ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป

    ลำดับตอนที่ #461 : ่รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 55


     นำมาจากกระทู้ของคุณเทาชมพูในเรือนไทยค่ะ น่าอ่านมาก อยากเอามาให้ทุกคนอ่านกัน

    กระทู้นี้เกิดจากอินทรเนตรส่องเจอข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งของอังกฤษ   เป็นเรื่องการแข่งม้าประจำปีที่แอสคอท   งานนี้ถือกันว่าเป็นงานออกหน้าออกตาสำหรับเซเล็บอังกฤษ   ผู้ชายแต่งชุดออกงานเป็นพิธีรีตอง   ผู้หญิงก็แต่งตัวหรู สวมหมวกเข้าชุด ประกวดประขันกันสุดฤทธิ์    
    หนุ่มสาวไฮโซคนไหนจะประกาศตัวแฟนอย่างเป็นทางการก็พาไปงานนี้  เพราะจะมีนักข่าวไปทำข่าวกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน     เจ้านายอังกฤษก็เสด็จงานนี้เป็นประจำ
    ถ้าใครนึกไม่ออก   ตัวอย่างงานแข่งม้าที่แอสคอท  คือในฉากแข่งม้าใน My Fair Lady ที่แต่งชุดดำสลับขาวอลังการกันทั้งงานไงล่ะคะ
    กลับมาในข่าวที่อ่านเจอ  เจ้าฟ้าหญิงแอนน์เสด็จงานนี้  มีภาพที่สื่อถ่ายให้เห็น ขณะทรงสนทนาอยู่กับชายวัยเจ็ดสิบเศษคนหนึ่ง  ชื่อนายพลแอนดรูว์ ปาร์คเกอร์-โบว์ลส์


     

    ขอเกริ่นตอนเริ่มเรื่องไว้แค่นี้  ก่อนจะย้อนอดีตกลับไปที่เจ้าหญิงแอนน์

    คนไทยจำนวนมากรู้จักเจ้าหญิงแสนงามไดอาน่า แม้ว่าสิ้นพระชนม์ไปนานหลายปีแล้ว    ปัจจุบันก็รู้จักเจ้าหญิงเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ที่เพิ่งผ่านพิธีอภิเษกสมรสมาไม่นานนี้เอง     แต่คงมีจำนวนน้อยที่รู้จักเจ้าฟ้าหญิงแอนน์  ทั้งๆทรงเป็นเจ้าหญิงที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งของอังกฤษ  คือเป็นเจ้าฟ้าพระธิดาองค์เดียวของพระราชินีนาถเอลิซาเบธ   เป็นพระขนิษฐาหรือพระน้องนางองค์ถัดมาจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
    ********************************
    เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ประสูติเมื่อค.ศ. 1950   ปีนี้ พระชันษาครบ 61  ประสูติเมื่อพระมารดายังเป็นเจ้าหญิงเอลิซาเบธพระธิดาองค์ใหญ่ในกษัตริย์อังกฤษขณะนั้น คือพระเจ้าจอร์ชที่ 6   พอพระชันษาได้สองขวบ พระอัยกาก็สวรรคต  พระมารดาทรงขึ้นครองราชย์ จึงทรงย้ายทั้งครอบครัวจากพระตำหนักคลาเรนซ์ไปประทับอยู่ที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับเป็นทางการของกษัตริย์อังกฤษ


     

     

    ตอนเล็กๆมีกันสองคนพี่น้องที่จะเล่นด้วยกันได้  แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ก็เป็นเด็กนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง   ชาร์ลส์เป็นเด็กชายใจอ่อน  อ่อนไหว ขี้อาย    ส่วนแอนน์ก็กลับเป็นเด็กหญิงดื้อและเฮี้ยว  จนน่าจะกลับเพศกัน

    สมัยนั้น ลูกผู้ลากมากดีไม่ต้องไปโรงเรียนตั้งแต่อนุบาล  แต่พ่อแม่จะจ้างครูพี่เลี้ยง (governess) มาสอนให้ที่บ้าน   เหมือนแหม่มแอนนาเคยมาถวายพระอักษรพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ 4 ของสยาม      เจ้าชายเจ้าหญิงก็เช่นกัน  มีครูมาถวายพระอักษรตลอดจนดูแลเรื่องเสวยเรื่องบรรทม  เป็นครูผู้หญิงชื่อแคทเธอรีน พีเบิลส์ 
     

     

    จนกระทั่งโตพอสมควร  เจ้าชายเจ้าหญิงก็แยกกันไปเข้าโรงเรียน

    เจ้าหญิงแอนน์เสด็จไปเข้าโรงเรียนประจำของรัฐ    ชื่อ Beneden School อยู่ในมณฑล Kent   ผลการเรียนจะว่าแย่ก็ไม่ถึงกับแย่ เพราะได้ A มา 2 วิชา   แต่จะว่าดีก็ไม่ดีแน่นอน เพราะได้ 0 ถึง 6 วิชา  
    จากนั้น  ทรงไปเล่าเรียนภาษาต่อที่  Berlitz School of Language ซึ่งตั้งอยู่ที่ Oxford Street  ในลอนดอน    เป็นอันจบแค่นั้น  เจ้าหญิงไม่ได้ศึกษาต่อขั้นมหาวิทยาลัย   
    เจ้าหญิงโปรดกีฬากลางแจ้ง  ไม่ชอบตำรา ไม่ชอบงานฝีมือเย็บปักถักร้อย     สิ่งที่ชอบเป็นชีวิตจิตใจคือขี่ม้า   ม้าเป็นสัตว์ที่ทรงขลุกอยู่ได้ด้วยทุกเวลาอย่างเมื่อไม่หน่าย   จนถึงขั้นเป็นตัวแทนของอังกฤษลงแข่งในกีฬาโอลิมปิคปี 1976 


     

    แอนน์เมื่อพระชันษา 13  เป็นเพื่อนเจ้าสาวรุ่นเยาว์ในงานสมรสของเจ้าหญิงอเลกซานดรา พระญาติสนิท  กับออนเนอระเบิลแองกัส โอกิลวี่

     

    เมื่อพระชันษา 18  ชีวิตวัยเรียนก็จบลง   เจ้าหญิงแอนน์ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ปฏิบัติพระภารกิจต่างๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ  แบ่งเบาพระราชภารกิจของพระมารดา
    ในรูปนี้ ตามเสด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธเสด็จเยือนออสเตรียอย่างเป็นทางการ เมื่อพระชันษา 18 ปี


     

     



    ถ้าเป็นสมัยโบราณ  เมื่อเจ้าหญิงองค์ใดองค์หนึ่งเป็นสาว ก็จะถูกกำหนดให้ไปอภิเษกสมรสกับเจ้าชายหรือว่าที่กษัตริย์ในอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง  ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันเป็นส่วนตัว   แต่เจ้าหญิงแอนน์ทรงเติบโตขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ไม่เหลือประเพณีนี้อยู่อีกแล้ว   จึงมีอิสระเสรีพอจะพบปะชายหนุ่ม สามารถคบหาดูใจกันได้  เพื่อจะนำไปสู่การแต่งงาน

    ก่อนหน้านี้  สมเด็จน้าของเจ้าหญิง  เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็เคยนำทาง ด้วยการเสกสมรสกับชายสามัญชื่อแอนโทนี่ อาร์มสตรอง โจนส์มาแล้ว    จากนั้นอีกไม่นาน   พระญาติสนิทเจ้าหญิงอเลกซานดราก็ทรงสมรสไปกับชายเชื้อสายขุนนาง ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้า   จะว่าไปก็เหลือเจ้าชายอยู่ไม่กี่องค์แล้วในยุคของแอนน์

    ชายหนุ่มที่สามารถพิชิตพระทัยเจ้าหญิงได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นนายทหารหนุ่มลูกผู้ดี จบจากโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สต์  สามารถเข้านอกออกในวังได้อย่างสะดวก เพราะ "ควีนมัม" หรือสมเด็จยายโปรดปรานเขามาก     
    เจ้านายและผู้ดีอังกฤษสมัยนั้น(หรือแม้แต่สมัยนี้)มีธรรมเนียมอะไรคล้ายๆกับผู้ดีเก่าในนิยายไทยรุ่นเก่า คือให้คะแนนนิยมกันที่เทือกเถาเหล่ากอ      พ่อหนุ่มหรือแม่สาวคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร  ตระกูลไหน   อ๋อ ลูกคุณนั่นน่ะหรือ  ฉันรู้จักพ่อรู้จักแม่ดี  
    เมื่อรู้จักเชื้อสาย  ท่านผู้ใหญ่ก็เอ็นดูไว้ก่อน

    นายทหารหนุ่มคนนั้นชื่อแอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์

     

    แอนดรูว์เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ และเป็นนักรักที่เก่งฉกาจ    สาวน้อยสาวใหญ่หลงใหลได้ปลื้มเขากันทั่วเมือง    แต่แอนดรูว์ก็ก้าวจากหญิงสาวสามัญไปจนลูกผู้ดีมีตระกูลขึ้นมาหมายปองดอกฟ้า   แล้วก็ผูกไมตรีด้วยจนสำเร็จ    
    นอกจากเสน่ห์แบบขุนแผนแล้ว  แอนดรูว์ยังเก่งหาตัวจับยากเรื่องขี่ม้า  ซึ่งเป็นกีฬาที่เจ้าหญิงโปรดปรานมากที่สุด    นิสัยที่สอดคล้องกันทำให้สนิทกันง่าย    เจ้าหญิงแอนน์เองก็ทรงหลงรักเขาจนถอนองค์ไม่ขึ้น  ถึงกับรำพันกับพระสหายสนิทว่า  ผู้ชายคนนี้แหละเป็น 'ชายเดียวในดวงใจ' ของฉัน

    ความรักของทั้งสองคนเริ่มต้นราวๆช่วงต้นของทศวรรษที่ 1970s ซึ่งแอนน์เป็นหญิงสาววัยแค่ 20 ต้นๆ  ส่วนขุนแผนอังกฤษคนนี้แก่กว่า 11 ปี อยู่ในวัยฉกรรจ์ที่จัดเจนโลก     ดูๆก็เหมือนนิยายรักหวานจ๋อยระหว่างสาวน้อยกับหนุ่มใหญ่  ต่างคนต่างก็ประคับประคองกันมาได้ด้วยดี
    อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้แต่งงานกันไม่ได้  คือแอนดรูว์เป็นคาทอลิค    ส่วนเจ้าหญิงเป็นโปรแตสแตนท์นิกายเชิชออฟอิงแลนด์ ที่กษัตริย์เป็นศาสนูปถัมภก     พระธิดาของพระราชินีนาถจะไปเสกสมรสกับคนต่างนิกายได้อย่างไร   โดยเฉพาะนิกายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายร้อยปี 

    ดังนั้น  ถึงรักกันมากแค่ไหน  ทั้งคู่ก็จำต้องกล่าวคำอำลากันไปตามทางใครทางมัน


     

    ในเวลาเดียวกับที่เจ้าหญิงแอนน์มีความรักอยู่กับพันตรีแอนดรูว์    เจ้าชายชาร์ลส์ซึ่งเป็นหนุ่มเต็มตัวก็เป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สุดในประเทศ เพราะตำแหน่งรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์หนุนหลังอยู่    ทั้งๆโดยพระนิสัย และบุคลิกประจำพระองค์ ไม่ใช่หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์  ถึงกระนั้นก็ทรงมีพระสหายสาวๆมากหน้าหลายตาแวดล้อม   ล้วนแต่สาวสวยผู้ลากมากดี

    ในจำนวนนี้มีสาวไฮโซสุดเปรี้ยวคนหนึ่งชื่อ คามิลล่า ชานด์   เป็นธิดาของนายทหารแห่งกองทัพบกซึ่งต่อมาลาออกจากกองทัพมาทำธุรกิจค้าไวน์  เขาและภรรยามีเงินทองมากพอจะให้การศึกษาลูกสาวได้อย่างดี   คามิลลาเรียนหนังสือที่โรงเรียนสตรี Queens Gate School  ในลอนดอน  พอจบก็ไปเรียนต่อฟินิชชิ่งสกูลในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นโรงเรียนอบรมสาวๆลูกผู้ดี ให้รู้จักออกงานสังคม จัดบ้าน จัดงานเลี้ยง  เผื่อสำหรับเวลาออกเรือนไปกับสามีผู้ดีระดับเดียวกัน

    คามิลลาเป็นเด็กสาวหัวโจกมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียน   ขนาดปีนขึ้นไปแอบสูบบุหรี่บนหลังคาโรงเรียนเพื่อหลบสายตาครู   นิสัยเป็นคนเฮฮาร่าเริง เปิดเผย และใจถึง  เป็นที่ชื่นชมแกมยำเกรงของเพื่อนสาวๆที่ใจไม่ถึงเท่า     เมื่อแตกเนื้อสาว  หล่อนก็เริ่มคบหนุ่มๆ   ตั้งแต่เพื่อนวัยเดียวกันยังไม่ประสีประสากับเรื่องนี้   ว่ากันว่าคามิลล่ามีประสบการณ์บนเตียงกับเพื่อนหนุ่ม ตั้งแต่ก่อนออกงานเดบูตองเมื่ออายุ 17 เสียด้วยซ้ำไป

    งานเดบูตอง ในยุคนั้นเป็นงานที่พ่อแม่ผู้มีฐานะดีจัดขึ้นให้ลูกสาว ฉลองในโอกาสที่อายุครบ 17 หรือ 18  เป็นการแนะนำต่อสังคมว่า...ลูกสาวฉันเป็นสาวแล้วนะจ๊ะ    พร้อมจะมีคู่ได้แล้ว    
    ก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปสัก 50-60 ปี   เดบูตองหมายถึงว่าสาวๆพวกนี้จะต้องแต่งชุดขาวยาว   นั่งรถไปเข้าคิวเรียงแถวคอยเข้าเฝ้าถวายคำนับหน้าพระที่นั่งเป็นพิธีรีตอง  แต่ล่วงมาถึงสมัยทศวรรษ 1970s พิธีนี้ยกเลิกไปแล้ว  พ่อแม่ก็เลยต้องจัดงานให้ลูกตัวเองแทน


     

    คามิลล่าอยู่ในแวดวงไฮโซ  ใกล้ชิดราชสำนัก  จึงเป็นโอกาสที่จะได้พบเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์   นิสัยปราดเปรียวใจถึง คุยสนุก ติดดินไม่ถือเนื้อถือตัว ชอบขี่ม้าและกีฬากลางแจ้งราวกับผู้ชาย  เป็นเสน่ห์ของหญิงสาวเจนโลกที่เจ้าชายพอพระทัยทันทีตั้งแต่แรกพบ
    เจ้าชายชาร์ลส์เป็นผู้ชายขี้ประหม่า ใจอ่อนและขี้อาย    จึงทรงชอบให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุกเข้ามาหา  มากกว่าจะทรงรุกเข้าไปเอง  ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงที่สามารถตามพระทัยได้ทุกอย่าง ก็ยิ่งโปรดมากขึ้น

    ว่ากันว่า ชาร์ลส์ชอบคามิลล่ามากจนถึงขั้นอยากลงเอยกับหญิงสาวคนนี้อย่างจริงจัง   แต่ว่าราชสำนักซึ่งเข้มงวดกับความประพฤติของหญิงสาวผู้มีสิทธิ์จะเป็น"ว่าที่เจ้าสาว"ของเจ้านายของตน  ได้สืบประวัติคามิลล่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน    แล้วฟันธงลงไปว่า ประวัติของหล่อนเสียหายเกินกว่าจะขึ้นเป็นควีนแห่งสหราชอาณาจักรในอนาคตได้

    เรื่องนี้จะว่าไป  อาจถูกมองว่าเป็นสองมาตรฐาน    แต่เป็นสองมาตรฐานที่คนอังกฤษผู้เคร่งประเพณียอมรับกันในสมัยนั้น    ถ้าคุณเป็นสาวอังกฤษ ที่เป็นสามัญชน หรือว่าเป็นลูกผู้ลากมากดีแต่ว่าไม่มีบทบาทเป็นที่รู้จักในสาธารณะ      คุณจะคบหาผู้ชายมากี่คนก่อนแต่งงานก็ไม่มีใครเดือดร้อน รวมทั้งเจ้าบ่าวของคุณด้วย    
    แต่ถ้าเมื่อไรคุณไปคบกับเจ้าชาย ทำท่าว่าจะได้เป็นพระชายาละก็    ประวัติคุณจะถูกนำมากลั่นกรองละเอียดยิ่งกว่ากรองแป้ง     เพราะทันทีที่ข่าวปรากฏออกไป สื่อจะขุดคุ้ยประวัติผู้หญิงคนนั้นย้อนหลังไปจนถึงบรรพบุรุษ   ถ้าเจออะไรที่เป็นเรื่องฉาวโฉ่ได้ สื่อจะกระพือข่าวเล่นงานไม่ยั้ง  
    จากนั้น ราชสำนักก็ที่รักษาภาพลักษณ์ของความดีงามมาตลอด ก็จะด่างพร้อยเสื่อมเสีย

     

    หญิงสาวหลายคนที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เคยควงคู่อยู่รู้ข้อนี้ดี    หลายคนจึงหนาวๆร้อนๆ ไม่กล้าจะคืบหน้ามากกว่านั้น  เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เรื่องลี้ลับส่วนตัวที่เคยคึกคะนองมากับหนุ่มอื่นๆ กลายเป็นพาดหัวข่าวให้คนรู้ไปทั่วโลก      อีกหลายคนก็รู้ว่าการกลายเป็นควีนในอนาคตไม่ใช่เรื่องง่าย   ต้องแบกพระราชภารกิจ ขนบธรรมเนียมและความกดดันอีกสารพัด  ที่จะทำให้เป็นบ้าไปง่ายๆ หากว่าไม่ได้เป็นเจ้ามาแต่กำเนิด จนชินกับเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เยาว์

    คามิลล่าก็เป็นคนหนึ่งที่ฉลาดพอจะตระหนักถึงปัญหาใหญ่ 2 ข้อนี้      และไม่อยากจะเสี่ยงเข้าไปเจอให้เจ็บตัวเปล่าๆ     แต่หล่อนฉลาดพอจะรู้ว่ามีเส้นทางอีกทางหนึ่งที่ปลอดภัย สบายใจและมีหน้ามีตาไม่น้อย  นั่นคือการไปเป็นพระสนมลับ อย่างที่คุณทวดหญิงของหล่อนเคยเป็นมาแล้ว 

    ทวดของคามิลล่าชื่อมิสซิส อลิซ แคปเปล  มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ก็จริง  แต่ก็เข้าไปเป็นพระสนมของปรินออฟเวลส์ พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย จนได้     เธอมีคฤหาสน์หลังงามอยู่เป็นของตัวเอง ที่ปรินซ์ออฟเวลส์ผู้ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7  (ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำ    เธอดำรงตำแหน่งลับนี้อย่างเปิดเผยจนตลอดรัชกาล   เป็นที่รู้จักในราชสำนัก มีความเป็นอยู่โอ่อ่าอย่างเศรษฐินี   มีหน้ามีตา เป็นที่ยำเกรงในหมู่พระสหายและข้าราชบริพาร แถมไม่ต้องแบกงานหลวงให้ปวดหัวด้วย


     

    ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันจนมิตรภาพเปลี่ยนเป็นสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาว  คามิลล่าเป็นแขกประจำ ณ ที่ประทับของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในพระราชวังบัคกิ้งแฮมอยู่บ่อยๆ   แต่ก็รู้ว่ารักเร้นของหล่อนก็มีได้แค่นี้  ไม่อาจคาดหวังอะไรมาก   ในเวลานั้นชาร์ลส์ผู้อ่อนวัยกว่าหล่อน 1 ปียังพระชันษาไม่ถึง 25 ด้วยซ้ำ  โปรดที่จะอยู่เป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมท่ามกลางเพื่อนสาวๆอีกหลายคน  ไม่มีท่าทีว่าจะสละโสด

    ด้วยเหตุนี้  คามิลล่าก็เลยเล็งไปยังหนุ่มอื่นที่เป็นดอกไม้ใกล้มือมากกว่านั้น    ดีกว่าปล่อยตัวเองให้แก่ขึ้นคานไปเปล่าๆ     หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แอนดรูว์ ปาร์คเกอร์ โบวล์ส อดีตคนรักของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ 
    ต่อมา เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ซึ่งขณะนั้นทรงเข้ารับราชการอยู่ในกองทัพเรือ จำต้องอำลาสาวๆไปฝึกทางทะเลอยู่นาน  ทางนี้คามิลล่าก็ตัดสินใจเข้าสู่พิธีวิวาห์กับแอนดรูว์ อย่างสมเกียรติสมฐานะ
    จากนั้น คามิลล่า ชานด์ ก็กลายเป็นมิสซิสคามิลล่า ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์


     

    ทางฝ่ายเจ้าหญิงแอนน์ เมื่อเลิกรากับแอนดรูว์แล้ว ก็ทรงมีพระสหายชายที่ใกล้ชิดอีกคนหนึ่ง  ชื่อริชาร์ด มี้ด  เป็นนักกีฬาขี่ม้ายอดเยี่ยมของอังกฤษ  ได้เหรียญทองโอลิมปิคมาแล้วทั้งระดับทีมและเดี่ยว    ด้วยนิสัยที่สอดคล้อง เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเรื่องกีฬาขี่ม้าและชอบม้า   เจ้าหญิงก็พอพระทัยเขามาก  จนมีข่าวลือว่าริชาร์ด มี้ดคนนี้แหละจะได้เป็นว่าที่พระสวามี
    แต่ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาขัดขวาง จนริชาร์ดกระเด็นไป  ก็คือเจ้าชายฟิลิป พระบิดาของเจ้าหญิง   เพราะทรงเห็นว่ามี้ดแก่กว่าเจ้าหญิงถึง 14 ปี   อายุห่างกันเกินกว่าจะครองคู่ด้วยกันได้


     

    อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงแอนน์พบชายหนุ่มอีกคน เป็นนักกีฬาขี่ม้าระดับเหรียญทองโอลิมปิค  รับราชการเป็นนายทหารสังกัดกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ ชื่อร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์  ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว   คราวนี้ได้รับไฟเขียวจากสมเด็จยายว่าเหมาะสมกันดี แม้ว่าเขาไม่มีเชื้อสายขุนนางก็ตาม

    ขาเม้าท์ซุบซิบว่า เจ้าหญิงอกหักกับข่าวแอนดรูว์จะเข้าสู่พิธีวิวาห์กับอดีตพระสหายหญิงของเจ้าฟ้าชาร์ลส์   ก็เลยตัดสินพระทัยตกลงพระทัยเสกสมรสในปีเดียวกัน คือปี 1973   กับชายหนุ่มรูปหล่อ นิสัยตรงกันคือรักม้า และเป็นนักกีฬาขี่ม้าเชี่ยวชาญพอกัน   


     

    ในรูปนี้ เจ้าหญิงโชว์แหวนหมั้นแซฟไฟร์ประดับเพชรที่มาร์ค ฟิลลิปส์มอบให้   ทั้งคู่หมั้นกันเงียบๆ 6 สัปดาห์ก่อนหน้านี้  ก่อนจะประกาศเรื่องหมั้นอย่างเป็นทางการ    และเข้าพิธีสมรสกันในเดือนพฤศจิกายน 1973  หลังคามิลล่าและแอนดรูว์แต่งงานกันไปในเดือนกรกฎาคม

     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×