม่ถึงกับแย่ เพราะได้ A มา 2 วิชา แต่จะว่าดีก็ไม่ดีแน่นอน เพราะได้ 0 ถึง 6 วิชา
จากนั้น ทรงไปเล่าเรียนภาษาต่อที่ Berlitz School of Language ซึ่งตั้งอยู่ที่ Oxford Street ในลอนดอน เป็นอันจบแค่นั้น เจ้าหญิงไม่ได้ศึกษาต่อขั้นมหาวิทยาลัย
เจ้าหญิงโปรดกีฬากลางแจ้ง ไม่ชอบตำรา ไม่ชอบงานฝีมือเย็บปักถักร้อย สิ่งที่ชอบเป็นชีวิตจิตใจคือขี่ม้า ม้าเป็นสัตว์ที่ทรงขลุกอยู่ได้ด้วยทุกเวลาอย่างเมื่อไม่หน่าย จนถึงขั้นเป็นตัวแทนของอังกฤษลงแข่งในกีฬาโอลิมปิคปี 1976
แอนน์เมื่อพระชันษา 13 เป็นเพื่อนเจ้าสาวรุ่นเยาว์ในงานสมรสของเจ้าหญิงอเลกซานดรา พระญาติสนิท กับออนเนอระเบิลแองกัส โอกิลวี่
เมื่อพระชันษา 18 ชีวิตวัยเรียนก็จบลง เจ้าหญิงแอนน์ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ปฏิบัติพระภารกิจต่างๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ แบ่งเบาพระราชภารกิจของพระมารดา
ในรูปนี้ ตามเสด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธเสด็จเยือนออสเตรียอย่างเป็นทางการ เมื่อพระชันษา 18 ปี
ถ้าเป็นสมัยโบราณ เมื่อเจ้าหญิงองค์ใดองค์หนึ่งเป็นสาว ก็จะถูกกำหนดให้ไปอภิเษกสมรสกับเจ้าชายหรือว่าที่กษัตริย์ในอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันเป็นส่วนตัว แต่เจ้าหญิงแอนน์ทรงเติบโตขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เหลือประเพณีนี้อยู่อีกแล้ว จึงมีอิสระเสรีพอจะพบปะชายหนุ่ม สามารถคบหาดูใจกันได้ เพื่อจะนำไปสู่การแต่งงาน
ก่อนหน้านี้ สมเด็จน้าของเจ้าหญิง เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็เคยนำทาง ด้วยการเสกสมรสกับชายสามัญชื่อแอนโทนี่ อาร์มสตรอง โจนส์มาแล้ว จากนั้นอีกไม่นาน พระญาติสนิทเจ้าหญิงอเลกซานดราก็ทรงสมรสไปกับชายเชื้อสายขุนนาง ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้า จะว่าไปก็เหลือเจ้าชายอยู่ไม่กี่องค์แล้วในยุคของแอนน์
ชายหนุ่มที่สามารถพิชิตพระทัยเจ้าหญิงได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นนายทหารหนุ่มลูกผู้ดี จบจากโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สต์ สามารถเข้านอกออกในวังได้อย่างสะดวก เพราะ "ควีนมัม" หรือสมเด็จยายโปรดปรานเขามาก
เจ้านายและผู้ดีอังกฤษสมัยนั้น(หรือแม้แต่สมัยนี้)มีธรรมเนียมอะไรคล้ายๆกับผู้ดีเก่าในนิยายไทยรุ่นเก่า คือให้คะแนนนิยมกันที่เทือกเถาเหล่ากอ พ่อหนุ่มหรือแม่สาวคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ตระกูลไหน อ๋อ ลูกคุณนั่นน่ะหรือ ฉันรู้จักพ่อรู้จักแม่ดี
เมื่อรู้จักเชื้อสาย ท่านผู้ใหญ่ก็เอ็นดูไว้ก่อน
นายทหารหนุ่มคนนั้นชื่อแอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์
แอนดรูว์เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ และเป็นนักรักที่เก่งฉกาจ สาวน้อยสาวใหญ่หลงใหลได้ปลื้มเขากันทั่วเมือง แต่แอนดรูว์ก็ก้าวจากหญิงสาวสามัญไปจนลูกผู้ดีมีตระกูลขึ้นมาหมายปองดอกฟ้า แล้วก็ผูกไมตรีด้วยจนสำเร็จ
นอกจากเสน่ห์แบบขุนแผนแล้ว แอนดรูว์ยังเก่งหาตัวจับยากเรื่องขี่ม้า ซึ่งเป็นกีฬาที่เจ้าหญิงโปรดปรานมากที่สุด นิสัยที่สอดคล้องกันทำให้สนิทกันง่าย เจ้าหญิงแอนน์เองก็ทรงหลงรักเขาจนถอนองค์ไม่ขึ้น ถึงกับรำพันกับพระสหายสนิทว่า ผู้ชายคนนี้แหละเป็น 'ชายเดียวในดวงใจ' ของฉัน
ความรักของทั้งสองคนเริ่มต้นราวๆช่วงต้นของทศวรรษที่ 1970s ซึ่งแอนน์เป็นหญิงสาววัยแค่ 20 ต้นๆ ส่วนขุนแผนอังกฤษคนนี้แก่กว่า 11 ปี อยู่ในวัยฉกรรจ์ที่จัดเจนโลก ดูๆก็เหมือนนิยายรักหวานจ๋อยระหว่างสาวน้อยกับหนุ่มใหญ่ ต่างคนต่างก็ประคับประคองกันมาได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้แต่งงานกันไม่ได้ คือแอนดรูว์เป็นคาทอลิค ส่วนเจ้าหญิงเป็นโปรแตสแตนท์นิกายเชิชออฟอิงแลนด์ ที่กษัตริย์เป็นศาสนูปถัมภก พระธิดาของพระราชินีนาถจะไปเสกสมรสกับคนต่างนิกายได้อย่างไร โดยเฉพาะนิกายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายร้อยปี
ดังนั้น ถึงรักกันมากแค่ไหน ทั้งคู่ก็จำต้องกล่าวคำอำลากันไปตามทางใครทางมัน
ในเวลาเดียวกับที่เจ้าหญิงแอนน์มีความรักอยู่กับพันตรีแอนดรูว์ เจ้าชายชาร์ลส์ซึ่งเป็นหนุ่มเต็มตัวก็เป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สุดในประเทศ เพราะตำแหน่งรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์หนุนหลังอยู่ ทั้งๆโดยพระนิสัย และบุคลิกประจำพระองค์ ไม่ใช่หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ ถึงกระนั้นก็ทรงมีพระสหายสาวๆมากหน้าหลายตาแวดล้อม ล้วนแต่สาวสวยผู้ลากมากดี
ในจำนวนนี้มีสาวไฮโซสุดเปรี้ยวคนหนึ่งชื่อ คามิลล่า ชานด์ เป็นธิดาของนายทหารแห่งกองทัพบกซึ่งต่อมาลาออกจากกองทัพมาทำธุรกิจค้าไวน์ เขาและภรรยามีเงินทองมากพอจะให้การศึกษาลูกสาวได้อย่างดี คามิลลาเรียนหนังสือที่โรงเรียนสตรี Queens Gate School ในลอนดอน พอจบก็ไปเรียนต่อฟินิชชิ่งสกูลในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นโรงเรียนอบรมสาวๆลูกผู้ดี ให้รู้จักออกงานสังคม จัดบ้าน จัดงานเลี้ยง เผื่อสำหรับเวลาออกเรือนไปกับสามีผู้ดีระดับเดียวกัน
คามิลลาเป็นเด็กสาวหัวโจกมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียน ขนาดปีนขึ้นไปแอบสูบบุหรี่บนหลังคาโรงเรียนเพื่อหลบสายตาครู นิสัยเป็นคนเฮฮาร่าเริง เปิดเผย และใจถึง เป็นที่ชื่นชมแกมยำเกรงของเพื่อนสาวๆที่ใจไม่ถึงเท่า เมื่อแตกเนื้อสาว หล่อนก็เริ่มคบหนุ่มๆ ตั้งแต่เพื่อนวัยเดียวกันยังไม่ประสีประสากับเรื่องนี้ ว่ากันว่าคามิลล่ามีประสบการณ์บนเตียงกับเพื่อนหนุ่ม ตั้งแต่ก่อนออกงานเดบูตองเมื่ออายุ 17 เสียด้วยซ้ำไป
งานเดบูตอง ในยุคนั้นเป็นงานที่พ่อแม่ผู้มีฐานะดีจัดขึ้นให้ลูกสาว ฉลองในโอกาสที่อายุครบ 17 หรือ 18 เป็นการแนะนำต่อสังคมว่า...ลูกสาวฉันเป็นสาวแล้วนะจ๊ะ พร้อมจะมีคู่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปสัก 50-60 ปี เดบูตองหมายถึงว่าสาวๆพวกนี้จะต้องแต่งชุดขาวยาว นั่งรถไปเข้าคิวเรียงแถวคอยเข้าเฝ้าถวายคำนับหน้าพระที่นั่งเป็นพิธีรีตอง แต่ล่วงมาถึงสมัยทศวรรษ 1970s พิธีนี้ยกเลิกไปแล้ว พ่อแม่ก็เลยต้องจัดงานให้ลูกตัวเองแทน
คามิลล่าอยู่ในแวดวงไฮโซ ใกล้ชิดราชสำนัก จึงเป็นโอกาสที่จะได้พบเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ นิสัยปราดเปรียวใจถึง คุยสนุก ติดดินไม่ถือเนื้อถือตัว ชอบขี่ม้าและกีฬากลางแจ้งราวกับผู้ชาย เป็นเสน่ห์ของหญิงสาวเจนโลกที่เจ้าชายพอพระทัยทันทีตั้งแต่แรกพบ
เจ้าชายชาร์ลส์เป็นผู้ชายขี้ประหม่า ใจอ่อนและขี้อาย จึงทรงชอบให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุกเข้ามาหา มากกว่าจะทรงรุกเข้าไปเอง ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงที่สามารถตามพระทัยได้ทุกอย่าง ก็ยิ่งโปรดมากขึ้น
ว่ากันว่า ชาร์ลส์ชอบคามิลล่ามากจนถึงขั้นอยากลงเอยกับหญิงสาวคนนี้อย่างจริงจัง แต่ว่าราชสำนักซึ่งเข้มงวดกับความประพฤติของหญิงสาวผู้มีสิทธิ์จะเป็น"ว่าที่เจ้าสาว"ของเจ้านายของตน ได้สืบประวัติคามิลล่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วฟันธงลงไปว่า ประวัติของหล่อนเสียหายเกินกว่าจะขึ้นเป็นควีนแห่งสหราชอาณาจักรในอนาคตได้
เรื่องนี้จะว่าไป อาจถูกมองว่าเป็นสองมาตรฐาน แต่เป็นสองมาตรฐานที่คนอังกฤษผู้เคร่งประเพณียอมรับกันในสมัยนั้น ถ้าคุณเป็นสาวอังกฤษ ที่เป็นสามัญชน หรือว่าเป็นลูกผู้ลากมากดีแต่ว่าไม่มีบทบาทเป็นที่รู้จักในสาธารณะ คุณจะคบหาผู้ชายมากี่คนก่อนแต่งงานก็ไม่มีใครเดือดร้อน รวมทั้งเจ้าบ่าวของคุณด้วย
แต่ถ้าเมื่อไรคุณไปคบกับเจ้าชาย ทำท่าว่าจะได้เป็นพระชายาละก็ ประวัติคุณจะถูกนำมากลั่นกรองละเอียดยิ่งกว่ากรองแป้ง เพราะทันทีที่ข่าวปรากฏออกไป สื่อจะขุดคุ้ยประวัติผู้หญิงคนนั้นย้อนหลังไปจนถึงบรรพบุรุษ ถ้าเจออะไรที่เป็นเรื่องฉาวโฉ่ได้ สื่อจะกระพือข่าวเล่นงานไม่ยั้ง
จากนั้น ราชสำนักก็ที่รักษาภาพลักษณ์ของความดีงามมาตลอด ก็จะด่างพร้อยเสื่อมเสีย
หญิงสาวหลายคนที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เคยควงคู่อยู่รู้ข้อนี้ดี หลายคนจึงหนาวๆร้อนๆ ไม่กล้าจะคืบหน้ามากกว่านั้น เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เรื่องลี้ลับส่วนตัวที่เคยคึกคะนองมากับหนุ่มอื่นๆ กลายเป็นพาดหัวข่าวให้คนรู้ไปทั่วโลก อีกหลายคนก็รู้ว่าการกลายเป็นควีนในอนาคตไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแบกพระราชภารกิจ ขนบธรรมเนียมและความกดดันอีกสารพัด ที่จะทำให้เป็นบ้าไปง่ายๆ หากว่าไม่ได้เป็นเจ้ามาแต่กำเนิด จนชินกับเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เยาว์
คามิลล่าก็เป็นคนหนึ่งที่ฉลาดพอจะตระหนักถึงปัญหาใหญ่ 2 ข้อนี้ และไม่อยากจะเสี่ยงเข้าไปเจอให้เจ็บตัวเปล่าๆ แต่หล่อนฉลาดพอจะรู้ว่ามีเส้นทางอีกทางหนึ่งที่ปลอดภัย สบายใจและมีหน้ามีตาไม่น้อย นั่นคือการไปเป็นพระสนมลับ อย่างที่คุณทวดหญิงของหล่อนเคยเป็นมาแล้ว
ทวดของคามิลล่าชื่อมิสซิส อลิซ แคปเปล มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ก็จริง แต่ก็เข้าไปเป็นพระสนมของปรินออฟเวลส์ พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย จนได้ เธอมีคฤหาสน์หลังงามอยู่เป็นของตัวเอง ที่ปรินซ์ออฟเวลส์ผู้ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 (ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำ เธอดำรงตำแหน่งลับนี้อย่างเปิดเผยจนตลอดรัชกาล เป็นที่รู้จักในราชสำนัก มีความเป็นอยู่โอ่อ่าอย่างเศรษฐินี มีหน้ามีตา เป็นที่ยำเกรงในหมู่พระสหายและข้าราชบริพาร แถมไม่ต้องแบกงานหลวงให้ปวดหัวด้วย
ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันจนมิตรภาพเปลี่ยนเป็นสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาว คามิลล่าเป็นแขกประจำ ณ ที่ประทับของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในพระราชวังบัคกิ้งแฮมอยู่บ่อยๆ แต่ก็รู้ว่ารักเร้นของหล่อนก็มีได้แค่นี้ ไม่อาจคาดหวังอะไรมาก ในเวลานั้นชาร์ลส์ผู้อ่อนวัยกว่าหล่อน 1 ปียังพระชันษาไม่ถึง 25 ด้วยซ้ำ โปรดที่จะอยู่เป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมท่ามกลางเพื่อนสาวๆอีกหลายคน ไม่มีท่าทีว่าจะสละโสด
ด้วยเหตุนี้ คามิลล่าก็เลยเล็งไปยังหนุ่มอื่นที่เป็นดอกไม้ใกล้มือมากกว่านั้น ดีกว่าปล่อยตัวเองให้แก่ขึ้นคานไปเปล่าๆ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แอนดรูว์ ปาร์คเกอร์ โบวล์ส อดีตคนรักของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์
ต่อมา เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ซึ่งขณะนั้นทรงเข้ารับราชการอยู่ในกองทัพเรือ จำต้องอำลาสาวๆไปฝึกทางทะเลอยู่นาน ทางนี้คามิลล่าก็ตัดสินใจเข้าสู่พิธีวิวาห์กับแอนดรูว์ อย่างสมเกียรติสมฐานะ
จากนั้น คามิลล่า ชานด์ ก็กลายเป็นมิสซิสคามิลล่า ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์
ทางฝ่ายเจ้าหญิงแอนน์ เมื่อเลิกรากับแอนดรูว์แล้ว ก็ทรงมีพระสหายชายที่ใกล้ชิดอีกคนหนึ่ง ชื่อริชาร์ด มี้ด เป็นนักกีฬาขี่ม้ายอดเยี่ยมของอังกฤษ ได้เหรียญทองโอลิมปิคมาแล้วทั้งระดับทีมและเดี่ยว ด้วยนิสัยที่สอดคล้อง เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเรื่องกีฬาขี่ม้าและชอบม้า เจ้าหญิงก็พอพระทัยเขามาก จนมีข่าวลือว่าริชาร์ด มี้ดคนนี้แหละจะได้เป็นว่าที่พระสวามี
แต่ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาขัดขวาง จนริชาร์ดกระเด็นไป ก็คือเจ้าชายฟิลิป พระบิดาของเจ้าหญิง เพราะทรงเห็นว่ามี้ดแก่กว่าเจ้าหญิงถึง 14 ปี อายุห่างกันเกินกว่าจะครองคู่ด้วยกันได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงแอนน์พบชายหนุ่มอีกคน เป็นนักกีฬาขี่ม้าระดับเหรียญทองโอลิมปิค รับราชการเป็นนายทหารสังกัดกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ ชื่อร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์ ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้ได้รับไฟเขียวจากสมเด็จยายว่าเหมาะสมกันดี แม้ว่าเขาไม่มีเชื้อสายขุนนางก็ตาม
ขาเม้าท์ซุบซิบว่า เจ้าหญิงอกหักกับข่าวแอนดรูว์จะเข้าสู่พิธีวิวาห์กับอดีตพระสหายหญิงของเจ้าฟ้าชาร์ลส์ ก็เลยตัดสินพระทัยตกลงพระทัยเสกสมรสในปีเดียวกัน คือปี 1973 กับชายหนุ่มรูปหล่อ นิสัยตรงกันคือรักม้า และเป็นนักกีฬาขี่ม้าเชี่ยวชาญพอกัน
ในรูปนี้ เจ้าหญิงโชว์แหวนหมั้นแซฟไฟร์ประดับเพชรที่มาร์ค ฟิลลิปส์มอบให้ ทั้งคู่หมั้นกันเงียบๆ 6 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ก่อนจะประกาศเรื่องหมั้นอย่างเป็นทางการ และเข้าพิธีสมรสกันในเดือนพฤศจิกายน 1973 หลังคามิลล่าและแอนดรูว์แต่งงานกันไปในเดือนกรกฎาคม
กระทู้นี้เกิดจากอินทรเนตรส่องเจอข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งของอังกฤษ เป็นเรื่องการแข่งม้าประจำปีที่แอสคอท งานนี้ถือกันว่าเป็นงานออกหน้าออกตาสำหรับเซเล็บอังกฤษ ผู้ชายแต่งชุดออกงานเป็นพิธีรีตอง ผู้หญิงก็แต่งตัวหรู สวมหมวกเข้าชุด ประกวดประขันกันสุดฤทธิ์
หนุ่มสาวไฮโซคนไหนจะประกาศตัวแฟนอย่างเป็นทางการก็พาไปงานนี้ เพราะจะมีนักข่าวไปทำข่าวกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน เจ้านายอังกฤษก็เสด็จงานนี้เป็นประจำ
ถ้าใครนึกไม่ออก ตัวอย่างงานแข่งม้าที่แอสคอท คือในฉากแข่งม้าใน My Fair Lady ที่แต่งชุดดำสลับขาวอลังการกันทั้งงานไงล่ะคะ
กลับมาในข่าวที่อ่านเจอ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์เสด็จงานนี้ มีภาพที่สื่อถ่ายให้เห็น ขณะทรงสนทนาอยู่กับชายวัยเจ็ดสิบเศษคนหนึ่ง ชื่อนายพลแอนดรูว์ ปาร์คเกอร์-โบว์ลส์
ขอเกริ่นตอนเริ่มเรื่องไว้แค่นี้ ก่อนจะย้อนอดีตกลับไปที่เจ้าหญิงแอนน์
คนไทยจำนวนมากรู้จักเจ้าหญิงแสนงามไดอาน่า แม้ว่าสิ้นพระชนม์ไปนานหลายปีแล้ว ปัจจุบันก็รู้จักเจ้าหญิงเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ที่เพิ่งผ่านพิธีอภิเษกสมรสมาไม่นานนี้เอง แต่คงมีจำนวนน้อยที่รู้จักเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ ทั้งๆทรงเป็นเจ้าหญิงที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งของอังกฤษ คือเป็นเจ้าฟ้าพระธิดาองค์เดียวของพระราชินีนาถเอลิซาเบธ เป็นพระขนิษฐาหรือพระน้องนางองค์ถัดมาจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
********************************
เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ประสูติเมื่อค.ศ. 1950 ปีนี้ พระชันษาครบ 61 ประสูติเมื่อพระมารดายังเป็นเจ้าหญิงเอลิซาเบธพระธิดาองค์ใหญ่ในกษัตริย์อังกฤษขณะนั้น คือพระเจ้าจอร์ชที่ 6 พอพระชันษาได้สองขวบ พระอัยกาก็สวรรคต พระมารดาทรงขึ้นครองราชย์ จึงทรงย้ายทั้งครอบครัวจากพระตำหนักคลาเรนซ์ไปประทับอยู่ที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับเป็นทางการของกษัตริย์อังกฤษ
ตอนเล็กๆมีกันสองคนพี่น้องที่จะเล่นด้วยกันได้ แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ก็เป็นเด็กนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ชาร์ลส์เป็นเด็กชายใจอ่อน อ่อนไหว ขี้อาย ส่วนแอนน์ก็กลับเป็นเด็กหญิงดื้อและเฮี้ยว จนน่าจะกลับเพศกัน
สมัยนั้น ลูกผู้ลากมากดีไม่ต้องไปโรงเรียนตั้งแต่อนุบาล แต่พ่อแม่จะจ้างครูพี่เลี้ยง (governess) มาสอนให้ที่บ้าน เหมือนแหม่มแอนนาเคยมาถวายพระอักษรพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ 4 ของสยาม เจ้าชายเจ้าหญิงก็เช่นกัน มีครูมาถวายพระอักษรตลอดจนดูแลเรื่องเสวยเรื่องบรรทม เป็นครูผู้หญิงชื่อแคทเธอรีน พีเบิลส์
จนกระทั่งโตพอสมควร เจ้าชายเจ้าหญิงก็แยกกันไปเข้าโรงเรียน
เจ้าหญิงแอนน์เสด็จไปเข้าโรงเรียนประจำของรัฐ ชื่อ Beneden School อยู่ในมณฑล Kent ผลการเรียนจะว่าแย่ก็ไม่ถึงกับแย่ เพราะได้ A มา 2 วิชา แต่จะว่าดีก็ไม่ดีแน่นอน เพราะได้ 0 ถึง 6 วิชา
จากนั้น ทรงไปเล่าเรียนภาษาต่อที่ Berlitz School of Language ซึ่งตั้งอยู่ที่ Oxford Street ในลอนดอน เป็นอันจบแค่นั้น เจ้าหญิงไม่ได้ศึกษาต่อขั้นมหาวิทยาลัย
เจ้าหญิงโปรดกีฬากลางแจ้ง ไม่ชอบตำรา ไม่ชอบงานฝีมือเย็บปักถักร้อย สิ่งที่ชอบเป็นชีวิตจิตใจคือขี่ม้า ม้าเป็นสัตว์ที่ทรงขลุกอยู่ได้ด้วยทุกเวลาอย่างเมื่อไม่หน่าย จนถึงขั้นเป็นตัวแทนของอังกฤษลงแข่งในกีฬาโอลิมปิคปี 1976
แอนน์เมื่อพระชันษา 13 เป็นเพื่อนเจ้าสาวรุ่นเยาว์ในงานสมรสของเจ้าหญิงอเลกซานดรา พระญาติสนิท กับออนเนอระเบิลแองกัส โอกิลวี่
เมื่อพระชันษา 18 ชีวิตวัยเรียนก็จบลง เจ้าหญิงแอนน์ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ปฏิบัติพระภารกิจต่างๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ แบ่งเบาพระราชภารกิจของพระมารดา
ในรูปนี้ ตามเสด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธเสด็จเยือนออสเตรียอย่างเป็นทางการ เมื่อพระชันษา 18 ปี
ถ้าเป็นสมัยโบราณ เมื่อเจ้าหญิงองค์ใดองค์หนึ่งเป็นสาว ก็จะถูกกำหนดให้ไปอภิเษกสมรสกับเจ้าชายหรือว่าที่กษัตริย์ในอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันเป็นส่วนตัว แต่เจ้าหญิงแอนน์ทรงเติบโตขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เหลือประเพณีนี้อยู่อีกแล้ว จึงมีอิสระเสรีพอจะพบปะชายหนุ่ม สามารถคบหาดูใจกันได้ เพื่อจะนำไปสู่การแต่งงาน
ก่อนหน้านี้ สมเด็จน้าของเจ้าหญิง เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็เคยนำทาง ด้วยการเสกสมรสกับชายสามัญชื่อแอนโทนี่ อาร์มสตรอง โจนส์มาแล้ว จากนั้นอีกไม่นาน พระญาติสนิทเจ้าหญิงอเลกซานดราก็ทรงสมรสไปกับชายเชื้อสายขุนนาง ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้า จะว่าไปก็เหลือเจ้าชายอยู่ไม่กี่องค์แล้วในยุคของแอนน์
ชายหนุ่มที่สามารถพิชิตพระทัยเจ้าหญิงได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นนายทหารหนุ่มลูกผู้ดี จบจากโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สต์ สามารถเข้านอกออกในวังได้อย่างสะดวก เพราะ "ควีนมัม" หรือสมเด็จยายโปรดปรานเขามาก
เจ้านายและผู้ดีอังกฤษสมัยนั้น(หรือแม้แต่สมัยนี้)มีธรรมเนียมอะไรคล้ายๆกับผู้ดีเก่าในนิยายไทยรุ่นเก่า คือให้คะแนนนิยมกันที่เทือกเถาเหล่ากอ พ่อหนุ่มหรือแม่สาวคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ตระกูลไหน อ๋อ ลูกคุณนั่นน่ะหรือ ฉันรู้จักพ่อรู้จักแม่ดี
เมื่อรู้จักเชื้อสาย ท่านผู้ใหญ่ก็เอ็นดูไว้ก่อน
นายทหารหนุ่มคนนั้นชื่อแอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์
แอนดรูว์เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ และเป็นนักรักที่เก่งฉกาจ สาวน้อยสาวใหญ่หลงใหลได้ปลื้มเขากันทั่วเมือง แต่แอนดรูว์ก็ก้าวจากหญิงสาวสามัญไปจนลูกผู้ดีมีตระกูลขึ้นมาหมายปองดอกฟ้า แล้วก็ผูกไมตรีด้วยจนสำเร็จ
นอกจากเสน่ห์แบบขุนแผนแล้ว แอนดรูว์ยังเก่งหาตัวจับยากเรื่องขี่ม้า ซึ่งเป็นกีฬาที่เจ้าหญิงโปรดปรานมากที่สุด นิสัยที่สอดคล้องกันทำให้สนิทกันง่าย เจ้าหญิงแอนน์เองก็ทรงหลงรักเขาจนถอนองค์ไม่ขึ้น ถึงกับรำพันกับพระสหายสนิทว่า ผู้ชายคนนี้แหละเป็น 'ชายเดียวในดวงใจ' ของฉัน
ความรักของทั้งสองคนเริ่มต้นราวๆช่วงต้นของทศวรรษที่ 1970s ซึ่งแอนน์เป็นหญิงสาววัยแค่ 20 ต้นๆ ส่วนขุนแผนอังกฤษคนนี้แก่กว่า 11 ปี อยู่ในวัยฉกรรจ์ที่จัดเจนโลก ดูๆก็เหมือนนิยายรักหวานจ๋อยระหว่างสาวน้อยกับหนุ่มใหญ่ ต่างคนต่างก็ประคับประคองกันมาได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้แต่งงานกันไม่ได้ คือแอนดรูว์เป็นคาทอลิค ส่วนเจ้าหญิงเป็นโปรแตสแตนท์นิกายเชิชออฟอิงแลนด์ ที่กษัตริย์เป็นศาสนูปถัมภก พระธิดาของพระราชินีนาถจะไปเสกสมรสกับคนต่างนิกายได้อย่างไร โดยเฉพาะนิกายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายร้อยปี
ดังนั้น ถึงรักกันมากแค่ไหน ทั้งคู่ก็จำต้องกล่าวคำอำลากันไปตามทางใครทางมัน
ในเวลาเดียวกับที่เจ้าหญิงแอนน์มีความรักอยู่กับพันตรีแอนดรูว์ เจ้าชายชาร์ลส์ซึ่งเป็นหนุ่มเต็มตัวก็เป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สุดในประเทศ เพราะตำแหน่งรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์หนุนหลังอยู่ ทั้งๆโดยพระนิสัย และบุคลิกประจำพระองค์ ไม่ใช่หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ ถึงกระนั้นก็ทรงมีพระสหายสาวๆมากหน้าหลายตาแวดล้อม ล้วนแต่สาวสวยผู้ลากมากดี
ในจำนวนนี้มีสาวไฮโซสุดเปรี้ยวคนหนึ่งชื่อ คามิลล่า ชานด์ เป็นธิดาของนายทหารแห่งกองทัพบกซึ่งต่อมาลาออกจากกองทัพมาทำธุรกิจค้าไวน์ เขาและภรรยามีเงินทองมากพอจะให้การศึกษาลูกสาวได้อย่างดี คามิลลาเรียนหนังสือที่โรงเรียนสตรี Queens Gate School ในลอนดอน พอจบก็ไปเรียนต่อฟินิชชิ่งสกูลในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นโรงเรียนอบรมสาวๆลูกผู้ดี ให้รู้จักออกงานสังคม จัดบ้าน จัดงานเลี้ยง เผื่อสำหรับเวลาออกเรือนไปกับสามีผู้ดีระดับเดียวกัน
คามิลลาเป็นเด็กสาวหัวโจกมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียน ขนาดปีนขึ้นไปแอบสูบบุหรี่บนหลังคาโรงเรียนเพื่อหลบสายตาครู นิสัยเป็นคนเฮฮาร่าเริง เปิดเผย และใจถึง เป็นที่ชื่นชมแกมยำเกรงของเพื่อนสาวๆที่ใจไม่ถึงเท่า เมื่อแตกเนื้อสาว หล่อนก็เริ่มคบหนุ่มๆ ตั้งแต่เพื่อนวัยเดียวกันยังไม่ประสีประสากับเรื่องนี้ ว่ากันว่าคามิลล่ามีประสบการณ์บนเตียงกับเพื่อนหนุ่ม ตั้งแต่ก่อนออกงานเดบูตองเมื่ออายุ 17 เสียด้วยซ้ำไป
งานเดบูตอง ในยุคนั้นเป็นงานที่พ่อแม่ผู้มีฐานะดีจัดขึ้นให้ลูกสาว ฉลองในโอกาสที่อายุครบ 17 หรือ 18 เป็นการแนะนำต่อสังคมว่า...ลูกสาวฉันเป็นสาวแล้วนะจ๊ะ พร้อมจะมีคู่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปสัก 50-60 ปี เดบูตองหมายถึงว่าสาวๆพวกนี้จะต้องแต่งชุดขาวยาว นั่งรถไปเข้าคิวเรียงแถวคอยเข้าเฝ้าถวายคำนับหน้าพระที่นั่งเป็นพิธีรีตอง แต่ล่วงมาถึงสมัยทศวรรษ 1970s พิธีนี้ยกเลิกไปแล้ว พ่อแม่ก็เลยต้องจัดงานให้ลูกตัวเองแทน
คามิลล่าอยู่ในแวดวงไฮโซ ใกล้ชิดราชสำนัก จึงเป็นโอกาสที่จะได้พบเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ นิสัยปราดเปรียวใจถึง คุยสนุก ติดดินไม่ถือเนื้อถือตัว ชอบขี่ม้าและกีฬากลางแจ้งราวกับผู้ชาย เป็นเสน่ห์ของหญิงสาวเจนโลกที่เจ้าชายพอพระทัยทันทีตั้งแต่แรกพบ
เจ้าชายชาร์ลส์เป็นผู้ชายขี้ประหม่า ใจอ่อนและขี้อาย จึงทรงชอบให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุกเข้ามาหา มากกว่าจะทรงรุกเข้าไปเอง ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงที่สามารถตามพระทัยได้ทุกอย่าง ก็ยิ่งโปรดมากขึ้น
ว่ากันว่า ชาร์ลส์ชอบคามิลล่ามากจนถึงขั้นอยากลงเอยกับหญิงสาวคนนี้อย่างจริงจัง แต่ว่าราชสำนักซึ่งเข้มงวดกับความประพฤติของหญิงสาวผู้มีสิทธิ์จะเป็น"ว่าที่เจ้าสาว"ของเจ้านายของตน ได้สืบประวัติคามิลล่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วฟันธงลงไปว่า ประวัติของหล่อนเสียหายเกินกว่าจะขึ้นเป็นควีนแห่งสหราชอาณาจักรในอนาคตได้
เรื่องนี้จะว่าไป อาจถูกมองว่าเป็นสองมาตรฐาน แต่เป็นสองมาตรฐานที่คนอังกฤษผู้เคร่งประเพณียอมรับกันในสมัยนั้น ถ้าคุณเป็นสาวอังกฤษ ที่เป็นสามัญชน หรือว่าเป็นลูกผู้ลากมากดีแต่ว่าไม่มีบทบาทเป็นที่รู้จักในสาธารณะ คุณจะคบหาผู้ชายมากี่คนก่อนแต่งงานก็ไม่มีใครเดือดร้อน รวมทั้งเจ้าบ่าวของคุณด้วย
แต่ถ้าเมื่อไรคุณไปคบกับเจ้าชาย ทำท่าว่าจะได้เป็นพระชายาละก็ ประวัติคุณจะถูกนำมากลั่นกรองละเอียดยิ่งกว่ากรองแป้ง เพราะทันทีที่ข่าวปรากฏออกไป สื่อจะขุดคุ้ยประวัติผู้หญิงคนนั้นย้อนหลังไปจนถึงบรรพบุรุษ ถ้าเจออะไรที่เป็นเรื่องฉาวโฉ่ได้ สื่อจะกระพือข่าวเล่นงานไม่ยั้ง
จากนั้น ราชสำนักก็ที่รักษาภาพลักษณ์ของความดีงามมาตลอด ก็จะด่างพร้อยเสื่อมเสีย
หญิงสาวหลายคนที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เคยควงคู่อยู่รู้ข้อนี้ดี หลายคนจึงหนาวๆร้อนๆ ไม่กล้าจะคืบหน้ามากกว่านั้น เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เรื่องลี้ลับส่วนตัวที่เคยคึกคะนองมากับหนุ่มอื่นๆ กลายเป็นพาดหัวข่าวให้คนรู้ไปทั่วโลก อีกหลายคนก็รู้ว่าการกลายเป็นควีนในอนาคตไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแบกพระราชภารกิจ ขนบธรรมเนียมและความกดดันอีกสารพัด ที่จะทำให้เป็นบ้าไปง่ายๆ หากว่าไม่ได้เป็นเจ้ามาแต่กำเนิด จนชินกับเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เยาว์
คามิลล่าก็เป็นคนหนึ่งที่ฉลาดพอจะตระหนักถึงปัญหาใหญ่ 2 ข้อนี้ และไม่อยากจะเสี่ยงเข้าไปเจอให้เจ็บตัวเปล่าๆ แต่หล่อนฉลาดพอจะรู้ว่ามีเส้นทางอีกทางหนึ่งที่ปลอดภัย สบายใจและมีหน้ามีตาไม่น้อย นั่นคือการไปเป็นพระสนมลับ อย่างที่คุณทวดหญิงของหล่อนเคยเป็นมาแล้ว
ทวดของคามิลล่าชื่อมิสซิส อลิซ แคปเปล มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ก็จริง แต่ก็เข้าไปเป็นพระสนมของปรินออฟเวลส์ พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย จนได้ เธอมีคฤหาสน์หลังงามอยู่เป็นของตัวเอง ที่ปรินซ์ออฟเวลส์ผู้ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 (ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำ เธอดำรงตำแหน่งลับนี้อย่างเปิดเผยจนตลอดรัชกาล เป็นที่รู้จักในราชสำนัก มีความเป็นอยู่โอ่อ่าอย่างเศรษฐินี มีหน้ามีตา เป็นที่ยำเกรงในหมู่พระสหายและข้าราชบริพาร แถมไม่ต้องแบกงานหลวงให้ปวดหัวด้วย
ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันจนมิตรภาพเปลี่ยนเป็นสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาว คามิลล่าเป็นแขกประจำ ณ ที่ประทับของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในพระราชวังบัคกิ้งแฮมอยู่บ่อยๆ แต่ก็รู้ว่ารักเร้นของหล่อนก็มีได้แค่นี้ ไม่อาจคาดหวังอะไรมาก ในเวลานั้นชาร์ลส์ผู้อ่อนวัยกว่าหล่อน 1 ปียังพระชันษาไม่ถึง 25 ด้วยซ้ำ โปรดที่จะอยู่เป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมท่ามกลางเพื่อนสาวๆอีกหลายคน ไม่มีท่าทีว่าจะสละโสด
ด้วยเหตุนี้ คามิลล่าก็เลยเล็งไปยังหนุ่มอื่นที่เป็นดอกไม้ใกล้มือมากกว่านั้น ดีกว่าปล่อยตัวเองให้แก่ขึ้นคานไปเปล่าๆ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แอนดรูว์ ปาร์คเกอร์ โบวล์ส อดีตคนรักของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์
ต่อมา เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ซึ่งขณะนั้นทรงเข้ารับราชการอยู่ในกองทัพเรือ จำต้องอำลาสาวๆไปฝึกทางทะเลอยู่นาน ทางนี้คามิลล่าก็ตัดสินใจเข้าสู่พิธีวิวาห์กับแอนดรูว์ อย่างสมเกียรติสมฐานะ
จากนั้น คามิลล่า ชานด์ ก็กลายเป็นมิสซิสคามิลล่า ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์
ทางฝ่ายเจ้าหญิงแอนน์ เมื่อเลิกรากับแอนดรูว์แล้ว ก็ทรงมีพระสหายชายที่ใกล้ชิดอีกคนหนึ่ง ชื่อริชาร์ด มี้ด เป็นนักกีฬาขี่ม้ายอดเยี่ยมของอังกฤษ ได้เหรียญทองโอลิมปิคมาแล้วทั้งระดับทีมและเดี่ยว ด้วยนิสัยที่สอดคล้อง เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเรื่องกีฬาขี่ม้าและชอบม้า เจ้าหญิงก็พอพระทัยเขามาก จนมีข่าวลือว่าริชาร์ด มี้ดคนนี้แหละจะได้เป็นว่าที่พระสวามี
แต่ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาขัดขวาง จนริชาร์ดกระเด็นไป ก็คือเจ้าชายฟิลิป พระบิดาของเจ้าหญิง เพราะทรงเห็นว่ามี้ดแก่กว่าเจ้าหญิงถึง 14 ปี อายุห่างกันเกินกว่าจะครองคู่ด้วยกันได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงแอนน์พบชายหนุ่มอีกคน เป็นนักกีฬาขี่ม้าระดับเหรียญทองโอลิมปิค รับราชการเป็นนายทหารสังกัดกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ ชื่อร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์ ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้ได้รับไฟเขียวจากสมเด็จยายว่าเหมาะสมกันดี แม้ว่าเขาไม่มีเชื้อสายขุนนางก็ตาม
ขาเม้าท์ซุบซิบว่า เจ้าหญิงอกหักกับข่าวแอนดรูว์จะเข้าสู่พิธีวิวาห์กับอดีตพระสหายหญิงของเจ้าฟ้าชาร์ลส์ ก็เลยตัดสินพระทัยตกลงพระทัยเสกสมรสในปีเดียวกัน คือปี 1973 กับชายหนุ่มรูปหล่อ นิสัยตรงกันคือรักม้า และเป็นนักกีฬาขี่ม้าเชี่ยวชาญพอกัน
ในรูปนี้ เจ้าหญิงโชว์แหวนหมั้นแซฟไฟร์ประดับเพชรที่มาร์ค ฟิลลิปส์มอบให้ ทั้งคู่หมั้นกันเงียบๆ 6 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ก่อนจะประกาศเรื่องหมั้นอย่างเป็นทางการ และเข้าพิธีสมรสกันในเดือนพฤศจิกายน 1973 หลังคามิลล่าและแอนดรูว์แต่งงานกันไปในเดือนกรกฎาคม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น