ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป 2

    ลำดับตอนที่ #418 : สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 แห่งอังกฤษ

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 55


     

    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4[1] แห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Edward IV of England) (28 เมษายนค.ศ. 14429 เมษายนค.ศ. 1483) เป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษและลอร์ดแห่งไอร์แลนด์ในราชวงศ์ยอร์ก

    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 28 เมษายนค.ศ. 14429 เมษายน ที่รูออง ในประเทศฝรั่งเศส เป็นบุตรคนที่ 2 ของริชาร์ด แพลนแทเจเนต ดยุกที่ 3 แห่งยอร์กและเซซิลี เนวิลล์ ดัชเชสแห่งยอร์ก ได้อภิเษกกสมรสกับเอลิซาเบธ วูดวิลล์ และครองราชย์ครั้งแรกระหว่างวันที่ 4 มีนาคมค.ศ. 14612 ตุลาคมค.ศ. 1470 และอีกครั้งหนึ่งระหว่างวันที่ 11 เมษายนค.ศ. 1471 จนสวรรคตเมื่อวันที่ 9 เมษายนค.ศ. 1483 ที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ในประเทศอังกฤษ พระบรมศพอยู่ที่เซนต์จอร์จส์แชเปิล ใน พระราชวังวินด์เซอร์

    เนื้อหา

    ขึ้นครองราชย์

    เอ็ดเวิร์ดแห่งยอร์กเป็นบุตรคนที่สองของริชาร์ด แพลนแทเจเนต ดยุกที่ 3 แห่งยอร์ก ผู้อ้างว่ามีสิทธิในราชบัลลังก์อังกฤษโดยตรง [2]) และเซซิลี เนวิลล์ ดัชเชสแห่งยอร์ก เอ็ดเวิร์ดเป็นบุตรคนโตที่สุดในบรรดาบุตรชายสี่คนที่รอดชีวิตมาจนโต ดยุกแห่งยอร์กอ้างสิทธิในราชบัลลังก์เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1460 ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ความขัดแย้งระหว่างราชสกุลยอร์กและแลงแคสเตอร์เลวร้ายลง จนกลายเป็นการต่อสู้กันในสงครามดอกกุหลาบ เมื่อริชาร์ด แพลนแทเจเนตเสียชีวิตในยุทธการเวคฟิลด์ เอ็ดเวิร์ดก็อ้างสิทธิต่อ โดยมีริชาร์ด เนวิลล์ เอิร์ลที่ 16 แห่งวอริก (“ผู้สร้างกษัตริย์” (The Kingmaker)) ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้หนุนหลัง เอ็ดเวิร์ดได้รับชัยชนะต่อราชวงศ์แลงแคสเตอร์ในหลายศึก ขณะที่พระเจ้าเฮนรีที่ 6 และพระนางมาร์กาเรตมัว แต่ไปรณรงค์อยู่ทางเหนือของอังกฤษ ดยุกแห่งวอริกได้ทีเข้ายึดเมืองหลวงและให้เอ็ดเวิร์ดประกาศตัวเป็นพระเจ้า แผ่นดินที่ลอนดอนในปี ค.ศ. 1461 เอ็ดเวิร์ดย้ำความมีสิทธิของพระองค์ด้วยการได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดที่ ยุทธการโทว์ทันในปีเดียวกันจนกองกำลังของราชวงศ์แลงแคสเตอร์ถูกกำจัดเกือบหมดสิ้น

    ถูกโค่นราชบัลลังก์

    หลังจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 เสด็จขึ้นครองราชย์แล้วเอิร์ลแห่งวอริกก็ยังพยายามใช้อิทธิพลทางการเมืองต่อ ไปและเชื่อว่ายังคงสามารถปกครองอังกฤษได้โดยผ่านพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและพยายาม หว่านล้อมให้พระองค์หาคู่อภิเษกสมรสจากมหาอำนาจในยุโรป แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกลับทรงแอบไปอภิเษกสมรสอย่างลับ ๆ กับเอลิซาเบธ วูดวิลล์แม่หม้ายของผู้สนับสนุนราชวงศ์แลงแคสเตอร์ แม่ของเอลิซาเบธแจเคตตาแห่งลักเซมเบิร์ก ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ดเป็นผู้มีฐานะมั่งคั่ง แต่ริชาร์ด วูดวิลล์ เอิร์ลริเวิร์สที่ 1 ผู้เป็นพ่อเป็นบารอนใหม่ที่มีความทะเยอทะยาน การแต่งงานของเอลิซาเบธจึงทำให้พี่ๆ น้องๆ สิบสองคนที่ยังมิได้แต่งงานกลายเป็นผู้ที่มีผู้ต้องการแต่งงานด้วย

    แม้ว่าการอภิเษกสมรสดูจะไม่มีผลกระทบกระเทือนต่ออำนาจของเอิร์ลแห่งวอริก แต่อย่างใด แต่วอริกก็ยังไม่พอใจกับอิทธิพลของตระกูลวูดวิลล์ที่มีต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด วอริกจึงหันไปร่วมมือกับจอร์จ แพลนแทเจเนต ดยุกที่ 1 แห่งแคลเรนซ์ พระอนุชาในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดในการนำกองทัพเข้าต่อต้านพระองค์

    กองทัพของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด (โดยไม่มีพระองค์นำ) ได้รับความพ่ายแพ้ในยุทธการที่เอ็ดจ์โคทมัวร์ใน ปี ค.ศ. 1469 และพระองค์ถูกจับได้ต่อมาที่โอลนีย์ เอิร์ลแห่งวอริกจึงพยายามปกครองอังกฤษในนามของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดต่อ แต่บรรดาขุนนางที่ได้ดีขึ้นมาเพราะพระองค์ไม่มีความพอใจและแสดงความประสงค์ ที่จะต่อต้าน วอริกจึงจำต้องปล่อยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ในเวลานี้พระองค์มิได้มีพระประสงค์ที่จะลงโทษวอริกและดยุกแห่งแคลเรนซ์และทรงหาวิธีประนีประนอมกับทั้งสองคน

    แต่ในปี ค.ศ. 1470 เอิร์ลแห่งวอริกและดยุกแห่งแคลเรนซ์ก่อการปฏิวัติขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่พ่ายแพ้จนต้องหนีไปฝรั่งเศส และไปทำพันธมิตรกับพระนางมาร์กาเรต เอิร์ลแห่งวอริกสัญญาว่าจะถวายบัลลังก์คืนให้แก่พระเจ้าเฮนรีที่ 6 พระสวามีของพระนางมาร์กาเรต เป็นการแลกเปลี่ยนกับการหนุนหลังของฝรั่งเศสในการรุกรานอังกฤษในปี ค.ศ. 1470 ครั้งนี้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจนต้องหนีไปพึ่งจอห์น เนวิลล์ มาร์ควิสที่ 1 แห่งมอนทากิว น้องชายของวอริกที่เปลี่ยนข้างไปสนับสนุนฝ่ายแลงแคสเตอร์

    คืนสู่ราชบัลลังก์

    พระเจ้าเฮนรีที่ 6 กลับขึ้นครองราชบัลลังก์อีกครั้งในปี ค.ศ. 1470 ในสมัยที่เรียกว่าการคืนสู่ราชบัลลังก์ของพระเจ้าเฮนรีที่ 6 (Readeption of Henry VI) พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จไปลี้ภัยที่ดัชชีเบอร์กันดีพร้อมกับริชาร์ด ดยุกแห่งกลอสเตอร์ชาร์ลผู้อาจหาญดยุกแห่งเบอร์กันดีผู้เป็นสามีของมาร์กาเรตแห่งยอร์กน้อง สาวพระองค์ท่าน แม้ว่าชาร์ลจะไม่เต็มใจช่วยเอ็ดเวิร์ดเมื่อเริ่มแรกแต่เมือฝรั่งเศสประกาศ สงครามกับเบอร์กันดี ชาร์ลจึงตัดสินใจช่วยเอ็ดเวิร์ดและรวบรวมกำลังในการต่อสู้เพื่อจะชิงราช บัลลังก์คืน

    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จกลับอังกฤษกับกองทหารจำนวนน้อยเพื่อเลี่ยงการจับ กุมโดยฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ ในการประกาศอ้างสิทธิในราชบัลลังก์อังกฤษเช่นที่เฮนรี โบลลิงโบรกได้ทำเจ็ดสิบปีก่อนหน้านั้นที่ทรงอ้างว่าเพื่อต้องการอ้างสิทธิในดัชชีของตนเองเท่านั้น แต่เมืองยอร์กปิดประตูเมืองแก่พระองค์แต่เมื่อทรงเดินทัพลงทางไต้พระองค์ก็ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นและดยุกแห่งแคลเรนซ์ผู้ เห็นว่าการเข้าข้างพระเชษฐาจะปลอดภัยกว่าก็เปลี่ยนข้างมาสนับสนุนพระองค์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและพระอนุชาจึงได้รับชัยชนะต่อเอิร์ลแห่งวอริกในยุทธการที่บาร์เนต (Battle of Barnet) เมื่อเอิร์ลแห่งวอริคเสียชีวิตพระองค์ก็ทรงดำเนินการกำจัดผู้ต่อต้านฝ่ายแลงคาสเตอร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ยุทธการที่ทูกสบรี (Battle of Tewkesbury) ในปี ค.ศ. 1471 เอ็ดเวิร์ดแห่งเวสต์มินสเตอร์ เจ้าชายแห่งเวลส์รัชทายาท ฝ่ายแลงแคสเตอร์สิ้นพระชนม์ในสนามรบหรือทันทีหลังจากนั้น สองสามวันต่อมาเมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จเข้าลอนดอน ในคืนนั้นพระเจ้าเฮนรีที่ 6 ก็ทรงถูกปลงพระชนม์เพื่อเป็นการกำจัดฝ่ายแลงแคสเตอร์ให้เสร็จสิ้น

    พระอนุชาสองพระองค์ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดคือจอร์จ ดยุกแห่งแคลเรนซ์ และริชาร์ด ดยุกแห่งกลอสเตอร์ (ต่อมาคือพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ) เสกสมรสกับอิซาเบลลา เนวิลล์ และแอนน์ เนวิลล์ ทั้งสองคนเป็นธิดาของริชาร์ด เนวิลล์ เอิร์ลที่ 16 แห่งวอริก กับแอนน์ โบแชมป์ ผู้เป็นทายาทของมรดกจำนวนมหาศาลของมารดาผู้ยังมีชีวิตอยู่ ดยุกแห่งแคลเรนซ์และดยุกแห่งกลอสเตอร์มีความขัดแย้งกันตลอดรัชสมัยของเอ็ด เวิร์ด ในที่สุดดยุกแห่งแคลเรนซ์ก็ถูกกล่าวหาว่าวางแผนโค่นราชบัลลังก์ของเอ็ด เวิร์ดและถูกนำไปจำขังไว้ที่หอคอยแห่งลอนดอน และถูก “ประหารชีวิตเป็นการภายใน” (privately executed) (ตำนานเชกสเปียร์กล่าวว่าถูกถ่วงในถังไวน์มาล์มซีย์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ค.ศ. 1478


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×